เห็นข่าวกลุ่มสหภาพแรงงานเคมีภัณฑ์ เรียกร้องรัฐบาลเพิ่มค่าจ้าง 425 บาท ตามที่ได้หาเสียงไว้ จะทำได้จริงหรือเปล่า?

กลุ่มสหภาพแรงงานเคมีภัณฑ์ เรียกร้องรัฐบาลเพิ่มค่าจ้าง 425 บาท ตามที่ได้หาเสียงไว้


15 ส.ค. 2562 กลุ่มสหภาพแรงงานเคมีภัณฑ์ ได้เดินรณรงค์ไปยังศูนย์บริการประชาชน 1111 ทำเนียบรัฐบาล เพื่อยื่นหนังสือเรียกร้องต่อพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เรื่องขอให้เพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำวันละ 425 บาทตามที่ได้หาเสียงไว้ โดยมีนายสมพาศ นิลพันธ์ ที่ปรึกษาสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นตัวแทนรับเรื่องไว้





ทั้งนี้ในข้อเรียกร้องของกลุ่มสหภาพแรงงานเคมีภัณฑ์ ระบุว่าตามที่นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้แถลงนโยบายรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งเมื่อวันที่ 15 มี.ค. 2562 ว่า "พลังประชารัฐยื่นยันเสนอขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400-425 บาทต่อวัน ทำได้จริง เชื่อจะไม่กระทบผู้ประกอบการและนักลงทุน เพราะทำควบคู่กับกับการพัฒนาฝีมือแรงงานพร้อมเผย พล.อ.ประยุทธ์ แคนดิเดตนายกฯ ของพรรครับทราบนโยบายนี้แล้ว" ในขณะที่นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ กล่าวยืนยันว่าไม่ใช่นโยบายประชานิยมเหมือนพรรคอื่นและพรรคทำได้จริง  การหาเสียงดังกล่าว เป็นเสมือนสัญญาประชาคม ทำให้ผู้ใช้แรงงานสนับสนุนพรรคพลังประชารัฐจัดตั้งรัฐบาล

กลุ่มสหภาพแรงงานเคมีภัณฑ์ ระบุว่าการขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ เป็นการยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของผู้ใช้แรงงานให้ดีขึ้น เป็นการกระจายรายได้ ลดความเหลื่อมล้ำ เป็นก้าวแรกของการหลุดพ้นจากกับดักรายได้ปานกลางตามนโยบายรัฐบาล อีกทั้งยังเป็นการกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจอีกด้วย แต่การที่นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล กล่าวตอนหนึ่งว่า "สำหรับเรื่องค่าแรงขั้นต่ำ วันละ 400 – 425 บาท เป็นนโยบายที่พรรคพลังประชารัฐใช้หาเสียงและยอมรับว่า ตอนนี้ยังไม่ใช่นโยบายเร่งด่วน เพราะการขยับขึ้น 400 – 425 บาทในทีเดียวจะมีผลกระทบต่อภาคเอกชนแน่นอน" เป็นการกล่าวอ้างแบบไม่รู้ความจริงเป็นการขัดแย้งกับสัญญาประชาคมที่พรรคพลังประชารัฐหาเสียงไว้ หากไม่มีการเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำ 425 บาทเท่ากับเป็นการตระบัดสัตย์ต่อประชาชน  จะทำให้เป็นรัฐบาลขาดความชอบธรรมต่อไปอีก

นอกจากนี้เมื่อสังคมไทยเข้าสู่สังคมชราภาพ ผู้สูงอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไปมีจำนวนมากขึ้น ในปัจจุบันมีผู้สูงอายุจำนวน 3 ล้านคนที่อยู่ในสภาพยากไร้ ไม่สามารถดำรงชีพได้สมศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ เบี้ยชราเดือนละ 600 บาทจึงไม่เหมาะสมไม่สอดคล้องกับภาวการณ์ครองชีพที่สินค้าอุปโภค บริโภคมีราคาแพง ดังนั้นรัฐบาลควรงดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ที่เป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณ ไม่ก่อให้เกิดรายได้ทางเศรษฐกิจของประเทศ และนำมาซึ่งการทุจริตคอรัปชั่น รวมทั้งควรที่จะลดอัตรานายพลและผู้กินเงินเดือนสองตำแหน่ง เพื่อนำเงินเหล่านี้มาเพิ่มเบี้ยคนชราเดือนละ 3,000 บาท อันเป็นการช่วยการครองชีพของคนชรา และการสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจต่อไป

https://prachatai.com/journal/2019/08/83872

ขืนทำไม่ได้ตามที่พูดคงสูญเสียความน่าเชื่อถือกันคราวนี้แน่  จะคอยดู
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่