สวัสดีค่ะ อย่างที่เขียนบนหัวข้อกระทู้เลยค่ะ ว่าเราอยู่ในช่วงเลือกโรงเรียนให้ลูก ตอนนี้ลูกเราอายุ 1.8 ขวบ ก็คิดเอาไว้แล้วว่าจะเลือกโรงเรียนอินเตอร์ เพราะหนึ่งเลยอยากให้ลูกได้ภาษา แล้วก็ได้เรื่องระบบวิธีคิด กล้าแสดงความเห็น การพัฒนาทักษะต่างๆ ซึ่งเราขอเล่าสั้นๆ กับเคสของเรากับสามี ก่อนจะไปเป็นเรื่องไปดูโรงเรียนกัน
เราเนี่ยจบระบบไทยแท้ ไม่กล้าพูดภาษาอังกฤษ จนมีโอกาสเข้ามาทำงานที่ต้องติดต่อกับชาวต่างชาติอยู่บ่อยๆ เลยกล้าพูดและสื่อสารมากขึ้น ขณะที่สามีจบอังกฤษ แบบไปเรียนตั้งแต่เด็กจนถึงจบโท เรื่องภาษาคือเป๊ะมาก แต่ตอนไปอยู่ใหม่ๆ ลำบากมาก พูดกับใครก็ไม่รู้เรื่องต้องใช้เวลาอยู่สักพักเลยกว่าจะปรับตัวได้ เราเลยเห็นตรงกันว่าถ้าลูกได้อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ได้ใช้ภาษาตลอด ก็น่าจะเป็นการสร้างพื้นฐานด้านภาษาได้ดี อีกเรื่องคือ เราไม่ค่อยกล้าแสดงความคิดเห็น รู้สึกไม่มั่นใจว่าเราจะผิดหรือถูก ซึ่งสามีเราก็ชอบบ่นว่าความคิดเห็นไม่มีอะไรผิดถูกอยู่แล้ว แต่ที่เราเป็นอย่างนี้อาจจะโดนปลูกฝังมาแต่เด็ก ว่าถ้ามีความเห็นที่แตกต่างก็จะโดนมองประหลาด เลยพาลไปโทษถึงระบบศึกษาไทยซะเลย เราจะไม่พูดเยอะเรื่องนี้ แต่ว่าด้วยวิธีคิดอะไรหลายอย่าง ก็แตกต่างกันมากทีเดียว
กลับมาที่เลือกโรงเรียนลูก จากเรื่องต่างๆพวกนี้ เราเลยวางแผนกันว่าจะให้ลูกเราเรียนอินเตอร์ละกัน ตั้งแต่อนุบาลจนถึง ป.6 ที่เมืองไทย และอาจจะส่งลูกไปเรียนต่อที่อังกฤษ ก็เลยสรุปว่าจะเอาหลักสูตรแบบอังกฤษเพราะถ้าไปเรียนต่อที่โน่นก็จะได้ไม่ยาก ซึ่งคราวนี้ก็หาข้อมูลกัน แต่ว่าเราอาจจะตัดสินใจช้าไปหน่อย โรงเรียนดังๆ ต้องจองสิทธิล่วงหน้านานมาก หลายโรงเรียนก็เริ่มเต็มแล้ว หรือไม่ก็ไกลจากบ้านไปเลย ก็มีโทรไปสอบถามเข้าไปดูอยู่หลายที่อย่าง Harrow (อันนี้ไกลบ้าน เพราะบ้านเราอยู่แถวพระราม 9 แล้วก็ต้องจองสิทธิ เพราะเต็มแล้ว) Heathfield (ต้องจองสิทธิ) แล้วก็ได้ไปดู KIS (นี่ก็เต็มเพราะจำกัดจำนวนเด็กไทย) กับอีกที่คือ Wellington ที่นี่แหล่ะที่เราจะมาแชร์ เพราะว่าเป็น โรงเรียนเปิดใหม่ อยู่แถวๆ กรุงเทพกรีฑา ยังหาข้อมูลแบบเรียลๆไม่ค่อยได้เลย รู้แต่ว่าเป่าเปา ลูกกุ๊บกิ๊บเรียนที่นี่ เลยคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์เผื่อใครที่กำลังมองหาโรงเรียนให้ลูกอยู่ ว่ากันว่าโรงเรียนนี้ที่อังกฤษต้องต่อคิวเข้าเลย นี่เพิ่งมาเปิดที่ไทยก็เห็นลูกคนดังๆเรียนกันเยอะ น่าจะได้เรื่องสังคมที่ดี แล้วก็ยังเปิดรับนักเรียนอยู่ ก็เลยตัดสินใจเข้าไปดูโรงเรียนด้วยกันกับสามี ก็นัดวันเพื่อไปSchool tour
เราก็ขอเล่าให้แบบละเอียดเลยละกัน วันที่ได้ดูโรงเรียน ความรู้สึกแรกของเราคือ โรงเรียนดูกว้างขวาง สะอาดสะอ้าน แต่ต้นไม้ยังไม่สูงเท่าไหร่ เลยรู้สึกร้อนๆ แต่ก็เข้าใจว่าโรงเรียนเพิ่งเปิด ต้นไม้อาจจะโตไม่ทัน พอเดินไปถึงทางเข้าอาคาร ก็จะมีจุดแลกบัตรก่อน ต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ให้ละเอียดว่ามาทำอะไรและติดต่อใครไว้ และจะมีเอกสารให้เซ็นยินยอมว่าเรายินดีทำตามกฎระเบียบของโรงเรียน พอแลกบัตรเรียบร้อย ก็มีคุณครูออกมาต้อนรับและให้เราลงทะเบียนตรงล็อบบี้ ซึ่งจะมีกำแพงที่เป็นรูปม้าสามมิติอยู่ ก็เท่ดีเหมือนกัน แล้วก็มีโซฟาสำหรับให้พ่อแม่นั่งรอลูกๆ แต่เราเข้าไปรอในร้านกาแฟของโรงเรียน ทางคุณครูบอกว่าร้านกาแฟเปิดทั้งวัน ผู้ปกครองสามารถนั่งทำงานในร้านได้เลยถ้าจะรอรับลูก
วันที่เราไปมีประมาณ 10-15 ครอบครัว ซึ่งก็ถือว่าเป็นกลุ่มใหญ่พอสมควร ก็รอกันตรงล็อบบี้ บ้าง ร้านกาแฟบ้าง ก็ได้พูดคุยกับหลายครอบครัว เค้าก็อยู่ ในช่วงตัดสินใจเหมือนๆกับเรานี่แหล่ะ
ปล. ที่นี่สิ่งที่เค้ากำชับมากก็คือเรื่องการถ่ายรูป ถ้าถ่ายรูปบรรยากาศโรงเรียนทำได้ แต่ห้ามติดหน้าเด็กๆ เพราะเป็นเรื่องความปลอดภัย เราก็รู้สึกอุ่นใจขึ้นเยอะ ว่าเออ ระบบรักษาความปลอดภัยที่นี่เคร่งครัดดีอยู่ รูปที่เราเอามาลงให้ได้ดูกันก็จะไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ เป็นรูปภาพกิจกรรมและบรรยากาศรอบๆ โรงเรียน
*เดี๋ยวเรามาเล่าต่อนะคะ
แชร์ประสบการณ์ไปดูโรงเรียนนานาชาติครั้งแรก สำหรับคุณแม่มือใหม่
เราเนี่ยจบระบบไทยแท้ ไม่กล้าพูดภาษาอังกฤษ จนมีโอกาสเข้ามาทำงานที่ต้องติดต่อกับชาวต่างชาติอยู่บ่อยๆ เลยกล้าพูดและสื่อสารมากขึ้น ขณะที่สามีจบอังกฤษ แบบไปเรียนตั้งแต่เด็กจนถึงจบโท เรื่องภาษาคือเป๊ะมาก แต่ตอนไปอยู่ใหม่ๆ ลำบากมาก พูดกับใครก็ไม่รู้เรื่องต้องใช้เวลาอยู่สักพักเลยกว่าจะปรับตัวได้ เราเลยเห็นตรงกันว่าถ้าลูกได้อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ได้ใช้ภาษาตลอด ก็น่าจะเป็นการสร้างพื้นฐานด้านภาษาได้ดี อีกเรื่องคือ เราไม่ค่อยกล้าแสดงความคิดเห็น รู้สึกไม่มั่นใจว่าเราจะผิดหรือถูก ซึ่งสามีเราก็ชอบบ่นว่าความคิดเห็นไม่มีอะไรผิดถูกอยู่แล้ว แต่ที่เราเป็นอย่างนี้อาจจะโดนปลูกฝังมาแต่เด็ก ว่าถ้ามีความเห็นที่แตกต่างก็จะโดนมองประหลาด เลยพาลไปโทษถึงระบบศึกษาไทยซะเลย เราจะไม่พูดเยอะเรื่องนี้ แต่ว่าด้วยวิธีคิดอะไรหลายอย่าง ก็แตกต่างกันมากทีเดียว
กลับมาที่เลือกโรงเรียนลูก จากเรื่องต่างๆพวกนี้ เราเลยวางแผนกันว่าจะให้ลูกเราเรียนอินเตอร์ละกัน ตั้งแต่อนุบาลจนถึง ป.6 ที่เมืองไทย และอาจจะส่งลูกไปเรียนต่อที่อังกฤษ ก็เลยสรุปว่าจะเอาหลักสูตรแบบอังกฤษเพราะถ้าไปเรียนต่อที่โน่นก็จะได้ไม่ยาก ซึ่งคราวนี้ก็หาข้อมูลกัน แต่ว่าเราอาจจะตัดสินใจช้าไปหน่อย โรงเรียนดังๆ ต้องจองสิทธิล่วงหน้านานมาก หลายโรงเรียนก็เริ่มเต็มแล้ว หรือไม่ก็ไกลจากบ้านไปเลย ก็มีโทรไปสอบถามเข้าไปดูอยู่หลายที่อย่าง Harrow (อันนี้ไกลบ้าน เพราะบ้านเราอยู่แถวพระราม 9 แล้วก็ต้องจองสิทธิ เพราะเต็มแล้ว) Heathfield (ต้องจองสิทธิ) แล้วก็ได้ไปดู KIS (นี่ก็เต็มเพราะจำกัดจำนวนเด็กไทย) กับอีกที่คือ Wellington ที่นี่แหล่ะที่เราจะมาแชร์ เพราะว่าเป็น โรงเรียนเปิดใหม่ อยู่แถวๆ กรุงเทพกรีฑา ยังหาข้อมูลแบบเรียลๆไม่ค่อยได้เลย รู้แต่ว่าเป่าเปา ลูกกุ๊บกิ๊บเรียนที่นี่ เลยคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์เผื่อใครที่กำลังมองหาโรงเรียนให้ลูกอยู่ ว่ากันว่าโรงเรียนนี้ที่อังกฤษต้องต่อคิวเข้าเลย นี่เพิ่งมาเปิดที่ไทยก็เห็นลูกคนดังๆเรียนกันเยอะ น่าจะได้เรื่องสังคมที่ดี แล้วก็ยังเปิดรับนักเรียนอยู่ ก็เลยตัดสินใจเข้าไปดูโรงเรียนด้วยกันกับสามี ก็นัดวันเพื่อไปSchool tour
เราก็ขอเล่าให้แบบละเอียดเลยละกัน วันที่ได้ดูโรงเรียน ความรู้สึกแรกของเราคือ โรงเรียนดูกว้างขวาง สะอาดสะอ้าน แต่ต้นไม้ยังไม่สูงเท่าไหร่ เลยรู้สึกร้อนๆ แต่ก็เข้าใจว่าโรงเรียนเพิ่งเปิด ต้นไม้อาจจะโตไม่ทัน พอเดินไปถึงทางเข้าอาคาร ก็จะมีจุดแลกบัตรก่อน ต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ให้ละเอียดว่ามาทำอะไรและติดต่อใครไว้ และจะมีเอกสารให้เซ็นยินยอมว่าเรายินดีทำตามกฎระเบียบของโรงเรียน พอแลกบัตรเรียบร้อย ก็มีคุณครูออกมาต้อนรับและให้เราลงทะเบียนตรงล็อบบี้ ซึ่งจะมีกำแพงที่เป็นรูปม้าสามมิติอยู่ ก็เท่ดีเหมือนกัน แล้วก็มีโซฟาสำหรับให้พ่อแม่นั่งรอลูกๆ แต่เราเข้าไปรอในร้านกาแฟของโรงเรียน ทางคุณครูบอกว่าร้านกาแฟเปิดทั้งวัน ผู้ปกครองสามารถนั่งทำงานในร้านได้เลยถ้าจะรอรับลูก
วันที่เราไปมีประมาณ 10-15 ครอบครัว ซึ่งก็ถือว่าเป็นกลุ่มใหญ่พอสมควร ก็รอกันตรงล็อบบี้ บ้าง ร้านกาแฟบ้าง ก็ได้พูดคุยกับหลายครอบครัว เค้าก็อยู่ ในช่วงตัดสินใจเหมือนๆกับเรานี่แหล่ะ
ปล. ที่นี่สิ่งที่เค้ากำชับมากก็คือเรื่องการถ่ายรูป ถ้าถ่ายรูปบรรยากาศโรงเรียนทำได้ แต่ห้ามติดหน้าเด็กๆ เพราะเป็นเรื่องความปลอดภัย เราก็รู้สึกอุ่นใจขึ้นเยอะ ว่าเออ ระบบรักษาความปลอดภัยที่นี่เคร่งครัดดีอยู่ รูปที่เราเอามาลงให้ได้ดูกันก็จะไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ เป็นรูปภาพกิจกรรมและบรรยากาศรอบๆ โรงเรียน
*เดี๋ยวเรามาเล่าต่อนะคะ