บลูมเบิร์กวิเคราะห์สังคมสูงวัยปัญหาใหญ่ประเทศไทย “คนไทยตายก่อนรวย”
26 กรกฎาคม 2019
เกิดไม่ทันใช้! ไทยกำลังเผชิญหน้ากับสังคมผู้สูงวัย เศรษฐกิจปรับตัวไม่ทัน คนไทยแก่ก่อนรวย
เราอาจจะเคยได้ยินว่าสังคมในเอเชียเช่น ประเทศญี่ปุ่น กำลังเผชิญหน้ากับสภาวะสังคมผู้สูงอายุ คนรุ่นใหม่ต้องแบกรับสภาวะทางสังคมและการคลังที่มีผู้สูงอายุมากกว่า ทำให้เสียสมดุล แต่ในญี่ปุ่นที่เศรษฐกิจยังพอไปได้ก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายนัก ทว่าเรื่องดังกล่าวกำลังเกิดขึ้นกับประเทศไทย แถมเศรษฐกิจไทยที่กำลังเข้าสู่มุมอับอยู่แล้ว ก็ยิ่งทำให้เกิดความกังวลเข้าไปอีก
รายงานจากสำนักข่าว Bloomberg ที่อ้างอิงตัวเลขจากสหประชาชาติชี้ว่า อัตราการเกิดของประชากรในประเทศไทยตกลงเทียบเท่าสวิตเซอร์แลนด์และฟินแลนด์ แม้ฟังแล้วดูจะเป็นข่าวดี แต่เศรษฐกิจของทั้งสองประเทศหลังนั้นดีกว่าไทย นอกจากนี้ถ้าตีความแล้ว เมื่อถึงปี 2030 (พ.ศ. 2573) ไทยจะมีประชากรอายุมากกว่า 60 ปี ถึง 25% และส่วนมากมีฐานะยากจน รวมถึงไทยจะต้องสูญเสียแรงงานไป ผลที่เกิดขึ้นคือความชะงักงันทางเศรษฐกิจที่จะตามมาด้วย
สถานการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้ไทยต้องตกอยู่ในที่นั่งลำบาก คนรุ่นใหม่อาจจะแก่ก่อนที่จะมีชีวิตที่ดี ส่วนหนึ่งเป็นผลพวงจากการพัฒนาไปสู่ความเป็นเมือง (urbanization) ของไทยมากขึ้น ในเวลาเดียวกันการรณรงค์การคุมกำเนิดของคุณมีชัย วีระไวทยะ ช่วงทศวรรษที่ 2510 ที่เชื่อมโยงการเกิดและมีลูก เข้ากับความยากจนนั้น ทำให้อัตราการเกิดของประเทศไทย ร่วงลงเหลือเพียง 2.2 จากเดิมที่ 6.3 และปัจจุบันเหลือเพียง 1.5 เท่านั้น
ในปัจจุบัน ทางออกเพื่อรองรับกับการแก้ไขปัญหานี้ในเชิงนโยบายภาครัฐนั้นยังมีไม่ชัดเจน ทำให้ไทยจำเป็นต้องใช้แรงงานต่างชาติ และด้วยนโยบายเปิดกว้างเช่นนี้ ก็ทำให้ไทยมีแรงงานต่างชาติอยู่ในระบบเศรษฐกิจเป็นจำนวนมาก โดยคนเหล่านี้ถือเป็น 10% ของแรงงานทั้งประเทศในเวลานี้
ปัญหาเหล่านี้เป็นเรื่องที่ใหญ่มาก เพราะระบบสาธารณสุขของไทยมีต้นทุนที่เพิ่มโดยเฉลี่ย 12% ต่อปี แต่รายได้ของประชากรกลับไม่สมดุล มากกว่านั้นระบบประกันสังคมของไทยถ้าไม่มีการปรับปรุงด้านภาษี เงินจะหมดภายใน 15 ปีเท่านั้น ซึ่งเป็นสิ่งที่น่ากังวลอย่างมากสำหรับอนาคต
https://workpointnews.com/2019/07/26/eldersociety-bloomberg/
บลูมเบิร์กวิเคราะห์สังคมสูงวัยปัญหาใหญ่ประเทศไทย “คนไทยตายก่อนรวย”
26 กรกฎาคม 2019
เกิดไม่ทันใช้! ไทยกำลังเผชิญหน้ากับสังคมผู้สูงวัย เศรษฐกิจปรับตัวไม่ทัน คนไทยแก่ก่อนรวย
เราอาจจะเคยได้ยินว่าสังคมในเอเชียเช่น ประเทศญี่ปุ่น กำลังเผชิญหน้ากับสภาวะสังคมผู้สูงอายุ คนรุ่นใหม่ต้องแบกรับสภาวะทางสังคมและการคลังที่มีผู้สูงอายุมากกว่า ทำให้เสียสมดุล แต่ในญี่ปุ่นที่เศรษฐกิจยังพอไปได้ก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายนัก ทว่าเรื่องดังกล่าวกำลังเกิดขึ้นกับประเทศไทย แถมเศรษฐกิจไทยที่กำลังเข้าสู่มุมอับอยู่แล้ว ก็ยิ่งทำให้เกิดความกังวลเข้าไปอีก
รายงานจากสำนักข่าว Bloomberg ที่อ้างอิงตัวเลขจากสหประชาชาติชี้ว่า อัตราการเกิดของประชากรในประเทศไทยตกลงเทียบเท่าสวิตเซอร์แลนด์และฟินแลนด์ แม้ฟังแล้วดูจะเป็นข่าวดี แต่เศรษฐกิจของทั้งสองประเทศหลังนั้นดีกว่าไทย นอกจากนี้ถ้าตีความแล้ว เมื่อถึงปี 2030 (พ.ศ. 2573) ไทยจะมีประชากรอายุมากกว่า 60 ปี ถึง 25% และส่วนมากมีฐานะยากจน รวมถึงไทยจะต้องสูญเสียแรงงานไป ผลที่เกิดขึ้นคือความชะงักงันทางเศรษฐกิจที่จะตามมาด้วย
สถานการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้ไทยต้องตกอยู่ในที่นั่งลำบาก คนรุ่นใหม่อาจจะแก่ก่อนที่จะมีชีวิตที่ดี ส่วนหนึ่งเป็นผลพวงจากการพัฒนาไปสู่ความเป็นเมือง (urbanization) ของไทยมากขึ้น ในเวลาเดียวกันการรณรงค์การคุมกำเนิดของคุณมีชัย วีระไวทยะ ช่วงทศวรรษที่ 2510 ที่เชื่อมโยงการเกิดและมีลูก เข้ากับความยากจนนั้น ทำให้อัตราการเกิดของประเทศไทย ร่วงลงเหลือเพียง 2.2 จากเดิมที่ 6.3 และปัจจุบันเหลือเพียง 1.5 เท่านั้น
ในปัจจุบัน ทางออกเพื่อรองรับกับการแก้ไขปัญหานี้ในเชิงนโยบายภาครัฐนั้นยังมีไม่ชัดเจน ทำให้ไทยจำเป็นต้องใช้แรงงานต่างชาติ และด้วยนโยบายเปิดกว้างเช่นนี้ ก็ทำให้ไทยมีแรงงานต่างชาติอยู่ในระบบเศรษฐกิจเป็นจำนวนมาก โดยคนเหล่านี้ถือเป็น 10% ของแรงงานทั้งประเทศในเวลานี้
ปัญหาเหล่านี้เป็นเรื่องที่ใหญ่มาก เพราะระบบสาธารณสุขของไทยมีต้นทุนที่เพิ่มโดยเฉลี่ย 12% ต่อปี แต่รายได้ของประชากรกลับไม่สมดุล มากกว่านั้นระบบประกันสังคมของไทยถ้าไม่มีการปรับปรุงด้านภาษี เงินจะหมดภายใน 15 ปีเท่านั้น ซึ่งเป็นสิ่งที่น่ากังวลอย่างมากสำหรับอนาคต
https://workpointnews.com/2019/07/26/eldersociety-bloomberg/