อีกเรื่องนึงที่อยากเล่า เป็นความเชื่อส่วนบุคคลโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
เรื่องจะยาวหน่อยนะคะ
เมื่อวานตรงกับคืนวันแจกข้าวหรือที่คนอิสานเรียกว่าบุญเดือน9 บุญข้าวประดับดิน คนแถวบ้านรวมทั้งน้าเราก็ทำกระทงใบตองใส่อาหาร หลัง6ทุ่มก็ไปวางตามแยกต่างๆตามความเชื่อแต่สำหรับเราไม่ได้ทำตามเขา
ส่วนเราก็สวดมนต์ นั่งสมาธิ เข้านอนตามปกติเช่นที่เคยทำ การนอนก็กำหนดภาวนาไปเรื่อยๆจนหลับแล้วฝันว่าตัวเองมายืนอยู่หน้าตึกร้างเหมือนแฟลตมืดไปหมด น่ากลัวและวังเวงมากมีแค่แสงจากพระจันทร์ที่สว่างพอจะมองเห็นแฟลตร้างนั้น นอกนั้นบริเวณโดยรอบมืดมิดไปหมด
รู้สึกกลัวและตื่นตระหนกพยามกำหนดจิตพุทโธๆๆจนมีสติคลายความกลัวและตื่นตระหนกลงได้ แต่ขนลุกอยู่ตลอดเวลา
ในฝันรู้สึกได้ว่าตัวเองมีสติดีฝันเสมือนจริงมากเหมือนไม่ใช่ความฝัน แล้วเราก็มองขึ้นไปบนแฟลตๆมี 4ชั้นที่ชั้น 3เราเห็นผู้หญิงคนหนึ่งผมยาวก้มหน้านิดๆยืนอยู่ ขนลุกซู่ ใจเต้นโครมครามเหมือนจะสติแตกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เรากำหนดพุทโธๆๆ สติบอกเจอดีแล้วพยายามตั้งสติสู้กับความกลัว
ตอนนั้นบอกตามตรงว่ารู้สึกกลัวกว่าทุกๆครั้งที่เจอเรื่องแบบนี้ เราค่อนข้างเป็นคนมีเซ้นท์ เคยเจอสิ่งเร้นลับมาบ้างเหมือนกัน. จะมีแค่ 2ครั้งที่รู้สึกกลัวและรู้สึกถึงว่าครั้งนี้มันแรงด้วยอาการคือใจเต้นโครมคราม ขนลุกซู่ไปทั้งตัว รู้สึกไม่มีพลังที่จะสู้ มีแต่ความกลัว เคยเจอผีแต่ไม่รู้สึกกลัว แต่ครั้งนี้มันกลัวๆชนิดที่เรียกว่าถ้าไม่ควบคุมสติดีๆอาจจะสติแตกก็ว่าได้
แต่เราก็ยังกำหนดพุทโธๆๆไปเรื่อยๆ นึกถึงพ่อแม่ครูบาอาจารย์ทางธรรมทั้งหลาย
ผู้หญิงคนนั้นกวักมือเรียกเราๆรู้สึกเหมือนมีลมพัดมาแรงมากเปรียบเหมือนกับการเปิดพัดลมโรงงานตัวใหญ่ๆพร้อมกันหลายๆตัวพัดใส่เราทางด้านหลังจนเราเดินเซไปข้างหน้า
ผู้หญิงคนนั้นก็ยังกวักมือเรียกต่อ เราพยายามขืนตัวไว้จนสุดรู้สึกได้ว่าตัวเองปลิวลอยไปด้านหน้า
สักพักมายืนอยู่ในวัดที่ลานดินกว้าง. ผู้หญิงที่เราเห็นยืนอยู่ด้านหน้าห่างจากเราน่าจะประมาณ 10ก้าวได้
เราได้ยินเสียงเขาสะอื้นในขณะที่เขายังคงก้มหน้าอยู่ เขาท้องใส่ชุดคลุมท้องสีฟ้าซีดๆ
เราเลยกำหนดจิตถามเขาว่าทำไมต้องมารบกวน
เขาตอบเราโดยเป็นการสนทนาทางจิตนะคะ
เขาบอกว่า ไปไหนไม่ได้ กลัวและเหงาเหลือเกินไม่มีใครเลยแล้วก็ร้องไห้
เราเลยกำหนดจิตถามเขาว่าเป็นอะไรตาย
เขาบอก ฆ่าตัวตาย ผูกคอฆ่าตัวตาย เราสังเกต เขาจะก้มหน้าตลอด เขาบอกเป็นลักษณะการตายเพราะแขวนคอตาย
เราถาม มารบกวนเราทำไม
เขาตอบ เหงา อยู่คนเดียว ไม่มีเพื่อน ไม่มีญาติไม่มีใครเลย อยู่ที่แฟลตนั้นที่เขาตาย มองไม่เห็นใครไม่มีใครเห็น วันนี้เหมือนท้องฟ้าเปิดมองเห็นผู้คนพยายามติดต่อน้องชายได้แต่ส่งจิตแต่ออกจากบริเวณไม่ได้ จนเห็นเราและเห็นกระแสแผ่เมตตาเลยจับกระแสและพยายามส่งจิตไป คิดว่าต้องทำให้สำเร็จอยากให้มีคนรับรู้ถึงความทุกข์และความทรมานที่ตนต้องเผชิญ
เราถาม ทำไมไม่ไปไหนคือไปเกิดหรือไปใช้กรรม
เขาตอบ. ตายก่อนถึงวาระ ไปไหนไม่ได้ เจ้าหน้าที่แค่บอกถึงเวลาจึงจะมารับแล้วเขาก็ร้องไห้อีก
เขาบอกอยากรู้ไหมว่ามันเหงาและทรมานขนาดไหน มาจะพาไป
เรายังไม่ทันพูดอะไร เขาก็มายืนอยู่ข้างเราแล้วจับมือเรา มือเขาเย็นมากเย็นจนแขนเราชา ตอนนั้นไม่ทันได้ตั้งตัวและเผลอสติ มันรวดเร็วมาก
เห็นผู้หญิงผู้ชาย ทะเลาะกันอย่างรุนแรง รู้ว่าผู้หญิงกำลังท้องรับรู้อารมณ์ความรู้สึกเหมือนเป็นผู้หญิงคนนั้นเสียเอง รู้ว่าเขาเสียใจหัวใจสลาย สามีนอกใจ กำลังจะทิ้งเขาและลูกที่อยู่ในท้องไป สามีออกไปโดยไม่มีเยื่อใยใดๆเลย
เรารู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดรวดร้าว ปวดไปถึงกระดูกความสูญสิ้น มันอธิบายไม่ถูกมันเหมือนคนใจสลายท้อแท้สิ้นหวัง. อยากตาย ความผิดหวังคละเคล้าไปด้วยความแค้น
แล้วก็รู้สึกว่าตัวเองมายืนบนเก้าอี้ซ้อนอยู่ในร่างผู้หญิงคนนั้น อารมณ์นั้นรู้สึกห้าวหาญ อยากตาย ตายไปให้พ้นๆพร้อมทั้งสาปแช่งที่ปนไปด้วยแรงแค้นแรงอาฆาตต่อสามีและชู้จะตามทุกภพทุกชาติไป
แล้วเก้าอี้ก็ถูกถีบล้ม. เชือกรัดที่คอ มันเริ่มรัดแน่นเข้า ใจเต้นระทึก ความกลัวปนความเจ็บทุกข์ทรมานขาตะเกียกตะกายไปในอากาศ. เจ็บปวดทรมานมาก พยายามใช้มือดึงเชือกแก้เชือก เชือกเริ่มรัดแน่นเข้า ต้องต่อสู้กับความหวาดกลัวและทุกข์ทรมานจนตาย ในขณะนั้นเราหวาดกลัวถึงที่สุดนึกถึงปู่ท้าวเวสสุวรรณบอกปู่ท้าวเวสสุวรรณช่วยลูกด้วยๆๆ แล้วเหมือนตัวเราถูกผลักกระเด็นออกมา
ผู้หญิงคนนี้ก้มหน้าร้องไห้ฟูมฟายเสียงดังและกรี๊ดเสียงร้องโหยหวนมาก
เขาบอก ทุกวันเขาจะต้องมาแขวนคอตายที่เดิมเวลาเดิม จนกว่าจะหมดกรรม เจ้าหน้าที่จึงจะมารับ
้เขาขอให้เราเล่าเรื่องของเขาเพื่อเตือนสติไปผู้ที่คิดจะฆ่าตัวตายเผื่อจะเกิดเป็นบุญกุศลช่วยให้เขาพ้นจากความทุกข์และกรรมที่ได้กระทำได้เร็วขึ้นเพราะเขาไม่สามารถกลับมาแก้ไขสิ่งที่ได้ตัดสินใจไปแล้วได้
เขาขอให้เราอุทิศส่วนกุศลให้เขาด้วยเพราะบุญที่เขาและผู้ที่ฆ่าตัวตายจะได้รับจะได้จากผู้ทำสมาธิทำกรรมฐานบุญทานทั่วไปไม่ถึงคนฆ่าตัวตายไม่ได้รับ
ตอนนี้เรากลับรู้สึกสงสารจับใจกลั้นน้ำตาตัวเองไว้ไม่อยู่ มันหดหู่ เหงาวังเวง. แล้วสามีก็ปลุกถามว่าเป็นอะไรได้ยินเสียงร้องไห้
เราก็เล่าให้สามีฟัง เราไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่เราเจอนั้นจะเป็นแค่ฝันหรือผู้หญิงคนนั้นต้องการจะสื่อกับเราจริงๆ
เราเคยตั้งกระทู้เกี่ยวกับประสบการณ์แปลกๆที่เราได้เจอจากการปฏิบัติมาบ้างก่อนหน้านี้แต่ครั้งนี้เรารู้สึกหวาดกลัวปนเศร้าและหดหู่มาก
แต่สิ่งที่เรารู้สึกได้คือ คนที่ฆ่าตัวตายเป็นคนที่น่าสงสารมาก การที่จะต้องจมอยู่กับอารมณ์ความรู้สึกเดิมๆทั้งความเจ็บปวดความอาฆาตพยาบาทก่อนตาย ขณะที่กำลังจะตาย รวมไปจนถึงหลังจากที่ตายแล้วนั้น มันทุกข์ทรมานมาก อย่าคิดว่าการฆ่าตัวตายแล้วหมายถึงมันจบปัญหา อย่าคิดว่าจะได้พ้นจากความรู้สึกอันเลวร้ายเหล่านี้
จากสิ่งที่เราฝันมันอาจเป็นแค่ฝันหรืออาจจะมีบางสิ่งที่ต้องการสื่อเพื่อระบายความทุกข์ทรมานที่เขาต้องเผชิญซึ่งคืนที่เราฝันเป็นบุญเดือน9 บุญข้าวประดับดินตามความเชื่อคือโลกธาตุทั้ง3 เปิดถึงกันหมด
อันนี้มาบอกเล่าให้ฟังเป็นความเชื่อส่วนบุคคลโปรดใช้วิจารณญาณ
สุดท้ายอยากให้กำลังใจสำหรับผู้ที่เจอปัญหาและกำลังท้อแท้ สิ้นหวัง จนคิดอยากฆ่าตัวตาย. เราเชื่อว่า
ถ้าหากคุณไปเจอเหตุการณ์อย่างที่เราเจอสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของคนที่ฆ่าตัวตาย คุณอาจเปลี่ยนใจหรือไม่แม้แต่จะคิดเลยด้วยซ้ำ
เขียนมายาวมาก ตั้งใจมาเขียนเล่าเรื่องนี้ตามที่ผู้หญิงคนนั้นขอ โดยที่เราก็ไม่รู้ว่ามันเป็นเพียงแค่ฝันหรือสื่อกับดวงวิญญาณนั้นจริงๆยังไงก็ตามแต่ หากเรื่องนี้จะมีอานิสงค์เกิดขึ้นจากการช่วยเตือนสติผู้ที่กำลังคิดว่าฆ่าตัวตายหรือกำลังยอมแพ้ต่อโชคชะตา
เราขอตั้งจิตอุทิศบุญกุศลทั้งหมดนี้แก่ดวงวิญญาณของผู้หญิงที่เราเจอในความฝันขอให้เขาจงพ้นจากกรรมที่เขาได้กระทำให้พ้นจากความทุกข์ทรมานด้วยเทอญสาธุ
#อีกเรื่องที่อยากเล่า ในค่ำคืนวันแจกข้าวบุญเดือน9 บุญข้าวประดับดิน#
เรื่องจะยาวหน่อยนะคะ
เมื่อวานตรงกับคืนวันแจกข้าวหรือที่คนอิสานเรียกว่าบุญเดือน9 บุญข้าวประดับดิน คนแถวบ้านรวมทั้งน้าเราก็ทำกระทงใบตองใส่อาหาร หลัง6ทุ่มก็ไปวางตามแยกต่างๆตามความเชื่อแต่สำหรับเราไม่ได้ทำตามเขา
ส่วนเราก็สวดมนต์ นั่งสมาธิ เข้านอนตามปกติเช่นที่เคยทำ การนอนก็กำหนดภาวนาไปเรื่อยๆจนหลับแล้วฝันว่าตัวเองมายืนอยู่หน้าตึกร้างเหมือนแฟลตมืดไปหมด น่ากลัวและวังเวงมากมีแค่แสงจากพระจันทร์ที่สว่างพอจะมองเห็นแฟลตร้างนั้น นอกนั้นบริเวณโดยรอบมืดมิดไปหมด
รู้สึกกลัวและตื่นตระหนกพยามกำหนดจิตพุทโธๆๆจนมีสติคลายความกลัวและตื่นตระหนกลงได้ แต่ขนลุกอยู่ตลอดเวลา
ในฝันรู้สึกได้ว่าตัวเองมีสติดีฝันเสมือนจริงมากเหมือนไม่ใช่ความฝัน แล้วเราก็มองขึ้นไปบนแฟลตๆมี 4ชั้นที่ชั้น 3เราเห็นผู้หญิงคนหนึ่งผมยาวก้มหน้านิดๆยืนอยู่ ขนลุกซู่ ใจเต้นโครมครามเหมือนจะสติแตกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เรากำหนดพุทโธๆๆ สติบอกเจอดีแล้วพยายามตั้งสติสู้กับความกลัว
ตอนนั้นบอกตามตรงว่ารู้สึกกลัวกว่าทุกๆครั้งที่เจอเรื่องแบบนี้ เราค่อนข้างเป็นคนมีเซ้นท์ เคยเจอสิ่งเร้นลับมาบ้างเหมือนกัน. จะมีแค่ 2ครั้งที่รู้สึกกลัวและรู้สึกถึงว่าครั้งนี้มันแรงด้วยอาการคือใจเต้นโครมคราม ขนลุกซู่ไปทั้งตัว รู้สึกไม่มีพลังที่จะสู้ มีแต่ความกลัว เคยเจอผีแต่ไม่รู้สึกกลัว แต่ครั้งนี้มันกลัวๆชนิดที่เรียกว่าถ้าไม่ควบคุมสติดีๆอาจจะสติแตกก็ว่าได้
แต่เราก็ยังกำหนดพุทโธๆๆไปเรื่อยๆ นึกถึงพ่อแม่ครูบาอาจารย์ทางธรรมทั้งหลาย
ผู้หญิงคนนั้นกวักมือเรียกเราๆรู้สึกเหมือนมีลมพัดมาแรงมากเปรียบเหมือนกับการเปิดพัดลมโรงงานตัวใหญ่ๆพร้อมกันหลายๆตัวพัดใส่เราทางด้านหลังจนเราเดินเซไปข้างหน้า
ผู้หญิงคนนั้นก็ยังกวักมือเรียกต่อ เราพยายามขืนตัวไว้จนสุดรู้สึกได้ว่าตัวเองปลิวลอยไปด้านหน้า
สักพักมายืนอยู่ในวัดที่ลานดินกว้าง. ผู้หญิงที่เราเห็นยืนอยู่ด้านหน้าห่างจากเราน่าจะประมาณ 10ก้าวได้
เราได้ยินเสียงเขาสะอื้นในขณะที่เขายังคงก้มหน้าอยู่ เขาท้องใส่ชุดคลุมท้องสีฟ้าซีดๆ
เราเลยกำหนดจิตถามเขาว่าทำไมต้องมารบกวน
เขาตอบเราโดยเป็นการสนทนาทางจิตนะคะ
เขาบอกว่า ไปไหนไม่ได้ กลัวและเหงาเหลือเกินไม่มีใครเลยแล้วก็ร้องไห้
เราเลยกำหนดจิตถามเขาว่าเป็นอะไรตาย
เขาบอก ฆ่าตัวตาย ผูกคอฆ่าตัวตาย เราสังเกต เขาจะก้มหน้าตลอด เขาบอกเป็นลักษณะการตายเพราะแขวนคอตาย
เราถาม มารบกวนเราทำไม
เขาตอบ เหงา อยู่คนเดียว ไม่มีเพื่อน ไม่มีญาติไม่มีใครเลย อยู่ที่แฟลตนั้นที่เขาตาย มองไม่เห็นใครไม่มีใครเห็น วันนี้เหมือนท้องฟ้าเปิดมองเห็นผู้คนพยายามติดต่อน้องชายได้แต่ส่งจิตแต่ออกจากบริเวณไม่ได้ จนเห็นเราและเห็นกระแสแผ่เมตตาเลยจับกระแสและพยายามส่งจิตไป คิดว่าต้องทำให้สำเร็จอยากให้มีคนรับรู้ถึงความทุกข์และความทรมานที่ตนต้องเผชิญ
เราถาม ทำไมไม่ไปไหนคือไปเกิดหรือไปใช้กรรม
เขาตอบ. ตายก่อนถึงวาระ ไปไหนไม่ได้ เจ้าหน้าที่แค่บอกถึงเวลาจึงจะมารับแล้วเขาก็ร้องไห้อีก
เขาบอกอยากรู้ไหมว่ามันเหงาและทรมานขนาดไหน มาจะพาไป
เรายังไม่ทันพูดอะไร เขาก็มายืนอยู่ข้างเราแล้วจับมือเรา มือเขาเย็นมากเย็นจนแขนเราชา ตอนนั้นไม่ทันได้ตั้งตัวและเผลอสติ มันรวดเร็วมาก
เห็นผู้หญิงผู้ชาย ทะเลาะกันอย่างรุนแรง รู้ว่าผู้หญิงกำลังท้องรับรู้อารมณ์ความรู้สึกเหมือนเป็นผู้หญิงคนนั้นเสียเอง รู้ว่าเขาเสียใจหัวใจสลาย สามีนอกใจ กำลังจะทิ้งเขาและลูกที่อยู่ในท้องไป สามีออกไปโดยไม่มีเยื่อใยใดๆเลย
เรารู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดรวดร้าว ปวดไปถึงกระดูกความสูญสิ้น มันอธิบายไม่ถูกมันเหมือนคนใจสลายท้อแท้สิ้นหวัง. อยากตาย ความผิดหวังคละเคล้าไปด้วยความแค้น
แล้วก็รู้สึกว่าตัวเองมายืนบนเก้าอี้ซ้อนอยู่ในร่างผู้หญิงคนนั้น อารมณ์นั้นรู้สึกห้าวหาญ อยากตาย ตายไปให้พ้นๆพร้อมทั้งสาปแช่งที่ปนไปด้วยแรงแค้นแรงอาฆาตต่อสามีและชู้จะตามทุกภพทุกชาติไป
แล้วเก้าอี้ก็ถูกถีบล้ม. เชือกรัดที่คอ มันเริ่มรัดแน่นเข้า ใจเต้นระทึก ความกลัวปนความเจ็บทุกข์ทรมานขาตะเกียกตะกายไปในอากาศ. เจ็บปวดทรมานมาก พยายามใช้มือดึงเชือกแก้เชือก เชือกเริ่มรัดแน่นเข้า ต้องต่อสู้กับความหวาดกลัวและทุกข์ทรมานจนตาย ในขณะนั้นเราหวาดกลัวถึงที่สุดนึกถึงปู่ท้าวเวสสุวรรณบอกปู่ท้าวเวสสุวรรณช่วยลูกด้วยๆๆ แล้วเหมือนตัวเราถูกผลักกระเด็นออกมา
ผู้หญิงคนนี้ก้มหน้าร้องไห้ฟูมฟายเสียงดังและกรี๊ดเสียงร้องโหยหวนมาก
เขาบอก ทุกวันเขาจะต้องมาแขวนคอตายที่เดิมเวลาเดิม จนกว่าจะหมดกรรม เจ้าหน้าที่จึงจะมารับ
้เขาขอให้เราเล่าเรื่องของเขาเพื่อเตือนสติไปผู้ที่คิดจะฆ่าตัวตายเผื่อจะเกิดเป็นบุญกุศลช่วยให้เขาพ้นจากความทุกข์และกรรมที่ได้กระทำได้เร็วขึ้นเพราะเขาไม่สามารถกลับมาแก้ไขสิ่งที่ได้ตัดสินใจไปแล้วได้
เขาขอให้เราอุทิศส่วนกุศลให้เขาด้วยเพราะบุญที่เขาและผู้ที่ฆ่าตัวตายจะได้รับจะได้จากผู้ทำสมาธิทำกรรมฐานบุญทานทั่วไปไม่ถึงคนฆ่าตัวตายไม่ได้รับ
ตอนนี้เรากลับรู้สึกสงสารจับใจกลั้นน้ำตาตัวเองไว้ไม่อยู่ มันหดหู่ เหงาวังเวง. แล้วสามีก็ปลุกถามว่าเป็นอะไรได้ยินเสียงร้องไห้
เราก็เล่าให้สามีฟัง เราไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่เราเจอนั้นจะเป็นแค่ฝันหรือผู้หญิงคนนั้นต้องการจะสื่อกับเราจริงๆ
เราเคยตั้งกระทู้เกี่ยวกับประสบการณ์แปลกๆที่เราได้เจอจากการปฏิบัติมาบ้างก่อนหน้านี้แต่ครั้งนี้เรารู้สึกหวาดกลัวปนเศร้าและหดหู่มาก
แต่สิ่งที่เรารู้สึกได้คือ คนที่ฆ่าตัวตายเป็นคนที่น่าสงสารมาก การที่จะต้องจมอยู่กับอารมณ์ความรู้สึกเดิมๆทั้งความเจ็บปวดความอาฆาตพยาบาทก่อนตาย ขณะที่กำลังจะตาย รวมไปจนถึงหลังจากที่ตายแล้วนั้น มันทุกข์ทรมานมาก อย่าคิดว่าการฆ่าตัวตายแล้วหมายถึงมันจบปัญหา อย่าคิดว่าจะได้พ้นจากความรู้สึกอันเลวร้ายเหล่านี้
จากสิ่งที่เราฝันมันอาจเป็นแค่ฝันหรืออาจจะมีบางสิ่งที่ต้องการสื่อเพื่อระบายความทุกข์ทรมานที่เขาต้องเผชิญซึ่งคืนที่เราฝันเป็นบุญเดือน9 บุญข้าวประดับดินตามความเชื่อคือโลกธาตุทั้ง3 เปิดถึงกันหมด
อันนี้มาบอกเล่าให้ฟังเป็นความเชื่อส่วนบุคคลโปรดใช้วิจารณญาณ
สุดท้ายอยากให้กำลังใจสำหรับผู้ที่เจอปัญหาและกำลังท้อแท้ สิ้นหวัง จนคิดอยากฆ่าตัวตาย. เราเชื่อว่า
ถ้าหากคุณไปเจอเหตุการณ์อย่างที่เราเจอสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของคนที่ฆ่าตัวตาย คุณอาจเปลี่ยนใจหรือไม่แม้แต่จะคิดเลยด้วยซ้ำ
เขียนมายาวมาก ตั้งใจมาเขียนเล่าเรื่องนี้ตามที่ผู้หญิงคนนั้นขอ โดยที่เราก็ไม่รู้ว่ามันเป็นเพียงแค่ฝันหรือสื่อกับดวงวิญญาณนั้นจริงๆยังไงก็ตามแต่ หากเรื่องนี้จะมีอานิสงค์เกิดขึ้นจากการช่วยเตือนสติผู้ที่กำลังคิดว่าฆ่าตัวตายหรือกำลังยอมแพ้ต่อโชคชะตา
เราขอตั้งจิตอุทิศบุญกุศลทั้งหมดนี้แก่ดวงวิญญาณของผู้หญิงที่เราเจอในความฝันขอให้เขาจงพ้นจากกรรมที่เขาได้กระทำให้พ้นจากความทุกข์ทรมานด้วยเทอญสาธุ