{(Diary...ดอก-รัก-เร่...)}...[บทที่3]

กระทู้สนทนา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

          -ชุมชนแออัด บุญส่งมาถึงก็เข็นรถเข้าที่เก็บกับลากสายโซ่มาล่ามไว้กันหาย-

          “ไปไหนมาบุญส่ง! ?” คนในซอยที่เดินผ่านไปมาพลอยสะดุ้งกับเสียงดังห้าวแบบผู้ชาย ร่างสูงใหญ่ของโรส แม้ใส่ลายดอกสีหวานยังมีเค้าความภูมิฐานจากอาชีพเดิมคือทนาย กำลังยืนมือเท้าสะเอวรออยู่ หน้าตายับย่นตีนกาขึ้น 

          สารรูปบุญส่งเดินระโหยเพราะเฝ้าคิดกังวลถึงโรคภัยของญาดา จนเส้นผมบนหัวฟู เสื้อผ้ายับย่นไม่เนี๊ยบเหมือนตอนขาไป เพียงตอบคำถามสั้นๆ ของเจ๊ว่าไปเจอคนป่วยเลยอาสาไปส่งที่โรงพยาบาลให้เลยกลับมาช้า เจ๊ไม่ใช่คนเซ้าซี้ถามมากความ รู้นิสัยใจคอดี บุญส่งจะไม่โกหกมุสา

          “เรานี่ยังไงกันนะ เจ๊สั่งห้ามนักห้ามหนา ว่าห้ามเราขี่รถมอเตอร์ไซด์คันเปี๊ยกนี้ขึ้นถนนหลวง มันอันตรายรู้ไหม ถ้าเกิดโดนรถใหญ่เฉี่ยวชนเป็นอะไรขึ้นมาแล้วเจ๊จะไปบอกหลวงพ่อท่านได้ยังไง”

          “เจ๊ครับ ผมกำลังจะสูญเสียคนสำคัญไปแล้วครับ” อยู่ดีๆ ก็ร้องไห้ขึ้นมา โผเข้ากอดรอบเอว

          “อะ อะไรอีก มากอดเจ๊ทำไม” เจ๊หน้ายักษ์ คิ้วย่นผ่อนลงเพราะแปลกใจ

          บุญส่งปล่อยน้ำตาออกมาด้วยความเศร้าสะเทือนใจ สาวประเภทสองร่างใหญ่เป็นที่พักพิงดวงใจน้อยๆ ของเขาในเวลานี้

          “เป็นอะไรมาอีกละหือม์”

          ถามอะไรกับหนุ่มน้อยอารมณ์อ่อนไหวก็ไม่ตอบอีก ภาพของชายต่างวัยสองคนคลอเคลียปรับทุกข์กันเป็นสิ่งธรรมดาของคนในซอยนี้ หากบางมองในแง่ดี บุญส่งกับเจ๊โรสเหมือนคู่พ่อกับลูก เหมือนป้ากับหลานมากกว่าจะเป็นคู่รัก

          “เจ๊ครับ ผมต้องการเงินไปเป็นค่ารักษาโรคครับ”

          “เราป่วยเป็นโรคอะไร” เสียงทุ้มใหญ่ในแบบผู้ชายของเจ๊โรส

          “เปล่าครับ ผมไม่ได้ป่วย แต่พี่ญาดาป่วยเป็นมะเร็ง ผมต้องการนำเงินไปรักษาให้เธอครับ” บุญส่งตอบไปอย่างตรงๆ ซื่อๆ ชนิดที่คนฟังยังจับต้นชนปลายไม่ถูก

          “แล้วญาดาเป็นใคร ญาติโกโหติกาข้างไหนของเรา ถึงจะเอาเงินไปช่วยเขา” คราวนี้เจ๊เริ่มมีหงุดหงิดแล้ว

          “ญาดา...เธอเป็นดาราดังมากเลยนะครับ แต่ตอนนี้กำลังป่วยเป็นโรคมะเร็ง คนที่ผมพาไปส่งโรงพยาบาลวันนี้จนกลับมาบ้านเย็น ผมเป็นแฟนคลับของพี่ ตั้งใจจะหาเงินไปช่วยค่ารักษา ไม่งั้นพี่จะลำบากมาก” บุญส่งพูดด้วยน้ำเสียงมีความหวัง

          “เอ๊าะเหรอเป็นดารา อาชีพนี้คงหาเงินได้เยอะสิ แล้วเราจะเอาเงินของเราที่หาได้วันนี้ไปให้หล่อนอีก จะไม่ใจเสี่ยเกินไปหน่อยเหรอ ค่าน้ำประปาเราสองคนยังหาไม่พอจ่ายอยู่เลยนะ” โรสกอดอกครางฮึ่มๆ เด็กมันช่างคิดไปได้

          “ผมอยากช่วยจริงๆ ครับ เธอทำงานไม่ได้แล้วจะต้องลำบากแน่ ถ้าเจ๊ไม่มีให้ผมขอหักจากมรดกที่อากงทิ้งไว้ให้ผม หลวงพ่อเป็นคนถือไว้ ไปขอมาให้ผมที”

          “เราไปเอาความคิดนี้มาจากไหนบุญส่ง หลวงพ่อก่อนมาบวชเป็นคนสิ้นเนื้อประดาตัวถึงต้องระเห็จมาอาศัยวัดอยู่ไง อากงตัดขาดพ่อกับลูกแล้ว ตายก็ไม่ได้ให้มรดก ไอ้เรามันหลานนอกไส้ด้วยจะหวังได้อะไร หลวงพ่อกับเจ๊ถึงคอยสอนเราให้รู้จักทำงานหาเงิน และใช้เงินอย่างรู้ค่า คำสอนของหลวงพ่อนี่แหละคือมรดก แต่เจ๊เบิกเป็นเงินให้ไม่ได้ นอกจากกลางคืนนี้เราสองคนไปแอบแงะตู้บริจาคในวัดเอา” โรสพูดปนตลกนึกขำเจ้าเด็กไม่ประสาชีวิตโลกภายนอก

          “ถ้างั้น ขอหักเงินเดือนผมล่วงหน้าละกัน ขอร้องเถอะนะครับ” สีหน้าเจื่อนจ๋อยของเด็กหนุ่ม

          “หักโม้ดดดแล้ว นี่ไง” เจ๊ลากเสียงยาว พร้อมกับควักกระเป๋าสตางค์ออกมาเปิดให้ดู ข้างในมันโล่งมาก มีแบงก์ยี่สิบติดอยู่หนึ่งใบภายหลังจ่ายค่าไฟ

          “เหลือเงินอยู่แค่เนี่ย ยี่สิบบาท ค่าน้ำประปายังไม่ได้จ่ายเลยนะ รวมค่าดอกไม้ในกระเป๋าเราอีกหกร้อย ค่าเช่าร้านตรงนี้ผลัดเขามาอีกเดือน เห็นทีต่อไปพวกเราต้องเข็นรถขายดอกไม้ข้างถนนกันแน่ ไม่มีร้านจะคุ้มหัวอีกแล้ว”

          บุญส่งถอนหายใจ สถานการณ์ร้านกำลังแย่ คงช่วยญาดาไม่ได้แล้ว เรื่องค่าเช่ามันก็สำคัญต้องจ่ายด้วย มือควักธนบัตรจากกระเป๋าเสื้อมาอย่างกระมิดกระเมี้ยน ธนบัตรสีแดงสีม่วงสีเทายืนส่งให้

          “ห๊า! ... เราเอาตังค์จากไหนมาตั้งสี่พัน ไหนพึ่งมาขอเงินเจ๊ นึกว่าไม่มีเงินดอกไม้มันช่อละหกร้อยเอง รึว่าเราไปกับผู้หญิงคนไหนบอกเจ๊มา สาวแก่แม่ม่ายคนไหนมันซื้อเราด้วยเงินสี่พัน” โรสคาดคั้นถึงกับอึ้งเมื่อได้เห็นเงินเกินคาด

          “ผ ผมเสียใจครับเจ๊ เธอเอาตังค์ยัดใส่มือผมมาเอง”

          “แล้วเธอนั่นใคร นี่เราอย่าบอกนะว่าไปขายตัวมา!? ” เสียงใหญ่ห้าวดังของผู้หญิงผิดเพศ คนในซอยเดินผ่านหน้าร้านพากันหันมามอง เป็นอันต้องลากแขนเจ้าตัวดีเข้าร้าน พูดเสียงค่อยลง บุญส่งตั้งแต่สึกมา เคยหายหน้าไปหลายวัน ไปไหนไม่บอกกล่าว กลับมาพร้อมกับเงินหลายหมื่น

          หลวงพ่อเคยเตือนตนเองไว้ แม่ของบุญส่งเป็นผู้หญิงพาร์ทเนอร์ ทำทุกอย่างให้ได้เงิน บุญส่งโตมามีแววหน้าตาดี เกรงจะทำในสิ่งเดียวกัน คือใช้รูปร่างหน้าตาหาเงิน โดยไม่คำนึงว่าจะผิดลูกผิดเมียผู้อื่น หรืออย่างแย่คือไปติดโรคร้าย

          บุญส่งนั่งโซฟานั่งเงียบ ไม่ยอมสบตา ดวงตาคมใต้ขนตาปลอมมองตำหนิ

          “มาให้เจ๊ตีเสียดีๆ หน๊อย กล้าเอาของพ่อมาขายเรอะ นังภาหรือนังชะนีคนไหนมันซื้อเราบอกมาเดี๋ยวนี้นะ อยากเป็นผู้ชายขายตัวนักใช่มั้ย”

          “เจ๊พูดอะไร ผู้ชายขายตัวได้ด้วยเหรอ” บุญส่งตอบหน้าซื่อ

          “ถึงวันนี้ไม่ได้ขาย แต่ลองคนให้เงินมาเยอะๆ มันต้องหวังอะไรบ้างแน่ ไม่มีใครเขาว่านพืชแล้วไม่หวังผลหรอกนะ ผู้หญิงคนนั้นต้องหวังในตัวเราแน่! ที่เจ๊ต้องคอยระวังให้เรา เพราะสมัยนี้มันมีโรคติดต่อ เรายังเด็กไม่ประสีประสา พลาดพลั้งมาจะลำบากภายหลัง หลวงพ่อยิ่งฝากฝังเราไว้กับเจ๊ด้วย ท่านจะตำหนิเจ๊เอาได้” คนพูดได้แต่ส่ายหน้า ถ้าลำบากนักเห็นทีตนต้องเบิกเงินจากบัญชีที่อากงของบุญส่งทิ้งไว้ให้

          -ปากซอยก่อนเข้าสู่ชุมชนแออัดเป็นร้านหมอนวด ข้างๆ ค่อนข้างมืด-

          เวลารถเข็นขายปลาหมึกติดไฟสว่างผ่านรถเก๋งคันหนึ่ง มีชายหญิงคู่หนึ่งนั่งอยู่ในรถ มุมตรงนี้สามารถเห็นร้านขายดอกไม้ที่เปิดไฟสว่างเด่น แม้จะปิดมูลี่แต่ยังพอเห็นเค้าร่างของคนข้างในว่าทำอะไรกันอยู่ ร้านกับปากซอยห่างออกประมาณห้าสิบเมตรเห็นจะได้

          คนขับเป็นผู้ชายหน้าเรียวขาว สวมหมวกเบเรย์สีชมพูหวาน อีกคนเป็นผู้หญิงสาว เธอคือดารานางแบบสาวดาวรุ่งดวงใหม่ของวงการบันเทิง ภายหลังเสร็จจากงานเดินแบบเมื่อตอนกลางวัน เธอเปลี่ยนมาสวมเสื้อยืด กางเกงยีน บนตักมีช่อดอกไม้

          แนนนี่ มองกระดาษสีที่มีลายเซ็นของร้านเจ๊โรส ไหนจะวิธีจัดดอกไม้ช่อนี้มันคุ้นตามาก เลยขับรถมากับเจ๊นายตามที่อยู่ของร้าน นึกสังหรณ์ช่อดอกไม้นี้จะเป็นฝีมือของคุณพ่อของเธอ

          นึกถึงอดีตสมัยเธอเรียนมัธยม เวลาพ่อออกไปนอกบ้านจะแต่งตัวดีเพราะทำอาชีพทนาย พอกลับมาอยู่บ้านจะชอบแต่งตัวเป็นผู้หญิง ชอบจัดดอกไม้ พอถูกคนนอกจับได้ว่าเป็นกะเทย ทำให้หายตัวไปจากบ้านเพราะเกรงลูกสาวจะอับอาย

          รออีกพักร่างสูงใหญ่ในชุดเสื้อกระโปรงลายดอกก็ออกมาดึงประตูม้วนลงมาครึ่งลำ มีเด็กหนุ่มในชุดทักซิโด้ตามมาช่วยด้วย เตรียมจะเก็บร้าน แนนนี่ชี้ให้เจ๊นายดูขนาดเห็นไกลๆ ยังจำได้ว่านั่นคือคุณพ่อของเธอเอง

          “นั่นไงๆ เจ๊นาย คนนั้นน่ะคือพ่อของฉันเอง”

          “อะไรนะกะเทยหุ่นแบกข้าวสารนั่นนะเหรอ พ่อของแนนนี่” มันน่าตลกเสียจริง เจ๊นายเกือบหลุดขำ รูปร่างสูงใหญ่ขนาดนั้นริมาแต่งสวย ตุ๊ดอย่างตนยังจะสวยกว่าอีก แนนนี่ดีดเร่าๆ ในรถ ตะเบ็งเสียงสุดฤทธิ์

          “กรี๊ดดด! อย่ามาว่าพ่อของฉันนะ”

          “คุณพ่ออภิรักษ์ของแนนนี่ ที่ว่าแต่เมื่อก่อนเป็นทนายความประจำตระกูลดังตระกูลเก่าแก่ของเมืองไทยนะเหรอ เขาหนีจากบ้านมาเป็นกะเทยอยู่ในซอยสลัมนี้เอง โถ..น่าสงสารชีวิตกะเทยเฒ่า”

          “ฉันตามหาพ่อมาหลายปี ถึงเขาจะเปลี่ยนไปยังไง จะแปลงโฉมแค่ไหนยังไง ฉันก็จำได้ แผ่นหลังออกจะกว้าง รูปร่างสมาร์ตออกขนาดนั้น”

          ขนตางอนชุ่มพราวด้วยน้ำตาของดาราสาว ในที่สุดเธอก็ตามหาพ่อจนพบ เป็นเพราะดอกไม้ช่อเดียว ทำให้ตามมาถึงที่นี่ได้ ฝ่ายตุ๊ดอย่างเจ๊นาย ยังจำติดตาเจ้าเด็กส่งดอกไม้ที่พบในงาน ที่แท้ก็เด็กของกะเทยแก่พ่อของแนนนี่ โลกมันช่างกลมเสียจริง

          “มีเด็กเลี้ยงเสียด้วย ว้าว...น่ากินจังเลย พ่อเธอเก่งนะหาเด็กหนุ่มเกรดเอได้ ของเจ๊ยังไม่น่ารักขนาดนี้เล้ย...อูยซี้ดดด...”

          “ฉันล่ะเกลี๊ยดเกลียด ผู้ชายแมงดาเกาะคนแก่กิน เจ๊นายช่วยผู้ชายคนนี้ไปไกลๆ จากพ่อของฉันที” เธอเอากำมือน้อยๆ ทุบจนแตรรถดังลั่น “นายนั่น! ต้องเป็นผู้ชายขายตัวแน่ เป็นโสเภณีชาย เป็นไอ้คุณตัวหน้าด้าน มันต้องคอยปอกลอกเอาเงินจากพ่อแน่ ผลาญเงินพ่อจนหมด พ่อเลยต้องตกระกำลำบาก มานั่งขายดอกไม้ในซอยแคบๆ อยู่นี่ไง โธ่พ่อ ฮือๆ ๆ ..” พูดไปเธอร้องไห้ไป น้ำตานองหน้า

          “ใจเย็นๆ เรื่องมันอาจไม่เป็นอย่างที่คิดก็ได้นะแนนนี่”

          เธอซบหน้ากับท่อนแขนสะอึกสะอื้น เห็นแล้วโมเดลลิ่งสาวแตกคนดัง ต้องพลอยใจหายไปด้วย

          “คุณพ่ออภิรักษ์กลัวลูกเมียจะอายชาวบ้าน ที่เป็นกะเทยเลยหนีออกจากบ้าน มาได้ 5 ปี ตั้งแต่ฉันยังเรียน ม.ปลายอยู่เลย ฉันจำวิธีการจัดดอกไม้ของพ่อได้ รวมทั้งลายมือเขียนคำอวยพรในกระดาษด้วย เลยลองตามมาแล้วก็ใช่จริงๆ ด้วย” ความรู้สึกของลูกสาวตอนนี้ มันช่างขื่นขมเสียจริง พ่อเปลี่ยนไปมาก แต่งหญิงหนักกว่าเดิม

          “แต่ก่อนคุณพ่อหล่อและเท่มากนะ กล้ามโตและมาดแมน เฉียบขาดระดับพระเอกหนังไทยสมัยก่อนเลย ไม่ใช่แต่งจนหน้าตาดูไม่ได้ขนาดนี้” แนนนี่ป้ายน้ำตาทิ้ง นึกเหล่คนข้างตัวแทนที่จะเศร้าตามกลับอมยิ้ม ทำท่าจะขบขัน

          “เจ๊! ..มันน่าขันใช่มั้ย มีพ่อเป็นแบบนี้! ”
          “เปล่าเลย เจ๊กำลังมองเด็กอยู่”
          “กรี๊ด!! ..กรี๊ด!! ..กรี๊ด!! ..”
          “วายว้ายยย! แก้วหูจะแตกกก..”
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่