ขอเกริ่นก่อนคือ...เราเกิดมาในฐานะลูกคนเล็ก
บ้านเรามีพี่น้อย 3 คน ทุกคนแต่งงานกันหมดแล้ว พี่ชายคนโตไม่มีลูกเพราะเป็นหมัน
พี่ชายคนกลางมีลูก 2 คน และลูกติดฝั่งภรรยาอีก 1 คน ส่วนเรามีลูก 2 คน
ทุกคนต่างมีหน้าที่และความรับผิดชอบที่ต้องทำต่อครอบครัวตัวเอง ตอนนี้พ่อของเรามีเมียน้อยแต่ไม่ยอมหย่ากับแม่
พ่อเลือกที่จะไปอยู่กับทางโน้น และบางครั้งก็ส่งเงินให้แม่ บางเดือนก็ไม่ได้ส่ง ส่วนแม่เราเป็นคนแก่คนนึ่งที่ทำงานไม่ไหวแล้ว
อยู่บ้านเฉยๆรายได้ไม่มี ที่สำคัญแม่ขี้บ่น ขี้น้อยใจ
และหน้าที่หลักที่ต้องส่งเสียแม่มาตกอยู่ที่เรา เราส่งเงินให้แม่ทุกเดือน เดือนละ 3-4
พัน (ในกรณีที่แม่อยู่ ตจว.) บางเดือนที่แม่มาอยู่กับเรา เราก็จะให้ 2 พัน
แม่มาอยู่กับเราแม่ไม่มีค่าใช้จ่ายอะไรใดๆ ทั้งสิ้น ทุกอย่างเราซื้อให้หมด
ออกให้หมด (บ้านที่ ตจว. เราก็จ่ายค่าน้ำ ค่าไฟให้ ไม่เกี่ยวกับเงินที่โอนให้) แม่อายุไม่ถึง
60 แต่แม่มีโรคประจำตัวเยอะต้องมาหาหมอที่ กทม. ทุกเดือน เดือนละหลายๆ รอบเพราะต้องไปหาหลายหมอ
เงินไปหาหมอเราก็จ่าย เกือบทุกครั้ง (ที่ต้องบอกว่าเกือบทุกครั้งเพราะบางครั้งพ่อก็จะเป็นคนจ่าย)
ที่ไปหาหมอพี่ชายคนโตจะเป็นคนพาไปแต่เราเป็นคนเติมน้ำมัน เวลาไปรับมาจาก ตจว. พี่ชายคนโตก็เป็นคนไปรับและเราจะเป็นคนเติมน้ำมัน
ทุกอย่างที่เป็นค่าใช้จ่ายจะต้องมาเบิกเงินที่เรา ทั้งๆ ที่ทุกคนเป็นลูก
แต่ทำไมต้องเป็นเราคนเดียวที่ต้องมานั่นรับผิดชอบ เราแค่น้อยใจค่ะ น้อยใจมากๆ
เรากับพี่ชายคนกลางมีลูก เรียกแทนว่าหลานย่า กับหลานยายก็แล้วกันนะคะ พี่ชายคนกลางเค้าจะไม่ค่อยส่งเสีย
ไม่ค่อยมีบทบาทอะไรมาก ทุกอย่างเรากับพี่ชายคนโตจะเป็นคนจัดการเหมือนพี่ชายคนโตเป็นแรง
เราเป็นเงินอะไรประมาณนี้ ปัญหาคือเวลาแม่มาเจอลูกเรา (หลานยาย) แม่ไม่เคยซื้อขนมนมเนยหรือของเล่นมาให้เลยแม่อ้างแต่ว่าแม่ไม่มีเงิน
(ลูกเราอยู่กับแม่สามีที่ ตจว. และบ้านที่ ตจว.บ้านแม่กับบ้านแม่สามีห่างกันประมาณ
15 กม.) เราก็กลัวทางแม่สามีเค้าจะมองแม่เราไม่ดีหลายๆครั้งเราก็จะซื้อของให้แม่เอาไปฝากลูกเราแล้วให้แม่บอกว่ายายเป็นคนซื้อมาให้
ส่วนทางฝั่นลูกพี่ชายคนกลางเรานั้นก็เป็นหลานย่าอ่ะเนอะ แม่เราก็จะบ่นคิดถึงอยากไปหา
ไปหาทีไรก็หอบขนมนมเนยของเล่นไปให้ คือเราก็น้อยใจไง ทีหลานยายนี่บอกไม่มีเงินทั้งๆ
ที่เงินก็เงินเรานะที่ส่งให้ แต่ทางฝั่งหลานย่าเงินมีไม่มีไม่รู้แต่ย่าจะซื้อให้
ส่วนพี่ชายคนโตเงินเดือน2ผัวเมียเท่าไหร่เราไม่รู้หรอก รู้แต่ว่าเงินไม่พอใช้
มาขอแม่ตลอดๆ แล้วแม่ก็ให้ตลอดๆ เงินที่ให้ก็เงินเราอีกนั่นแหละ กลายเป็นว่าเราน้องคนเล็กแต่เราทำไมต้องรับบทหนักขนาดนี้วะ!!! แถมทำดีแทบตายสุดท้ายก็ไม่มีค่าในสายตา
มีหลายๆครั้งที่เราได้ยินกับหูและออกจากปากของแม่เราเองเวลาพูดให้คนอื่นฟังประมาณว่า
“โอ้ยยยยลูกชายเค้าดี คนโตก็ดี คนกลางก็ดี ไปรับไปส่งพาไปหาหมอ ถ้าไม่มีลูกชายนะ
ป่านนี้คงตายไปแล้วล่ะ” แล้วกูล่ะ นี่กูทำขนาดนี้ไม่ว่ากูดีซักคำ
ไม่เคยคิดถึงกูเล๊ยยยยยย เอาจริงๆ คือเราน้อยใจ น้อยใจมากๆ และมันก็จะเกิดการเปรียบเทียบ
ยั่งเวลาเราโอนเงินไปให้เดือนนี้ให้ 3 พันนะ แม่ก็จะบ่นๆๆๆว่าทำไมให้แค่นี้
แค่นี้จะพอใช้หรอ โอนมาอีก แค่นี้ไม่พอหรอก ส่วนแม่สามีเราก็โอนไปให้ 3 พันเท่ากัน
แม่สามีจะบอกว่าโอนมาเนี่ยมีใช้กันไหม มีพอใช้กันหรือป่าว ถ้าไม่มีไม่ต้องโอนก็ได้
พ่อกับแม่ หลานๆ อยู่ ตจว. ไม่ค่อยได้ใช้อะไรหรอก (ค่านม ค่าน้ำ ค่าไฟ ของบ้านแม่สามีเราเป็นคนจ่ายไม่เกี่ยวกับเงินที่โอนให้)
คือคำพูดของทั้ง 2 ฝั่ง มันต่างกัน และความรู้สึกของคนที่ได้ฟังมันก็ต่างกัน
เอาจริงๆ การที่เป็นลูกคนเล็กเนี่ยมันต้องขนาดนี้เลยหรอวะ ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยได้สัมผัสความรู้สึกสิทธิพิเศษของคำว่าลูกคนเล็กเลย
ตอนเด็กๆ ก็ได้ใช้แต่ของเหลือจากพี่ชายทั้ง 2 จะหาของใหม่หรอ ไม่มีทาง กลับมาจากโรงเรียนก็ต้องกวาดบ้านถูบ้าน
ซักผ้า หุงข้าว เตรียมของไว้ให้แม่ทำกับข้าว ส่วนพี่ชายทั้ง 2 คน ไปเตะบอล ไปเที่ยวเตร่
พอโตมามีครอบครัวเวลาไปเที่ยวไหนๆ พี่ชายคนโตก็ไปด้วยนะ แต่เราเป็นคนจ่ายตัง
จ่ายทุกบาททุกสตางค์ และอีกประเด็นคือเราเป็นลูกที่พ่อกับแม่ส่งให้เรียนจบแค่ ม. 3
เหตุผล พ่อกับแม่บอกไม่มีเงิน เพราะต้องส่งพี่ชายเรียนก่อน
พี่จบแล้วค่อยให้เราเรียนต่อ สรุปพี่ชายเราทั้ง 2 คนก็เรียนไม่จบ
ส่วนเราเข้ากรุงเทพฯ หาเงินเองตั้งแต่อายุ 15 ปี สมัครเรียน กศน. จนจบ ม.6 แล้วก็เรียนต่อ
ป. ตรี จนจบ เราหาเงินเรียนเอง ปากกัดตีนถีบด้วยตัวเอง จะมีแค่เทอมที่ต้องไปฝึกงานแล้วไม่มีเงินเลยต้องขอพ่อ
จำได้ว่าขอเงินพ่อมาแค่ 2 หมื่น แต่กลายเป็น 2 หมื่นที่เอามาทวงบุญคุณว่า “ไม่มีเงินกูเรียนไม่จบหรอก
ที่เรียนจบมาได้เพราะกู กูส่งเรียน” คำพูดนี้จะได้ยินบ่อยมาก
เราโชคดีที่มีสามีที่เข้าใจเราและมีลูกที่น่ารัก บางครั้งเราก็คิดว่าคงเป็นกรรมแหละ
กรรมของเราที่ดันเกิดมาเป็นลูกคนเล็ก....
เบื่อแม่ตัวเอง บ่นแม่ตัวเอง มันบาปมากไหม
บ้านเรามีพี่น้อย 3 คน ทุกคนแต่งงานกันหมดแล้ว พี่ชายคนโตไม่มีลูกเพราะเป็นหมัน
พี่ชายคนกลางมีลูก 2 คน และลูกติดฝั่งภรรยาอีก 1 คน ส่วนเรามีลูก 2 คน
ทุกคนต่างมีหน้าที่และความรับผิดชอบที่ต้องทำต่อครอบครัวตัวเอง ตอนนี้พ่อของเรามีเมียน้อยแต่ไม่ยอมหย่ากับแม่
พ่อเลือกที่จะไปอยู่กับทางโน้น และบางครั้งก็ส่งเงินให้แม่ บางเดือนก็ไม่ได้ส่ง ส่วนแม่เราเป็นคนแก่คนนึ่งที่ทำงานไม่ไหวแล้ว
อยู่บ้านเฉยๆรายได้ไม่มี ที่สำคัญแม่ขี้บ่น ขี้น้อยใจ
และหน้าที่หลักที่ต้องส่งเสียแม่มาตกอยู่ที่เรา เราส่งเงินให้แม่ทุกเดือน เดือนละ 3-4
พัน (ในกรณีที่แม่อยู่ ตจว.) บางเดือนที่แม่มาอยู่กับเรา เราก็จะให้ 2 พัน
แม่มาอยู่กับเราแม่ไม่มีค่าใช้จ่ายอะไรใดๆ ทั้งสิ้น ทุกอย่างเราซื้อให้หมด
ออกให้หมด (บ้านที่ ตจว. เราก็จ่ายค่าน้ำ ค่าไฟให้ ไม่เกี่ยวกับเงินที่โอนให้) แม่อายุไม่ถึง
60 แต่แม่มีโรคประจำตัวเยอะต้องมาหาหมอที่ กทม. ทุกเดือน เดือนละหลายๆ รอบเพราะต้องไปหาหลายหมอ
เงินไปหาหมอเราก็จ่าย เกือบทุกครั้ง (ที่ต้องบอกว่าเกือบทุกครั้งเพราะบางครั้งพ่อก็จะเป็นคนจ่าย)
ที่ไปหาหมอพี่ชายคนโตจะเป็นคนพาไปแต่เราเป็นคนเติมน้ำมัน เวลาไปรับมาจาก ตจว. พี่ชายคนโตก็เป็นคนไปรับและเราจะเป็นคนเติมน้ำมัน
ทุกอย่างที่เป็นค่าใช้จ่ายจะต้องมาเบิกเงินที่เรา ทั้งๆ ที่ทุกคนเป็นลูก
แต่ทำไมต้องเป็นเราคนเดียวที่ต้องมานั่นรับผิดชอบ เราแค่น้อยใจค่ะ น้อยใจมากๆ
เรากับพี่ชายคนกลางมีลูก เรียกแทนว่าหลานย่า กับหลานยายก็แล้วกันนะคะ พี่ชายคนกลางเค้าจะไม่ค่อยส่งเสีย
ไม่ค่อยมีบทบาทอะไรมาก ทุกอย่างเรากับพี่ชายคนโตจะเป็นคนจัดการเหมือนพี่ชายคนโตเป็นแรง
เราเป็นเงินอะไรประมาณนี้ ปัญหาคือเวลาแม่มาเจอลูกเรา (หลานยาย) แม่ไม่เคยซื้อขนมนมเนยหรือของเล่นมาให้เลยแม่อ้างแต่ว่าแม่ไม่มีเงิน
(ลูกเราอยู่กับแม่สามีที่ ตจว. และบ้านที่ ตจว.บ้านแม่กับบ้านแม่สามีห่างกันประมาณ
15 กม.) เราก็กลัวทางแม่สามีเค้าจะมองแม่เราไม่ดีหลายๆครั้งเราก็จะซื้อของให้แม่เอาไปฝากลูกเราแล้วให้แม่บอกว่ายายเป็นคนซื้อมาให้
ส่วนทางฝั่นลูกพี่ชายคนกลางเรานั้นก็เป็นหลานย่าอ่ะเนอะ แม่เราก็จะบ่นคิดถึงอยากไปหา
ไปหาทีไรก็หอบขนมนมเนยของเล่นไปให้ คือเราก็น้อยใจไง ทีหลานยายนี่บอกไม่มีเงินทั้งๆ
ที่เงินก็เงินเรานะที่ส่งให้ แต่ทางฝั่งหลานย่าเงินมีไม่มีไม่รู้แต่ย่าจะซื้อให้
ส่วนพี่ชายคนโตเงินเดือน2ผัวเมียเท่าไหร่เราไม่รู้หรอก รู้แต่ว่าเงินไม่พอใช้
มาขอแม่ตลอดๆ แล้วแม่ก็ให้ตลอดๆ เงินที่ให้ก็เงินเราอีกนั่นแหละ กลายเป็นว่าเราน้องคนเล็กแต่เราทำไมต้องรับบทหนักขนาดนี้วะ!!! แถมทำดีแทบตายสุดท้ายก็ไม่มีค่าในสายตา
มีหลายๆครั้งที่เราได้ยินกับหูและออกจากปากของแม่เราเองเวลาพูดให้คนอื่นฟังประมาณว่า
“โอ้ยยยยลูกชายเค้าดี คนโตก็ดี คนกลางก็ดี ไปรับไปส่งพาไปหาหมอ ถ้าไม่มีลูกชายนะ
ป่านนี้คงตายไปแล้วล่ะ” แล้วกูล่ะ นี่กูทำขนาดนี้ไม่ว่ากูดีซักคำ
ไม่เคยคิดถึงกูเล๊ยยยยยย เอาจริงๆ คือเราน้อยใจ น้อยใจมากๆ และมันก็จะเกิดการเปรียบเทียบ
ยั่งเวลาเราโอนเงินไปให้เดือนนี้ให้ 3 พันนะ แม่ก็จะบ่นๆๆๆว่าทำไมให้แค่นี้
แค่นี้จะพอใช้หรอ โอนมาอีก แค่นี้ไม่พอหรอก ส่วนแม่สามีเราก็โอนไปให้ 3 พันเท่ากัน
แม่สามีจะบอกว่าโอนมาเนี่ยมีใช้กันไหม มีพอใช้กันหรือป่าว ถ้าไม่มีไม่ต้องโอนก็ได้
พ่อกับแม่ หลานๆ อยู่ ตจว. ไม่ค่อยได้ใช้อะไรหรอก (ค่านม ค่าน้ำ ค่าไฟ ของบ้านแม่สามีเราเป็นคนจ่ายไม่เกี่ยวกับเงินที่โอนให้)
คือคำพูดของทั้ง 2 ฝั่ง มันต่างกัน และความรู้สึกของคนที่ได้ฟังมันก็ต่างกัน
เอาจริงๆ การที่เป็นลูกคนเล็กเนี่ยมันต้องขนาดนี้เลยหรอวะ ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยได้สัมผัสความรู้สึกสิทธิพิเศษของคำว่าลูกคนเล็กเลย
ตอนเด็กๆ ก็ได้ใช้แต่ของเหลือจากพี่ชายทั้ง 2 จะหาของใหม่หรอ ไม่มีทาง กลับมาจากโรงเรียนก็ต้องกวาดบ้านถูบ้าน
ซักผ้า หุงข้าว เตรียมของไว้ให้แม่ทำกับข้าว ส่วนพี่ชายทั้ง 2 คน ไปเตะบอล ไปเที่ยวเตร่
พอโตมามีครอบครัวเวลาไปเที่ยวไหนๆ พี่ชายคนโตก็ไปด้วยนะ แต่เราเป็นคนจ่ายตัง
จ่ายทุกบาททุกสตางค์ และอีกประเด็นคือเราเป็นลูกที่พ่อกับแม่ส่งให้เรียนจบแค่ ม. 3
เหตุผล พ่อกับแม่บอกไม่มีเงิน เพราะต้องส่งพี่ชายเรียนก่อน
พี่จบแล้วค่อยให้เราเรียนต่อ สรุปพี่ชายเราทั้ง 2 คนก็เรียนไม่จบ
ส่วนเราเข้ากรุงเทพฯ หาเงินเองตั้งแต่อายุ 15 ปี สมัครเรียน กศน. จนจบ ม.6 แล้วก็เรียนต่อ
ป. ตรี จนจบ เราหาเงินเรียนเอง ปากกัดตีนถีบด้วยตัวเอง จะมีแค่เทอมที่ต้องไปฝึกงานแล้วไม่มีเงินเลยต้องขอพ่อ
จำได้ว่าขอเงินพ่อมาแค่ 2 หมื่น แต่กลายเป็น 2 หมื่นที่เอามาทวงบุญคุณว่า “ไม่มีเงินกูเรียนไม่จบหรอก
ที่เรียนจบมาได้เพราะกู กูส่งเรียน” คำพูดนี้จะได้ยินบ่อยมาก
เราโชคดีที่มีสามีที่เข้าใจเราและมีลูกที่น่ารัก บางครั้งเราก็คิดว่าคงเป็นกรรมแหละ
กรรมของเราที่ดันเกิดมาเป็นลูกคนเล็ก....