By ScholarShip
เพื่อนๆอาจจะสงสัยว่า ทำไมต้องพูดว่าตายยากเย็น เพราะว่าคนเหล่านี้ล้วนทำผิดกฎหมายร้ายแรงด้วยกันทั้งสิ้น โดยถูกทางการหมายหัว และล่าตัว เพื่อผู้คนจะได้ไม่อยู่อย่างหวาดระแวง แต่รู้หรือไม่ว่าคนเหล่านี้ ตายยากมากๆเลย ยากอย่างไรลองมาดูกัน
อันดับ 7. เอ็ดเวิร์ด ทีช a.k.a.ไอ้เคราดำ (Edward Teach a.k.a. Blackbeard)
เอ็ดเวิร์ด ทีช หรือทาช หรือไอ้เคราดำ(1680-1718) เป็นโจรสลัดที่มีชื่อเสีย(ง)และโหดร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์
ในช่วงปี 1702-1713 (สมัยศตวรรษที่ 18) ในสงครามระหว่างอังกฤษกับฝรั่งเศสและสเปน
เขามีรูปลักษณ์ที่ไม่เหมือนใครเพราะเขาถักหนวดจนเหมือนงูเลื้อยอยู่บนหน้า, สับคนขาด 2 ท่อนด้วยดาบเดียว, พกปืน 6 กระบอก
ข้างลำตัวแต่ละข้างตลอดเวลา, มีภรรยา 14 คน(อันนี้น่าอิจฉา) เขามีประวัติการปล้นสะดมและฆาตกรรมหลายคดี
จนเป็นที่หมายหัวจากสามประเทศ
ตายยากยังไง
ไอ้เคราดำพบจุดจบของเขาที่ทิศเหนือ ชายฝั่งรัฐนอร์ทแคโรไลน (Carolina) โดยลูกน้องคนสนิท ชื่ออิสราเอล แฮนส์
หักหลังไอ้เคราดำ โดยไปบอกข้าหลวงอังกฤษที่ Virginia รู้ จากนั้นเรือนาวิกโยธินอังกฤษที่นำโดย Robert Maynard
ก็ต้อนเรือของไอ้เคราดำจนมุม และเปิดศึกทั้งสองฝ่ายลูกเรือทั้งเจ้าเคราดำยังยืนยัดสู้ท่ามกลางทหารฝ่ายศัตรูที่ล้อมหน้า
ล้อมหลังเขาไว้ ครั้งแรกเขาถูกยิงลูกระเบิดยิงบนดาดฟ้าเรือ จนบาดเจ็บสาหัส แต่เขาก็ยังดวลดาบกับทหารและ Maynard
จนโดนดาบศัตรูฟันทั้งด้านหน้าและหลัง
เมื่อการต่อสู้จบลง ไอ้เคราดำตาย จากการตรวจสอบพบว่าเขาโดนยิงกว่า 25 นัด และมีบาดแผลที่ถูกดาบฟันกว่า 20 บาดแผล
เขาถูกตัดหัวและตรึงไว้หน้าเรือด้วยตะปู ร่างถูกโยนทะเล มีเรื่องเล่ากันว่าร่างไร้หัวของเขายังว่ายวนรอบ ๆ เรือหลายรอบก่อน
ที่จะจมทะเลในที่สุด ส่วนแฮนด์คนทรยศนะเหรอเขาตายในขณะเป็นขอทานบนถนน แต่ชื่อของเขาก็เป็นตัวละครหนึ่งในนิยาย
ของโรเบิร์ต หลุยส์ สตีเวนสัน ในเรื่องเกาะมหาสมบัติ(Treasure Island) (ส่วนไอ้เคราดำนั้นเป็น กัปตันฮุกในเรื่องปีเตอร์แพน)
อันดับ 6 พาโบล เอสโคบาร์ (Pablo Escobar)
พาโบล เอสโคบาร์(1949-1993) เป็นเจ้าพ่อโคเคนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโคลัมเบียและของโลก ที่ผูกขาดการซื้อขายโคเคนถึง 80% ในโลก และเขายังมีดีกรีติดอันดับคนที่รวยที่สุดในโลกอันดับ 7 จากนิตยสารฟอร์บส์ ที่มีเงินในกระเป๋าถึง 25,000 พันล้าน เป็นคนมีชื่อเสียงและมีเอกลักษณ์ในชุดเสื้อคอกลมและแขนสั้น
เอสโคบาร์เป็นทั้งวีรบุรุษและซาตานของชาวโคลัมเบียในเวลาเดียว เขามีส่วนรับผิดชอบการตายของชาวโคลัมเบียกว่า 4,000 คน และตั้งตัวเป็นศัตรูกับสหรัฐ และต่อสู้กับสหรัฐยาวนานหลายปี แต่เขาก็ไม่จนมุมง่ายๆ เพราะเขามี นักการเมือง, ประชาชน และกองทัพของเขาหนุนหลังอยู่
เขาตายยากยังไง
ไม่มีการไล่ล่าเจ้าพ่อค้ายาที่ยิ่งใหญ่และเร้าใจเท่ากับการล่าพาโบล เอาโคบาร์อีกแล้ว เพราะตำรวจระดมทั้งเทคโนโลยีทั้งกำลังหน่วยสวาทจำนวนมากเท่าที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นการเจาะระบบโทรทัศน์นำร่องชั้นสูงตามหาหมายเลขปลายทาง ซึ่งวันนั้น(วันที่ 2 ธันวาคมค.ศ.1993)พาโบลกำลังคุยกับครอบครัวพอดี จนตำรวจรู้แหล่งกบดานของเขาในเขตลอส โอลิวอท
ในขณะที่พาโบลกำลังคุยโทรศัพท์กับลูกกับเมียอยู่นั้น หน่วยกล้าตายหลายนายต่างพร้อมหน่วยพลแม่นปืนต่าง ๆ มาสมทบ
และปิดกันทางหนีของพาโบลและสมุน รายล้อมทั่วบริเวณแหล่งกบดาน ๆ และฉากสุดท้ายก็เปิดฉากขึ้น ตำรวจทำการบุกแหล่งกบดานของพาโบลและดวลปืนกับลูกสมุนของเจ้าพ่อ ยิงจนหูตับตับไหม้ ส่วนเจ้าพ่อถูกกดดันที่ตำรวจพังประตูเข้าไปหมายจะจับกุมเขา แต่แล้วพาโบลก็วิ่งตึงตังออกมาจากหน้าต่างชั้นสอง กระโดดลงหลังคา(พาโบลอ้วนก็จริงแต่วิ่งเร็วมาก) ร่างโงนเงนไปมาโดยถือปืนสองมือ ปากก็ด่าตำรวจไปด้วย
ในขณะที่หลบกระสุนของตำรวจระยะหนึ่ง พาโบลตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยววิ่งไปด้านหลังของอาคารแห่งหนึ่งด้วยความหวังว่า
จะกระโจมไปทางถนนหลังอาคาร แต่เขาวิ่งไม่พ้น เขาถูกกระสุนยิงตัดเข้าที่ขาอ่อนขวา และกระสุนนัดนั้นก็พุ่งทะลุออกไปใต้
ลูกสะบ้าหัวเข่าอย่างรุนแรง ส่วนกระสุนอีกนัดเข้าไปฝังอยู่ในสะบักขวา ทำให้พาโบลล้มคว่ำลงไปสันหลังคา
จนทำให้กระเบื้องหลังคาแตกกระจุยหลายแผ่น และกระสุนที่ทำให้พาโบลตายนั้นคือกระสุนที่พุ่งเข้าทางรูหูขวาทะลวงสมอง
และทะลุไปหน้าหูซ้าย เป็นอันจบชีวิตที่ทุลักทุเลของเจ้าพ่อโคลัมเบีย
(มีการสันนิษฐานว่า พาโบลอาจไม่ตายทันทีหลังโดนยิงร่วง แต่เขาโดนยิงซ้ำทีหลังต่างหาก)
อันดับ 5.เน็ด เคลลี่ (Ned Kelly)
เน็ด เคลลี่ (1854-1880) ชาวไอริชที่อาศัยในออสเตรเลียในศตวรรษที่ 19 ถูกบีบบังคับให้เป็นโจรโดยตำรวจชั่วทำให้เขา
กลายเป็นคนนอกกฎหมาย(ประมาณเสือใบ) เขามีส่วนรับผิดชอบปล้นธนาคาร และฆ่าตำรวจสามนาย
ทำให้ถูกออกหมายจับไปทั่วออสเตรเลีย
ตายยากยังไง
ค.ศ.1880 เน็ด เคลลี่ และแก๊งของเขา จับตัวประกันกว่า 70 ชีวิต ไว้ที่โรงแรมเล็กๆ ในเมืองเกลนโรแวน(Glenrowan)
ซึ่งภายนอกโรงแรมเต็มไปด้วยตำรวจหลายสิบนายที่แห่มาจับกุม ตำรวจทำการระดมกระสุนปืนหลายนัดยิงเข้าไปในโรงแรม
ในความมืดจนถึงเช้า เน็ด เคลลี่ และแก๊งเขาจนมุม จากนั้นเหล่าตำรวจก็หวังว่าเขาและพวกจะยอมมอบตัว
แต่แล้วเน็ด เคลลี่ก็ทำให้ตำรวจแปลกใจ และตะลึงสิ่งที่เห็นเน็ด เคลลี่ออกจากประตูโรงแรมคนเดียวในรูปลักษณ์ที่แสนแปลกตาเขาสวมชุดเกราะประดิษฐ์คลุมตั้งแต่หัวจรดต้นขา ซึ่งประกอบกันเข้าแบบหยาบๆ แต่มันก็กันกระสุนได้ดีพอสมควร
(ใครวาดภาพไม่ออกขอให้นึกถึงชุดเกราะไอออนแมนเวอรชั่นออฟกัน)
เน็ด เคลลี่คนเดียวในชุดเกราะเปิดศึกกับตำรวจนับร้อยด้วยปืนสั้นกระบอกเดียว(อย่างที่เห็นในภาพ) แม้ชุดเกราะมันจะกันกระสุน แต่มันก็ทำให้เขางุ่มง่ามทำให้เขาโดนกระสุนหลายนัดที่ระดมเข้าไปในชุดเกราะของเขาเต็มๆ จนเซไปข้างหน้า ท่ามกลางห่ากระสุนหลายฝ่ายคิดว่าเคลลี่ตายโหงไปแล้ว แต่เหลือเชื่อหลังสิ้นสุดกระสุนปืน(เคลซี่โดนตำรวจยิงที่ขาจนล้ม) ตำรวจทำการตรวจสอบพบว่าเขายังมีลมหายใจอยู่ เน็ด เคลลี่ถูกตำรวจจับกุม ส่วนลูกน้องถูกตำรวจจับได้บางส่วน ในขณะที่อีกจำนวนหนึ่งโดนตำรวจฆ่าจากการหลบหนี
อย่างไรก็ตามต่อมา เน็ด เคลลี่ ถูกแขวนคอข้อหาฆ่าตำรวจตาย คำพูดสุดท้ายของเขาคือ “นี้แหละชีวิต” ส่วนตำรวจที่รังแกครอบครัวเคลลี่ในตอนแรกโดนไล่ออกในเวลาต่อมา จากนั้นเคลลี่ก็กลายเป็นตำนานเสือใบต้นแบบที่ ทุกคนมองว่าเขาเป็นวีรบุรุษประจำชาติมากกว่าวายร้ายของประเทศออสเตรเลีย
อันดับ 4 ลีออน ทรอตสกี้ (Leon Trotsky)
ลีออน ทรอตสกี้ (1879 – 1940) ทรอตสกี้เป็นสมาชิกคนสำคัญการยึดอำนาจของพรรคบอลเชวิคในช่วงเริ่มต้นของ
การปกครองของพรรคคอมมิวนิสต์โซเวียต อย่างไรก็ตาม เขาก็พ่ายแพ้ให้กับสตาลินในการแย่งอำนาจกันภายหลังจาก
การถึงแก่อสัญกรรมของเลนิน จนต้องหลบหนีออกนอกประเทศ
ตายยากยังไง
ทรอตสกี้ถูกลอบสังหารขณะลี้ภัยอยู่ที่ในเม็กซิโก ในวันที่ 20 สิงหาคม 1940 โดยผู้ลอบสังหารที่ชื่อ รามอน แม็คาดาร์
ซึ่งได้รับคำสั่งจากสตาลินให้มากำจัดเขา ในวันเกิดเหตุ ตอนนั้นทรอตสกี้กำลังนั่งอ่านหนังสือที่ห้องรามอน แม็คาดาร์
ใช้ที่สับน้ำแข็งแทงทรอตสกี้จามไปที่กะโหลกศีรษะด้านหลังของเขา
แต่แล้ว เหลือเชื่อ ทรอตสกี้ตายยากกว่าที่คาด เขายืนขึ้นออกจากโต๊ะทำงานทั้งๆ ที่ขวานยังปักคาหัวเขา เขาด่า
และถมน้ำลายใส่รามอน จากนั้นก็สู้กัน จนบอดี้การ์ดของทรอตสกี้ได้ยินเสียงจึงวิ่งเข้าไป
และพาทรอตสกี้ส่งโรงพยาบาล ก่อนที่จะตายในวันต่อมา
อันดับ 3 กาเบรียล การ์เซีย โมเรโน่ (Gabriel Garcia Moreno)
โมเรโน่(1821-1875) ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเป็นประธานาธิบดีของเอกวาดอร์เมื่อกลางปีคริสตศักราช 1900
เขาเป็นชาวคริสต์นิกายคาธอลิคที่น่ายกย่องนับถือ เขาก่อตั้งพรรคจารีตแบบแผนของประเทศ อีกทั้งยังหน้าตาคล้ายกับ
F. Merray Abraham อีกด้วย
โมเรโน่ได้บัญญัติกฎหมายหนึ่งขึ้นมาเพื่อก่อตั้งหน่วยงานของนิกายคาธอลิคแห่งเอกวาดอร์ เพื่อที่ใครก็ตามที่เข้ามาสมัคร
และลงคะแนนเสียงให้พรรคนี้แล้ว จะต้องแปรสภาพศาสนามาเป็นคริสต์นิกายคาธอลิค ในขณะที่สิ่งนี้เป็นประโยชน์ต่อ
ชาวคาธอลิค แต่มันก็ดึงผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องให้มาเดือดร้อนด้วย และผู้เกี่ยวข้องนี้ที่ผู้สมัครหาเสียงของพรรคอื่น ได้
เห็นต้องกันว่ามันเป็นเวลาอันสมควรที่จะกำจัดอับราฮัมไปให้พ้นทาง
ตายยากยังไง
ขณะที่เขาสละบัลลังก์ในโบสถ์ที่เมืองกิโต้ เขาถูกโจมตีอย่างโหดเหี้ยมจากผู้ลอบสังหาร ซึ่งใช้มีดขนาดใหญ่เฉือนลำคอ
ของประธานาธิบดี ตัดแขนซ้ายและมือขวาของเขาออกไปด้วย แต่!!……เขายังไม่ตาย
เขาลุกขึ้นยืนด้วยเท้าทั้งสองของเขา ผู้ลอบสังหารจึงยิงเขาเข้าที่หน้าอกไป 6 นัด และฟันที่หน้าอกไป 14 ครั้ง ก่อนที่เขา
จะล้มลงสู่พื้นในตอนท้าย แต่แม้กระนั้นเขาก็ยังเหลือลมหายใจพอที่จะเขียนพื้นด้วยเลือดของเขาว่า “พระเจ้าไม่มีวันตายจาก(God does not die)”
หลังจากที่ผู้ลอบสังหารได้หลบหนีไปแล้ว พระได้นำโมเรโน่เข้าไปในโบสถ์ เขายังมีชีวิตอยู่ในนั้นนานกว่า 15 นาที หลังการ
ชันสูตรพลิกศพ แพทย์พบว่าโมเรโน่มีเหล็กหลอมเป็นทรงกลมอยู่ภายในร่างของเขา!!(มันมีได้ไงวุ้ย)
อันดับ 2 เฟอร์ดินานด์ มาเจลลัน (Ferdinand Magellan)
มาเจลลัน(1480-1521)เป็นนักสำรวจชาวโปรตุเกสผู้เป็นคนแรกที่แล่นเรือไปแล้วรอบโลก และเป็นชาวยุโรปคนแรก
ที่เดินทางไปถึงเกาะฟิลิปปินส์ และ เขายังค้นพบช่องแคบที่เดินทางข้ามมหาสมุทรแอนแลนติกอีกด้วย.. (ภายหลังได้ตั้งชื่อว่า
ช่องแคบมาแจลแลน เพื่อเป็นเกียรติแก่เขา เมื่อมาถึงอีกด้านหนึ่งเขาก็ตั้งชื่อว่า มหาสมุทรแปซิฟิก แปลว่าความสงบ)
ตายยากยังไง
มาเจลลันเห็นด้วยที่จะสังหารผู้ชายคนหนึ่งนามว่า ลาปู ลาปู ผู้เป็นข้าศึกศัตรูของสองกษัตริย์แห่งฟิลลิปปินส์ที่เคยเป็นมิตรกันมาก่อน แผนของเขาเป็นเอกลักษณ์อย่างมากโดยการให้ลาปูเปลี่ยนศาสนามาเป็นคริสเตียน แต่ที่ที่เขาจะดำเนินแผนการเปลี่ยนศาสนานั้น ช่างเป็นดินแดนที่โอบล้อมด้วยความหอมหวานของความตายที่พึงจะกระทำเสียนี่กระไร
มาเจลลันและลูกเรือของเขาเข้าเทียบท่าที่ดินแดนของลาปูลาปูในเกาะมัคตัน อย่างไรก็ตามลาปูได้ทราบแน่ชัดแล้วว่ามาเจลลันและลูกเรือกำลังเดินทางมาเพราะเขามีทหารสังเกตการณ์อยู่ มาเจลลันเกือบถูกฟาดด้วยหอกอาบยาพิษอย่างหวุดหวิด เขาหลบได้ทันท่วงทีแต่ดันเข้าไปอยู่ในฝูงนักรบของฝ่ายเจ้าบ้าน เขาถูกแทงเข้าที่ใบหน้าด้วยหลาวไม้ไผ่ เขาโต้กลับด้วยการฝังหอกลงไปในร่างของผู้โจมตี มาเจลลันพยายามจะวาดวงกระบี่ของเขาเพื่อต่อสู้ต่อไป แต่อนิจจา แขนขาขาของเขาถูกฟันขาดออกไปเสียแล้ว…
และเขาล้มลงบนพื้นพร้อมแผลฉกรรณ์อีกมากมาย ฝ่ายเจ้าบ้านเห็นดังนั้นก็รีบกรูเข้ามารุมกระหน่ำฟันแทงมาเจลลันที่นอนแผ่ที่พื้นอย่างไร้ทางสู้ เขามองขึ้นไปข้างบนเพื่อดูว่าลูกเรือของเขากลับถิ่นตนไปได้อย่างปลอดภัย จากนั้นก็จึงตัดสินใจที่จะปล่อยตัวเองให้ตาย แต่ก่อนนั้น เขาได้ใช้ลมหายใจเฮือกสุดท้ายคำรามออกมาและเขวี้ยงหอกเข้าไปใส่แก้มของลาปูในท้ายที่สุด (ให้นึกถึงหนังเรื่อง 300)
ที่มา: postjung
Cr. www.scholarship.in.th
เรื่องเล่าเกี่ยวกับการสังหารระดับโลก ที่ตายยากตายเย็นที่สุดในประวัติศาสตร์
เพื่อนๆอาจจะสงสัยว่า ทำไมต้องพูดว่าตายยากเย็น เพราะว่าคนเหล่านี้ล้วนทำผิดกฎหมายร้ายแรงด้วยกันทั้งสิ้น โดยถูกทางการหมายหัว และล่าตัว เพื่อผู้คนจะได้ไม่อยู่อย่างหวาดระแวง แต่รู้หรือไม่ว่าคนเหล่านี้ ตายยากมากๆเลย ยากอย่างไรลองมาดูกัน
อันดับ 7. เอ็ดเวิร์ด ทีช a.k.a.ไอ้เคราดำ (Edward Teach a.k.a. Blackbeard)
เอ็ดเวิร์ด ทีช หรือทาช หรือไอ้เคราดำ(1680-1718) เป็นโจรสลัดที่มีชื่อเสีย(ง)และโหดร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์
ในช่วงปี 1702-1713 (สมัยศตวรรษที่ 18) ในสงครามระหว่างอังกฤษกับฝรั่งเศสและสเปน
เขามีรูปลักษณ์ที่ไม่เหมือนใครเพราะเขาถักหนวดจนเหมือนงูเลื้อยอยู่บนหน้า, สับคนขาด 2 ท่อนด้วยดาบเดียว, พกปืน 6 กระบอก
ข้างลำตัวแต่ละข้างตลอดเวลา, มีภรรยา 14 คน(อันนี้น่าอิจฉา) เขามีประวัติการปล้นสะดมและฆาตกรรมหลายคดี
จนเป็นที่หมายหัวจากสามประเทศ
ตายยากยังไง
ไอ้เคราดำพบจุดจบของเขาที่ทิศเหนือ ชายฝั่งรัฐนอร์ทแคโรไลน (Carolina) โดยลูกน้องคนสนิท ชื่ออิสราเอล แฮนส์
หักหลังไอ้เคราดำ โดยไปบอกข้าหลวงอังกฤษที่ Virginia รู้ จากนั้นเรือนาวิกโยธินอังกฤษที่นำโดย Robert Maynard
ก็ต้อนเรือของไอ้เคราดำจนมุม และเปิดศึกทั้งสองฝ่ายลูกเรือทั้งเจ้าเคราดำยังยืนยัดสู้ท่ามกลางทหารฝ่ายศัตรูที่ล้อมหน้า
ล้อมหลังเขาไว้ ครั้งแรกเขาถูกยิงลูกระเบิดยิงบนดาดฟ้าเรือ จนบาดเจ็บสาหัส แต่เขาก็ยังดวลดาบกับทหารและ Maynard
จนโดนดาบศัตรูฟันทั้งด้านหน้าและหลัง
เมื่อการต่อสู้จบลง ไอ้เคราดำตาย จากการตรวจสอบพบว่าเขาโดนยิงกว่า 25 นัด และมีบาดแผลที่ถูกดาบฟันกว่า 20 บาดแผล
เขาถูกตัดหัวและตรึงไว้หน้าเรือด้วยตะปู ร่างถูกโยนทะเล มีเรื่องเล่ากันว่าร่างไร้หัวของเขายังว่ายวนรอบ ๆ เรือหลายรอบก่อน
ที่จะจมทะเลในที่สุด ส่วนแฮนด์คนทรยศนะเหรอเขาตายในขณะเป็นขอทานบนถนน แต่ชื่อของเขาก็เป็นตัวละครหนึ่งในนิยาย
ของโรเบิร์ต หลุยส์ สตีเวนสัน ในเรื่องเกาะมหาสมบัติ(Treasure Island) (ส่วนไอ้เคราดำนั้นเป็น กัปตันฮุกในเรื่องปีเตอร์แพน)
อันดับ 6 พาโบล เอสโคบาร์ (Pablo Escobar)
พาโบล เอสโคบาร์(1949-1993) เป็นเจ้าพ่อโคเคนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโคลัมเบียและของโลก ที่ผูกขาดการซื้อขายโคเคนถึง 80% ในโลก และเขายังมีดีกรีติดอันดับคนที่รวยที่สุดในโลกอันดับ 7 จากนิตยสารฟอร์บส์ ที่มีเงินในกระเป๋าถึง 25,000 พันล้าน เป็นคนมีชื่อเสียงและมีเอกลักษณ์ในชุดเสื้อคอกลมและแขนสั้น
เอสโคบาร์เป็นทั้งวีรบุรุษและซาตานของชาวโคลัมเบียในเวลาเดียว เขามีส่วนรับผิดชอบการตายของชาวโคลัมเบียกว่า 4,000 คน และตั้งตัวเป็นศัตรูกับสหรัฐ และต่อสู้กับสหรัฐยาวนานหลายปี แต่เขาก็ไม่จนมุมง่ายๆ เพราะเขามี นักการเมือง, ประชาชน และกองทัพของเขาหนุนหลังอยู่
เขาตายยากยังไง
ไม่มีการไล่ล่าเจ้าพ่อค้ายาที่ยิ่งใหญ่และเร้าใจเท่ากับการล่าพาโบล เอาโคบาร์อีกแล้ว เพราะตำรวจระดมทั้งเทคโนโลยีทั้งกำลังหน่วยสวาทจำนวนมากเท่าที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นการเจาะระบบโทรทัศน์นำร่องชั้นสูงตามหาหมายเลขปลายทาง ซึ่งวันนั้น(วันที่ 2 ธันวาคมค.ศ.1993)พาโบลกำลังคุยกับครอบครัวพอดี จนตำรวจรู้แหล่งกบดานของเขาในเขตลอส โอลิวอท
ในขณะที่พาโบลกำลังคุยโทรศัพท์กับลูกกับเมียอยู่นั้น หน่วยกล้าตายหลายนายต่างพร้อมหน่วยพลแม่นปืนต่าง ๆ มาสมทบ
และปิดกันทางหนีของพาโบลและสมุน รายล้อมทั่วบริเวณแหล่งกบดาน ๆ และฉากสุดท้ายก็เปิดฉากขึ้น ตำรวจทำการบุกแหล่งกบดานของพาโบลและดวลปืนกับลูกสมุนของเจ้าพ่อ ยิงจนหูตับตับไหม้ ส่วนเจ้าพ่อถูกกดดันที่ตำรวจพังประตูเข้าไปหมายจะจับกุมเขา แต่แล้วพาโบลก็วิ่งตึงตังออกมาจากหน้าต่างชั้นสอง กระโดดลงหลังคา(พาโบลอ้วนก็จริงแต่วิ่งเร็วมาก) ร่างโงนเงนไปมาโดยถือปืนสองมือ ปากก็ด่าตำรวจไปด้วย
ในขณะที่หลบกระสุนของตำรวจระยะหนึ่ง พาโบลตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยววิ่งไปด้านหลังของอาคารแห่งหนึ่งด้วยความหวังว่า
จะกระโจมไปทางถนนหลังอาคาร แต่เขาวิ่งไม่พ้น เขาถูกกระสุนยิงตัดเข้าที่ขาอ่อนขวา และกระสุนนัดนั้นก็พุ่งทะลุออกไปใต้
ลูกสะบ้าหัวเข่าอย่างรุนแรง ส่วนกระสุนอีกนัดเข้าไปฝังอยู่ในสะบักขวา ทำให้พาโบลล้มคว่ำลงไปสันหลังคา
จนทำให้กระเบื้องหลังคาแตกกระจุยหลายแผ่น และกระสุนที่ทำให้พาโบลตายนั้นคือกระสุนที่พุ่งเข้าทางรูหูขวาทะลวงสมอง
และทะลุไปหน้าหูซ้าย เป็นอันจบชีวิตที่ทุลักทุเลของเจ้าพ่อโคลัมเบีย
(มีการสันนิษฐานว่า พาโบลอาจไม่ตายทันทีหลังโดนยิงร่วง แต่เขาโดนยิงซ้ำทีหลังต่างหาก)
อันดับ 5.เน็ด เคลลี่ (Ned Kelly)
เน็ด เคลลี่ (1854-1880) ชาวไอริชที่อาศัยในออสเตรเลียในศตวรรษที่ 19 ถูกบีบบังคับให้เป็นโจรโดยตำรวจชั่วทำให้เขา
กลายเป็นคนนอกกฎหมาย(ประมาณเสือใบ) เขามีส่วนรับผิดชอบปล้นธนาคาร และฆ่าตำรวจสามนาย
ทำให้ถูกออกหมายจับไปทั่วออสเตรเลีย
ตายยากยังไง
ค.ศ.1880 เน็ด เคลลี่ และแก๊งของเขา จับตัวประกันกว่า 70 ชีวิต ไว้ที่โรงแรมเล็กๆ ในเมืองเกลนโรแวน(Glenrowan)
ซึ่งภายนอกโรงแรมเต็มไปด้วยตำรวจหลายสิบนายที่แห่มาจับกุม ตำรวจทำการระดมกระสุนปืนหลายนัดยิงเข้าไปในโรงแรม
ในความมืดจนถึงเช้า เน็ด เคลลี่ และแก๊งเขาจนมุม จากนั้นเหล่าตำรวจก็หวังว่าเขาและพวกจะยอมมอบตัว
แต่แล้วเน็ด เคลลี่ก็ทำให้ตำรวจแปลกใจ และตะลึงสิ่งที่เห็นเน็ด เคลลี่ออกจากประตูโรงแรมคนเดียวในรูปลักษณ์ที่แสนแปลกตาเขาสวมชุดเกราะประดิษฐ์คลุมตั้งแต่หัวจรดต้นขา ซึ่งประกอบกันเข้าแบบหยาบๆ แต่มันก็กันกระสุนได้ดีพอสมควร
(ใครวาดภาพไม่ออกขอให้นึกถึงชุดเกราะไอออนแมนเวอรชั่นออฟกัน)
เน็ด เคลลี่คนเดียวในชุดเกราะเปิดศึกกับตำรวจนับร้อยด้วยปืนสั้นกระบอกเดียว(อย่างที่เห็นในภาพ) แม้ชุดเกราะมันจะกันกระสุน แต่มันก็ทำให้เขางุ่มง่ามทำให้เขาโดนกระสุนหลายนัดที่ระดมเข้าไปในชุดเกราะของเขาเต็มๆ จนเซไปข้างหน้า ท่ามกลางห่ากระสุนหลายฝ่ายคิดว่าเคลลี่ตายโหงไปแล้ว แต่เหลือเชื่อหลังสิ้นสุดกระสุนปืน(เคลซี่โดนตำรวจยิงที่ขาจนล้ม) ตำรวจทำการตรวจสอบพบว่าเขายังมีลมหายใจอยู่ เน็ด เคลลี่ถูกตำรวจจับกุม ส่วนลูกน้องถูกตำรวจจับได้บางส่วน ในขณะที่อีกจำนวนหนึ่งโดนตำรวจฆ่าจากการหลบหนี
อย่างไรก็ตามต่อมา เน็ด เคลลี่ ถูกแขวนคอข้อหาฆ่าตำรวจตาย คำพูดสุดท้ายของเขาคือ “นี้แหละชีวิต” ส่วนตำรวจที่รังแกครอบครัวเคลลี่ในตอนแรกโดนไล่ออกในเวลาต่อมา จากนั้นเคลลี่ก็กลายเป็นตำนานเสือใบต้นแบบที่ ทุกคนมองว่าเขาเป็นวีรบุรุษประจำชาติมากกว่าวายร้ายของประเทศออสเตรเลีย
อันดับ 4 ลีออน ทรอตสกี้ (Leon Trotsky)
ลีออน ทรอตสกี้ (1879 – 1940) ทรอตสกี้เป็นสมาชิกคนสำคัญการยึดอำนาจของพรรคบอลเชวิคในช่วงเริ่มต้นของ
การปกครองของพรรคคอมมิวนิสต์โซเวียต อย่างไรก็ตาม เขาก็พ่ายแพ้ให้กับสตาลินในการแย่งอำนาจกันภายหลังจาก
การถึงแก่อสัญกรรมของเลนิน จนต้องหลบหนีออกนอกประเทศ
ตายยากยังไง
ทรอตสกี้ถูกลอบสังหารขณะลี้ภัยอยู่ที่ในเม็กซิโก ในวันที่ 20 สิงหาคม 1940 โดยผู้ลอบสังหารที่ชื่อ รามอน แม็คาดาร์
ซึ่งได้รับคำสั่งจากสตาลินให้มากำจัดเขา ในวันเกิดเหตุ ตอนนั้นทรอตสกี้กำลังนั่งอ่านหนังสือที่ห้องรามอน แม็คาดาร์
ใช้ที่สับน้ำแข็งแทงทรอตสกี้จามไปที่กะโหลกศีรษะด้านหลังของเขา
แต่แล้ว เหลือเชื่อ ทรอตสกี้ตายยากกว่าที่คาด เขายืนขึ้นออกจากโต๊ะทำงานทั้งๆ ที่ขวานยังปักคาหัวเขา เขาด่า
และถมน้ำลายใส่รามอน จากนั้นก็สู้กัน จนบอดี้การ์ดของทรอตสกี้ได้ยินเสียงจึงวิ่งเข้าไป
และพาทรอตสกี้ส่งโรงพยาบาล ก่อนที่จะตายในวันต่อมา
อันดับ 3 กาเบรียล การ์เซีย โมเรโน่ (Gabriel Garcia Moreno)
โมเรโน่(1821-1875) ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเป็นประธานาธิบดีของเอกวาดอร์เมื่อกลางปีคริสตศักราช 1900
เขาเป็นชาวคริสต์นิกายคาธอลิคที่น่ายกย่องนับถือ เขาก่อตั้งพรรคจารีตแบบแผนของประเทศ อีกทั้งยังหน้าตาคล้ายกับ
F. Merray Abraham อีกด้วย
โมเรโน่ได้บัญญัติกฎหมายหนึ่งขึ้นมาเพื่อก่อตั้งหน่วยงานของนิกายคาธอลิคแห่งเอกวาดอร์ เพื่อที่ใครก็ตามที่เข้ามาสมัคร
และลงคะแนนเสียงให้พรรคนี้แล้ว จะต้องแปรสภาพศาสนามาเป็นคริสต์นิกายคาธอลิค ในขณะที่สิ่งนี้เป็นประโยชน์ต่อ
ชาวคาธอลิค แต่มันก็ดึงผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องให้มาเดือดร้อนด้วย และผู้เกี่ยวข้องนี้ที่ผู้สมัครหาเสียงของพรรคอื่น ได้
เห็นต้องกันว่ามันเป็นเวลาอันสมควรที่จะกำจัดอับราฮัมไปให้พ้นทาง
ตายยากยังไง
ขณะที่เขาสละบัลลังก์ในโบสถ์ที่เมืองกิโต้ เขาถูกโจมตีอย่างโหดเหี้ยมจากผู้ลอบสังหาร ซึ่งใช้มีดขนาดใหญ่เฉือนลำคอ
ของประธานาธิบดี ตัดแขนซ้ายและมือขวาของเขาออกไปด้วย แต่!!……เขายังไม่ตาย
เขาลุกขึ้นยืนด้วยเท้าทั้งสองของเขา ผู้ลอบสังหารจึงยิงเขาเข้าที่หน้าอกไป 6 นัด และฟันที่หน้าอกไป 14 ครั้ง ก่อนที่เขา
จะล้มลงสู่พื้นในตอนท้าย แต่แม้กระนั้นเขาก็ยังเหลือลมหายใจพอที่จะเขียนพื้นด้วยเลือดของเขาว่า “พระเจ้าไม่มีวันตายจาก(God does not die)”
หลังจากที่ผู้ลอบสังหารได้หลบหนีไปแล้ว พระได้นำโมเรโน่เข้าไปในโบสถ์ เขายังมีชีวิตอยู่ในนั้นนานกว่า 15 นาที หลังการ
ชันสูตรพลิกศพ แพทย์พบว่าโมเรโน่มีเหล็กหลอมเป็นทรงกลมอยู่ภายในร่างของเขา!!(มันมีได้ไงวุ้ย)
อันดับ 2 เฟอร์ดินานด์ มาเจลลัน (Ferdinand Magellan)
มาเจลลัน(1480-1521)เป็นนักสำรวจชาวโปรตุเกสผู้เป็นคนแรกที่แล่นเรือไปแล้วรอบโลก และเป็นชาวยุโรปคนแรก
ที่เดินทางไปถึงเกาะฟิลิปปินส์ และ เขายังค้นพบช่องแคบที่เดินทางข้ามมหาสมุทรแอนแลนติกอีกด้วย.. (ภายหลังได้ตั้งชื่อว่า
ช่องแคบมาแจลแลน เพื่อเป็นเกียรติแก่เขา เมื่อมาถึงอีกด้านหนึ่งเขาก็ตั้งชื่อว่า มหาสมุทรแปซิฟิก แปลว่าความสงบ)
ตายยากยังไง
มาเจลลันเห็นด้วยที่จะสังหารผู้ชายคนหนึ่งนามว่า ลาปู ลาปู ผู้เป็นข้าศึกศัตรูของสองกษัตริย์แห่งฟิลลิปปินส์ที่เคยเป็นมิตรกันมาก่อน แผนของเขาเป็นเอกลักษณ์อย่างมากโดยการให้ลาปูเปลี่ยนศาสนามาเป็นคริสเตียน แต่ที่ที่เขาจะดำเนินแผนการเปลี่ยนศาสนานั้น ช่างเป็นดินแดนที่โอบล้อมด้วยความหอมหวานของความตายที่พึงจะกระทำเสียนี่กระไร
มาเจลลันและลูกเรือของเขาเข้าเทียบท่าที่ดินแดนของลาปูลาปูในเกาะมัคตัน อย่างไรก็ตามลาปูได้ทราบแน่ชัดแล้วว่ามาเจลลันและลูกเรือกำลังเดินทางมาเพราะเขามีทหารสังเกตการณ์อยู่ มาเจลลันเกือบถูกฟาดด้วยหอกอาบยาพิษอย่างหวุดหวิด เขาหลบได้ทันท่วงทีแต่ดันเข้าไปอยู่ในฝูงนักรบของฝ่ายเจ้าบ้าน เขาถูกแทงเข้าที่ใบหน้าด้วยหลาวไม้ไผ่ เขาโต้กลับด้วยการฝังหอกลงไปในร่างของผู้โจมตี มาเจลลันพยายามจะวาดวงกระบี่ของเขาเพื่อต่อสู้ต่อไป แต่อนิจจา แขนขาขาของเขาถูกฟันขาดออกไปเสียแล้ว…
และเขาล้มลงบนพื้นพร้อมแผลฉกรรณ์อีกมากมาย ฝ่ายเจ้าบ้านเห็นดังนั้นก็รีบกรูเข้ามารุมกระหน่ำฟันแทงมาเจลลันที่นอนแผ่ที่พื้นอย่างไร้ทางสู้ เขามองขึ้นไปข้างบนเพื่อดูว่าลูกเรือของเขากลับถิ่นตนไปได้อย่างปลอดภัย จากนั้นก็จึงตัดสินใจที่จะปล่อยตัวเองให้ตาย แต่ก่อนนั้น เขาได้ใช้ลมหายใจเฮือกสุดท้ายคำรามออกมาและเขวี้ยงหอกเข้าไปใส่แก้มของลาปูในท้ายที่สุด (ให้นึกถึงหนังเรื่อง 300)
ที่มา: postjung
Cr. www.scholarship.in.th