กรกฎาคมที่ผ่านมา เราได้ไปเยือนฮอกไกโดหน้าร้อนอีกครั้งหลังจากผ่านมา 4 ปี ครั้งนี้พิเศษตรงที่พาผู้ใหญ่สูงวัยไปด้วยถึง 6 ท่าน รวมหนุ่มสาวอีกสองคนในทริปเป็น 8 คนโดยไม่ขับรถ แต่จะตะลุยหลายจุดทั่วฮอกไกโดเลย
ใช้การเดินทางด้วยรถไฟเป็นหลัก แทกซี่ รถราง รถแทรม รถเมล์ และจ้างรถเป็นบางจุดค่ะ ถือว่าเป็นความท้าทายเพราะต้องวางแผนเส้นทางให้เค้าสนุก ได้ไปไฮไลต์ครบ ไปที่ที่เค้าอยากไป แต่ก็ยังมีเวลาดื่มด่ำกับสถานที่ที่ชอบ ที่สำคัญคือทำยังไงให้เค้าไม่เหนื่อยเกินไป
ใครคิดว่ามากับคนสูงวัยแล้วจะน่าเบื่อ ขอบอกว่าไม่เสมอไป เพราะเค้าก็อยากเที่ยวลุย สนุกเหมือนสาว ๆ นี่แหละ
หลักๆ จะพาเค้าไปชมดอกไม้บาน ขึ้นเขาชมวิว เที่ยวชมธรรมชาติ ชอปปิ้ง และกินให้จุใจ
เลยอยากมาแบ่งปันแชร์รายละเอียดทริปให้เป็นแนวทางนะคะ
Route
ทริปนี้เที่ยวจริง 8 วัน รวมเดินทางก็ 10 วัน
เส้นทางเมืองหลัก Sapporo - Asahikawa - Furano - Biei - Niki - Otaru - Hakodate -Noboribetsu -Sapporo - Chitose
โดยจะเริ่มจากซัปโปโร เที่ยวขึ้นไปทางเหนือหน่อย แล้วลงมาเที่ยวทางใต้ จากนั้นกลับมาเที่ยวตรงกลางฝั่งตะวันออกและรอบ ๆ
แพลนเดินทางทั้งหมดดังนี้
Day 0 เดินทาง
Day 1 Sapporo - Mt.Moiwa ระฆังความสุข
Day2 Asahikawa - Furano - Tomita - Shikisai No Oka
Day3 Blue Pond - Shirahige falls- Asahiyama zoo
Day 4Sapporo - Niki - Sakuraanbo yama Kankou Nouen - Otaru canal - Sapporo
Day 5: Makomanai (atama daibutsu) - Sapporo - Hakodate - Super Hotel - - Port of Hakodate
Day 6: ตลาดปลาเช้า Asa-ichi Morning Market - Goryokaku (ป้อมดาวห้าแฉก) - Lucky Burger - Kanemori - Mt.Hakodate
Day 7: Noboribetsu - Jigokudani - Chitose- Rera outlet
Day 8: Sapporo - หอนาฬิกา สวนโอโดริ ทำเนียบแดง (ตึกแดง) - Horomitoge Lavender Garden - New Chitose Airport
Day 9: Bangkok
การเตรียมตัว
เลือกที่พัก
เลือกโรงแรมที่ติดหรือใกล้สถานีรถไฟให้มากที่สุด จะได้คล่องตัวในการเดินทาง เก็บของ
สายการบิน
เดินทางโดยสายการบิน
Japan Airlines (JAL) ขาไป เที่ยวบิน JL728 23.30 น. แวะเปลี่ยนเครื่องที่สนามบินคันไซสองชั่วโมงครึ่ง ลงสนามบิน New Chitose
ขากลับแวะเปลี่ยนเครื่องที่สนามบิน Haneda เที่ยวบิน JL598 21.45 น.
น้ำหนัก: Business Class 32 kg. / Economy 23 kg.
Spending: cash & บัตร Krungthai Travel Card สะดวกมาก
เดินทาง: JR Hokkaido Rail Pass, รถราง, แทกซี่, รถตู้, รถบัส
มารู้จักฮอกไกโดกันนิด
ฮอกไกโดเป็นเกาะขนาดใหญ่และเป็นจังหวัดที่อยู่ตอนเหนือสุดของญี่ปุ่น มีเมืองหลวงคือซัปโปโร เดิมทีคนที่อาศัยในฮอกไกโดไม่ใช่คนญี่ปุ่น แต่เป็นชาวไอนุซึ่งเป็นชนพื้นเมืองดั้งเดิมที่อยู่บนเกาะนี้ สมัยก่อนยังถือฮอกไกโดเป็นดินแดนป่าเถื่อนรกร้างหนาวเย็น มีแค่เขตปกครองตนเองขนาดเล็กของไดเมียวตระกูลมัตซึมาเอะ และชาวไอนุกระจายเป็นเผ่าต่างๆ อยู่รอบ ๆ
ต่อมาในยุคเมจิญี่ปุ่นกลัวฮอกไกโดจะถูกรัสเซียครอบครอง จึงออกนโยบายให้คนย้ายไปอยู่ฮอกไกโดมากขึ้น ใช้นโยบายให้กรรมสิทธิ์ที่ดิน และนำเทคโนโลยีการเกษตรช่วยการเพาะปลูกในพื้นที่หนาวเย็นได้สำเร็จ จึงมีการอพยพบุกเบิกฮอกไกโดครั้งใหญ่จนชาวญี่ปุ่นค่อย ๆ กลืนชาวไอนุดั้งเดิมได้ในที่สุด
ปัจจุบันฮอกไกโดถือเป็นอู่ข้าวอู่น้ำสำคัญของญี่ปุ่น เพราะเป็นแหล่งเพาะปลูกที่สำคัญ และเนื่องจากไม่ใช่เมืองโบราณ แต่เป็นเมืองสร้างใหม่ สถานที่ท่องเที่ยวในฮอกไกโดจึงเป็นแนวธรรมชาติเป็นส่วนใหญ่ และสวยงามต่างกันไปในแต่ละฤดู
ฤดูฮิตของนักท่องเที่ยวก็คือช่วงหน้าร้อน (มิย-สค) เพื่อมาชมทุ่งดอกไม้บาน โดยเฉพาะทุ่งลาเวนเดอร์ แต่จริง ๆ แล้วยังมีดอกอื่น ๆ อีกมากทั้งทิวลิป ซากุระ ลาเวนเดอร์ คอสมอส ป๊อบปี้ ลิลลี่บานเต็มหุบเขา และช่วงฤดูหนาว (ธค-กพ) ที่จะมีเทศกาลน้ำแข็ง เทศกาลหิมะ
อากาศ
หน้าร้อนที่เราไปช่วง 13-21 กค 2562 อุณหภูมิ 17-23 องศา กำลังดี ไม่ร้อนอบอ้าวเกิน
เตรียมตัว
1)แลกเงินสดไว้ โดยจะแบ่งเข้ากองกลางคนละ 30,000 ฿ใช้สำหรับเป็นค่าเดินทาง (รวมบัตร Hokkaido Rail Pass ค่าประกัน ค่าเดินทางอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ JR อย่างรถราง รถแทรม รถเมล์ ค่าขึ้นกระเช้า) ค่าเข้าชมต่าง ๆ และร้านอาหารบางมื้อ
อีกส่วนประมาณ 10,000 ฿ พกติดตัวไว้ (แล้วแต่คนว่าจะเก็บไว้เท่าไหร่) ส่วนเราแบ่งบางส่วนเข้าในบัตร Krungthai Travel card ใช้ง่าย สะดวก เรทดี (ไม่มีสปอนเซอร์นะฮ้า ใช้เอง)
** ไม่รวมค่าช้อปปิ้งอื่น ๆ **
2) จอง Hokkaido Rail Pass สำหรับทุกคนทางออนไลน์ตั้งแต่ที่ไทย และมาออกตั๋วเมื่อถึงสถานี Sapporo เราเลือกแบบ 4 วัน Flexible เพราะไม่ได้ใช้ติดต่อกันทุกวัน (บางวันจะนั่งรถไฟท้องถิ่น แทกซี่ รถรางค่ะ)
3) เตรียมพาสปอร์ต, ยาประจำตัว, แว่นกันแดด, ครีมกันแดด, หมวก เพราะอากาศช่วงนี้ถึงจะไม่ร้อนมาก มีเมฆครึ้มก็จริง แต่แดดแรงมาก
4)รองเท้าเลือกแบบสวมสบายเพราะต้องเดินเยอะ
5) เตรียมกระเป๋าเล็กเพราะจะต้องไปค้างนอกเมือง 2 คืน 2 ครั้ง
เดี๋ยวจะสรุปโรงแรมให้อีกทีท้ายกระทู้นะคะ
Day 0-1: เดินทาง Bangkok - Kansai - Sapporo
บินกลางคืน เปลี่ยนเครื่องที่คันไซเช้าตรู่ ถึงฮอกไกโดประมาณสิบเอ็ดโมงกว่า จากนั้นนั่ง Airport Rapid Train เข้าเมืองซัปโปโร ใช้เวลา 35 นาที ราคา 1,070 เยน/เที่ยว รถวิ่งชั่วโมงละ 4 คัน พอถึงสถานีก็ราว ๆ เกือบบ่าย เลยหาร้านทานมื้อเที่ยงที่สถานี หิวโซก็จะกินกันหนักนิดนึง
จากนั้นก็เรียกแทกซี่ไปที่พัก 4 คัน คันละ 2 คน เพราะมากันหลายคน มีกระเป๋าคนละ2ใบ
คืนแรกเราจองได้อพาร์ตเมนต์กลางเมือง ห้องใหญ่มาก นอนห้องละ 4 คน ในห้องนึงยังแบ่งเป็นอีก 2 ห้องนอน ถือว่าดีมาก
โรงแรมชื่อ Randor Resident Hotel Sapporo Suites ใครมาแนะนำเลยค่ะ
ภูเขาโมอิวะ
ล้างหน้าล้างตาแป๊บนึงก็ออกมาขึ้นรถรางไปชมวิวขึ้นภูเขาโมอิวะ (Mt.Moiwa)
ตอนนี้บ่ายคล้อย อากาศเริ่มเย็น ลมโชยกำลังดี ภูเขานี้อยู่ใจกลางซัปโปโร ด้วยความสูง 531 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล เป็นหนึ่งในจุดชมวิวที่สวยที่สุดในฮอกไกโด และจะเห็นวิวซัปโปโรได้ทั้งเมือง
สมัยก่อนที่นี่เป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของชาวไอนุ เชื่อกันว่าเป็นที่สถิตของพระเจ้า และใช้เป็นที่เฝ้ามองความเป็นไปของเมือง
เราต้องขึ้นรถรางขึ้นมาก่อนและเปลี่ยนไปนั่งเคเบิลคาร์เล็กอีกทีนึง
ค่าขึ้นกระเช้าและเคเบิลคาร์ไป-กลับ 1,700 เยน
ไปสั่น “ระฆังแห่งความสุข” สักทีสองที ตอนนี้หมอกลงหนาจนมองไม่เห็นอะไรข้างล่างเลย ภาพที่ออกมาก็เลยจะขาว ๆ มัว ๆ แบบนี้นะคะ
Nanda
ลงจากภูเขาก็ได้เวลาตะลุยบุฟเฟ่ต์ปิ้งย่างอาหารทะเลที่ Nanda คนเพียบเลยค่า โดยเฉพาะคนไทย พนักงานคนไทยช่วยอำนวยความสะดวกอย่างดีด้วย เค้าบอกจริงๆ ต้องจอง แต่พวกเราดุ่มๆ ไปเลยโชคดีมีคิวว่างพอดี พอตกลงที่นั่งปุ๊บเค้ารีบจับเวลา 100 นาที เกินนี้ปรับจ้ะ
สำหรับรสชาติ เราว่าเฉยๆ นะ หรือว่าคาดหวังเยอะก็ไม่รู้ แต่ผู้ใหญ่เค้าฟินได้แข่งกันแกะปู ปิ้งกุ้ง ปิ้งหอยสนุกสนาน
คืนนี้เก็บกระเป๋าเล็กสำหรับไปค้างที่ Asahikawa 2 คืน ส่วนกระเป๋าใหญ่ พรุ่งนี้เราจะเอาไปฝากไว้อีกโรงแรมที่เราจะกลับมาพักอีก
Day2: Asahikawa - Furano - Biei
โรงแรมที่เราจะกลับมาพักที่ซัปโปโรอยู่ติดสถานีเลยค่ะ พวกเราเรียกแทกซี่ไปส่งโรงแรม Hotel WBF Sapporo Northgate แล้วเอากระเป๋าใหญ่ไปฝากโรงแรมนี้ไว้ก่อน ค่าฝากชิ้นละ 500 เยน
จากนั้นแวะซื้อเสบียงไปทานเป็นมื้อเช้าบนรถไฟ มุ่งหน้าเข้าสถานี JR Sapporo เดินทางไป Asahikawa ด้วยรถไฟ JR เที่ยว 8.30 ใช้เวลาเดินทาง 1ชั่วโมงครึ่ง
เก็บกระเป๋าเช็กอินเข้าโรงแรมซึ่งอยู่ติดสถานีเลยชื่อ Premier Cabin โรงแรมจะเก่าๆ ห้องเล็กน้อย แต่เราซื้อทำเล ก็สะดวกดี ยิ่งช่วงนี้หน้าพีคหาโรงแรมยากมาก ได้เท่านี้ดีแล้ว และมีออนเซนให้แช่ด้วย
ไม่เสียเวลานาน เราออกเที่ยวต่อกันเลยค่ะ
Furano / Tomita Farm
นั่งรถไฟสาย Norokko-go Train จากสถานี Asahikawa ไปลงสถานี Lavender Farm Station รถไฟสาย Norokko นี้มีเฉพาะหน้าร้อนเพื่อให้ไปเที่ยวทุ่งดอกไม้โดยเฉพาะ บัตร Hokkaido Rail Pass ใช้ได้เลยนะคะ ใช้เวลาชั่วโมงนิดๆ ก็ถึง จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 5 นาทีก็จะถึง Tomita Farmค่ะ
คนไทยเราคุ้นกับโทมิตะฟาร์มดีเพราะเป็นทุ่งลาเวนเดอร์ที่ใหญ่และดังที่สุด แต่จริงๆ ยังมีทุ่งลาเวนเดอร์อีกหลายที่ แต่เราก็พาผู้ใหญ่มาที่นี่ เค้าจะได้ฟินและกลับไปคุยต่อได้ว่ามาแล้ว ฮ่าๆๆ
ตอนนี้หิวมาก คิวร้านอาหารตรงเมล่อนคาเฟ่ก็ยาวเหยียด เลยสั่งของทานเล่นที่ได้เลยมาแทน (ถ้าเป็นอาหารอย่างอื่นคิวยาวแถมต้องรอนานเป็นชั่วโมงเลย)
ทานเสร็จเราก็เข้าทุ่งลาเวนเดอร์กัน ตอนนั
[CR] Summer Journey in Hokkaido พาเหล่าคุณป้าตะลุยฮอกไกโดฉบับไม่ขับรถ 9 วัน เก็บครบ ละเอียดยิบ [Ploen The Journey]
ใช้การเดินทางด้วยรถไฟเป็นหลัก แทกซี่ รถราง รถแทรม รถเมล์ และจ้างรถเป็นบางจุดค่ะ ถือว่าเป็นความท้าทายเพราะต้องวางแผนเส้นทางให้เค้าสนุก ได้ไปไฮไลต์ครบ ไปที่ที่เค้าอยากไป แต่ก็ยังมีเวลาดื่มด่ำกับสถานที่ที่ชอบ ที่สำคัญคือทำยังไงให้เค้าไม่เหนื่อยเกินไป
ใครคิดว่ามากับคนสูงวัยแล้วจะน่าเบื่อ ขอบอกว่าไม่เสมอไป เพราะเค้าก็อยากเที่ยวลุย สนุกเหมือนสาว ๆ นี่แหละ
หลักๆ จะพาเค้าไปชมดอกไม้บาน ขึ้นเขาชมวิว เที่ยวชมธรรมชาติ ชอปปิ้ง และกินให้จุใจ
เลยอยากมาแบ่งปันแชร์รายละเอียดทริปให้เป็นแนวทางนะคะ
Route
ทริปนี้เที่ยวจริง 8 วัน รวมเดินทางก็ 10 วัน
เส้นทางเมืองหลัก Sapporo - Asahikawa - Furano - Biei - Niki - Otaru - Hakodate -Noboribetsu -Sapporo - Chitose
โดยจะเริ่มจากซัปโปโร เที่ยวขึ้นไปทางเหนือหน่อย แล้วลงมาเที่ยวทางใต้ จากนั้นกลับมาเที่ยวตรงกลางฝั่งตะวันออกและรอบ ๆ
แพลนเดินทางทั้งหมดดังนี้
Day 0 เดินทาง
Day 1 Sapporo - Mt.Moiwa ระฆังความสุข
Day2 Asahikawa - Furano - Tomita - Shikisai No Oka
Day3 Blue Pond - Shirahige falls- Asahiyama zoo
Day 4Sapporo - Niki - Sakuraanbo yama Kankou Nouen - Otaru canal - Sapporo
Day 5: Makomanai (atama daibutsu) - Sapporo - Hakodate - Super Hotel - - Port of Hakodate
Day 6: ตลาดปลาเช้า Asa-ichi Morning Market - Goryokaku (ป้อมดาวห้าแฉก) - Lucky Burger - Kanemori - Mt.Hakodate
Day 7: Noboribetsu - Jigokudani - Chitose- Rera outlet
Day 8: Sapporo - หอนาฬิกา สวนโอโดริ ทำเนียบแดง (ตึกแดง) - Horomitoge Lavender Garden - New Chitose Airport
Day 9: Bangkok
การเตรียมตัว
เลือกที่พัก
เลือกโรงแรมที่ติดหรือใกล้สถานีรถไฟให้มากที่สุด จะได้คล่องตัวในการเดินทาง เก็บของ
สายการบิน
เดินทางโดยสายการบิน Japan Airlines (JAL) ขาไป เที่ยวบิน JL728 23.30 น. แวะเปลี่ยนเครื่องที่สนามบินคันไซสองชั่วโมงครึ่ง ลงสนามบิน New Chitose
ขากลับแวะเปลี่ยนเครื่องที่สนามบิน Haneda เที่ยวบิน JL598 21.45 น.
น้ำหนัก: Business Class 32 kg. / Economy 23 kg.
Spending: cash & บัตร Krungthai Travel Card สะดวกมาก
เดินทาง: JR Hokkaido Rail Pass, รถราง, แทกซี่, รถตู้, รถบัส
มารู้จักฮอกไกโดกันนิด
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้