เริ่ม เรื่องสั้น เรื่องแรก สำหรับเกมถุงมือ รอบที่ 8 ครับ ^^
เรื่องนี้เกี่ยวกับคนหาปลา โดยใช้อุปกรณ์ซึ่งเป็นภูมิปัญญาชาวบ้านของไทยแท้ๆ
อุปกรณ์สองชนิดที่มีการกล่าวถึงในเรื่องนี้คือ "ยอ" และ "แร้ว" อย่างหลังนี่กรรมการไม่คุ้นเลยครับ แต่อย่างแรก เป็นสิ่งที่คุ้นเคยมาตั้งแต่เด็ก เพราะเคยมีบ้านอยู่ริมทุ่งนาเลย หน้าฝน ฝนตกชุก น้ำท่วมเต็มหนองน้ำใกล้นา ก็เอา "ยอ" ไปตั้งดักจับปลา ภาษาเหนือเรียกว่า "จ๋ำ" ครับ ไปยกยอ จะพูดว่า "ไปตั้งจ๋ำ"
ไปๆ มาๆ จะกลายเป็นเล่าเรื่องตัวเองเสียแล้ว 555
เอ้า! มาอ่านเรื่องสั้นเรื่องแรกนี้กันครับ ^^
วันนี้ได้มาเที่ยวบางปู ผมสนใจว่าที่คลองข้างฝั่งซ้ายถนนจะถึงบางปู มีคันไม้ดักปลาปักอยู่ริมถนนเป็นแนว
ยอ คือเครื่องมือจับปลา เป็นโครงสี่เหลี่ยมกว้างเป็นเมตร ขึงตาข่ายสี่เหลี่ยมยานหย่อนตรงกลาง มีที่ยึดสี่มุมเพื่อยกยอขึ้นด้วยคันไม้ยาว
ผมชอบการตกปลามาก เครื่องมือต่างๆจึงเป็นที่สนใจของผม
ผมจะตื่นเต้นทุกครั้งที่จับปลาได้ และรู้สึกสงบยามต้องรอปลากินเหยื่อหรือรอเวลาปลาเข้าเครื่องมือที่ผมวางดักไว้
มันสืบเนื่องมาจากวัยเยาว์ผมได้ไปต่างจังหวัดเพราะผู้ใหญ่พาผมไปด้วย เผอิญข้างบ้านญาติที่พักนั้นมีคลองเล็กๆลึกสักสองเมตร เป็นต้นน้ำลำรางมารวมกันเป็นคลอง ทอดยาวไปสักสองร้อยเมตรก็ออกแม่น้ำ
ดังนั้น เมื่อน้ำขึ้นน้ำลง ย่อมมีสัตว์น้ำเข้าออกตามน้ำมาด้วย ดินก็เป็นโคลนข้างแนวตลิ่ง
ผมเห็นลุงคนหนึ่งเอาตาขอต่อปลายไม้ไผ่เดินหารูปูดำหรือปูทะเล มันจะมีรอยขาปูเดินยามน้ำลดแห้งลงไป
ผมยืนมองบนถนนก็เห็นลุงเอาตาขอที่เป็นเส้นเหล็กดัด งอล้วงเข้าไปชักยึกยักสักครู่
โอ๊ะ..ปูอ้าก้ามสีออกแดงร่อนมาเชียว ตัวเขื่องเปื้อนโคลน
ปูออกพ้นรูมาแล้ว ลุงก็ขยับมือตะปบตรงขาหลังด้านกรรเชียงสองข้าง กดลงแล้วยกตัวขึ้นมาดูด้วยความพอใจ
ลุงดึงเชือกที่ตัดไว้พอเหมาะ มาพันอ้อมกระดอง รวมทั้งพันรอบก้ามใหญ่ ดีงให้แน่นด้วยมือเดียวอย่างชำนาญ
แค่นี้ปูก็หมดอิสระภาพด้วยก้ามที่หนีบได้ถูกรัดแนบตัว เหลือแต่ขาเล็กยังเดินได้ ลุงไม่ได้รัดขาเล็กๆแบบที่วางขายในตลาดที่มีแต่ตากระพริบได้เท่านั้น
วันต่อมา ผมก็มีโอกาสได้เห็นเครื่องมือดักปูอีกอย่างหนึ่งคือ แร้ว
มันเหมือนยอที่ผมเห็นที่บางปู เพียงแต่ไม่มีก้านยก ขนาดเล็กกว่า เป็นเชือกตาข่ายถี่หนึ่งเซ็นติเมตร ขึงบนโครงสี่เหลี่ยมขนาดสองฟุต เป็นไม้ไผ่ มีคันไม้ไผ่โคังแบบคันธนูไขว้เป็นโครงยึดสี่มุมเชือกตาข่ายไว้ทั้งสี่ด้าน ตรงกลางคันไม้รัดเชือกแน่น เป็นสายเชือกหิ้วยก แต่มีเบ็ดไว้เกี่ยวไส้ไก่สดเป็นเหยื่อล่อปูให้เข้ามากินตรงกลางด้านใต้ด้วย
ผมนั่งมองลุงตัดไส้ไก่เกี่ยวเบ็ดและจดจำลักษณะด้วยความชอบ
เมื่อลุงหย่อนแร้วดักปูนี้ไปในคลองที่ลุงล้วงปูบนสะพานไม้ข้ามคลองที่มีไว้ให้คนและรถวิ่งผ่านได้ ลุงผูกเชือกแร้วที่หย่อนกับสะพาน สายเชือกตึงพอดี
ผมได้มาเห็นครั้งหนึ่ง สายเชือกสั่น คิดว่าต้องมีใครตอดไส้ไก่แน่ๆ
ผมมองซ้ายขวา ไม่มีใคร ผมจึงรีบสาวเชือกแร้วขึ้นมา ปู..ปูอยู่ในตาข่าย
ผมรีบสาวเชือกอย่างเร็วขึ้นมาบนสะพาน เทคว่ำตาข่ายลง แล้วรีบเอาด้านล่างตาข่ายกดปูไว้
ก็ผมไม่มีเชือก และมัดปูไม่เป็น
ผมนั่งยองๆ ดูปูอยู่นาน สำรวจไปทั่วเนื้อตัวปู มันคลานไม่หยุดใต้ตาข่าย
แดดเริ่มร้อน แต่ผมย้ายปูไม่ได้
สักพักก็มีเด็กชายอายุสัก 7 ขวบ (ผมสิบขวบครับ) น้องเดินมา
ผมถึงถามว่ารู้จักลุงไหม ไปตามลุงมาที เด็กชายรับคำวิ่งตื๋อไป
ผมเลยนั่งรออย่างมีความหวัง
อึดใจใหญ่ๆ ลุงก็เดินยิ้มมา พร้อมกระป๋องนมข้นแบบฝาเจาะรูร้อยเชือกกล้วยใส่โอเลี้ยงสมัยนั้น
ลุงวางกระป๋องใส่เหยื่อเป็นไส้ไก่ แล้วล้วงเอาเชือกกล้วยแห้งจากกระเป๋ากางเกงขาสั้นมาเพื่อมัดปู
ลุงนั่งลงสอดมือไปใต้ตาข่ายจับปูออกมา เอาเชือกพันปูแป๊บเดียวเสร็จ
ผมมองตามแทบไม่ทัน พยายามจำ เสร็จแล้วลุงส่งเชือกให้ผม ร้อง เอ้า ..
ลุงให้ปูผม ผมดีใจนะที่ได้ปู ลุงคงคิดว่าผมจับปูได้ ปูจึงควรเป็นของผมๆขอบคุณลุง ถือเชือกปูไว้ ดูลุงเกี่ยวไส้ไก่ใหม่แล้วหย่อนแร้วลงน้ำตามเดิม
ผมมองเห็นปูอีกตัวหนึ่งเดินอยู่ในน้ำใสพอมองเห็น แล้วผมก็ถือปูวื่งแล่นกลับบ้าน
ลุงเจ้าของบ้านถามผมว่าไปได้ปูมาจากไหน ผมตอบว่ายกแร้วของลุงๆ เลยให้มา
เมื่อป้าภรรยาลุงมาเห็นก็บอกว่าเดี๋ยวต้มให้กิน ให้ผมเอาไปใส่ไว้ในกระถางที่ไว้ล้างสิ่งของ ผมมานั่งนึกทบทวนการมัดปูอย่างมีความสุข
ป้าคงอยู่ในครัว ผมจึงตามมาดู เห็นป้าเอาน้ำใส่กระถาง ปูก็เดินไปมา น้ำสีดำหน่อย คงล้างตัวปูออกมา
ป้าจุดไฟที่เตาด้วยการสุมไม้เล็กๆเป็นเชื้อไฟมีขี้ไต้จุดไฟก่อน แล้วจึงเอาไม้ฟืนสุมทับข้างบน
ป้ามีกระบอกไม้ไผ่โตไม่เกินหนึ่งนิ้ว ยาวสักครึ่งฟุต สีดำมอๆ ป้าบอกเอาไว้เป่าลมไปที่กองไฟให้ลุกแดง
เตาของป้าเป็นซอง ก่อด้วยอิฐสามด้าน สูงครึ่งฟุต เปิดด้านหน้าไว้ใส่ฟืน
ปูของผมถูกใส่ในหม้อดินมีสองหู ใส่น้ำ ปิดฝาตั้งบนเตาที่มีที่รองกันเขม่าไฟ เป็นรูปเหมือนกระทะตัดก้นกลมรูเท่าก้นหม้อวางพอดี
หม้อก้นดำนั้นจะมีที่วางรองรับเรียก
เสวียน เป็นหวายถักเป็นแผ่นกลม วางหม้อ มีหูยาวสองข้างเพื่อโอบยกหม้อที่วางได้
ผมได้กินข้าวมื้อเย็นที่มีปูตัวเขื่องเป็นของผมคนเดียว
ปูเนื้อหวานมากด้วย เพราะมันสด หรือปูย่านนี้เนื้อหวานก็อาจเป็นได้ ที่ทุกคนไม่สนใจกินเพราะเขากินกันจนเอือมแล้วก็เป็นได้
มันเป็นความประทับใจของผมและอดหวนคิดย้อนกลับไปไม่ได้เมื่อผมมาเห็นยอที่บางปูคราวนี้
/// จบ ///
รายชื่อให้เลือกตอบ
ฝ่ายชาย
1. B-thirteen
2. Christian TG.
3. GTW
4. kasareev
5. KTHc
6. Luckard
7. Mystery and Crime
8. ruennara
9. Soul Master
10. สมาชิกหมายเลข 5212378 (TOSHARE)
11. WANG JIE (พฤษภเสารี)
12. จอมยุทธนักสืบ
13. ชายขอบคันนายาว
14. แจ็ค ในสวนถั่ว
15. นายเป็นหนึ่ง
16. ลุงแผน
17. ลูนาติก
18. สวนดอก
19. สมาชิกหมายเลข 3188982 (วนิล)
20. ส.สัตยา
ฝ่ายหญิง
1. Lady Star 919
2. สมาชิกหมายเลข 2326325 (ladylongleg)
3. peiNing
4. Susisiri
5. เกสรผกา
6. นลินมณี
7. รัชต์สารินท์
8. สมาชิกหมายเลข 5221626 และ 2657857 (ลิงน้อย)
*** จะประกาศวันเฉลย หลังจากวางภาพปริศนาเรียบร้อยแล้ว ครับผม ***
🐠🐟 👦🏼THE LEISURE GLOVES ถุงมือยามว่าง# 8 เรื่องสั้น "ยกยอ-กู้แร้ว" (ถุงมือภูมิปัญญาเด็ก)👦🏼🐟🐠
เรื่องนี้เกี่ยวกับคนหาปลา โดยใช้อุปกรณ์ซึ่งเป็นภูมิปัญญาชาวบ้านของไทยแท้ๆ
อุปกรณ์สองชนิดที่มีการกล่าวถึงในเรื่องนี้คือ "ยอ" และ "แร้ว" อย่างหลังนี่กรรมการไม่คุ้นเลยครับ แต่อย่างแรก เป็นสิ่งที่คุ้นเคยมาตั้งแต่เด็ก เพราะเคยมีบ้านอยู่ริมทุ่งนาเลย หน้าฝน ฝนตกชุก น้ำท่วมเต็มหนองน้ำใกล้นา ก็เอา "ยอ" ไปตั้งดักจับปลา ภาษาเหนือเรียกว่า "จ๋ำ" ครับ ไปยกยอ จะพูดว่า "ไปตั้งจ๋ำ"
ไปๆ มาๆ จะกลายเป็นเล่าเรื่องตัวเองเสียแล้ว 555
เอ้า! มาอ่านเรื่องสั้นเรื่องแรกนี้กันครับ ^^
ยอ คือเครื่องมือจับปลา เป็นโครงสี่เหลี่ยมกว้างเป็นเมตร ขึงตาข่ายสี่เหลี่ยมยานหย่อนตรงกลาง มีที่ยึดสี่มุมเพื่อยกยอขึ้นด้วยคันไม้ยาว
ผมชอบการตกปลามาก เครื่องมือต่างๆจึงเป็นที่สนใจของผม
ผมจะตื่นเต้นทุกครั้งที่จับปลาได้ และรู้สึกสงบยามต้องรอปลากินเหยื่อหรือรอเวลาปลาเข้าเครื่องมือที่ผมวางดักไว้
มันสืบเนื่องมาจากวัยเยาว์ผมได้ไปต่างจังหวัดเพราะผู้ใหญ่พาผมไปด้วย เผอิญข้างบ้านญาติที่พักนั้นมีคลองเล็กๆลึกสักสองเมตร เป็นต้นน้ำลำรางมารวมกันเป็นคลอง ทอดยาวไปสักสองร้อยเมตรก็ออกแม่น้ำ
ดังนั้น เมื่อน้ำขึ้นน้ำลง ย่อมมีสัตว์น้ำเข้าออกตามน้ำมาด้วย ดินก็เป็นโคลนข้างแนวตลิ่ง
ผมเห็นลุงคนหนึ่งเอาตาขอต่อปลายไม้ไผ่เดินหารูปูดำหรือปูทะเล มันจะมีรอยขาปูเดินยามน้ำลดแห้งลงไป
ผมยืนมองบนถนนก็เห็นลุงเอาตาขอที่เป็นเส้นเหล็กดัด งอล้วงเข้าไปชักยึกยักสักครู่
โอ๊ะ..ปูอ้าก้ามสีออกแดงร่อนมาเชียว ตัวเขื่องเปื้อนโคลน
ปูออกพ้นรูมาแล้ว ลุงก็ขยับมือตะปบตรงขาหลังด้านกรรเชียงสองข้าง กดลงแล้วยกตัวขึ้นมาดูด้วยความพอใจ
ลุงดึงเชือกที่ตัดไว้พอเหมาะ มาพันอ้อมกระดอง รวมทั้งพันรอบก้ามใหญ่ ดีงให้แน่นด้วยมือเดียวอย่างชำนาญ
แค่นี้ปูก็หมดอิสระภาพด้วยก้ามที่หนีบได้ถูกรัดแนบตัว เหลือแต่ขาเล็กยังเดินได้ ลุงไม่ได้รัดขาเล็กๆแบบที่วางขายในตลาดที่มีแต่ตากระพริบได้เท่านั้น
วันต่อมา ผมก็มีโอกาสได้เห็นเครื่องมือดักปูอีกอย่างหนึ่งคือ แร้ว
มันเหมือนยอที่ผมเห็นที่บางปู เพียงแต่ไม่มีก้านยก ขนาดเล็กกว่า เป็นเชือกตาข่ายถี่หนึ่งเซ็นติเมตร ขึงบนโครงสี่เหลี่ยมขนาดสองฟุต เป็นไม้ไผ่ มีคันไม้ไผ่โคังแบบคันธนูไขว้เป็นโครงยึดสี่มุมเชือกตาข่ายไว้ทั้งสี่ด้าน ตรงกลางคันไม้รัดเชือกแน่น เป็นสายเชือกหิ้วยก แต่มีเบ็ดไว้เกี่ยวไส้ไก่สดเป็นเหยื่อล่อปูให้เข้ามากินตรงกลางด้านใต้ด้วย
ผมนั่งมองลุงตัดไส้ไก่เกี่ยวเบ็ดและจดจำลักษณะด้วยความชอบ
เมื่อลุงหย่อนแร้วดักปูนี้ไปในคลองที่ลุงล้วงปูบนสะพานไม้ข้ามคลองที่มีไว้ให้คนและรถวิ่งผ่านได้ ลุงผูกเชือกแร้วที่หย่อนกับสะพาน สายเชือกตึงพอดี
ผมได้มาเห็นครั้งหนึ่ง สายเชือกสั่น คิดว่าต้องมีใครตอดไส้ไก่แน่ๆ
ผมมองซ้ายขวา ไม่มีใคร ผมจึงรีบสาวเชือกแร้วขึ้นมา ปู..ปูอยู่ในตาข่าย
ผมรีบสาวเชือกอย่างเร็วขึ้นมาบนสะพาน เทคว่ำตาข่ายลง แล้วรีบเอาด้านล่างตาข่ายกดปูไว้
ก็ผมไม่มีเชือก และมัดปูไม่เป็น
ผมนั่งยองๆ ดูปูอยู่นาน สำรวจไปทั่วเนื้อตัวปู มันคลานไม่หยุดใต้ตาข่าย
แดดเริ่มร้อน แต่ผมย้ายปูไม่ได้
สักพักก็มีเด็กชายอายุสัก 7 ขวบ (ผมสิบขวบครับ) น้องเดินมา
ผมถึงถามว่ารู้จักลุงไหม ไปตามลุงมาที เด็กชายรับคำวิ่งตื๋อไป
ผมเลยนั่งรออย่างมีความหวัง
อึดใจใหญ่ๆ ลุงก็เดินยิ้มมา พร้อมกระป๋องนมข้นแบบฝาเจาะรูร้อยเชือกกล้วยใส่โอเลี้ยงสมัยนั้น
ลุงวางกระป๋องใส่เหยื่อเป็นไส้ไก่ แล้วล้วงเอาเชือกกล้วยแห้งจากกระเป๋ากางเกงขาสั้นมาเพื่อมัดปู
ลุงนั่งลงสอดมือไปใต้ตาข่ายจับปูออกมา เอาเชือกพันปูแป๊บเดียวเสร็จ
ผมมองตามแทบไม่ทัน พยายามจำ เสร็จแล้วลุงส่งเชือกให้ผม ร้อง เอ้า ..
ลุงให้ปูผม ผมดีใจนะที่ได้ปู ลุงคงคิดว่าผมจับปูได้ ปูจึงควรเป็นของผมๆขอบคุณลุง ถือเชือกปูไว้ ดูลุงเกี่ยวไส้ไก่ใหม่แล้วหย่อนแร้วลงน้ำตามเดิม
ผมมองเห็นปูอีกตัวหนึ่งเดินอยู่ในน้ำใสพอมองเห็น แล้วผมก็ถือปูวื่งแล่นกลับบ้าน
ลุงเจ้าของบ้านถามผมว่าไปได้ปูมาจากไหน ผมตอบว่ายกแร้วของลุงๆ เลยให้มา
เมื่อป้าภรรยาลุงมาเห็นก็บอกว่าเดี๋ยวต้มให้กิน ให้ผมเอาไปใส่ไว้ในกระถางที่ไว้ล้างสิ่งของ ผมมานั่งนึกทบทวนการมัดปูอย่างมีความสุข
ป้าคงอยู่ในครัว ผมจึงตามมาดู เห็นป้าเอาน้ำใส่กระถาง ปูก็เดินไปมา น้ำสีดำหน่อย คงล้างตัวปูออกมา
ป้าจุดไฟที่เตาด้วยการสุมไม้เล็กๆเป็นเชื้อไฟมีขี้ไต้จุดไฟก่อน แล้วจึงเอาไม้ฟืนสุมทับข้างบน
ป้ามีกระบอกไม้ไผ่โตไม่เกินหนึ่งนิ้ว ยาวสักครึ่งฟุต สีดำมอๆ ป้าบอกเอาไว้เป่าลมไปที่กองไฟให้ลุกแดง
เตาของป้าเป็นซอง ก่อด้วยอิฐสามด้าน สูงครึ่งฟุต เปิดด้านหน้าไว้ใส่ฟืน
ปูของผมถูกใส่ในหม้อดินมีสองหู ใส่น้ำ ปิดฝาตั้งบนเตาที่มีที่รองกันเขม่าไฟ เป็นรูปเหมือนกระทะตัดก้นกลมรูเท่าก้นหม้อวางพอดี
หม้อก้นดำนั้นจะมีที่วางรองรับเรียก เสวียน เป็นหวายถักเป็นแผ่นกลม วางหม้อ มีหูยาวสองข้างเพื่อโอบยกหม้อที่วางได้
ผมได้กินข้าวมื้อเย็นที่มีปูตัวเขื่องเป็นของผมคนเดียว
ปูเนื้อหวานมากด้วย เพราะมันสด หรือปูย่านนี้เนื้อหวานก็อาจเป็นได้ ที่ทุกคนไม่สนใจกินเพราะเขากินกันจนเอือมแล้วก็เป็นได้
มันเป็นความประทับใจของผมและอดหวนคิดย้อนกลับไปไม่ได้เมื่อผมมาเห็นยอที่บางปูคราวนี้