สวัสดีครับทุกท่านที่กำลังหาข้อมูลเพื่อไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่น ข้อมูลนี้อาจเป็นประโยชน์ได้บ้างครับ ทริปนี้เราหาข้อมูลเองทุกอย่างแล้วก็ดูจากรีวิวของท่านอื่นๆ ในพันทิปนี้แหละครับ
สำหรับท่านที่สนใจอยากพาครอบครัวไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่นแบบเช่ารถขับเอง แต่ไม่แน่ใจว่าจะดีไหม ผมมาแชร์ข้อมูลเพื่อให้ท่านที่กำลังตัดสินใจ จะได้ตัดสินใจโดยไม่ต้องลังเลว่าดีหรือไม่ เพราะในความเห็นของผมนั้น การไปเที่ยวแล้วเช่ารถขับ มันดีที่สุดสำหรับไปกับครอบครัวที่มีเด็กเล็กแล้วผู้สูงอายุ มันดีสำหรับท่านที่มีแพลนเที่ยวต่างเมืองที่เดินทางลำบาก แต่ถ้าท่านใดเน้นเที่ยวในเมืองอย่างเดียวก็คงไม่คุ้มค่าเท่าไหร่
ค่าใช้จ่าย
ตั๋วเครื่องบิน การบินไทย 17,900 บาท ตั๋วโปรโมชั่นซึ่งแต่ก็ต้องแพลนกันยาวหน่อยนะครับ ผมไปปลายมีนาคม62 แต่จองตั๋วเดือนพฤศจิกายน61
ค่าเช่ารถ Toyata Voxy 4 วัน 47,656 เยน (สมาชิกนั่งรถ 6 คน)
ค่าบัตรทางด่วน 13,300 เยน
ค่าโรงแรม 4 คืน 17,300 ครอบครัวผม 4 คน
รวมค่าใช้จ่าย ตั๋ว+ค่ารถ+โรงแรม คนละประมาณ 25,700 บาท
ผมหาที่พักในเว็บ Booking, Agoda แนะนำให้จองไว้ก่อนเลยครับราคาจะถูกกว่าไปจองใกล้ๆ วันเดินทาง แล้วต้องเข้าไปเช็คเรื่อยๆ เพราะบางทีอาจเจอราคาที่ถูกกว่าที่เราจองไว้เพราะบางทีทางเว็บทำโปรโมชั่น ซึ่งถ้าเราเจอเราสามารถส่งเมล์ข้อมูลไปที่เว็บเพื่อให้ทางเว็บเปลี่ยนราคาให้เรา ไม่งั้นเราต้องจ่ายแพงกว่า การจองผ่านบัตรเครดิตส่วนใหญ่จะยกเลิกได้ก่อนวันเดินทาง เผื่อเราเปลี่ยนโปรแกรม หรือเจอโรงแรมที่ถูกใจกว่า แนะนำให้หาโรงแรมที่มีที่จอดรถนะครับไม่งั้นต้องเสียค่าจอดรถแพง
ได้ที่พักจากนั้นก็หาเช่ารถ สำหรับผมเคยจองกับ Rentalcar.com, แต่รอบนี้ไปจองกับเว็บนี้ครับ
https://www2.tocoo.jp/en/ ราคาไม่ต่างกันมากถ้าเลือกรถรุ่นเดียวกันอันไหนถูกกว่าเลือกอันนั้น อย่างรถที่ผมเลือก Toyota Voxy เหมาะกับการไป 6 คน สนนราคา5วันอยู่ที่ประมาณ 14,xxx ราคานี้คือรับรถที่สนามบิน แล้วไปคืนในเมืองซับโปะโร ไม่รวมน้ำมันที่จอดรถและทางด่วน แนะนำให้ซื้อบัตร etc หรือ easypass แบบบ้านเราแต่เราซื้อแบบ unlimited เข้าทาด่วนได้ไม่จำกัดเที่ยว คุ้มแน่นอนเพราะต้องหลงทางเป็นเรื่องปกติ ส่วนเรื่องซื้อบัตรทางด่วนไปซื้อได้ที่ศูนย์รถเช่าที่จองไว้ได้เลยแต่ผมซื้อบัตรทางด่วนในเว็บเลยราคาไทยอยู่ที่ 6,000 บาท แต่การจองในเว็บเลยจะต้องไปรับที่เคานต์เตอร์ไปษณีร์ที่สนามบินซึ่งอยู่ฝั่งเที่ยวบินในประเทศ หาง่ายไม่ยากเดินตามป้ายหรือถามเจ้าหน้าที่สนามบินได้เลยครับ ส่วนประกันรถเวลาจองมีแบบสแตนดาร์ดให้อยู่แล้วท่านใดจะซื้อเพิ่มลองไปคุยดูที่รับรถได้เลยครับ ส่วนของผมซื้อความสบายใจเลยซื้อประกันเพิ่มแบบไม่ต้องเสียอะไรเลยถ้าเกิดเหตุไม่คาดฝัน มีข้อแนะนำจากเพื่อนกับน้องที่เคยไปเกิดเหตุนิดหน่อย
ในกรณีแรกน้องผมถอยรถชนเสา บุบสิครับ ทำไงละทีนี้ ไม่ต้องตกใจครับ รถเช่ามีประกันอยู่แล้วและตามกฎหมายที่ญี่ปุ่น เวลาเกิดอุบัติเหตุต้องแจ้งตำรวจก่อนที่จะโทรหาประกัน ดูในคู่มือรถเช่าที่เค้าให้มาไว้ครับ สรุปน้องต้องรูดบัตรเครดิตไว้ประมาณ 20,000 บาท เพื่อกันวงเงินไว้ก่อนเพราะต้องดูว่าค่าซ่อมเกินกว่าที่ประกันครอบคลุมไหมถ้าไม่เกินก็ไม่เสียอะไรครับ
กรณีที่สอง เพื่อนรถผมยางแตกโดยไม่ทราบสาเหตุ ทำไงละทีนี้ ไม่ต้องตกใจะครับ โทรหาศูนย์รถเช่าก่อนเลยครับแจ้งว่ายางแบนหรือแตก แล้วเค้าคงจะส่งคนมามั้งครับอันนี้ไม่ทราบ แต่เพื่อนผมดันเปลี่ยนยางอะไหล่เลยแล้ววันรุ่งขึ้น ถึงเวลาต้องส่งรถคืนความวุ่นวายก็เริ่มตรงที่ไปจอดคืนรถแล้วก็แจ้งเค้าว่ายางแตก ทีนี้พนักงานก็ตกใจกันใหญ่เดินดูเป็นสิบรอบ แล้วก็คุยกันไม่ค่อยจะรู้เรื่องสะด้วย สรุปต้องเสียค่ายางใหม่1เส้นเลยเพราะเราไม่ได้แจ้งเค้า ในคู่มือก็มีบอกอยู่แล้ว อีกอย่างประกันมาตรฐานนั้นไม่ครอบคลุมยางรถครับ ค่ายางก็โดนไป17,000¥ จ่ายเสร็จก็ออกมาได้สบายกระเป๋าเลย
รถที่ใช้ในทริปนี้ ด้วยเป็นรถหลังคาสูงเลยต้องจอดลานนอกโรงแรม เช้าตื่นมาก็เป็นสภาพแบบนี้
รายละเอียดวันเดินทางวันแรก
ไฟท์TG670 เครื่องออก 23:50 เราไปถึงสนามบินประมาณ3ทุ่ม เช็คอินเสร็จก็เดินเข้าไปหาซื้อของแล้วก็กินข้าวซึ่งใครมีบัตรคิงเพาวเวอร์ก็ไปใช้บริการเลาจน์ได้มอาหารขนมน้ำบริการไม่ต้องไปเสียตัง ส่วนผมใช้ AIS เซเรเนซ ก็ไปรับพิชซ่าฟรีได้ถาดเล็ก1ถาด จากนั้นก็นั่งรถเวลาเรียกขึ้นเครื่องออกเดินทางไปญี่ปุ่นกัน
วันที่สองของการเดินทาง
เรามาถึงญี่ปุ่น ณ สนามบินนิวชิโตเซะ 8โมงเช้า เดินออกผ่านตม. รับกระเป๋าเข้าห้องน้ำเตรียมชุดสู้ความหนาวประมาณ -3 ปาเข้าไปก็9โมง ออกมาผมต้องรีบวิ่งไปฝั่งเที่ยวบินในประเทศ เพื่อไปเอาบัตร ETC (บัตรทางด่วน) ณ ที่ทำการไปรษณีย์ ซึ่งทางบริษัทเค้าส่งเป็นไปรษณีย์ถึงเรามาให้ที่ทำการไปรษณีย์สนามบิน เอาหลักฐานการจองจากในอีเมลให้เจ้าหน้าที่ดูแล้วเค้าก็จะหาซองของเราให้ ได้รับแล้วก็กลับไปฝั่งเที่ยวบินต่างประเทศเพื่อลงไปชั้น1 ที่เคาน์เตอร์รถเช่า เอาหลักฐานการจองรถให้พนักงานดูแล้วพนักงานเค้าจะประสานงานให้ศูนย์รถเช่ามารับเพื่อไปรับรถที่ศูนย์ซึ่งอยู่ห่างจากสนาบบินนิดเดียวนั่งรถประมาณไม่เกิน10นาที ได้รถพร้อมออกเดินทาง 10 โมงกว่าๆ สถานที่แรกที่จะไปคือ มิซซุสเอาท์เล็ต ช็อปแต่เช้า เพราะว่าที่ช๊อปไม่มีรถไฟผ่าน ซึ่งผมคืนรถก่อนวันกลับ1วัน เพราะเที่ยวในเมืองไม่ใช้รถครับ ใช้เวลาช๊อปพร้อมทั้งกินข้าวกลางวันประมาณ3 ชม. ครึ่ง แนะนำท่านใดหาซื้อ Columbia ซื้อที่นี่ได้เลยเค้าลดราคาเยอะ เสื้อผ้ายี่ห้อ GAP ราคาก็น่าโดนหาแบบ หลังจากกินข้าวเสร็จเราก็ออกเดินทางไปยังเมือง Sounkyo ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชม. ซึ่งระหว่างทางที่ขับไปหิมะตกเกือบตลอดทาง ได้เปลี่ยนบรรยากาศในการขับรถ เราใช้ความเร็วบนทางด่วน 110 กม/ชม ไปถึงโรงแรม Sounkaku Grand Hotel 4โมงเย็น เช็คอินแล้วก็พักผ่อนแช่ออนเซนกลางแจ้งดีงามมากๆ อากาศก็ประมาณ -5 โรงแรมนี่ราคารวมอาหารมื้อค่ำแล้วก็มื้อเช้าห้องพักก็เป็นห้องสไตล์ญี่ปุ่นห้องกว้างมากนอนกับฟูกแบบญี่ปุ่นได้อารมณ์เหมือนเป็นคนที่นี่เลย วันแรกโปรแกรมมีไม่เยอะเพราะต้องออกนอกเมืองมาไกลเลยแวะเที่ยวไม่ได้เยอะเป็นอันว่าจบวันที่สอง
สำหรับใครที่จะเดินไปฝั่งในประเทศมองป้ายตามทางได้เลยครับเพื่อที่จะไปรับบัตรทางด่วนที่ไปรษณีย์ครับ
พัสดุที่ทางเว็บรถเช่าส่งมาให้เรา ในซองก็จะมีบัตรไว้ไปเสียบเครื่องในรถเช่า
ร้านไปรษณีย์ที่สนามบินฝั่งเที่ยวบินในประเทศ
ระหว่างทางที่ขับรถไปเมือง Sounkyo ถนนมีหิมะตลอดทาง เพื่อความไม่ประมาท เราก็ขับช้าๆ ความเร็วไม่เกิน 70กม/ชม
รูปห้องพักที่ Sounkaku Grand Hotel ใหญ่มาก
หน้าเด็กได้ขนมก็จะดีใจแบบนี้
วันที่สามของการเดินทาง
ตื่นกันแต่เช้า 7 โมง อาบน้ำแต่งตัวลงไปกินข้าวเช้าแล้วก็ออกเดินทางตอน 8โมงครึ่งเพื่อขับรถไปเมืองอาซาฮิคาว่า เพื่อไปเที่ยวสวนสัตว์ที่ติดอับดับโลก มีโชว์พาเรดเพนกวินตอน 11โมง แล้วก็เดินเที่ยวดูสัตว์อื่นที่หาชมแถบบ้านเราไม่ได้เช่น หมีขาวขั้วโลก หมาป่า(ใครนึกไม่ออกก็ไปดูพันธุ์ไซบีเรียบ้านเราแต่ตัวใหญ่กว่า) แล้วก็สัตว์อื่นๆ อีกเยอะ แต่ผมมีเวลาจำกัดเพราะต้องเดินทางต่อไปเมืองบอมเบซึ ใช้เวลาขับรถไป 2 ชั่วโมงครึ่ง แต่แล้วก็ไปเสียเที่ยว ตั้งใจจะไปล่องเรือตัดน้ำแข็งปรากฎว่าวันที่ไปไม่มีน้ำแข็งจ้า มีแต่คลื่น ดีนะเจ้าหน้าที่เค้าบอกก่อนไป เราเลยตัดสินใจไม่ไปเพราะราคาแพงอยู่ 3000¥ /คน ไปแล้วไม่เห็นน้ำแข็งแล้วไปทำไม ก็แค่ขับรถเล่นกว่า 5 ชั่วโมง จากนั้นขับกลับไปเมืองอาซาฮิคาว่า กินข้าวเย็นแล้วก็ขับยาวไปเมืองโอตารุเลย ไปถึงก็4ทุ่ม เช็คอินแล้วก็เข้านอน รู้สึกเสียดายเวลากับวันนี้มากเลยคืนนี้เรานอนโรงแรม Hotel Torifito Otaru Canal เป็นอันว่าจบวันที่สาม
พาเหรดเพนกวิน รายการที่ต้องไม่พลาด
สวนสัตว์ที่ติดอันดับโลก เมืองอาซาฮิคาว่า
วันที่สี่ของการเดินทาง
วันนี้โปรแกรมหลักคือไปเล่นสกีที่คิโรโระ ตื่นประมาณ 8 โมงทานข้าวเช้าที่โรงแรมพร้อมเช็คเอาท์เสร็จเรียบร้อยก็ออกจากโรงแรมประมาณ 9 โมง ขับรถไปคิโรโระประมาณ 45 นาที ไปถึงคนเยอะมากเพราะเป็นวันอาทิตย์ ก็เข้าไปจอดรถที่โรงแรม Tribute แล้วนั่งรถบัสบริการเข้าไปที่ลานสกีที่ติดกับโรงแรมเชอราตัน ถ้าเพื่อนท่านใจอยากไปพักที่นั่น แนะนำให้เลือกที่เชอราตันจะสะดวกกว่าครับ วันนี้ก็เล่นสกีถึงบ่ายกว่าๆ ประมาณสัก บ่าย3 ก็ออกจากคิโรโระกลับเข้าเมืองโอตารุพักที่นี้อีกคืน แต่คนละโรงแรมคืนนี้ผมไปพักที่ Dormy Inn Premium Otaru Natural Hot Spring ขอแนะนำว่าดีมากๆ ฝั่งตรงข้ามโรงแรมคือห้างดองกี้ มีไดโซะ สถานีรถไฟโอตารุ เดินไปอีกประมาณ700 เมตรก็เจอคลองโอตารุเดินเล่นถ่ายรูปช่วงเย็นถึงค่ำๆ บรรยากาศดีกว่าตอนกลางวันเยอะเลยครับ อากาศก็ประมาณ-2 ไม่รู้จะหนาวไปถึงไหน นี้มันปลายเดือนมีนาคมนะ บ้านเรานี้ร้อนตับแตกแล้ว เดินเล่นสักพักก็หาข้าวกินแถวโรงแรมมีร้านอาหารให้เลือกเยอะไปหมด กินข้าวกินเบียร์เสร็จเดินเล่นสักพักกลับโรงแรมไปออนเซนอีกสักรอบ ขึ้นห้องหลับสบายเป็นอันว่าจบวันที่สี่
พาลูกไปเล่นสกีแล้วก็ขึ้นไปชมวิวยอดเขาที่มีระฆัง ในหนังเรื่องแฟนเดย์
วันที่ห้าของการเดินทาง
วันนี้ไม่รีบมากตื่น8โมงครึ่งทานอาหารเช้าที่โรงแรม อาหารเช้าดีมากกกกกก มีไข่ปลาแซลมอนให้ด้วยกินเสร้จเก็บของพร้อมออกจากโรงแรม10 โมง ไปเที่ยวชมอควาเลี่ยม ที่โอตารุ จากโรงแรมไปประมาณ 20 นาที อควาเลี่ยมที่นี้มี โชว์แมวน้ำ เพนกวิน สิงโตทะเล โลมา แล้วมีให้ชมอีกหลายอย่างค่าเข้าก็ไม่แพงครับ ใช้เวลาเที่ยวชมถึงบ่าย2 ก็ขับรถมาแถวคลองโอตารุเดินเที่ยวแถวโรงงานกล่องดนตรี กินไอติมสักประมาณ1 ชั่วโมงกว่า จากนั้นก็ขับรถเข้าเมืองซับโปโระ ไปแวะเที่ยวบนเขา Mt.Moiwa ค่าขึ้นแพงอยู่แต่ก็สวยดีครับได้ชมบรรยากาศเมืองซับโปโระอากาศก็หนาวลมก็แรงหลังจากเที่ยวชมเสร็จก็ขับรถไปส่งสมาชิกที่โรงแรมเพื่อเช็คอิน คืนนี้นอนที่ Daiwa Roynett Hotel Sapporo-Susukino ส่วนผมก็ขับรถไปคืนที่ศูนย์เช่ารถที่เราจองไว้ ประมาณ 6โมงเย็น แล้วก็ได้เวลาพุงกางกับนันดะบุฟเฟ่ที่ทั้งร้านมีแต่คนไทยหรือป่าวไม่แน่ใจร้านอยู่ใกล้กับโรงแรมที่พักมากเดินไป 300 เมตร ซึ่งร้านนี้อาหารเค้าคุณภาพดีมากๆ ปูมีหลายอย่างมากเนื้อก็ดี ซูชิก็ดี ซัดสะจุกกับเวลา 100 นาที อิ่มแล้วก็ต้องเดินย่อยหน่อยไปเดินเล่นที่ย่านทานุกิโคจิ ซึ่งห่างจากโรงแรมแค่ 1 แยกไฟแดงเดินช๊อปปิ้งซื้อของละลายทรัพย์สัก 3 ทุ่มร้านก็ทยอยปิด ไม่รู้จะปิดเร็วไปไหน นี่ไม่ได้มากันบ่อยๆนะ เดินถึงตี1 ยังไหว ส่วนเพื่อนๆที่ไม่ได้ไปกับครอบครัวก็สามารถไปเดินเที่ยวชมแวะจิบเบียร์ตามร้านต่างๆ ได้นะครับเพราะบางร้านก็ปิดดึกอยู่ ส่วนผมกลับโรงแร ส่วนผม 4 ทุ่มก็เข้าโรงแรมอาบน้ำนอน คืนนี้ไม่มีออนเซน โรงแรมส่วนใหญ่ในเมืองจะไม่มีออนเซนยกเว้นโรงแรม Dormyinn มีออนเซนทุกที่แล้วก็มีบะหมี่บริการตอน5ทุ่มเดวนะ แต่ราคาโรงแรมนี้ในเมืองก็โหดอยู่ ผมเลยเลือกโรงแรมกลางๆ แต่ถือว่าดีมากเหมือนกันกับราคาเป็นอันจบวันที่ห้า
เดี๋ยวมาต่อให้จบนะครับ
ญี่ปุ่น ขับรถเที่ยวเองสบายมาก
สำหรับท่านที่สนใจอยากพาครอบครัวไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่นแบบเช่ารถขับเอง แต่ไม่แน่ใจว่าจะดีไหม ผมมาแชร์ข้อมูลเพื่อให้ท่านที่กำลังตัดสินใจ จะได้ตัดสินใจโดยไม่ต้องลังเลว่าดีหรือไม่ เพราะในความเห็นของผมนั้น การไปเที่ยวแล้วเช่ารถขับ มันดีที่สุดสำหรับไปกับครอบครัวที่มีเด็กเล็กแล้วผู้สูงอายุ มันดีสำหรับท่านที่มีแพลนเที่ยวต่างเมืองที่เดินทางลำบาก แต่ถ้าท่านใดเน้นเที่ยวในเมืองอย่างเดียวก็คงไม่คุ้มค่าเท่าไหร่
ค่าใช้จ่าย
ตั๋วเครื่องบิน การบินไทย 17,900 บาท ตั๋วโปรโมชั่นซึ่งแต่ก็ต้องแพลนกันยาวหน่อยนะครับ ผมไปปลายมีนาคม62 แต่จองตั๋วเดือนพฤศจิกายน61
ค่าเช่ารถ Toyata Voxy 4 วัน 47,656 เยน (สมาชิกนั่งรถ 6 คน)
ค่าบัตรทางด่วน 13,300 เยน
ค่าโรงแรม 4 คืน 17,300 ครอบครัวผม 4 คน
รวมค่าใช้จ่าย ตั๋ว+ค่ารถ+โรงแรม คนละประมาณ 25,700 บาท
ผมหาที่พักในเว็บ Booking, Agoda แนะนำให้จองไว้ก่อนเลยครับราคาจะถูกกว่าไปจองใกล้ๆ วันเดินทาง แล้วต้องเข้าไปเช็คเรื่อยๆ เพราะบางทีอาจเจอราคาที่ถูกกว่าที่เราจองไว้เพราะบางทีทางเว็บทำโปรโมชั่น ซึ่งถ้าเราเจอเราสามารถส่งเมล์ข้อมูลไปที่เว็บเพื่อให้ทางเว็บเปลี่ยนราคาให้เรา ไม่งั้นเราต้องจ่ายแพงกว่า การจองผ่านบัตรเครดิตส่วนใหญ่จะยกเลิกได้ก่อนวันเดินทาง เผื่อเราเปลี่ยนโปรแกรม หรือเจอโรงแรมที่ถูกใจกว่า แนะนำให้หาโรงแรมที่มีที่จอดรถนะครับไม่งั้นต้องเสียค่าจอดรถแพง
ได้ที่พักจากนั้นก็หาเช่ารถ สำหรับผมเคยจองกับ Rentalcar.com, แต่รอบนี้ไปจองกับเว็บนี้ครับ https://www2.tocoo.jp/en/ ราคาไม่ต่างกันมากถ้าเลือกรถรุ่นเดียวกันอันไหนถูกกว่าเลือกอันนั้น อย่างรถที่ผมเลือก Toyota Voxy เหมาะกับการไป 6 คน สนนราคา5วันอยู่ที่ประมาณ 14,xxx ราคานี้คือรับรถที่สนามบิน แล้วไปคืนในเมืองซับโปะโร ไม่รวมน้ำมันที่จอดรถและทางด่วน แนะนำให้ซื้อบัตร etc หรือ easypass แบบบ้านเราแต่เราซื้อแบบ unlimited เข้าทาด่วนได้ไม่จำกัดเที่ยว คุ้มแน่นอนเพราะต้องหลงทางเป็นเรื่องปกติ ส่วนเรื่องซื้อบัตรทางด่วนไปซื้อได้ที่ศูนย์รถเช่าที่จองไว้ได้เลยแต่ผมซื้อบัตรทางด่วนในเว็บเลยราคาไทยอยู่ที่ 6,000 บาท แต่การจองในเว็บเลยจะต้องไปรับที่เคานต์เตอร์ไปษณีร์ที่สนามบินซึ่งอยู่ฝั่งเที่ยวบินในประเทศ หาง่ายไม่ยากเดินตามป้ายหรือถามเจ้าหน้าที่สนามบินได้เลยครับ ส่วนประกันรถเวลาจองมีแบบสแตนดาร์ดให้อยู่แล้วท่านใดจะซื้อเพิ่มลองไปคุยดูที่รับรถได้เลยครับ ส่วนของผมซื้อความสบายใจเลยซื้อประกันเพิ่มแบบไม่ต้องเสียอะไรเลยถ้าเกิดเหตุไม่คาดฝัน มีข้อแนะนำจากเพื่อนกับน้องที่เคยไปเกิดเหตุนิดหน่อย
ในกรณีแรกน้องผมถอยรถชนเสา บุบสิครับ ทำไงละทีนี้ ไม่ต้องตกใจครับ รถเช่ามีประกันอยู่แล้วและตามกฎหมายที่ญี่ปุ่น เวลาเกิดอุบัติเหตุต้องแจ้งตำรวจก่อนที่จะโทรหาประกัน ดูในคู่มือรถเช่าที่เค้าให้มาไว้ครับ สรุปน้องต้องรูดบัตรเครดิตไว้ประมาณ 20,000 บาท เพื่อกันวงเงินไว้ก่อนเพราะต้องดูว่าค่าซ่อมเกินกว่าที่ประกันครอบคลุมไหมถ้าไม่เกินก็ไม่เสียอะไรครับ
กรณีที่สอง เพื่อนรถผมยางแตกโดยไม่ทราบสาเหตุ ทำไงละทีนี้ ไม่ต้องตกใจะครับ โทรหาศูนย์รถเช่าก่อนเลยครับแจ้งว่ายางแบนหรือแตก แล้วเค้าคงจะส่งคนมามั้งครับอันนี้ไม่ทราบ แต่เพื่อนผมดันเปลี่ยนยางอะไหล่เลยแล้ววันรุ่งขึ้น ถึงเวลาต้องส่งรถคืนความวุ่นวายก็เริ่มตรงที่ไปจอดคืนรถแล้วก็แจ้งเค้าว่ายางแตก ทีนี้พนักงานก็ตกใจกันใหญ่เดินดูเป็นสิบรอบ แล้วก็คุยกันไม่ค่อยจะรู้เรื่องสะด้วย สรุปต้องเสียค่ายางใหม่1เส้นเลยเพราะเราไม่ได้แจ้งเค้า ในคู่มือก็มีบอกอยู่แล้ว อีกอย่างประกันมาตรฐานนั้นไม่ครอบคลุมยางรถครับ ค่ายางก็โดนไป17,000¥ จ่ายเสร็จก็ออกมาได้สบายกระเป๋าเลย
รถที่ใช้ในทริปนี้ ด้วยเป็นรถหลังคาสูงเลยต้องจอดลานนอกโรงแรม เช้าตื่นมาก็เป็นสภาพแบบนี้
รายละเอียดวันเดินทางวันแรก
ไฟท์TG670 เครื่องออก 23:50 เราไปถึงสนามบินประมาณ3ทุ่ม เช็คอินเสร็จก็เดินเข้าไปหาซื้อของแล้วก็กินข้าวซึ่งใครมีบัตรคิงเพาวเวอร์ก็ไปใช้บริการเลาจน์ได้มอาหารขนมน้ำบริการไม่ต้องไปเสียตัง ส่วนผมใช้ AIS เซเรเนซ ก็ไปรับพิชซ่าฟรีได้ถาดเล็ก1ถาด จากนั้นก็นั่งรถเวลาเรียกขึ้นเครื่องออกเดินทางไปญี่ปุ่นกัน
วันที่สองของการเดินทาง
เรามาถึงญี่ปุ่น ณ สนามบินนิวชิโตเซะ 8โมงเช้า เดินออกผ่านตม. รับกระเป๋าเข้าห้องน้ำเตรียมชุดสู้ความหนาวประมาณ -3 ปาเข้าไปก็9โมง ออกมาผมต้องรีบวิ่งไปฝั่งเที่ยวบินในประเทศ เพื่อไปเอาบัตร ETC (บัตรทางด่วน) ณ ที่ทำการไปรษณีย์ ซึ่งทางบริษัทเค้าส่งเป็นไปรษณีย์ถึงเรามาให้ที่ทำการไปรษณีย์สนามบิน เอาหลักฐานการจองจากในอีเมลให้เจ้าหน้าที่ดูแล้วเค้าก็จะหาซองของเราให้ ได้รับแล้วก็กลับไปฝั่งเที่ยวบินต่างประเทศเพื่อลงไปชั้น1 ที่เคาน์เตอร์รถเช่า เอาหลักฐานการจองรถให้พนักงานดูแล้วพนักงานเค้าจะประสานงานให้ศูนย์รถเช่ามารับเพื่อไปรับรถที่ศูนย์ซึ่งอยู่ห่างจากสนาบบินนิดเดียวนั่งรถประมาณไม่เกิน10นาที ได้รถพร้อมออกเดินทาง 10 โมงกว่าๆ สถานที่แรกที่จะไปคือ มิซซุสเอาท์เล็ต ช็อปแต่เช้า เพราะว่าที่ช๊อปไม่มีรถไฟผ่าน ซึ่งผมคืนรถก่อนวันกลับ1วัน เพราะเที่ยวในเมืองไม่ใช้รถครับ ใช้เวลาช๊อปพร้อมทั้งกินข้าวกลางวันประมาณ3 ชม. ครึ่ง แนะนำท่านใดหาซื้อ Columbia ซื้อที่นี่ได้เลยเค้าลดราคาเยอะ เสื้อผ้ายี่ห้อ GAP ราคาก็น่าโดนหาแบบ หลังจากกินข้าวเสร็จเราก็ออกเดินทางไปยังเมือง Sounkyo ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชม. ซึ่งระหว่างทางที่ขับไปหิมะตกเกือบตลอดทาง ได้เปลี่ยนบรรยากาศในการขับรถ เราใช้ความเร็วบนทางด่วน 110 กม/ชม ไปถึงโรงแรม Sounkaku Grand Hotel 4โมงเย็น เช็คอินแล้วก็พักผ่อนแช่ออนเซนกลางแจ้งดีงามมากๆ อากาศก็ประมาณ -5 โรงแรมนี่ราคารวมอาหารมื้อค่ำแล้วก็มื้อเช้าห้องพักก็เป็นห้องสไตล์ญี่ปุ่นห้องกว้างมากนอนกับฟูกแบบญี่ปุ่นได้อารมณ์เหมือนเป็นคนที่นี่เลย วันแรกโปรแกรมมีไม่เยอะเพราะต้องออกนอกเมืองมาไกลเลยแวะเที่ยวไม่ได้เยอะเป็นอันว่าจบวันที่สอง
สำหรับใครที่จะเดินไปฝั่งในประเทศมองป้ายตามทางได้เลยครับเพื่อที่จะไปรับบัตรทางด่วนที่ไปรษณีย์ครับ
พัสดุที่ทางเว็บรถเช่าส่งมาให้เรา ในซองก็จะมีบัตรไว้ไปเสียบเครื่องในรถเช่า
ร้านไปรษณีย์ที่สนามบินฝั่งเที่ยวบินในประเทศ
ระหว่างทางที่ขับรถไปเมือง Sounkyo ถนนมีหิมะตลอดทาง เพื่อความไม่ประมาท เราก็ขับช้าๆ ความเร็วไม่เกิน 70กม/ชม
รูปห้องพักที่ Sounkaku Grand Hotel ใหญ่มาก
หน้าเด็กได้ขนมก็จะดีใจแบบนี้
วันที่สามของการเดินทาง
ตื่นกันแต่เช้า 7 โมง อาบน้ำแต่งตัวลงไปกินข้าวเช้าแล้วก็ออกเดินทางตอน 8โมงครึ่งเพื่อขับรถไปเมืองอาซาฮิคาว่า เพื่อไปเที่ยวสวนสัตว์ที่ติดอับดับโลก มีโชว์พาเรดเพนกวินตอน 11โมง แล้วก็เดินเที่ยวดูสัตว์อื่นที่หาชมแถบบ้านเราไม่ได้เช่น หมีขาวขั้วโลก หมาป่า(ใครนึกไม่ออกก็ไปดูพันธุ์ไซบีเรียบ้านเราแต่ตัวใหญ่กว่า) แล้วก็สัตว์อื่นๆ อีกเยอะ แต่ผมมีเวลาจำกัดเพราะต้องเดินทางต่อไปเมืองบอมเบซึ ใช้เวลาขับรถไป 2 ชั่วโมงครึ่ง แต่แล้วก็ไปเสียเที่ยว ตั้งใจจะไปล่องเรือตัดน้ำแข็งปรากฎว่าวันที่ไปไม่มีน้ำแข็งจ้า มีแต่คลื่น ดีนะเจ้าหน้าที่เค้าบอกก่อนไป เราเลยตัดสินใจไม่ไปเพราะราคาแพงอยู่ 3000¥ /คน ไปแล้วไม่เห็นน้ำแข็งแล้วไปทำไม ก็แค่ขับรถเล่นกว่า 5 ชั่วโมง จากนั้นขับกลับไปเมืองอาซาฮิคาว่า กินข้าวเย็นแล้วก็ขับยาวไปเมืองโอตารุเลย ไปถึงก็4ทุ่ม เช็คอินแล้วก็เข้านอน รู้สึกเสียดายเวลากับวันนี้มากเลยคืนนี้เรานอนโรงแรม Hotel Torifito Otaru Canal เป็นอันว่าจบวันที่สาม
พาเหรดเพนกวิน รายการที่ต้องไม่พลาด
สวนสัตว์ที่ติดอันดับโลก เมืองอาซาฮิคาว่า
วันที่สี่ของการเดินทาง
วันนี้โปรแกรมหลักคือไปเล่นสกีที่คิโรโระ ตื่นประมาณ 8 โมงทานข้าวเช้าที่โรงแรมพร้อมเช็คเอาท์เสร็จเรียบร้อยก็ออกจากโรงแรมประมาณ 9 โมง ขับรถไปคิโรโระประมาณ 45 นาที ไปถึงคนเยอะมากเพราะเป็นวันอาทิตย์ ก็เข้าไปจอดรถที่โรงแรม Tribute แล้วนั่งรถบัสบริการเข้าไปที่ลานสกีที่ติดกับโรงแรมเชอราตัน ถ้าเพื่อนท่านใจอยากไปพักที่นั่น แนะนำให้เลือกที่เชอราตันจะสะดวกกว่าครับ วันนี้ก็เล่นสกีถึงบ่ายกว่าๆ ประมาณสัก บ่าย3 ก็ออกจากคิโรโระกลับเข้าเมืองโอตารุพักที่นี้อีกคืน แต่คนละโรงแรมคืนนี้ผมไปพักที่ Dormy Inn Premium Otaru Natural Hot Spring ขอแนะนำว่าดีมากๆ ฝั่งตรงข้ามโรงแรมคือห้างดองกี้ มีไดโซะ สถานีรถไฟโอตารุ เดินไปอีกประมาณ700 เมตรก็เจอคลองโอตารุเดินเล่นถ่ายรูปช่วงเย็นถึงค่ำๆ บรรยากาศดีกว่าตอนกลางวันเยอะเลยครับ อากาศก็ประมาณ-2 ไม่รู้จะหนาวไปถึงไหน นี้มันปลายเดือนมีนาคมนะ บ้านเรานี้ร้อนตับแตกแล้ว เดินเล่นสักพักก็หาข้าวกินแถวโรงแรมมีร้านอาหารให้เลือกเยอะไปหมด กินข้าวกินเบียร์เสร็จเดินเล่นสักพักกลับโรงแรมไปออนเซนอีกสักรอบ ขึ้นห้องหลับสบายเป็นอันว่าจบวันที่สี่
พาลูกไปเล่นสกีแล้วก็ขึ้นไปชมวิวยอดเขาที่มีระฆัง ในหนังเรื่องแฟนเดย์
วันที่ห้าของการเดินทาง
วันนี้ไม่รีบมากตื่น8โมงครึ่งทานอาหารเช้าที่โรงแรม อาหารเช้าดีมากกกกกก มีไข่ปลาแซลมอนให้ด้วยกินเสร้จเก็บของพร้อมออกจากโรงแรม10 โมง ไปเที่ยวชมอควาเลี่ยม ที่โอตารุ จากโรงแรมไปประมาณ 20 นาที อควาเลี่ยมที่นี้มี โชว์แมวน้ำ เพนกวิน สิงโตทะเล โลมา แล้วมีให้ชมอีกหลายอย่างค่าเข้าก็ไม่แพงครับ ใช้เวลาเที่ยวชมถึงบ่าย2 ก็ขับรถมาแถวคลองโอตารุเดินเที่ยวแถวโรงงานกล่องดนตรี กินไอติมสักประมาณ1 ชั่วโมงกว่า จากนั้นก็ขับรถเข้าเมืองซับโปโระ ไปแวะเที่ยวบนเขา Mt.Moiwa ค่าขึ้นแพงอยู่แต่ก็สวยดีครับได้ชมบรรยากาศเมืองซับโปโระอากาศก็หนาวลมก็แรงหลังจากเที่ยวชมเสร็จก็ขับรถไปส่งสมาชิกที่โรงแรมเพื่อเช็คอิน คืนนี้นอนที่ Daiwa Roynett Hotel Sapporo-Susukino ส่วนผมก็ขับรถไปคืนที่ศูนย์เช่ารถที่เราจองไว้ ประมาณ 6โมงเย็น แล้วก็ได้เวลาพุงกางกับนันดะบุฟเฟ่ที่ทั้งร้านมีแต่คนไทยหรือป่าวไม่แน่ใจร้านอยู่ใกล้กับโรงแรมที่พักมากเดินไป 300 เมตร ซึ่งร้านนี้อาหารเค้าคุณภาพดีมากๆ ปูมีหลายอย่างมากเนื้อก็ดี ซูชิก็ดี ซัดสะจุกกับเวลา 100 นาที อิ่มแล้วก็ต้องเดินย่อยหน่อยไปเดินเล่นที่ย่านทานุกิโคจิ ซึ่งห่างจากโรงแรมแค่ 1 แยกไฟแดงเดินช๊อปปิ้งซื้อของละลายทรัพย์สัก 3 ทุ่มร้านก็ทยอยปิด ไม่รู้จะปิดเร็วไปไหน นี่ไม่ได้มากันบ่อยๆนะ เดินถึงตี1 ยังไหว ส่วนเพื่อนๆที่ไม่ได้ไปกับครอบครัวก็สามารถไปเดินเที่ยวชมแวะจิบเบียร์ตามร้านต่างๆ ได้นะครับเพราะบางร้านก็ปิดดึกอยู่ ส่วนผมกลับโรงแร ส่วนผม 4 ทุ่มก็เข้าโรงแรมอาบน้ำนอน คืนนี้ไม่มีออนเซน โรงแรมส่วนใหญ่ในเมืองจะไม่มีออนเซนยกเว้นโรงแรม Dormyinn มีออนเซนทุกที่แล้วก็มีบะหมี่บริการตอน5ทุ่มเดวนะ แต่ราคาโรงแรมนี้ในเมืองก็โหดอยู่ ผมเลยเลือกโรงแรมกลางๆ แต่ถือว่าดีมากเหมือนกันกับราคาเป็นอันจบวันที่ห้า
เดี๋ยวมาต่อให้จบนะครับ