วันหนึ่งผมกลับมาจากทำงาน เมื่อมาถึงบ้านก็เข้าไปสวัสดีผู้ใหญ่ของบ้านเป็นปกติ และผมก็เห็นภาพที่ทำให้ผมปวดร้าว นั่นคือ แม่ยายผมนั่งนั่งดูทีวี โดยมีลูกตัวน้อยของผมขั้นอยู่ระหว่าง ทีวีกับแม่ยาย นอนอยู่ใน คาร์ชีท ใช่ครับ คาร์ชีท แกเลี้ยงลูกผมในคาร์ชีท และดูทีวีไปด้วย
ทารกอายุได้ 1 เดือนนิดๆ ที่กำลังหลับ (ผมไม่แน่ใจว่าหลับสนิทแค่ไหนกับการเลี้ยงที่สภาวะแบบนั้น) สะดุ้งขึ้น เพราะ เสียงหัวเราะอันดังของแม่ยายที่ตอบสนองต่อบทตลกของละครตอนเย็น น้ำตาผมไหลในอกที่ต้องทนเห็นการเลี้ยงเด็กแบบผิดวิธีอย่างนี้ ผมยกมือไหว้ และกล่าว "สวัสดีครับแม่" แล้วผมก็ถามต่อว่า " ถ้าเค้ากำลังหลับ ให้ผมอุ้มไปนอนในเปลไหมครับ ?" แม่ยายผมตอบกลับมาหน้าตาเฉยว่า "ไม่เป็นไรหรอก เค้านอนตรงนี้สบายดี....." อีกครั้งที่ผมต้องกัดฟันตีสีหน้าและตอบกลับสั้นๆว่า "ครับ" ...แล้วผมก็เดินจากไปทำธุระส่วนตัวและรอเวลาที่จะมารับลูกน้อยผมกลับไปที่ห้องตอนประมาณ 3 ทุ่ม
นี่ไม่ใช่ครั้งแรก นี่ไม่ใช่ว่าผมไม่เคยพูดเรื่องกับภรรยา แต่ทุกครั้งที่คุยกัน มักจะจบด้วยการทะเลาะกัน ผมเข้าใจว่าภรรยาผมก็หนักใจ แต่ฝั่งหนึ่งก็แม่ ฝั่งหนึ่งก็สามี แต่ด้วยคนนี้เป็นหลานคนเล็กสุดแม่ยายเลยเห่อเป็นธรรมดา
ตั้งแต่ภรรยาผมท้องและเราต้องมาอยู่ที่บ้านแม่ยาย แม่ยายผมตั้งใจจะเลี้ยงหลานคนนี้มาก แต่ผมรู้นิสัยของแก แกชอบนั่งดูทีวีและเปิดเสียงดัง ผมพยายามบ่ายเบี่ยงให้เลี้ยงที่ห้องนอนผมกับภรรยาแทนโดยมีพี่เลี้ยง ที่เค้าดูแลลูกสาวคนโตของผมคอยดูแล แต่แกไม่ยอม แกจะเลี้ยงที่ห้องดูทีวีของแกให้ได้ ภรรยาผมเลยแบ่งเวลาให้แกเลี้ยงโดยช่วงกลางวันที่ผมกับภรรยาต้องทำงานแม่ยายจะดูแล แต่ตอนกลางคืนเอากลับมาเลี้ยงที่ห้อง เมื่อตกลงเรื่องเวลาได้ ผมก็แย้งเรื่องสภาวะการเลี้ยง ผมต้องการให้เลี้ยงในห้องที่แสงสว่างน้อยที่สุดในตอนที่เค้าหลับ และไม่มีทีวีรบกวนซึ่งแน่นอน มันขัดแย้งกับสภาพที่แม่ยายผมดำรงชีวิตอยู่ ผมเสนอห้องที่อยู่ถัดจากห้องดูทีวีแม่ยายซึ่งมีประตูเปิดหากันและมีผนังกระจกสามารถมองเห็นกันได้ เป็นห้องตั้งเปลเด็ก และให้พี่เลี้ยงอยู่ที่ห้องนั้นเผื่อลูกตื่น และแม่ยายสามารถเดินมาดูได้เป็นระยะๆ แต่แม่ยายผมไม่ยอมครับ
ข้อตกตลงมาจบที่ เปลนอนจะตั้งห่างจากทีวี ติดผนังอีกด้านของห้อง( ห้องยาวประมาณ 2 เมตรครึ่ง) แม่ยายจะยอมเปิดเสียงทีวีเบาๆ และตอนที่แม่ยายผมนอนกลางวันก็จะปิดทั้งไฟ และ ทีวีซึ่งลูกผมก็จะได้หลับสนิทด้วย แต่ความเป็นจริงแม่ยายผมทำได้ครับ แต่ทำได้แค่ 2 สัปดาห์ เพราะ แกทำไม่ไหว แม่ยายผมเป็นคนตื่นเช้า ตี 3 กว่าแกก็ตื่นแล้ว ช่วงกลางวันแกก็จะนอนพักผ่อน แต่พอต้องมาเลี้ยงเจ้าตัวเล็ก ลูกผมนั้นตื่นทุก 1 ชม. ครับ แกก็เริ่มไม่ไหว
สุดท้ายภรรยาผม ก็เลยแบ่งเวลาให้อีกครั้งโดย 7 โมง ถึง 10 โมง แม่ยายผมจะเลี้ยง และตั้งแต่ 11 โมงเช้า ถึง 16.00 พี่เลี้ยงจะอุ้มกลับมาเลี้ยงที่ห้องนอนผม เพื่อให้แกได้พักผ่อนช่วงกลางวัน และตอนเย็นก็อุ้มไปให้แกเลี้ยง จนถึงประมาณ 3 ทุ่ม ภรรยาผมกับลูกสาวคนโตจะไปรับกลับมาห้องนอน
คาร์ชีท มาอย่างไร ? เป็นวิธีที่ลดการเดินให้แม่ยายผมช่วงที่แกดูแล จากที่ต้องลุกๆนั่งๆ ไปที่เปลเจ้าตัวเล็ก คาร์ชีทถูกนำมาช่วยเพราะ สะดวกแกไม่ต้องเดินไปที่เปล ไม่ต้องลุก เพราะ คาร์ชีทถูกตั้งอยู่ระหว่างทีวีและเก้าอี้นั่งดูทีวีแสนสบายของแก และแกก็สรุปจากความสะดวกของแกเองว่า เจ้าตัวเล็กลูกผมชอบนอนในคาร์ชีท และชอบเสียงดัง (จากการที่แกเปิดทีวี)
ผมเคยเปรยๆ เรื่องผลเสียของการที่เด็กทารกนอนในสภาวะที่ไม่เหมาะสมให้แกฟัง ที่ใช้ว่า " เปรยๆ" เพราะ พูดไปตรงๆ แกก็ไม่ยอมรับ ตอนนี้ ผมไม่รู้จะทำอย่างไร พูดกับภรรยาก็รังแต่จะทะเลาะกันว่า มาจับผิดการเลี้ยงลูกของแม่เค้า ผมไม่อยากให้เค้าโตมาเป็นเด็กที่สมาธิสั้น ผมอยากให้เซลสมองเซลประสาทเค้าถูกสร้างขึ้นอย่างสมบูรณ์ ผมควรทำอย่างไรดี ........
ปวดใจทุกครั้งที่ผมเห็นแม่ยายเลี้ยงลูกผมหน้าจอ ทีวี
ทารกอายุได้ 1 เดือนนิดๆ ที่กำลังหลับ (ผมไม่แน่ใจว่าหลับสนิทแค่ไหนกับการเลี้ยงที่สภาวะแบบนั้น) สะดุ้งขึ้น เพราะ เสียงหัวเราะอันดังของแม่ยายที่ตอบสนองต่อบทตลกของละครตอนเย็น น้ำตาผมไหลในอกที่ต้องทนเห็นการเลี้ยงเด็กแบบผิดวิธีอย่างนี้ ผมยกมือไหว้ และกล่าว "สวัสดีครับแม่" แล้วผมก็ถามต่อว่า " ถ้าเค้ากำลังหลับ ให้ผมอุ้มไปนอนในเปลไหมครับ ?" แม่ยายผมตอบกลับมาหน้าตาเฉยว่า "ไม่เป็นไรหรอก เค้านอนตรงนี้สบายดี....." อีกครั้งที่ผมต้องกัดฟันตีสีหน้าและตอบกลับสั้นๆว่า "ครับ" ...แล้วผมก็เดินจากไปทำธุระส่วนตัวและรอเวลาที่จะมารับลูกน้อยผมกลับไปที่ห้องตอนประมาณ 3 ทุ่ม
นี่ไม่ใช่ครั้งแรก นี่ไม่ใช่ว่าผมไม่เคยพูดเรื่องกับภรรยา แต่ทุกครั้งที่คุยกัน มักจะจบด้วยการทะเลาะกัน ผมเข้าใจว่าภรรยาผมก็หนักใจ แต่ฝั่งหนึ่งก็แม่ ฝั่งหนึ่งก็สามี แต่ด้วยคนนี้เป็นหลานคนเล็กสุดแม่ยายเลยเห่อเป็นธรรมดา
ตั้งแต่ภรรยาผมท้องและเราต้องมาอยู่ที่บ้านแม่ยาย แม่ยายผมตั้งใจจะเลี้ยงหลานคนนี้มาก แต่ผมรู้นิสัยของแก แกชอบนั่งดูทีวีและเปิดเสียงดัง ผมพยายามบ่ายเบี่ยงให้เลี้ยงที่ห้องนอนผมกับภรรยาแทนโดยมีพี่เลี้ยง ที่เค้าดูแลลูกสาวคนโตของผมคอยดูแล แต่แกไม่ยอม แกจะเลี้ยงที่ห้องดูทีวีของแกให้ได้ ภรรยาผมเลยแบ่งเวลาให้แกเลี้ยงโดยช่วงกลางวันที่ผมกับภรรยาต้องทำงานแม่ยายจะดูแล แต่ตอนกลางคืนเอากลับมาเลี้ยงที่ห้อง เมื่อตกลงเรื่องเวลาได้ ผมก็แย้งเรื่องสภาวะการเลี้ยง ผมต้องการให้เลี้ยงในห้องที่แสงสว่างน้อยที่สุดในตอนที่เค้าหลับ และไม่มีทีวีรบกวนซึ่งแน่นอน มันขัดแย้งกับสภาพที่แม่ยายผมดำรงชีวิตอยู่ ผมเสนอห้องที่อยู่ถัดจากห้องดูทีวีแม่ยายซึ่งมีประตูเปิดหากันและมีผนังกระจกสามารถมองเห็นกันได้ เป็นห้องตั้งเปลเด็ก และให้พี่เลี้ยงอยู่ที่ห้องนั้นเผื่อลูกตื่น และแม่ยายสามารถเดินมาดูได้เป็นระยะๆ แต่แม่ยายผมไม่ยอมครับ
ข้อตกตลงมาจบที่ เปลนอนจะตั้งห่างจากทีวี ติดผนังอีกด้านของห้อง( ห้องยาวประมาณ 2 เมตรครึ่ง) แม่ยายจะยอมเปิดเสียงทีวีเบาๆ และตอนที่แม่ยายผมนอนกลางวันก็จะปิดทั้งไฟ และ ทีวีซึ่งลูกผมก็จะได้หลับสนิทด้วย แต่ความเป็นจริงแม่ยายผมทำได้ครับ แต่ทำได้แค่ 2 สัปดาห์ เพราะ แกทำไม่ไหว แม่ยายผมเป็นคนตื่นเช้า ตี 3 กว่าแกก็ตื่นแล้ว ช่วงกลางวันแกก็จะนอนพักผ่อน แต่พอต้องมาเลี้ยงเจ้าตัวเล็ก ลูกผมนั้นตื่นทุก 1 ชม. ครับ แกก็เริ่มไม่ไหว
สุดท้ายภรรยาผม ก็เลยแบ่งเวลาให้อีกครั้งโดย 7 โมง ถึง 10 โมง แม่ยายผมจะเลี้ยง และตั้งแต่ 11 โมงเช้า ถึง 16.00 พี่เลี้ยงจะอุ้มกลับมาเลี้ยงที่ห้องนอนผม เพื่อให้แกได้พักผ่อนช่วงกลางวัน และตอนเย็นก็อุ้มไปให้แกเลี้ยง จนถึงประมาณ 3 ทุ่ม ภรรยาผมกับลูกสาวคนโตจะไปรับกลับมาห้องนอน
คาร์ชีท มาอย่างไร ? เป็นวิธีที่ลดการเดินให้แม่ยายผมช่วงที่แกดูแล จากที่ต้องลุกๆนั่งๆ ไปที่เปลเจ้าตัวเล็ก คาร์ชีทถูกนำมาช่วยเพราะ สะดวกแกไม่ต้องเดินไปที่เปล ไม่ต้องลุก เพราะ คาร์ชีทถูกตั้งอยู่ระหว่างทีวีและเก้าอี้นั่งดูทีวีแสนสบายของแก และแกก็สรุปจากความสะดวกของแกเองว่า เจ้าตัวเล็กลูกผมชอบนอนในคาร์ชีท และชอบเสียงดัง (จากการที่แกเปิดทีวี)
ผมเคยเปรยๆ เรื่องผลเสียของการที่เด็กทารกนอนในสภาวะที่ไม่เหมาะสมให้แกฟัง ที่ใช้ว่า " เปรยๆ" เพราะ พูดไปตรงๆ แกก็ไม่ยอมรับ ตอนนี้ ผมไม่รู้จะทำอย่างไร พูดกับภรรยาก็รังแต่จะทะเลาะกันว่า มาจับผิดการเลี้ยงลูกของแม่เค้า ผมไม่อยากให้เค้าโตมาเป็นเด็กที่สมาธิสั้น ผมอยากให้เซลสมองเซลประสาทเค้าถูกสร้างขึ้นอย่างสมบูรณ์ ผมควรทำอย่างไรดี ........