ประสบการณ์การขับ Grab ที่อยากเล่า และอยากฝากถึงลูกค้า คนขับ วิน Taxi รวมถึง Grab เอง

เมื่อวานได้ตั้งกระทู้ "เมื่อลองขับ Grab สักพัก พบว่าปัญหาเยอะกว่าที่คิดไว้" ท่านใดที่ยังไม่ได้อ่าน ลองเข้าไปอ่านดูก่อนได้ครับ
https://ppantip.com/topic/39082711/

ก่อนอื่นขอบอกว่า จุดประสงค์การตั้งกระทู้ดังกล่าว มีเพื่อบอกเล่า "ปัญหา" ดังนั้น เนื้อหาของกระทู้ที่แล้วจึงเป็นเรื่องของปัญหา โดยไม่ได้เป็นปัญหาที่ผมพบเจอแต่เพียงคนเดียว หากแต่เป็นการนำปัญหาที่สมาชิกคนขับ Grab ทั้งหลายที่เล่าสู่กันฟัง มารวบรวม เรียบเรียงให้สาธารณะได้รับทราบ
โดยไม่ได้ตั้งใจว่า มีแต่ปัญหารับไม่ได้เลิก หรือ Discredit ของ Grab แต่อย่างใด โดยคิดว่าถ้าเป็นไปได้ ปัญหาที่พบได้รับการแก้ไข ก็จะดีมากๆ

ส่วนที่สมาชิกบางท่าน บอกในทำนอง มีปัญหาก็ต้องรับ รับไม่ได้ก็เลิกทำ ผมแนะนำให้กดปิดกระทู้ไป ง่ายกว่าการพิมพ์ตอบครับ

เอาละ กระทู้นี้ จะไม่ได้เป็นการบอกเล่าถึง "ปัญหา" แต่เพียงอย่างเดียวแล้ว แต่เป็นการบอกเล่าถึงประสบการณ์ที่ได้พบเจอมา ทั้งที่พบเจอเอง รวมถึงเพื่อนสมาชิกคนขับ พบเจอ ทั้งในด้านดี ด้านไม่ดี คำแนะนำที่อยากบอก ทั้งแก่คนที่คิดจะมาขับ ผู้โดยสาร และทางบริษัท Grab เอง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

ขอบอกเล่าสถานะของตัวผมเองคร่าวๆ คือ ผมมีงานประจำทำแล้ว ทำงานขายในห้างฯ ดังนั้นการพบเจอลูกค้าเป็นเรื่องปกติที่ผมเจออยู่เป็นประจำ และการทำงานห้างฯ ทำให้เวลาการทำงานของผมต่างออกไปจากคนทั่วไป ที่เป็น Office Time วันหยุดส่วนใหญ่จะเป็นวันธรรมดา ดังนั้นผมจึงหางานเสริมทำได้ยาก เพราะไม่มีเวลางานที่แน่นอน จึงมองหางานเสริม และ Grab ก็ตอบโจทย์ของผมในเรื่องของการเลือกวันทำงานได้อิสระ

ขอฝากเพลงนี้ไว้หากท่านใดสนใจ เปิดฟังร่วมกับการอ่านกระทู้นี้ก็ดีครับ เพราะผมมีประสบการณ์ดีๆ จากการขับ Grab ด้วยเพลงนี้
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
สำหรับผู้โดยสาร App ที่ใช้ในการเรียกรถ คือ Grab แต่สำหรับ Partner แล้ว App ที่ใช้ในการรับงานจะมีชื่อว่า Grab Driver ซึ่งไม่ใช่แค่ Load มาแล้วจะใช้ได้เลย เพราะต้องลงทะเบียนกับทาง Grab เพื่อยืนยันตัวตนก่อน เช่น บัตรประชาชน ภาพถ่าย ทะเบียนรถยนต์ 
ซึ่งทาง Grab จะเป็นฝ่ายประเมินว่า เราจะได้ในส่วนของอะไร เช่น Grabwin, Just Grab, Grab SUV, Grab Premium เป็นต้น

โดยการใช้งาน คือ การเปิดออนไลน์เพื่อเริ่มงาน โดยจะมี 2 ฟังก์ชั่นให้เลือก คือ Auto และ Manual 
สำหรับ Auto คือ จะรับงานทุกงานที่เด้งขึ้นมา ข้อดี คือ จะไม่หลุดงาน ในกรณีที่เปิด App อื่น มีสิทธิ์ที่จะกดเข้ามารับงานไม่ทัน และจะได้คะแนนการทำงานเพิ่มในทุกงาน ส่วน Manual คือ เมื่อมีงานเด้งขึ้น จะมีข้อมูลของงานให้ตัดสินใจ ภายใน 10 วินาที ซึ่งข้อมูล คือ จุดรับผู้โดยสาร จุดส่งผู้โดยสาร ประเภทของงาน ราคา รูปแบบการชำระเงิน

มีหลายท่านบอก ทำไมต้องยกเลิกงาน ถ้าเลือกงานได้แต่ต้น 
1. ข้อมูลที่เด้งขึ้น ไม่สามารถรู้ได้จริง ว่าสภาพจริงเป็นเช่นไร เช่น จุดที่เราอยู่ห่างจากจุดรับผู้โดยสารมากขนาดไหน เพราะระบบจะขึ้นหลายรูปแบบ เช่น บ้านเลขที่ ซอย ถนน (มีขึ้นแค่นี้ จะรู้ได้ขนาดไหน ก็ขึ้นอยู่กับประสบการณ์) หรือบางครั้งขึ้นเป็น จุดหมายที่ปักหมุด ... (แล้วมันปักตรงไหนละ เฮ้ย)
2. เมื่อกดรับงานแล้ว ระบบจะมีตัวเลือก Navigater นำทางไปโดยอาศัย Google map แต่ปัญหา คือ Map ไม่ได้ขึ้นแผนที่จริง บางเส้นทางปิด บางเส้นทางเฉพาะรถสาธารณะ เป็นต้น การไปถึงยากมาก

เมื่อถึงจุดรับผู้โดยสารแล้ว จะให้กด ถึงจุดหมาย ซึ่งระบบจะแจ้งไปยัง App ของผู้โดยสาร ว่ามีเวลารอ 5 นาที ถ้าเกินกว่านี้ คนขับสามารถกดยกเลิกงานเนื่องจากรอผู้โดยสารนานเกิน และในกรณีนี้ มีค่ายกเลิกงานด้วย

เมื่อผู้โดยสารขึ้นรถ ก็จะเปลี่ยนจุดนำทางจากจุดรับ เป็นจุดส่ง ทีนี้ด้วย Google Maps พื้นฐาน คือ นำทางไปยังจุดหมายด้วยเส้นทางที่สั้นที่สุด ดังนั้นหากลูกค้าจะเปลี่ยนจุดหมาย เพิ่มจุดหมาย เปลี่ยนเส้นทาง ราคาจึงไม่เปลี่ยนไปด้วย
(นำไปสู่ กรณีที่แจ้งว่า ไม่ขึ้นทางด่วน ที่หลายคนบ่นในกรณีนี้ เพราะราคาที่คำนวณแต่ต้นนั้นไม่สามารถเปลี่ยนได้)
รวมถึงการที่ผู้โดยสารขอให้แวะออกนอกเส้นทาง (ปัจจุบัน ผู้โดยสารสามารถเลือกจุดส่งได้มากกว่า 1 จุดแล้ว ดังนั้นหากต้องการแวะส่งเพื่อน ก็ควรระบุไว้ตั้งแต่การเรียกรถเลย)

ด้วยการขับแบบระบบนำทาง เมื่อถึงจุดหมายที่ระบุไว้ ก็คือสิ้นสุดการนำทาง แต่หลายครั้ง ด้วยการที่ระบบในไทยยังไม่รองรับการตั้งค่า ผู้โดยสารหลายคนจึงเลือกจุดหมายเป็น จุดหมายใกล้เคียง ซึ่งห่างจากจุดหมายที่ต้องการ ส่วนใหญ่ที่ผมเจอ ก็บริการต่อให้ถึงจุดหมาย ส่วนจะให้เพิ่มไม่ให้เพิ่ม ก็แล้วแต่ลูกค้านะ ซึ่งมีทั้งที่ให้ทั้งที่ห่างจากจุดหมายไม่กี่สิบเมตร และอีกท่านห่างจากจุดที่ระบุไว้เกือบ 5 กิโลเมตร แต่บอกตัดบัตรนะ แล้วลงไปเลย 555

บอกเล่าประสบการณ์
ครั้งหนึ่ง เคยรับผู้โดยสารให้ไปส่ง ห้างสรรพสินค้า แต่บอกจะมีจุดที่จะไปต่อ ให้รอรับต่อได้ไหม เราก็ไม่ได้รีบอะไรเลยบอกได้ 
คือ ส่งถึงประตูเข้าในลานจอดรถ เราก็วนไปจอด (ยังไม่ได้จ่ายตังค์) รอประมาณ 15 นาที แล้วรับจากประตูลานจอด ไปอีกประมาณ 5 กิโลเมตร
ด้วยความมือใหม่ คิดว่าไม่ควรบอกราคาโดยตรง (เอาจริง คิดราคาไม่ถูก) เลยบอกราคาพื้นฐานที่เรียกมาก่อนว่าเท่าไหร่ แล้วให้ผู้โดยสารให้เพิ่มเท่าที่สะดวกละกัน ผล...ได้เพิ่มมา 40 บาท

ส่วนใหญ่เลือกขับในพื้นที่ ที่ผู้โดยสารหนาแน่น (ระบบจะแจ้ง Zone ที่ผู้โดยสารเยอะ เป็นสีแดงอ่อน แดงเข้ม ส่วนใหญ่จะในเมือง ทองหล่อ เอกมัย อโศก เป็นต้น) ผมมักเจอผู้โดยสารต่างชาติ ทั้งเอเชีย ยุโรป โดยส่วนตัวผมสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ เลยสบายๆ แต่บางครั้งก็อดคิดไม่ได้ หากเป็นคนขับที่ไม่ได้ภาษา หรือผู้โดยสารที่ไม่สามารถภาษาอังกฤษ คงสนุกดี 
ด้วยการที่ชอบเพลงเอเชีย เมื่อเจอชื่อผู้โดยสารที่เดาแล้วน่าจะเอเชีย ก็จะเลือก list เพลงเอเชียไว้ ลูกค้าหลายคนชอบใจ ฮัมเพลงตาม หลายคนก็ให้ทิปเพิ่ม (ใน App มีให้ประเมินคนขับ เรื่องรสนิยมเพลงด้วย ใครโดยสารแล้วถูกใจ ลองกดให้คะแนนกันนะครับ)
และเพลง ที่ผมแปะให้ฟัง ก็เป็นเพลงที่ผู้โดยสารชอบ ร้องเพลงในรถเสียงดัง เลยได้คุยกันเรื่องเพลง เรื่องหนัง สนุกสนาน เป็นความรู้สึกดีๆ ที่เกิดขึ้น

สิ่งที่อยากแนะนำ
สำหรับคนที่คิดจะลองขับ ลองเลือกวันสมัครที่จะประเมินผ่านให้ดี เพราะในช่วงแรกจะมีโปรโมชั่นพิเศษ สำหรับคนขับมือใหม่ ถ้าทำได้จะมีค่าอินเซนทีฟพิเศษให้ น่าเสียดายที่ตอนผมผ่าน ช่วงนั้นทำงานยาว จนอดได้ไป

ขออนุญาตเล่าเท่านี้ก่อน แล้วจะมาเพิ่มเติมนะครับ
ยังไม่จบ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่