สวัสดีค่ะ...ขอเกริ่นเรื่องก่อนนะคะ แฟนจขกท.เป็นพนักงานบริษัทอาหารญี่ปุ่นแห่งหนึ่งสาขาในห้างดังย่านรังสิตค่ะ และเมื่อวันที่24/7/62 ที่ผ่านมาบริษัทยุบ
สาขาดังกล่าวโดยไม่ได้มีการแจ้งล่วงหน้า ทำให้พนักงานทุกคนในสาขานี้ต้องกลายเป็นคนตกงานโดยปริยาย ทั้งนี้เมื่อวันที่26/7/62 บริษัทได้เรียกประชุมพนักงานเพื่อหาข้อตกลงร่วมกัน ทางบริษัทแสดงความเห็นอกเห็นใจพนักงานโดยยื่นข้อเสนอว่าหากพนักงานคนใดอยากจะทำงานกับบริษัทต่อ บริษัทมีสาขารองรับให้ทำแต่ถ้าพนักงานคนใดไม่สะดวกที่จะไปทำอันด้วยเหตุผลใดๆก็ตามทางบริษัทก็ยินดีที่จะให้ออกพร้อมจ่ายค่าชดเชยให้ตามกฎหมายซึ่งเหมือนทุกอย่างจะผ่านพ้นไปด้วยดี...แต่ปรากฏว่าทางบริษัทแจ้งความต้องการมาใหม่ว่าให้พนักงานทุกคนไปทำงานให้กับบริษัทก่อนอีก1เดือนจึงจะยอมจ่ายค่าชดเชยให้ หากพนักงานคนใดไม่ไปทำงานกับบริษัทๆก็จะไม่จ่ายค่าชดเชยให้ ซึ่งพอจขกท.โทรไปยังเลขาของเจ้าของบริษัทเพื่อจะสอบถามข้อชัดเจนตรงนี้ผลที่ได้มาคือเลขาไม่ยอมคุยด้วยแถมยังปล่อยให้จขกท.พูดอยู่คนเดียวส่วนนางก็ทำเป็นพูดใส่ว่าจะฟ้องจขกท.ที่ทำให้บริษัทเขาเสียหาย ซึ่งจขกท.ยังไม่ได้ใส่ร้ายอะไรบริษัทเขาเลยโอกาสจะพูดจะสอบถามยังไม่มีโอกาสเลย แค่บอกว่าอยากทราบเรื่องการจ่ายค่าชดเชย นางก็เหวี่ยงใส่และวางสายไปเลย จนจขกท.ต้องโทรไปใหม่นางจึงปล่อยให้จขกท.คุยอยู่คนเดียวในสาย...เลยอยากจะขอความเห็นหน่อยค่ะว่าเราจะจัดการกับบริษัทประเภทนี้ยังไงได้บ้างคะเพราะดูๆแล้วน่าจะไม่มีความเป็นผู้นำมากพอถึงขนาดไม่ยอมคุยกับเราด้วยเหตุผล
*ปล 1.โทรไปกรมแรงงานแล้วกรมแรงงานบอกว่าต้องคุยกับบริษัทเอง 2. โทรไปแล้วก็อย่างที่จขกท.ได้กล่าวไว้ข้างต้นคือทางนู้นไม่ยอมคุยด้วย 3. ทางเรามีพยานและคลิปเสียงตอนประชุมครั้งแรกด้วยว่าเขายอมจ่ายค่าชดเชยให้ก่อนจะมาเปลี่ยนเงื่อนไข 4. แฟนจขกท.เป็นคนพูดไม่เก่งค่ะจขกท.เลยต้องโทรไปหาบริษัทเอง 5. ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับความคิดเห็นต่างๆนะคะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ใส่ข้อความ