ตามรอยหุ้นอเมริกาตอนที่ 26 - รีวิวหุ้น Alibaba ยักษ์ใหญ่ค้าขายระดับโลก
Alibaba (Ticket: BABA) ถูกก่อตั้ง เมื่อวันที่ 4 เมษายน 1999 โดยนาย Jack Ma และกลุ่มเพื่อน
หลังจากเห็นแนวโน้มการค้าขายออนไลน์ที่จะเติบโตอย่างมากในช่วงที่อยู่ที่อเมริกา
ปัจจุบัน Alibaba มีทั้งหมด 5 ธุรกิจหลักๆดังนี้
ธุรกิจแรกคือการค้าขายออนไลน์ โดยมี Alibaba.com เป็นแหล่งรวมธุรกิจซื้อขายสินค้าในรูปแบบบริษัท
บริษัทในไทยอยากนำเข้ามอเตอร์ไฟฟ้าจากจีน สามารถเข้าไปคุยกับบริษัทผู้ผลิตเพื่อสั่งสินค้าได้โดยตรง
มีเวปไซต์ Taoboa เป็นสถานที่บริษัทขนาดกลางและเล็กมาขายของให้กับผู้ซื้อรายย่อย หรือเรียกว่า C2C
แล้วก็มี Tmall ที่เป็นเวปที่มีร้านค้าชื่อดังมาขายของให้รายย่อย ที่แตกต่างจาก Taoboa คือคุณภาพสินค้าและสินค้าปลอมน้อยกว่าเพราะมาจากเจ้าของแบรนด์ดังๆ
เพื่อทำธุรกิจแบบครบวงจรทาง Alibaba เลยเริ่มธุรกิจร้านขายของชำที่เรียกว่า Hema เป็นร้านขาย ผัก ผลไม้ อาหารทะเลสด และอื่นๆ
สามารถเข้าไปซื้อที่ร้านหรือสั่งทางมือถือแล้วจะมีคนมาส่งภายใน 30 นาทีถ้าอยู่ห่างภายใน 3 กิโลเมตร
Alibaba นำข้อมูลการซื้อขายของลูกค้ามาวิเคราะห์เพื่อเพิ่มยอดขายอีกด้วย
มีแอปพริเคชั่น Ele.me เป็นบริการส่งอาหารคล้ายๆ Grab กับ Lineman บ้านเรา
มี Aliexpress ที่ขายของในจีนให้ลูกค้ารายย่อยทั่วโลก
Tmall Global เป็นช่องทางเชื่อมให้ธุรกิจจากต่างประเทศเข้าไปขายของในจีนได้
สินค้าไทยอย่างเครื่องสำอางค์ Mistine ก็เข้าตลาดจีนด้วยช่องทางนี้
ในต่างประเทศมี Lazada เป็นหัวเรือใหญ่ทำธุรกิจใน อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงค์โปร์ ไทย และเวียดนาม
นอกจากนี้ยังมีขายส่งอย่าง 1688.com และมีบริษัทโลจิสติกส์อย่าง Cainiao
รายได้ในส่วนนี้มากถึง 86% ของรายได้ทั้งหมด
ธุรกิจที่สองคือการให้บริการคลาวด์ Alibaba Cloud ซึ่งรวมทั้ง เซิร์ฟเวอร์ แอปพลิเคชัน ระบบข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) และไอโอที รายได้เป็น 7% ของทั้งหมด
เติบโตได้ถึง 62% ในช่วงไตรมาสที่ 3 ที่จบเดือนธันวาคม 2019
ธุรกิจที่สามคือการให้บริการสื่อความบันเทิง โดยมี Youku ที่เป็นผู้ให้บริการวีดีโอสตีมมิ่งใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ในจีน และมี Alibaba Music ให้บริการเพลงแบบสตีมมิ่ง รายได้คิดเป็น 6% ของรายได้ทั้งหมด
ส่วนที่สี่คือธุรกิจเทคโนโลยีในอนาคต (Innovation Initiatives) ทำแผนที่แบบ Google Map และทำระบบนำทาง รายได้คิดเป็น 1%
Alibaba ยังถือ Ant Financial 33% ให้บริการระบบจ่ายเงิน Alipay การบริหารเงิน ประกัน และปล่อยกู้รายย่อย แต่ Ant Financial ไม่ได้ถูกรวมไว้ในงบ Alibaba
รายได้ของบริษัทเติบโตได้อย่างต่อเนื่องจากเทรนด์การซื้อของออนไลน์
ปี 2017 รายได้ $22,158 ล้าน กำไร $6,114 ล้าน
ปี 2018 รายได้ $35,037 ล้าน กำไร $8,973 ล้าน
ปี 2019* รายได้ $52,758 ล้าน กำไร $12,304 ล้าน
*รอบปีจบเดือนมีนาคม 2019
รายได้ในปี 2020 ใน 3 ไตรมาสแรกยังเติบโตได้ดี ไตรมาสล่าสุดเติบโตได้ 38%
จะเห็นได้ว่ากำไรสุทธิใน 3 ปีหลังสุดเติบโตได้ถึง 41% แบบทบต้น และมีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 23.25%
เมื่อเทียบกับ Amazon ที่ทำได้ 4.14% แล้วบริษัทมีอัตราทำกำไรสุทธิที่สูงกว่ามาก
นอกจากนี้บริษัทยังสามารถสร้างกระแสเงินสดอิสระได้ถึง $14,186 ล้านต่อปี
กระแสเงินสดและเงินลงทุนระยะสั้นมีอยู่ $28,44 ล้าน ในขณะที่หนี้สินระยะสั้นมีอยู่ $29,073 ล้าน
บริษัทมีสถาพคล่องที่สูงมาก สามารถอยู่รอดได้สบายในช่วงวิกฤต
ข้อมูลจาก Morningstar คาดการณ์ไว้ว่ารายได้ของ Alibaba จะเติบโตได้ 22% ทบต้นในช่วงปี 2020-2024 จากความโดดเด่นของการเติบโตการซื้อขายออนไลน์ รวมทั้งธุรกิจคลาวด์ที่เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
สุดท้ายหุ้น Alibaba มีคูเมืองที่แข็งแกร่ง คู่แข่งอย่าง JD.Com เข้ามาแข่งได้ยาก ด้วยขนาดของเครือข่ายผู้ใช้ที่ใหญ่กว่า พร้อมทั้งแนวคิดการเติบโตธุรกิจที่ครบวงจรออนไลน์และออฟไลน์
หุ้น Alibaba ที่อยู่ในตลาด Nasdaq เป็นแบบ American Depositary Receipts (ADR)
ADR เป็นรูปแบบการซื้อขายหุ้นต่างประเทศที่ช่วยให้นักลงทุนในตลาดหุ้นอเมริกาสามารถลงทุนซื้อขายหุ้นจากบริษัทต่างประเทศได้
โดยมีโบรกเกอร์ช่วยบริหารจัดการเรื่องเงินปันผลและอัตราแลกเปลี่ยนให้
สำหรับนักลงทุนไทยที่ซื้อขายหุ้นอเมริกาแบบ Offshore
การลงทุนใน ADR จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมขึ้นมาตามแต่ละโบรกเกอร์ที่กำหนดไว้
รีวิวหุ้น Alibaba ยักษ์ใหญ่รีเทลระดับโลก - By Billionaire VI
Alibaba (Ticket: BABA) ถูกก่อตั้ง เมื่อวันที่ 4 เมษายน 1999 โดยนาย Jack Ma และกลุ่มเพื่อน
หลังจากเห็นแนวโน้มการค้าขายออนไลน์ที่จะเติบโตอย่างมากในช่วงที่อยู่ที่อเมริกา
ปัจจุบัน Alibaba มีทั้งหมด 5 ธุรกิจหลักๆดังนี้
ธุรกิจแรกคือการค้าขายออนไลน์ โดยมี Alibaba.com เป็นแหล่งรวมธุรกิจซื้อขายสินค้าในรูปแบบบริษัท
บริษัทในไทยอยากนำเข้ามอเตอร์ไฟฟ้าจากจีน สามารถเข้าไปคุยกับบริษัทผู้ผลิตเพื่อสั่งสินค้าได้โดยตรง
มีเวปไซต์ Taoboa เป็นสถานที่บริษัทขนาดกลางและเล็กมาขายของให้กับผู้ซื้อรายย่อย หรือเรียกว่า C2C
แล้วก็มี Tmall ที่เป็นเวปที่มีร้านค้าชื่อดังมาขายของให้รายย่อย ที่แตกต่างจาก Taoboa คือคุณภาพสินค้าและสินค้าปลอมน้อยกว่าเพราะมาจากเจ้าของแบรนด์ดังๆ
เพื่อทำธุรกิจแบบครบวงจรทาง Alibaba เลยเริ่มธุรกิจร้านขายของชำที่เรียกว่า Hema เป็นร้านขาย ผัก ผลไม้ อาหารทะเลสด และอื่นๆ
สามารถเข้าไปซื้อที่ร้านหรือสั่งทางมือถือแล้วจะมีคนมาส่งภายใน 30 นาทีถ้าอยู่ห่างภายใน 3 กิโลเมตร
Alibaba นำข้อมูลการซื้อขายของลูกค้ามาวิเคราะห์เพื่อเพิ่มยอดขายอีกด้วย
มีแอปพริเคชั่น Ele.me เป็นบริการส่งอาหารคล้ายๆ Grab กับ Lineman บ้านเรา
มี Aliexpress ที่ขายของในจีนให้ลูกค้ารายย่อยทั่วโลก
Tmall Global เป็นช่องทางเชื่อมให้ธุรกิจจากต่างประเทศเข้าไปขายของในจีนได้
สินค้าไทยอย่างเครื่องสำอางค์ Mistine ก็เข้าตลาดจีนด้วยช่องทางนี้
ในต่างประเทศมี Lazada เป็นหัวเรือใหญ่ทำธุรกิจใน อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงค์โปร์ ไทย และเวียดนาม
นอกจากนี้ยังมีขายส่งอย่าง 1688.com และมีบริษัทโลจิสติกส์อย่าง Cainiao
รายได้ในส่วนนี้มากถึง 86% ของรายได้ทั้งหมด
ธุรกิจที่สองคือการให้บริการคลาวด์ Alibaba Cloud ซึ่งรวมทั้ง เซิร์ฟเวอร์ แอปพลิเคชัน ระบบข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) และไอโอที รายได้เป็น 7% ของทั้งหมด
เติบโตได้ถึง 62% ในช่วงไตรมาสที่ 3 ที่จบเดือนธันวาคม 2019
ธุรกิจที่สามคือการให้บริการสื่อความบันเทิง โดยมี Youku ที่เป็นผู้ให้บริการวีดีโอสตีมมิ่งใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ในจีน และมี Alibaba Music ให้บริการเพลงแบบสตีมมิ่ง รายได้คิดเป็น 6% ของรายได้ทั้งหมด
ส่วนที่สี่คือธุรกิจเทคโนโลยีในอนาคต (Innovation Initiatives) ทำแผนที่แบบ Google Map และทำระบบนำทาง รายได้คิดเป็น 1%
Alibaba ยังถือ Ant Financial 33% ให้บริการระบบจ่ายเงิน Alipay การบริหารเงิน ประกัน และปล่อยกู้รายย่อย แต่ Ant Financial ไม่ได้ถูกรวมไว้ในงบ Alibaba
รายได้ของบริษัทเติบโตได้อย่างต่อเนื่องจากเทรนด์การซื้อของออนไลน์
ปี 2017 รายได้ $22,158 ล้าน กำไร $6,114 ล้าน
ปี 2018 รายได้ $35,037 ล้าน กำไร $8,973 ล้าน
ปี 2019* รายได้ $52,758 ล้าน กำไร $12,304 ล้าน
*รอบปีจบเดือนมีนาคม 2019
รายได้ในปี 2020 ใน 3 ไตรมาสแรกยังเติบโตได้ดี ไตรมาสล่าสุดเติบโตได้ 38%
จะเห็นได้ว่ากำไรสุทธิใน 3 ปีหลังสุดเติบโตได้ถึง 41% แบบทบต้น และมีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 23.25%
เมื่อเทียบกับ Amazon ที่ทำได้ 4.14% แล้วบริษัทมีอัตราทำกำไรสุทธิที่สูงกว่ามาก
นอกจากนี้บริษัทยังสามารถสร้างกระแสเงินสดอิสระได้ถึง $14,186 ล้านต่อปี
กระแสเงินสดและเงินลงทุนระยะสั้นมีอยู่ $28,44 ล้าน ในขณะที่หนี้สินระยะสั้นมีอยู่ $29,073 ล้าน
บริษัทมีสถาพคล่องที่สูงมาก สามารถอยู่รอดได้สบายในช่วงวิกฤต
ข้อมูลจาก Morningstar คาดการณ์ไว้ว่ารายได้ของ Alibaba จะเติบโตได้ 22% ทบต้นในช่วงปี 2020-2024 จากความโดดเด่นของการเติบโตการซื้อขายออนไลน์ รวมทั้งธุรกิจคลาวด์ที่เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
สุดท้ายหุ้น Alibaba มีคูเมืองที่แข็งแกร่ง คู่แข่งอย่าง JD.Com เข้ามาแข่งได้ยาก ด้วยขนาดของเครือข่ายผู้ใช้ที่ใหญ่กว่า พร้อมทั้งแนวคิดการเติบโตธุรกิจที่ครบวงจรออนไลน์และออฟไลน์
หุ้น Alibaba ที่อยู่ในตลาด Nasdaq เป็นแบบ American Depositary Receipts (ADR)
ADR เป็นรูปแบบการซื้อขายหุ้นต่างประเทศที่ช่วยให้นักลงทุนในตลาดหุ้นอเมริกาสามารถลงทุนซื้อขายหุ้นจากบริษัทต่างประเทศได้
โดยมีโบรกเกอร์ช่วยบริหารจัดการเรื่องเงินปันผลและอัตราแลกเปลี่ยนให้
สำหรับนักลงทุนไทยที่ซื้อขายหุ้นอเมริกาแบบ Offshore
การลงทุนใน ADR จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมขึ้นมาตามแต่ละโบรกเกอร์ที่กำหนดไว้