หมูแพง ผู้ประกอบการขาดทุนวันละเป็นหมื่น ชี้อาจต้องปิดกิจการ
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_9692865
.
.
หมูแพง ผู้ประกอบการขาดทุนวันละเป็นหมื่น ชี้อาจต้องปิดกิจการ ทวงถามรัฐบาล ไหนเคยสัญญาไว้ว่าจะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น มองพวกเราบ้าง อย่าสนใจแต่คนรวย
.
27 มี.ค. 68 – ที่ร้านอาหารระเบียงเคียงน้ำ ต.หัวทะเล อ.เมือง จ.นครราชสีมา ตัวแทนผู้ประกอบการเขียงหมู และผู้ประกอบการร้านอาหาร มีการรวมตัวกันพูดคุยถึงปัญหาราคาหมูที่มีการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกสัปดาห์
.
ส่งผลทำให้ผู้ประกอบการร้านอาหารและบรรดาพ่อค้า แม่ค้า เขียงหมูได้รับผลกระทบขาดทุนหลักหมื่นต่อวัน ส่วนผู้ประกอบการร้านหมูกระทะเริ่มพิจารณาการขึ้นราคา รวมไปถึงการพิจารณาปิดกิจการก็มี
.
นายพงศ์เพ็ชร วุฒิสิงห์ชัย เจ้าของร้านราชาหมูตัก เปิดเผยว่า ตนประกอบกิจการร้านหมูกระทะแบบตักขายกิโลกรัมละ 169 บาท ที่ร้านมีการเฉลี่ยวัตถุดิบกันไปตั้งแต่อาหารทะเลไปถึงหมู ซึ่งหมูเป็นวัตถุดิบหลักทางร้าน ตั้งแต่ช่วงปีใหม่ราคาหมูมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเดือน มี.ค. มีการปรับไปแล้ว 20 บาท ต่อกิโลกรัม ทำให้ตอนนี้ธุรกิจได้รับผลกระทบอย่างมาก
.
ตอนนี้ต้นทุนในการขายหมูกระทะแบบตักอยู่ที่ประมาณ 160 บาท ซึ่งตนก็ได้มีการพิจารณาปรับราคาขึ้น แต่กลุ่มเป้าหมายคือลูกค้าที่มีรายได้ไม่สูงมาก จึงทำให้การปรับราคาขึ้นลำบาก อีกทางที่คิดไว้คือปิดกิจการไปเลย เนื่องจากไม่สามารถแบกรับต้นทุนราคาหมูได้
อยากให้รัฐบาลลงมาแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น เหมือนที่เคยสัญญาเอาไว้ว่าจะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น และอยากให้รัฐบาลหันมาสนใจแก้ปัญหาปากท้องของประชาชนอย่างจริงจัง โดยมองผู้ประกอบการขนาดเล็กบ้าง ไม่ใช่สนใจแต่คนรวย
.
นายจีระศักดิ์ คาระวิวัฒนา ปธ.ชมรมผู้ประกอบการร้านอาหารนครราชสีมา เปิดเผยว่า ตั้งแต่ประกอบกิจการร้านอาหารมานาน ยังไม่เคยเห็นผู้ประกอบการเขียงหมูออกมาเรียกร้องเกี่ยวกับปัญหาหมูแพง ทำให้เห็นว่าปัญหาดังกล่าวนั้นส่งผลกระทบไปในทุกภาคส่วน ทั้งผู้ประกอบการร้านอาหาร ผู้ประกอบการเขียงหมูและประชาชนทั่วไป จึงอยากให้ทางรัฐบาลเร่งแก้ไขปัญหาอย่างจริงจังไม่ใช่เอาเวลาไปใช้กับเรื่องไร้สาระ เนื่องจากมันไม่ใช่ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนเลย
.
.
พริษฐ์ ตั้งคำถาม รัฐบาลอิ๊งค์ กำลังเอาอะไรไป ‘แลก’ กับการเร่งรัดกม.คอมเพล็กซ์
https://www.matichon.co.th/politics/news_5112293
.
พริษฐ์ตั้ง 9 ข้อสังเกต รัฐบาลแพทองธารกำลังเอาอะไรไป “แลก” กับการ “เร่งรัด” กฎหมายกาสิโน
.
เมื่อวันที่ 27 มีนาคม นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคประชาชน โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก “พริษฐ์ วัชรสินธุ – ไอติม – Parit Wacharasindhu” ระบุว่า
.
9 ข้อสังเกต : รัฐบาลแพทองธารกำลังเอาอะไรไป “แลก” กับการ “เร่งรัด” เรื่องกฎหมายกาสิโน?
.
นับไม่ถึง 3 วัน หลังจากที่ผมได้อภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี โดยชี้ให้เห็นถึงความ “เร่งรีบ” และความมุ่งมั่นตั้งใจเป็นพิเศษของนายกฯ ในการผลักดันนโยบายกาสิโน ทาง ครม. วันนี้ก็ได้มีมติอนุมัติ ร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร (กาสิโน) ทันควัน โดยแย้มว่าจะพยายามเร่งรัดให้ร่างดังกล่าวได้รับการพิจารณาในวาระที่ 1 ของสภาผู้แทนราษฎร ทันภายในสมัยประชุมนี้ (ซึ่งกำลังจะสิ้นสุดวันที่ 10 เมษายน) แม้จะต้องเลื่อนมาแซงหน้ากฎหมายอื่นที่รอคิวอยู่
ผมอยากชวนให้ทุกคนตั้งข้อสังเกต ว่าทั้งที่นโยบายนี้ไม่ได้เป็นนโยบายที่รัฐบาลหาเสียงไว้ช่วงการเลือกตั้ง แต่นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลชุดนี้กลับดูมีความพร้อมที่จะเหยียบคันเร่งและเดินลุยไฟเต็มที่ แม้ต้องแลกกับหลายอย่างที่เสี่ยงจะสร้างผลเสียต่อประเทศและประชาชน
.
1. เร่งรัด แม้จะต้องเลี่ยงบาลีและไม่สื่อสารตรงไปตรงมากับประชาชนตั้งแต่ต้น
– นายกรัฐมนตรีชอบพูดเสมอ (และพูดอีกรอบหลังประชุม ครม. วันนี้) ว่านโยบายนี้ของรัฐบาลเน้นไปที่ “สถานบันเทิงครบวงจร” (ไม่ใช่กาสิโน) และกาสิโนจะเป็นเพียงแค่ไม่เกิน 10% ของพื้นที่ในสถานบันเทิงครบวงจร
– แต่ร่างกฎหมายที่ ครม. อนุมัติวันนี้ (ร่างมาตรา 50) เขียนชัดว่ากาสิโนเป็น “หัวใจหลัก” ของสถานบันเทิงครบวงจร เพราะ “สถานบันเทิงครบวงจร” จะมีบริการต่างๆอะไรก็ได้อย่างน้อย 4 ประเภท (เช่น ห้าง / โรงแรม / สวนสนุก) แต่จะ “ขาด” หรือไม่มีกาสิโน *ไม่ได้* / ยังไม่นับว่าสถานบันเทิงครบวงจรในประเทศอื่นหลายแห่งที่มีพื้นที่กาสิโนไม่เกิน 10% ก็มีรายได้จากาสิโนคิดเป็นเกิน 80% ของรายได้ทั้งหมด จนเรียกได้ว่าเป็น “ธุรกิจหลัก” ในสถานบันเทิงครบวงจรดังกล่าว
.
2. เร่งรัด แม้จะกลับไปกลับมาเรื่องหลักการและวัตถุประสงค์ โดยไม่มีรายงานการศึกษาที่ละเอียดและน่าเชื่อถือเพียงพอมารองรับ
– รัฐบาลกลับไปกลับมาว่าจะเน้นผู้เล่นจากไหน : วันหนึ่งอ้างอิงรายงานต่าง ๆ (เช่น ของ กมธ.วิสามัญฯ ที่ รมช. เป็นประธาน) ที่บอกว่ารายได้ส่วนใหญ่ของกาสิโน (70-80%) จะมาจากผู้เล่นคนไทย / วันนี้พูดว่าจะกระตุ้นเศรษฐกิจโดยเน้นดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นหลัก
– รัฐบาลกลับไปกลับมาว่าตั้งใจจะใช้กาสิโนเพื่อแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมายหรือไม่ : วันหนึ่งบอกว่าจะเอากาสิโนมาแก้ปัญหาการพนัน โดยพยายามดึงคนไทยที่เล่นพนันผิดกฎหมายมาเล่นที่กาสิโนแทน / อีกวันกลับยอมเติมเงื่อนไขจากกฤษฎีกาที่ทำให้คนไทยเข้าเล่นกาสิโนไม่ได้ ยกเว้นเฉพาะเศรษฐีไม่กี่คนที่มีเงินฝากในบัญชีเกิน 50 ล้านบาท ต่อเนื่อง 6 เดือน
.
3. เร่งรัด แม้ประโยชน์เรื่องการท่องเที่ยวยังไม่ชัดเจน โดยเฉพาะการประเมินความเสี่ยงเรื่องปฏิกิริยาของรัฐบาลจีนและผลกระทบต่อตลาดนักท่องเที่ยวจีน
– ที่ผ่านมาเราเห็นถึงความพยายามของรัฐบาลจีนในการลดจำนวนนักท่องเที่ยวจีน ที่เดินทางไปเล่นกาสิโนที่ประเทศอื่น (เช่น นักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางไปฟิลิปปินส์ลดลงอย่างมากเทียบกับก่อนโควิด / คนจีนในสิงคโปร์ก็เพิ่งถูกรัฐบาลจีน “เตือน” ว่าการเล่นพนันที่กาสิโนในสิงคโปร์ก็เสี่ยงจะผิดกฎหมายจีน)
– นายกฯ เองก็ถูกประธานาธิบดีของจีนถามย้ำหลายรอบเรื่องกาสิโน ตอนเจอกันเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ซึ่งควรจะทำให้เราต้องประเมินและชั่งน้ำหนักกันดีๆ ว่าหากจีนมีแนวโน้มจะปรับนโยบายของเขาเพื่อคุมเข้มคนจีนให้เดินทางมาเที่ยวที่ไทยได้ยากขึ้นในวันที่ประเทศไทยมีกาสิโน รายได้การท่องเที่ยวที่เราจะได้เพิ่มขึ้นจากกาสิโนจะมากกว่าหรือน้อยกว่ารายได้ที่เราอาจจะเสียไปจากนักท่องเที่ยวจีน (ซึ่งปัจจุบันคิดเป็นถึง 20% ของรายได้การท่องเที่ยวไทย) และเราจะรับมือหรือลดความเสี่ยงดังกล่าวอย่างไร?
– แน่นอนว่าเราต้องไม่ดำเนินนโยบายโดยไหลตามความต้องการประเทศอื่น แต่หากเราทำการต่างประเทศโดยเอาประโยชน์ของคนไทยและประเทศไทยเป็นตัวตั้ง ผมคงจำเป็นต้องตั้งคำถามจริงๆ ถึงวิจารณญาณของนายกฯ ที่พร้อมจะ “ยืนหยัดต่อจีน” เรื่องกาสิโน ทั้งที่มีความเสี่ยงจะสูญเสียรายได้จากนักท่องเที่ยวจีน แต่กลับพร้อมเป็น “เด็กดีที่เชื่อฟังจีน” ในเรื่องอื่น (เช่น กรณีอุยกูร์) ทั้งที่คนไทยเสี่ยงจะถูกกระทบเรื่องการค้าขายกับสหภาพยุโรปและสหรัฐ
.
4. เร่งรัด แม้จะต้อง “ตีเช็คเปล่า” เกี่ยวกับเรื่องสำคัญทั้งหมด ให้ไปเป็นการตัดสินใจในภายภาคหน้าของคณะกรรมการนโยบายของฝ่ายบริหาร โดยขาดหลักประกันในกฎหมายหรือการตรวจสอบของสภาฯ
– ร่างกฎหมายนี้ มีการเสนอให้ตั้งคณะกรรมการนโยบาย หรือ Super Board ที่อยู่ภายใต้การดูแลหรือการแต่งตั้งโดยนายกฯเกือบทั้งหมด โดยกำหนดให้เรื่องสำคัญส่วนใหญ่ตกไปเป็นอำนาจของคณะกรรมการในการตัดสินใจหรือเสนอแนะ ครม. (เช่น จำนวนกาสิโน / จังหวัดที่ตั้งกาสิโน / มาตรการป้องกันและเยียวยาผลกระทบ / ประเภทการพนันในกาสิโน / มาตรการป้องกันการฟอกเงิน / สัดส่วนการจ้างงานคนไทย / หลักเกณฑ์เรื่องการขอใบอนุญาต)
– บางเรื่องที่น่าจะกำหนดได้ในตัวบทกฎหมาย เพื่อเป็นหลักประกันให้กับสังคมและเพื่อให้สภามีส่วนร่วมในการตรวจสอบ (เช่น เพดานเรื่องจำนวนกาสิโนที่จะอนุมัติในชุดแรก เพื่อทดลองนำร่องก่อน / มาตรการป้องกันหรือแจ้งเดือนตนเองหรือคนในครอบครัวจากการเล่นพนันเกินตัว / สัดส่วนขั้นต่ำในการจ้างงานคนไทย) กลับไม่มี
.
5. เร่งรัด แม้จะต้องทำให้การมีส่วนร่วมของประชาชนและการทำประชาพิจารณ์ในพื้นที่ แคบลง
– ในมุมหนึ่ง เราเห็นแล้วถึงท่าทีของรัฐบาลในการปัดตกข้อเสนอที่จะให้ประชาชนตัดสินใจเองผ่านการทำประชามติ ทั้งๆ ที่ พ.ร.บ.ประชามติ ฉบับใหม่ที่จะคลอดได้ปีนี้ เพิ่มความยืดหยุ่นในการทำประชามติในบางพื้นที่ (โดยไม่จำเป็นต้องทำทั้งประเทศ) และในวิธีการออกเสียง (เช่น ออนไลน์ ไปรษณีย์)
– ในอีกมุมหนึ่ง แม้จะไม่พิจารณาถึงขั้นการทำประชามติ แต่กระบวนการในการทำประชาพิจารณ์ หรือ “รับฟังความเห็น” ประชาชนก่อนตั้งกาสิโน ก็ถูกกำหนดให้แคบลง – ในขณะที่ร่างกฎหมายของ กมธ วิสามัญฯ เมื่อปีที่แล้วระบุว่าต้องรับฟังความเห็นทั้ง “ประชาชนในท้องที่” และ “ประชาชนในท้องที่ใกล้เคียง” รวมถึงกำหนดว่าจะต้องรับฟังผ่านช่องทางออนไลน์ด้วย แต่ร่างของ ครม. กลับเขียนแค่ให้รับฟังความเห็น “ประชาชนในพื้นที่”
.
6. เร่งรัด แม้จะถูกตั้งข้อสังเกตว่าไปทำ “ดีล” กับพรรคร่วมรัฐบาลมาหรือไม่ เพื่อแลกเรื่องพนันออนไลน์?
– ข้อสงสัยนี้เกิดขึ้นเพราะแม้พรรคภูมิใจไทยเคยตั้งโต๊ะแถลง (13 สิงหาคม 2567) ว่า “ไม่เห็นด้วย” กับ ร่างกฎหมายกาสิโน ใน 4 ประเด็น (การแก้ปัญหาการพนัน / ผลประโยชน์รัฐ / การกระตุ้นการท่องเที่ยว / การจ้างแรงงานไทย) แต่พอผ่านไปไม่กี่เดือน ท่าทีของหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยก็เปลี่ยนไป (เช่น การร่วมกับ ครม. อนุมัติหลักการร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ ตอน 13 มกราคม 68) ทั้งๆ ที่ร่างกฎหมายในวันนี้ ไม่ได้แตะหรือแก้ไขใน 4 ประเด็นที่พรรคภูมิใจไทยเคยคัดค้านเลย
– สิ่งเดียวที่เปลี่ยนไปคือการโผล่ขึ้นมาของร่างแก้ไข พ.ร.บ.พนัน ที่ไปเพิ่มดุลพินิจอย่างมหาศาลในการออกใบอนุญาตการพนันออนไลน์อย่างถูกกฎหมายให้กระทรวงมหาดไทย (ภายใต้การนำของหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย) จนทำให้สังคมตั้งคำถามว่าตรงนี้เป็นการแลกกันภายในพรรคซีกรัฐบาลหรือไม่ ระหว่าง “การพนันในกาสิโน” กับ “การพนันออนไลน์”
.
7. เร่งรัด แม้ไม่มีการเสนอแนวทางการแก้ปัญหาการพนันคู่ขนาน
– หากรัฐบาลจะอ้างว่าแนวทางการแก้ปัญหาการพนันเป็นสิ่งที่อยู่นอกเหนือจากร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร (กาสิโน) คำถามที่ตามมาคือแล้วเหตุใดรัฐบาล ไม่เสนอร่างแก้ไข พ.ร.บ.การพนัน ที่เป็นการปรับปรุงกลไกดังกล่าวมาควบคู่กัน แทนที่จะเสนอร่าง พ.ร.บ.กาสิโนมาอย่างโดดๆ
– หากจะอ้างถึงร่างแก้ไข พ.ร.บ.การพนัน ฉบับที่มีการเปิดรับฟังความเห็นไปเรื่องพนันออนไลน์ ร่างดังกล่าวก็ยังขาดมาตรการสำคัญในการแก้ปัญหาการพนันออนไลน์ (เช่น การป้องกันการเข้าถึง การติดตามข้อมูลการเล่นของผู้เล่น การทบทวนองค์ประกอบของคณะกรรมการ) ที่ผู้เชี่ยวชาญเห็นตรงกันว่าจำเป็นต้องมี หากต้องการจะแก้ปัญหาพนันออนไลน์ได้จริง
จะปิดสมัยประชุมในเดือนเมษายนนี้ ก็แสดงว่ารัฐบาลเห็นว่าเรื่องกาสิโนมีความเร่งด่วนกว่าเรื่องกฎหมายอื่นๆ ที่รัฐบาลเห็นว่าควรรอคิวต่อไป
JJNY : 5in1 หมูแพง ขาดทุนเป็นหมื่น│พริษฐ์ตั้งคำถาม│วิโรจน์จ่อลุยสรรพากร│วิโรจน์ชี้ คงไม่มีใครค้าน│กัณวีร์ห่วงซ้ำภาพลบ
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_9692865
.
.
พริษฐ์ ตั้งคำถาม รัฐบาลอิ๊งค์ กำลังเอาอะไรไป ‘แลก’ กับการเร่งรัดกม.คอมเพล็กซ์
https://www.matichon.co.th/politics/news_5112293
.
– นายกรัฐมนตรีชอบพูดเสมอ (และพูดอีกรอบหลังประชุม ครม. วันนี้) ว่านโยบายนี้ของรัฐบาลเน้นไปที่ “สถานบันเทิงครบวงจร” (ไม่ใช่กาสิโน) และกาสิโนจะเป็นเพียงแค่ไม่เกิน 10% ของพื้นที่ในสถานบันเทิงครบวงจร
– แต่ร่างกฎหมายที่ ครม. อนุมัติวันนี้ (ร่างมาตรา 50) เขียนชัดว่ากาสิโนเป็น “หัวใจหลัก” ของสถานบันเทิงครบวงจร เพราะ “สถานบันเทิงครบวงจร” จะมีบริการต่างๆอะไรก็ได้อย่างน้อย 4 ประเภท (เช่น ห้าง / โรงแรม / สวนสนุก) แต่จะ “ขาด” หรือไม่มีกาสิโน *ไม่ได้* / ยังไม่นับว่าสถานบันเทิงครบวงจรในประเทศอื่นหลายแห่งที่มีพื้นที่กาสิโนไม่เกิน 10% ก็มีรายได้จากาสิโนคิดเป็นเกิน 80% ของรายได้ทั้งหมด จนเรียกได้ว่าเป็น “ธุรกิจหลัก” ในสถานบันเทิงครบวงจรดังกล่าว
– รัฐบาลกลับไปกลับมาว่าตั้งใจจะใช้กาสิโนเพื่อแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมายหรือไม่ : วันหนึ่งบอกว่าจะเอากาสิโนมาแก้ปัญหาการพนัน โดยพยายามดึงคนไทยที่เล่นพนันผิดกฎหมายมาเล่นที่กาสิโนแทน / อีกวันกลับยอมเติมเงื่อนไขจากกฤษฎีกาที่ทำให้คนไทยเข้าเล่นกาสิโนไม่ได้ ยกเว้นเฉพาะเศรษฐีไม่กี่คนที่มีเงินฝากในบัญชีเกิน 50 ล้านบาท ต่อเนื่อง 6 เดือน
– นายกฯ เองก็ถูกประธานาธิบดีของจีนถามย้ำหลายรอบเรื่องกาสิโน ตอนเจอกันเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ซึ่งควรจะทำให้เราต้องประเมินและชั่งน้ำหนักกันดีๆ ว่าหากจีนมีแนวโน้มจะปรับนโยบายของเขาเพื่อคุมเข้มคนจีนให้เดินทางมาเที่ยวที่ไทยได้ยากขึ้นในวันที่ประเทศไทยมีกาสิโน รายได้การท่องเที่ยวที่เราจะได้เพิ่มขึ้นจากกาสิโนจะมากกว่าหรือน้อยกว่ารายได้ที่เราอาจจะเสียไปจากนักท่องเที่ยวจีน (ซึ่งปัจจุบันคิดเป็นถึง 20% ของรายได้การท่องเที่ยวไทย) และเราจะรับมือหรือลดความเสี่ยงดังกล่าวอย่างไร?
– แน่นอนว่าเราต้องไม่ดำเนินนโยบายโดยไหลตามความต้องการประเทศอื่น แต่หากเราทำการต่างประเทศโดยเอาประโยชน์ของคนไทยและประเทศไทยเป็นตัวตั้ง ผมคงจำเป็นต้องตั้งคำถามจริงๆ ถึงวิจารณญาณของนายกฯ ที่พร้อมจะ “ยืนหยัดต่อจีน” เรื่องกาสิโน ทั้งที่มีความเสี่ยงจะสูญเสียรายได้จากนักท่องเที่ยวจีน แต่กลับพร้อมเป็น “เด็กดีที่เชื่อฟังจีน” ในเรื่องอื่น (เช่น กรณีอุยกูร์) ทั้งที่คนไทยเสี่ยงจะถูกกระทบเรื่องการค้าขายกับสหภาพยุโรปและสหรัฐ
– บางเรื่องที่น่าจะกำหนดได้ในตัวบทกฎหมาย เพื่อเป็นหลักประกันให้กับสังคมและเพื่อให้สภามีส่วนร่วมในการตรวจสอบ (เช่น เพดานเรื่องจำนวนกาสิโนที่จะอนุมัติในชุดแรก เพื่อทดลองนำร่องก่อน / มาตรการป้องกันหรือแจ้งเดือนตนเองหรือคนในครอบครัวจากการเล่นพนันเกินตัว / สัดส่วนขั้นต่ำในการจ้างงานคนไทย) กลับไม่มี
– ในอีกมุมหนึ่ง แม้จะไม่พิจารณาถึงขั้นการทำประชามติ แต่กระบวนการในการทำประชาพิจารณ์ หรือ “รับฟังความเห็น” ประชาชนก่อนตั้งกาสิโน ก็ถูกกำหนดให้แคบลง – ในขณะที่ร่างกฎหมายของ กมธ วิสามัญฯ เมื่อปีที่แล้วระบุว่าต้องรับฟังความเห็นทั้ง “ประชาชนในท้องที่” และ “ประชาชนในท้องที่ใกล้เคียง” รวมถึงกำหนดว่าจะต้องรับฟังผ่านช่องทางออนไลน์ด้วย แต่ร่างของ ครม. กลับเขียนแค่ให้รับฟังความเห็น “ประชาชนในพื้นที่”
– สิ่งเดียวที่เปลี่ยนไปคือการโผล่ขึ้นมาของร่างแก้ไข พ.ร.บ.พนัน ที่ไปเพิ่มดุลพินิจอย่างมหาศาลในการออกใบอนุญาตการพนันออนไลน์อย่างถูกกฎหมายให้กระทรวงมหาดไทย (ภายใต้การนำของหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย) จนทำให้สังคมตั้งคำถามว่าตรงนี้เป็นการแลกกันภายในพรรคซีกรัฐบาลหรือไม่ ระหว่าง “การพนันในกาสิโน” กับ “การพนันออนไลน์”
– หากจะอ้างถึงร่างแก้ไข พ.ร.บ.การพนัน ฉบับที่มีการเปิดรับฟังความเห็นไปเรื่องพนันออนไลน์ ร่างดังกล่าวก็ยังขาดมาตรการสำคัญในการแก้ปัญหาการพนันออนไลน์ (เช่น การป้องกันการเข้าถึง การติดตามข้อมูลการเล่นของผู้เล่น การทบทวนองค์ประกอบของคณะกรรมการ) ที่ผู้เชี่ยวชาญเห็นตรงกันว่าจำเป็นต้องมี หากต้องการจะแก้ปัญหาพนันออนไลน์ได้จริง