บทความตามใจฉัน “เล่า World war Z เทียบกับฉบับภาพยนตร์” Part 4

“แผนของพอล รีดีเกอร์ (Paul Redeker)”

ย้อนกลับไปประมาณสามสัปดาห์ก่อนเกิดความความอลหม่านครั้งใหญ่ที่อเมริกา

ที่แอฟริกาใต้นั้นได้เกิดความอลหม่านครั้งใหญ่จากการระบาดของซอมบี้ขึ้นแล้ว

ระหว่างที่รัฐบาลกำลังประชุมเครียดว่าจะแก้ไขสถานการณ์อย่างไร

รัฐมนตรีกระทรวงตำรวจก็พา พอล รีดีเกอร์ เข้ามานำเสนอแผนรับมือซอมบี้


ช่วงต้นปี80s พอลเองเคยทำงานให้รัฐบาลในการปรับปรุงแผนรับมือภัยจากต่างชาติ รหัส Orange

ผลที่ได้คือแผน Orange ที่ 84 (Orange Eighty-Four)

มันเป็นแผนที่ยอดเยี่ยม เข้าใจง่าย มีเหตุผลและมีประสิทธิ์ภาพ แต่แผนนี้ไร้ซึ่ง “มนุษยธรรม”

ทันทีที่พอลเสนอแผนนี้เค้าถูกไล่ออกจากคณะทำงานทันทีและกลายเป็นคนประชาชนทั้งแอฟริกาใต้เกลียด

จากนั้นเค้าก็ย้ายไปอยู่ในกระท่อมเล็ก ๆ ที่ดราเคนเบิร์ก ทำธุรกิจส่วนตัวเลี้ยงชีพ

จนถึงวันที่เกิดความอลหม่านครั้งใหญ่ รัฐมนตรีกระทรวงตำรวจได้รับคำสั่งให้พา พอล รีดีเกอร์

กลับมาเพื่อปรับปรุงแผน Orange ที่ 84 ให้รับกับภัยซอมบี้

โชคดีว่าพอลรู้ล่วงหน้าถึงภัยจากซอมบี้มานานพอสมควรและได้ใช้เวลาว่างปรับปรุงแผนเพื่อฆ่าเวลามาก่อนแล้ว

ทำให้ใช้เวลาเพียง 2-3 วันแผนก็เสร็จสมบูรณ์

เป็นอีกครั้งที่พอลเสนอแผน Orange และเป็นอีกคราที่เสียงตอบกลับคือการด่าทอและสาปแช่ง

เรามาดูรายละเอียดกันว่าทำไหมแผนของรีดีเกอร์ถึงสร้างความเกลียดชังได้ขนาดนั้น


 

ข้อที่หนึ่งคือ “เราไม่สามารถช่วยคนได้ทุกคน”

สถานการณ์ตอนนี้ที่ซอมบี้กระจายไปทั่วประเทศแล้วนั้นเกินที่จะควบคุมไปแล้ว

หากจะช่วยทุกคนกำลังคนและทรัพยากรจะกระจายไปทั่วและทำให้ประสิทธิ์ภาพต่ำและสูญเสียทรัพยากรไปโดยไม่ได้เกิดประโยชน์ใด ๆ

สิ่งที่จะทำคือ ต้องรวบรวมกำลังคนและทรัพยากรที่จะใช้กู้วิกฤตเป็นหนึ่งและทุ่มมันลงไปในจุด ๆ เดียว

แล้วทุ่มไปที่ไหน นั้นเป็นหัวข้อต่อไป


ข้อที่สอง “สร้าง Safe Zone”

สถานการณ์ในตอนนี้ผู้คนกำลังแตกตื่น ขวัญเสีย

สิ่งที่พวกเค้าต้องการในตอนนี้คือพื้นที่ปลอดภัย พื้นที่ที่พวกเค้าจะได้พักหายใจ, รวบรวมสติและคิดว่าจะทำอย่างไรต่อไป

และพื้นที่นี้ก็จะถูกใช้เป็นพื้นที่รวบรวมกำลังพลและทรัพยากร,วางแผน, ผลิตปัจจัยต่าง ๆ เพื่อต่อสู้กับฝูงซอมบี้ต่อไปด้วย

แล้วพื้นที่ไหนดีที่จะใช้ตั้ง Safe Zone

ตามแผนคือให้เลือกพื้นที่ที่มีปราการธรรมชาติที่ใช้ป้องกันการบุกของกองทัพซอมบี้ได้

เช่น แม่น้ำ, ทะเล, ภูเขา, หุบเหว ฯลฯ ถ้าไม่มีก็ให้มองหาพื้นที่ที่มีอะไรพอจะใช้เป็นแนวปราการได้

หรือถ้าไม่มีจริง ๆ ก็เลือกพื้นที่ที่สร้างแนวปราการป้องกันได้รวดเร็วที่สุด

ในภาพยนตร์นั้นจะมีฉากหนึ่งที่ ฮ. พาพระเอกพร้อมลูกเมียไปที่กองเรือกลางทะเล นี่คือ Safe Zone อีกแบบหนึ่ง


ข้อสามคือการช่วยเหลือและอพยพประชาชน ข้อนี้คือจุดที่เป็นปัญหา

การช่วยเหลือและอพยพประชาชนนั้นเป้าหมายขอการช่วยเหลือและปลายทางของการอพยพมีสองแบบ

1. คือ Safe Zone ผู้ที่เข้ามาหลบใน Zone นี้ได้จะต้องผ่านการคัดเลือก(ถ้ามีเวลาพอ)

โดยประชาชนกลุ่มนี้จะเป็นทรัพยากรมนุษย์ที่ใช้เพื่อทำการสร้าง, ผลิต และทำงานอื่น ๆ รวมถึงเป็นกำลังทหารให้กับรัฐ

2. คือ Isolation Zone เป็นที่หลบภัยซอมบี้สำหรับประชาชนที่ไม่ได้รับเลือกหรืออยู่ไกลจาก

Safe Zone โดย Zone นี้จะตั้งอยู่ในพื้นที่ต่าง ๆ จุดประสงค์ที่แท้จริงของ Zone นี้คือเพื่อกักผู้คนไว้ให้ทำหน้าที่ล่อฝูงซอมบี้ออกจาก Safe

Zone และเป็นการกระจายกำลังของซอมบี้ไม่ให้เกาะกลุ่มรวมกัน

โดยปัจจัยการดำรงชีพต่าง ๆ รวมถึงอาวุธหรือกองกำลังทหารเพื่อยันการบุกของซอมบี้นั้นรัฐจะสนับสนุนให้โดยการขนส่งทางอากาศ

“ถ้าสามารถทำได้”

ยิ่ง Isolation Zone อยู่ได้นานเท่าไหร่ก็ยิ่งถ่วงเวลาเพื่อหาทางแก้ปัญหาและเพิ่มโอกาศอยู่รอดของ Safe Zone ได้มากเท่านั้น

“คุณเห็นไหม นี่ล่ะความอัจฉริยะ นี่ล่ะความบ้าคลั่ง”


ท่ามกลางความเดือดดานของรัฐบาลแอฟริกาใต้ต่อแผนของรีดีเกอร์กลับมีคนผู้หนึ่งที่สนับสนุนแผนของเค้า

คนผู้นั้นคือ เนลสัน แมนเดลา

ด้วยเหตุนี้ทำให้รัฐบาลจึงยอมทำตามแผนที่ไร้ซึ่ง “มนุษยธรรม” นี้

แล้วแผนก็ได้ผลรัฐบาลสามารถสร้างพื้นที่ปลอดภัยและถ่วงเวลาทัพซอมบี้ได้จริง ๆ

ด้วยเหตุนี้ประเทศอื่น ๆ จึงเอาแผนของรีดีเกอร์ไปปฏิบัติด้วยเช่นกัน

โดยอเมริกาถอยทัพไปทางตะวันตกของประเทศ

ใช้เทือกเขาร็อกกี้เป็นแนวป้องกัน ส่วนรัฐบาลย้ายไปตั้งที่ ฮาวาย, จีนซ่อมกำแพงเมืองจีนใช้เป็นแนวป้องกัน, รัสเซียหนีไปไซบีเรีย

เพราะซอมบี้เมื่อเจออากาศหนาวมาก ๆ จะแข็งจนขยับไม่ได้, ส่วนในทวีปยุโรปรวมถึงอังกฤษก็ใช้ปราสาทต่าง

ๆ ที่มีอยู่ทั่วทวีปเป็นที่ลี้ภัยและใช้ป้อมค่ายคูกำแพงปราสาทเป็นแนวรับซอมบี้

การตั้ง Isolation Zone ของอเมริกานั้นมีการพลิกแพลงเล็กน้อยคือมีการตั้ง Isolation Zone ทางทหารตรงจุดยุทธศาสตร์สำคัญ เช่น

โรงไฟฟ้า, โรงงานอุตสาหกรรม, สนามบิน เป็นต้นเพื่อรักษาจุดนั้นไว้


ด้วยเหตุนี้ฝ่ายมนุษย์จึงรอดพ้นจากความหายนะโดยสิ้นเชิงและกลับมาตั้งตัวได้

เมื่ออะไร ๆ เริ่มลงตัว นานาชาติจึงจัดการประชุมขึ้นที่โฮโนลูลู

บนเรือบรรทุกเครื่องบินซาราโตก้าเพื่อหาแนวทางจัดการปัญหาซอมบี้

มีบางประเทศที่เสนอว่าควรจะปล่อยให้ซอมบี้เน่าเปื่อยไปเอง

แต่อเมริกาคัดค้าน

เหตุผลคือสิ่งที่มนุษย์เสียไปไม่ใช่แค่ประชากร ไม่ใช่แค่พื้นที่ ไม่ใช่แค่วิถีชีวิต แต่รวมถึงความมั่นใจในฐานะเผ่าพันธุ์ที่อยู่บนจุดสูงสุดของโลกด้วย

หากปล่อยให้ซอมบี้เน่าเปื่อยไปเองมนุษย์ในอนาคตก็จะอยู่ด้วยความหวาดกลัวการกลับมาของซอมบี้ตลอดไป

และเมื่อซอมบี้กลับมาในอนาคตก็จะไม่มีวิธีรับมือที่นำมาใช้ได้ทันทีซึ่งอาจนำไปสู่หายนะของมนุษย์ชาติในที่สุด

เพื่อเรียกคืนความมั่นใจ เพื่อท้วงคืนอนาคต มนุษย์จะต้องโต้กลับและเอาชนะซอมบี้ให้ได้

จากทั้งหมด 71 ชาติ

17 เสียงโหวต No และ 31 ชาติงดออกเสียง

แต่ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไรอเมริกาเองก็ตัดสินใจอนาคตของตัวเองแล้ว


7 ปีนับจากการศึกที่ยอนเกอร์

อาวุธแบบใหม่, การฝึกรบแบบใหม่, กลยุทธใหม่ อเมริกาได้เตรียมทุกอย่างพร้อมสรรพแล้ว

เหลือแต่เพียงการทดสอบในสนามรบจริงเท่านั้น

และสนามทดสอบที่กองทัพเลือกคือที่เมือง โฮป นิวเม็กซิโก

to be continued in Part 5 “การศึกที่โฮป”

“กองทัพเปลี่ยนไปมาก ไม่มีอะไรเหมือนในตอนรบที่ยอนเกอร์เลย”


ปล.ตอนนี้ผมได้เปิด

Facebook Page “บทความตามใจฉัน” โดยบทความจะหลายหลากคละประเภทกันไปความตามความสนใจนั้นขณะนั้น

ถ้าสนใจก็กดติดตามได้ครับ https://www.facebook.com/uptomejournal/
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่