สวัสดีครับทุกคน
ในขณะที่ นโยบายของรัฐบาลไทยกำลังสนับสนุนการลงทุนอะไรบางอย่าง
วันนี้ผมจึงอยากมาตีแผ่เครือข่าย
ธุรกิจของ Alibaba (LAZADA) ฉบับย่อๆ ให้ทุกคนได้เข้าใจกัน
โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในธุรกิจในภาคการ Trading ของบริษัท SME ที่เหมือนดั่งถูกผีซ้ำด้ามพลอย
รวมไปถึงพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ที่ใช่ว่าคุณจะรอดครับ
เพราะต่อจากนี้ไป
ด้วยนโยบายเขตปลอดอากรที่ฉะเชิงเทราทำให้ Lazada ส่งของที่มาจากจีนเร็วขึ้น
และสินค้าที่ต่ำกว่า 1500 ไม่ต้องเสียภาษี
ส่วนพวกคุณไม่ได้ประโยชน์อะไรเลยและได้ผลกระทบเต็มๆ
ขอเกริ่นก่อน สิ่งที่ทำให้ผมเขียนกระทู้นี้มันมาจากข่าวนี้ครับ
"คลังส่อพับแผนเก็บ VAT สินค้านำเข้าผ่านไปรษณีย์ราคาไม่เกิน 1,500 บาท เหตุปฏิบัติยุ่งยาก-แยกแยะลำบากนำเข้าเพื่อใช้ส่วนตัว/เพื่อการค้าอีคอมเมิร์ซ แถมอาจไม่คุ้มค่าจัดเก็บ เหตุได้เม็ดเงินภาษีแค่หลักร้อยล้านบาท
แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังเปิดเผย
“ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ช่วงที่ผ่านมากระทรวงการคลังมีแนวคิดจะจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) จากสินค้านำเข้าผ่านไปรษณีย์ที่มีราคาไม่เกิน 1,500 บาท จากเดิมที่ยกเว้นภาษี VAT ให้ เนื่องจากถือว่าเป็นการนำเข้าเพื่อใช้ส่วนตัว แต่เนื่องจากปัจจุบันมีการใช้ช่องทางดังกล่าวนำเข้าสินค้าเพื่อการค้าเชิงพาณิชย์ (อีคอมเมิร์ซ) มากขึ้น"
"และในส่วนของ
อากรขาเข้านั้นมีการยกเว้นให้กับสินค้าที่นำเข้าผ่านไปรษณีย์ ราคาไม่เกิน 1,500 บาทอยู่แล้ว"
ปัจจุบันธุรกิจหลักๆของ Alibaba มีทั้ง B2B และ B2C
ตามแผนภาพดังนี้ครับ
สำหรับบ้านเราบริษัทที่เป็น e-commerce Business to consumer คือ Lazada ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ Alibaba (อาลีบาบาเทคโอเวอร์ไป)
Lazada
ปัจจุบันอย่างที่ทุกคนอาจจะเคยได้ยินข่าวกับว่า E-commerce ในไทย Lazada แม้จะมียอดขายเป็นอันดับ 1 แต่ขาดทุนหนักมาก
แต่ลาซาด้าขาดทุนหนักมาก แล้วทำไมอาลีบาบาถึงได้ซื้อและดำเนินการบริหารต่อ(?) แถมยังทุ่มเงินลงทุนต่อราวกับเผาแบงค์กงเต้ก
ครับ Lazada ไม่ได้กำไรจากการเป็นผู้ให้บริการแพลตฟอร์มสักเท่าไหร่นักในตอนนี้ แต่มีกำไรจากการขายสินค้าจีนแน่ๆครับ โดยเฉพาะ สินค้า LAZMALL ที่มีอยู่ในทุกหมวดของสินค้าที่เราต้องการ
Lazmall คืออะไร? ก็คือบริษัทลูกของ TMALL นั่นเองครับ ซึ่งจากงบการเงินของ ALIBABA ปีที่ผ่านมาธุรกิจที่กำไรมีการเติบโตสูงที่สุดของ Alibaba คือ TMALL มีกำไรเติบโตสูงถึง 19%
ผมได้ทำตารางมาคร่าวๆ ไม่ได้ครอบคลุมทุกหมวดแต่เป็นเฉพาะหมวดที่คาดว่าลูกค้าจะซื้อกันบ่อยๆ
ให้ gross number เท่ากับจำนวนสินค้าทั้งหมด
Product from China คือสินค้าในหมวดดังกล่าวที่มาจากจีน
และ Under 1500 คือสินค้าที่มาจากจีนที่ราคาต่ำกว่า 1500
ในตอนนี้ สินค้าเกินครึ่งใน Lazada คือสินค้าจีน ซึ่งส่วนมากราคาถูกกว่าสินค้าไทย
และหากไม่นับในส่วนของผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางค์
สินค้าเกิน50% ใน Lazada คือสินค้าจีน
และ
เฉลี่ย 94% ของสินค้าเหล่านั้นคือสินค้าต่ำกว่า 1500!!!!!!!!!!
นั่นหมายความว่า สินค้า 94% เหล่านั้นไม่ต้องเสียภาษี !!!!!!!!!
ในตอนนี้สินค้าจากจีนมีข้อเสียอยู่อย่างเดียวคือ ส่งช้ากว่าที่ไทยมาก
และการมาตั้งศูนย์กระจายสินค้าในฉะเชิงเทราก็จะทำให้การขนส่งรวดเร็วขึ้น
และเป็นการเพิ่มศักยภาพในการขายของผู้ขายจากต่างประเทศ
ทีนี้มันจะกระทบกับคนไทยยังไง? ถ้ามองในแบบผู้บริโภคก็ อ๋อ ไม่เห็นเป็นไรเลยเราก็ซื้อสินค้าจากจีนได้ถูกยังไงล่ะ
แถมเราจะมีโรงกระจายสินค้าที่ฉะเชิงเทรากันอีกด้วย
ก็ตอนนี้สินค้าจากจีนมันปลอดภาษีแล้ว จะไม่เก็บแวทเพิ่มด้วย เราก็ต้อง
ซื้อของที่ถูกที่สุดเพื่อความอยู่รอดไงเย่
ธุรกิจที่ไม่ปรับไม่ปรับตัวก็จงพ่ายแพ้และตายไปซะๆ
ครับ
ในขณะที่บางประเทศอย่างเช่นสหรัฐอเมริกา พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อเก็บภาษีนำเข้าจากสินค้าจีนเพิ่มเพื่อกระตุ้นรายได้ของอุตสาหกรรมในภาคการผลิตในประเทศ...
อ่านถึงบรรทัดนี้คงไม่ต้องพิมพ์ต่อแล้วนะครับ ผมคงไม่บังอาจไปวิจารณ์ท่านๆแน่ๆ
และถ้าคุณยังขายสินค้าแบบเดิมๆ ให้ลูกค้าโอนเงินเข้าธนาคาร เทียบกับ Lazada ที่จัดโปรกระหน่ำตลอด ลูกค้าจ่ายผ่านบัตรเครดิตเก็บแต้มได้ และ สินค้า TMALL มีการรับประกันว่าแท้ ทั้งแท้และถูก... และมีการรับประกันอายุการใช้งาน
เรามาดูผลกระทบของเราดีกว่า
โครงสร้างของธุรกิจ SME เป็นไปดังนี้ครับ ทำไมเราถึงต้องให้ความสำคัญกับธุรกิจ SME มากๆ
เพราะ 90% ของบริษัทจดทะเบียนคือ SME ไงครับ
และ GDP ในส่วนของธุรกิจซ่อมบำรุงและและการค้า เป็นธุรกิจการค้าถึง 78%
ซึ่งธุรกิจการค้าก็คือ Trading หรือซื้อมาขายไปนี่แหละครับ
กลุ่มคนเหล่านี้จะต้องเจ๊งอย่างแน่นอน และมันก็คงไม่ได้กระทบกันแค่ในหมู่ของ SME แน่นอน
ลองนึกสภาพถ้า SME เจ๊งจะเกิดอะไรขึ้น GDP 1.5 ล้านล้านบาทนะครับ
ตอนนี้แม้จะยังไม่ได้เจ๊ง 100% แต่ก็เริ่มเห็นสัญญานกันพอสมควรแล้ว
ทางออกสำหรับ SMEตอนนี้อย่างที่เห็นๆกัน
1.เปลี่ยนธุรกิจ เปิดโฮสเทล เปิดร้านอาหาร เปิดร้านกาแฟ = โฮสเทลเกลื่อนเมือง ปจบ ตัดราคากันเหลือเตียงละสองสามร้อย บาทแข็งทีก็เจ๊งอั้กกันอีก คนไม่มาเที่ยว
2.ปรับตัวเป็นผู้ผลิต ตั้งโรงงานเอง ใช้เงินแบบไก่กาอาราเล่ ประมาน 20 ล้านครับ (เฉพาะค่าก่อสร้างไม่รวมค่าที่) ไม่การันตีว่าจะประสบความสำเร็จนะ
กับค่าแรงในอนาคตที่ 400 บาท
3.ปรับตัวไปเป็นแรงงาน
ใครไม่มีการศึกษาก็ไปใช้แรงงาน รับจ๊อบเป็นแม่บ้าน ขับแกร้ป
ส่วนคนที่มีการศึกษา...
ลูกหลาน SME จำนวนมาก ที่พ่อแม่มีวิสัยทัศน์พอสมควรได้ถูกพ่อแม่ส่งไปเรียนเมืองนอกเพื่อกลับมาทำงาน corporate
ยุคนี้ใครๆก็จบเมืองนอกครับ U Top 100-200 มีกันให้เห็นเกลื่อนตลาด เงินเดือนก็ใช่ว่าจะดีครับเพราะ supply มันสูงมาก
เพื่อนผมหลาย คนที่จบ มหาวิทยาลัยที่เป็น University of xxxxxxx เงินเดือนเริ่มต้นแค่หลัก 2x,xxx นะครับ 555 แต่ พ่อแม่จ่ายไป 2-3 ล้าน
เคยเห็นแย่ที่สุดคือ จบ University of...... ที่นึงของอังกฤษ แต่กลับมาได้เงินเดือนแค่ 18,000
Supply มันสูง Corporate ก็ต่อรองราคาได้ครับ ยิ่งอนาคต supply สูงกว่านี้แน่นอน บวกกับมาตรการลดคนเพื่อตัดต้นทุนค่าใช้จ่ายของหลายๆบริษัท
ไม่กระทบคนทำงาน corporate แน่นอน กอดเก้าอี้กันไว้แน่นๆนะครับ
4.หาอะไรที่ innovated ทำ (?)
นึกสภาพอาม่าอาซิ่มอาแปะ 50-60 ไป Pitching ธุรกิจ Startup อาจจะดูน่าจะดูน่ารักน่าเอ็นดูครับ
เคยได้ยินคำพูดนี้มั้ยครับว่า "
คนไทยเรามันไม่มีความภักดีต่อแบรนด์ในประเทศ ต่อให้ทำอะไรออกมาก็ยากที่คนจะซื้อโดยไม่ใช้ราคาเป็นตัวตัดสินใจอยู่ดี"
5.ตาย
สำหรับกระทู้นี้ผมลังเลอยู่นานว่าจะเขียนดีหรือเปล่า
เพราะตอนแรกผมมีหุ้น Alibaba อยู่กระจ้อยร่อยประมานร้อยหุ้น
ความจริง E-commerce จีน ผมมีทั้ง alibaba และ jd.com ครับ
แต่ที่ผมตัดสินใจเขียนกระทู้นี้เพราะผมคิดว่าผลประโยชน์ตรงนั้นมันมีเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับความมั่นคั่งของชาติ
แต่นโยบายนี้เป็นนโยบายที่มีประโยชน์มากๆหากคุณเป็นผู้ขายสินค้าชาวจีน
และในมุมมองผู้ถือหุ้น Alibabaและจิ่งตง ผมคงจะขาย jd.com ที่เหลือทิ้ง เพราะ Alibaba มีสัมพันธ์ที่ดีเป็นพิเศษกับรัฐบาลแดนมหัศจรรย์บางประเทศ
และสามารถสร้างโครงสร้างพื้นฐานโลจิสติกอันแข็งแกร่ง
[เจ้าของธุรกิจ Trading SME ควรอ่าน!!] เมื่อรัฐบาลไทยจูบปากกับ Alibaba <3 ใครได้ใครเสีย!!??
ในขณะที่ นโยบายของรัฐบาลไทยกำลังสนับสนุนการลงทุนอะไรบางอย่าง
วันนี้ผมจึงอยากมาตีแผ่เครือข่าย
ธุรกิจของ Alibaba (LAZADA) ฉบับย่อๆ ให้ทุกคนได้เข้าใจกัน
โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในธุรกิจในภาคการ Trading ของบริษัท SME ที่เหมือนดั่งถูกผีซ้ำด้ามพลอย
รวมไปถึงพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ที่ใช่ว่าคุณจะรอดครับ
เพราะต่อจากนี้ไป
ด้วยนโยบายเขตปลอดอากรที่ฉะเชิงเทราทำให้ Lazada ส่งของที่มาจากจีนเร็วขึ้น
และสินค้าที่ต่ำกว่า 1500 ไม่ต้องเสียภาษี
ส่วนพวกคุณไม่ได้ประโยชน์อะไรเลยและได้ผลกระทบเต็มๆ
ขอเกริ่นก่อน สิ่งที่ทำให้ผมเขียนกระทู้นี้มันมาจากข่าวนี้ครับ
"คลังส่อพับแผนเก็บ VAT สินค้านำเข้าผ่านไปรษณีย์ราคาไม่เกิน 1,500 บาท เหตุปฏิบัติยุ่งยาก-แยกแยะลำบากนำเข้าเพื่อใช้ส่วนตัว/เพื่อการค้าอีคอมเมิร์ซ แถมอาจไม่คุ้มค่าจัดเก็บ เหตุได้เม็ดเงินภาษีแค่หลักร้อยล้านบาท
แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังเปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ช่วงที่ผ่านมากระทรวงการคลังมีแนวคิดจะจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) จากสินค้านำเข้าผ่านไปรษณีย์ที่มีราคาไม่เกิน 1,500 บาท จากเดิมที่ยกเว้นภาษี VAT ให้ เนื่องจากถือว่าเป็นการนำเข้าเพื่อใช้ส่วนตัว แต่เนื่องจากปัจจุบันมีการใช้ช่องทางดังกล่าวนำเข้าสินค้าเพื่อการค้าเชิงพาณิชย์ (อีคอมเมิร์ซ) มากขึ้น"
"และในส่วนของอากรขาเข้านั้นมีการยกเว้นให้กับสินค้าที่นำเข้าผ่านไปรษณีย์ ราคาไม่เกิน 1,500 บาทอยู่แล้ว"
ปัจจุบันธุรกิจหลักๆของ Alibaba มีทั้ง B2B และ B2C
ตามแผนภาพดังนี้ครับ
สำหรับบ้านเราบริษัทที่เป็น e-commerce Business to consumer คือ Lazada ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ Alibaba (อาลีบาบาเทคโอเวอร์ไป)
Lazada
ปัจจุบันอย่างที่ทุกคนอาจจะเคยได้ยินข่าวกับว่า E-commerce ในไทย Lazada แม้จะมียอดขายเป็นอันดับ 1 แต่ขาดทุนหนักมาก
แต่ลาซาด้าขาดทุนหนักมาก แล้วทำไมอาลีบาบาถึงได้ซื้อและดำเนินการบริหารต่อ(?) แถมยังทุ่มเงินลงทุนต่อราวกับเผาแบงค์กงเต้ก
ครับ Lazada ไม่ได้กำไรจากการเป็นผู้ให้บริการแพลตฟอร์มสักเท่าไหร่นักในตอนนี้ แต่มีกำไรจากการขายสินค้าจีนแน่ๆครับ โดยเฉพาะ สินค้า LAZMALL ที่มีอยู่ในทุกหมวดของสินค้าที่เราต้องการ
Lazmall คืออะไร? ก็คือบริษัทลูกของ TMALL นั่นเองครับ ซึ่งจากงบการเงินของ ALIBABA ปีที่ผ่านมาธุรกิจที่กำไรมีการเติบโตสูงที่สุดของ Alibaba คือ TMALL มีกำไรเติบโตสูงถึง 19%
ผมได้ทำตารางมาคร่าวๆ ไม่ได้ครอบคลุมทุกหมวดแต่เป็นเฉพาะหมวดที่คาดว่าลูกค้าจะซื้อกันบ่อยๆ
ให้ gross number เท่ากับจำนวนสินค้าทั้งหมด
Product from China คือสินค้าในหมวดดังกล่าวที่มาจากจีน
และ Under 1500 คือสินค้าที่มาจากจีนที่ราคาต่ำกว่า 1500
ในตอนนี้ สินค้าเกินครึ่งใน Lazada คือสินค้าจีน ซึ่งส่วนมากราคาถูกกว่าสินค้าไทย
และหากไม่นับในส่วนของผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางค์
สินค้าเกิน50% ใน Lazada คือสินค้าจีน
และ
เฉลี่ย 94% ของสินค้าเหล่านั้นคือสินค้าต่ำกว่า 1500!!!!!!!!!!
นั่นหมายความว่า สินค้า 94% เหล่านั้นไม่ต้องเสียภาษี !!!!!!!!!
ในตอนนี้สินค้าจากจีนมีข้อเสียอยู่อย่างเดียวคือ ส่งช้ากว่าที่ไทยมาก
และการมาตั้งศูนย์กระจายสินค้าในฉะเชิงเทราก็จะทำให้การขนส่งรวดเร็วขึ้น
และเป็นการเพิ่มศักยภาพในการขายของผู้ขายจากต่างประเทศ
ทีนี้มันจะกระทบกับคนไทยยังไง? ถ้ามองในแบบผู้บริโภคก็ อ๋อ ไม่เห็นเป็นไรเลยเราก็ซื้อสินค้าจากจีนได้ถูกยังไงล่ะ
แถมเราจะมีโรงกระจายสินค้าที่ฉะเชิงเทรากันอีกด้วย
ก็ตอนนี้สินค้าจากจีนมันปลอดภาษีแล้ว จะไม่เก็บแวทเพิ่มด้วย เราก็ต้องซื้อของที่ถูกที่สุดเพื่อความอยู่รอดไงเย่
ธุรกิจที่ไม่ปรับไม่ปรับตัวก็จงพ่ายแพ้และตายไปซะๆ
ครับในขณะที่บางประเทศอย่างเช่นสหรัฐอเมริกา พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อเก็บภาษีนำเข้าจากสินค้าจีนเพิ่มเพื่อกระตุ้นรายได้ของอุตสาหกรรมในภาคการผลิตในประเทศ...
อ่านถึงบรรทัดนี้คงไม่ต้องพิมพ์ต่อแล้วนะครับ ผมคงไม่บังอาจไปวิจารณ์ท่านๆแน่ๆ
และถ้าคุณยังขายสินค้าแบบเดิมๆ ให้ลูกค้าโอนเงินเข้าธนาคาร เทียบกับ Lazada ที่จัดโปรกระหน่ำตลอด ลูกค้าจ่ายผ่านบัตรเครดิตเก็บแต้มได้ และ สินค้า TMALL มีการรับประกันว่าแท้ ทั้งแท้และถูก... และมีการรับประกันอายุการใช้งาน
เรามาดูผลกระทบของเราดีกว่า
โครงสร้างของธุรกิจ SME เป็นไปดังนี้ครับ ทำไมเราถึงต้องให้ความสำคัญกับธุรกิจ SME มากๆ
เพราะ 90% ของบริษัทจดทะเบียนคือ SME ไงครับ
และ GDP ในส่วนของธุรกิจซ่อมบำรุงและและการค้า เป็นธุรกิจการค้าถึง 78%
ซึ่งธุรกิจการค้าก็คือ Trading หรือซื้อมาขายไปนี่แหละครับ
กลุ่มคนเหล่านี้จะต้องเจ๊งอย่างแน่นอน และมันก็คงไม่ได้กระทบกันแค่ในหมู่ของ SME แน่นอน
ลองนึกสภาพถ้า SME เจ๊งจะเกิดอะไรขึ้น GDP 1.5 ล้านล้านบาทนะครับ
ตอนนี้แม้จะยังไม่ได้เจ๊ง 100% แต่ก็เริ่มเห็นสัญญานกันพอสมควรแล้ว
ทางออกสำหรับ SMEตอนนี้อย่างที่เห็นๆกัน
1.เปลี่ยนธุรกิจ เปิดโฮสเทล เปิดร้านอาหาร เปิดร้านกาแฟ = โฮสเทลเกลื่อนเมือง ปจบ ตัดราคากันเหลือเตียงละสองสามร้อย บาทแข็งทีก็เจ๊งอั้กกันอีก คนไม่มาเที่ยว
2.ปรับตัวเป็นผู้ผลิต ตั้งโรงงานเอง ใช้เงินแบบไก่กาอาราเล่ ประมาน 20 ล้านครับ (เฉพาะค่าก่อสร้างไม่รวมค่าที่) ไม่การันตีว่าจะประสบความสำเร็จนะ
กับค่าแรงในอนาคตที่ 400 บาท
3.ปรับตัวไปเป็นแรงงาน
ใครไม่มีการศึกษาก็ไปใช้แรงงาน รับจ๊อบเป็นแม่บ้าน ขับแกร้ป
ส่วนคนที่มีการศึกษา...
ลูกหลาน SME จำนวนมาก ที่พ่อแม่มีวิสัยทัศน์พอสมควรได้ถูกพ่อแม่ส่งไปเรียนเมืองนอกเพื่อกลับมาทำงาน corporate
ยุคนี้ใครๆก็จบเมืองนอกครับ U Top 100-200 มีกันให้เห็นเกลื่อนตลาด เงินเดือนก็ใช่ว่าจะดีครับเพราะ supply มันสูงมาก
เพื่อนผมหลาย คนที่จบ มหาวิทยาลัยที่เป็น University of xxxxxxx เงินเดือนเริ่มต้นแค่หลัก 2x,xxx นะครับ 555 แต่ พ่อแม่จ่ายไป 2-3 ล้าน
เคยเห็นแย่ที่สุดคือ จบ University of...... ที่นึงของอังกฤษ แต่กลับมาได้เงินเดือนแค่ 18,000
Supply มันสูง Corporate ก็ต่อรองราคาได้ครับ ยิ่งอนาคต supply สูงกว่านี้แน่นอน บวกกับมาตรการลดคนเพื่อตัดต้นทุนค่าใช้จ่ายของหลายๆบริษัท
ไม่กระทบคนทำงาน corporate แน่นอน กอดเก้าอี้กันไว้แน่นๆนะครับ
4.หาอะไรที่ innovated ทำ (?)
นึกสภาพอาม่าอาซิ่มอาแปะ 50-60 ไป Pitching ธุรกิจ Startup อาจจะดูน่าจะดูน่ารักน่าเอ็นดูครับ
เคยได้ยินคำพูดนี้มั้ยครับว่า "คนไทยเรามันไม่มีความภักดีต่อแบรนด์ในประเทศ ต่อให้ทำอะไรออกมาก็ยากที่คนจะซื้อโดยไม่ใช้ราคาเป็นตัวตัดสินใจอยู่ดี"
5.ตาย
สำหรับกระทู้นี้ผมลังเลอยู่นานว่าจะเขียนดีหรือเปล่า
เพราะตอนแรกผมมีหุ้น Alibaba อยู่กระจ้อยร่อยประมานร้อยหุ้น
ความจริง E-commerce จีน ผมมีทั้ง alibaba และ jd.com ครับ
แต่ที่ผมตัดสินใจเขียนกระทู้นี้เพราะผมคิดว่าผลประโยชน์ตรงนั้นมันมีเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับความมั่นคั่งของชาติ
แต่นโยบายนี้เป็นนโยบายที่มีประโยชน์มากๆหากคุณเป็นผู้ขายสินค้าชาวจีน
และในมุมมองผู้ถือหุ้น Alibabaและจิ่งตง ผมคงจะขาย jd.com ที่เหลือทิ้ง เพราะ Alibaba มีสัมพันธ์ที่ดีเป็นพิเศษกับรัฐบาลแดนมหัศจรรย์บางประเทศ
และสามารถสร้างโครงสร้างพื้นฐานโลจิสติกอันแข็งแกร่ง