รศ.ดร. เสาวนีย์ ไทยรุ่งโรจน์ อธิการบดี มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผย ผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย หรือ TCC Confidence Index ประจำเดือนกรกฎาคม 2562พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทยในเดือนกรกฎาคม ปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 มาอยู่ที่ระดับ 46.7 จากระดับ 47.1 ในเดือนมิถุนายน โดยเป็นดัชนีที่ต่ำสุดในรอบ 18 เดือน
ทั้งนี้ดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทยในกรุงเทพและปริมณฑล เดือนกรกฎาคม 2562 อยู่ที่ระดับ 47.6 ลดลงจากระดับ 48.1 ภาคกลางอยู่ที่ระดับ 46.3 ลดลงจากระดับ 47.0 ภาคตะวันออก อยู่ที่ระดับ 50.9 ลดลงจากระดับ 51.4 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อยู่ที่ระดับ 45.9 ลดลงจากระดับ 46.5 ภาคเหนือ อยู่ที่ระดับ 46.8 ลดลงจาก 47.3 และภาคใต้ อยู่ที่ระดับ 44.0 ลดลงจากระดับ 44.3
โดยปัจจัยลบที่มีผลกระทบต่อดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย ได้แก่ ปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับประเทศจีน ซึ่งมีแนวโน้มรุนแรงขึ้นทำให้ประเทศไทยได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจและการส่งออก สถานการณ์ภัยแล้งในพื้นที่ที่มีผลกระทบต่อพืชผลทางการเกษตรทำให้เกิดความเสียหาย และการส่งออกของประเทศไทยในเดือนมิถุนายนและในช่วงครึ่งปีแรกปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง รวมทั้ง สถานการณ์ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ยังคงมีผลกระทบต่อการส่งออกของประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง
ด้านนายวิโรจน์ จิรัฐิติกาลโชติ รองประธานกรรมการหอการค้าไทย และประธานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคเหนือ กล่าวเพิ่มเติมว่า หอการค้าไทยต้องการให้ภาครัฐดูแลปัญหาในเรื่องของค่าเงินบาทในปัจจุบันที่เริ่มมีทิศทางอ่อนค่าลง ให้อ่อนค่าอย่างมีเสถียรภาพ ต้องการให้พัฒนาเศรษฐกิจให้มีการขยายตัวมากยิ่งขึ้นพร้อมกับแก้ไขปัญหาต้นทุนราคาสินค้า ออกมาตรการและวางแผนในการเฝ้าระวังเพื่อแก้ไขปัญหาภัยธรรมชาติ รวมทั้ง กระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการรณรงค์ให้ประชาชนซื้อสินค้าและท่องเที่ยวในประเทศเพื่อเป็นการกระจายเม็ดเงินให้ได้อย่างทั่วถึง
รับชมได้ที่ :
ผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย หรือ TCC Confidence Index ประจำเดือนกรกฎาคม
ทั้งนี้ดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทยในกรุงเทพและปริมณฑล เดือนกรกฎาคม 2562 อยู่ที่ระดับ 47.6 ลดลงจากระดับ 48.1 ภาคกลางอยู่ที่ระดับ 46.3 ลดลงจากระดับ 47.0 ภาคตะวันออก อยู่ที่ระดับ 50.9 ลดลงจากระดับ 51.4 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อยู่ที่ระดับ 45.9 ลดลงจากระดับ 46.5 ภาคเหนือ อยู่ที่ระดับ 46.8 ลดลงจาก 47.3 และภาคใต้ อยู่ที่ระดับ 44.0 ลดลงจากระดับ 44.3
โดยปัจจัยลบที่มีผลกระทบต่อดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย ได้แก่ ปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับประเทศจีน ซึ่งมีแนวโน้มรุนแรงขึ้นทำให้ประเทศไทยได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจและการส่งออก สถานการณ์ภัยแล้งในพื้นที่ที่มีผลกระทบต่อพืชผลทางการเกษตรทำให้เกิดความเสียหาย และการส่งออกของประเทศไทยในเดือนมิถุนายนและในช่วงครึ่งปีแรกปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง รวมทั้ง สถานการณ์ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ยังคงมีผลกระทบต่อการส่งออกของประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง
ด้านนายวิโรจน์ จิรัฐิติกาลโชติ รองประธานกรรมการหอการค้าไทย และประธานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคเหนือ กล่าวเพิ่มเติมว่า หอการค้าไทยต้องการให้ภาครัฐดูแลปัญหาในเรื่องของค่าเงินบาทในปัจจุบันที่เริ่มมีทิศทางอ่อนค่าลง ให้อ่อนค่าอย่างมีเสถียรภาพ ต้องการให้พัฒนาเศรษฐกิจให้มีการขยายตัวมากยิ่งขึ้นพร้อมกับแก้ไขปัญหาต้นทุนราคาสินค้า ออกมาตรการและวางแผนในการเฝ้าระวังเพื่อแก้ไขปัญหาภัยธรรมชาติ รวมทั้ง กระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการรณรงค์ให้ประชาชนซื้อสินค้าและท่องเที่ยวในประเทศเพื่อเป็นการกระจายเม็ดเงินให้ได้อย่างทั่วถึง
รับชมได้ที่ :