ปกิณกะธรรม เรื่องไม้อ่อนดัดได้

เรื่อง ไม้อ่อนดัดได้
ในอดีตกาล ครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ใน พระนครพาราณสี พราหมณ์มาณพท่านหนึ่งบังเกิดในสกุลอุทิจจพราหมณ์ ครั้นเจริญวัยแล้ว เล่าเรียนไตรเพท และสรรพศิลปวิทยา ในเมืองตักกสิลา อยู่ครองเรือนสิ้นกาลเล็กน้อย เมื่อมารดาบิดาล่วงลับไป ก็บวชเป็นฤาษี ทำอภิญญาและสมาบัติให้บังเกิดแล้ว พำนักอยู่ในป่าหิมพานต์
ครั้นอยู่ในป่านั้นนานเข้า ประสงค์จะไปสู่ชนบทเพื่อเสพรสเค็มและรสเปรี้ยว จึงเดินทางไปสู่พระนครพาราณสี บรรลุถึงพระนครพาราณสีโดยลำดับ อาศัยอยู่ในพระราชอุทยาน รุ่งเช้านุ่งห่มเรียบร้อยแล้ว เป็นผู้สมบูรณ์ด้วยมรรยาทของดาบส เข้าสู่พระนครเพื่อภิกษา เดินไปถึงพระลานหลวง.
พระราชากำลังทอดพระเนตรทางช่องพระแกล ทรงเห็นท่านแล้ว ทรงเลื่อมใสในอิริยาบถ ทรงพระดำริว่า พระดาบสนี้มีอินทรีย์ผ่องใส ใจสงบ ทอดตาลงต่ำเพียงชั่วแอกประหนึ่งวางถุงทรัพย์๑๐๐๐ เหรียญ ไว้ทุก ย่างก้าว เดินมาด้วยลีลาองอาจอย่างราชสีห์ หากจะมีสภาวะที่ชื่อว่า สันตธรรมอยู่อย่างหนึ่งละก็ สันตธรรมนั้น ต้องมีภายในของดาบสนี้เป็นแน่ จากนั้นทรงทอดพระเนตรดูอำมาตย์ผู้หนึ่ง
อำมาตย์ผู้นั้นกราบทูลว่า ข้าพระองค์จักต้องทำอะไรพระเจ้าข้า
พระราชารับสั่งว่า เจ้าจงไปนิมนต์พระดาบสนั้นมา
เขารับพระดำรัสว่า รับด้วยเกล้า พระเจ้าข้า แล้วเข้าไปหาพระดาบสไหว้แล้วรับภาชนะใส่ภิกษา จากมือพระดาบส
พระดาบสกล่าวว่า อะไรหรือ ท่านผู้มีบุญมาก
อำมาตย์กราบเรียนว่า ข้าแต่พระคุณท่านผู้เจริญ พระราชารับสั่งนิมนต์พระคุณเจ้า
พระดาบสกล่าวว่า เราไม่ใช่นักบวชประจำราชสำนัก เป็นนักบวชอยู่ป่าหิมพานต์
อำมาตย์จึงไปกราบทูลความนั้นแด่พระราชา
พระราชาตรัสว่า ดาบสอื่นที่เป็นผู้ใกล้ชิดของเราไม่มี จงนิมนต์ท่านมาเถิด
อำมาตย์ก็ไปไหว้พระดาบส พูดอ้อนวอน นิมนต์ให้เข้าไปสู่พระราชวัง.
พระราชาทรงไหว้พระดาบส อาราธนาให้นั่งเหนือบัลลังก์ทอง ภายใต้เศวตรฉัตร ให้ฉัน
โภชนะมีรสเลิศต่าง ๆ ที่เขาจัดไว้เพื่อพระองค์ แล้วรับสั่งถามว่า ข้าแต่พระคุณเจ้าผู้เจริญ พระคุณเจ้าอยู่ที่ไหนเจ้าข้า
พระดาบสถวายพระพรว่า มหาบพิตร อาตมภาพ อยู่ป่าหิมพานต์
บัดนี้พระคุณเจ้าจะไปที่ไหน ?
มหาบพิตร อาตมภาพกำลังแสวงหาเสนาสนะที่เหมาะแก่ฤดูฝน
ข้าแต่พระคุณเจ้าผู้เจริญ ถ้าเช่นนั้น นิมนต์อยู่ในอุทยานของพวกโยมเถิด ทรงให้คำรับรองแล้ว แม้พระองค์เองก็เสวยเสร็จ ทรงพาพระดาบสเสด็จไปสู่อุทยาน รับสั่งให้สร้าง
บรรณศาลา ให้กระทำที่พักกลางคืนและที่พักกลางวัน ทรงถวายบริขารสำหรับบรรพชิต ทรงมอบหมายให้คนเฝ้าสวนคอยดูแล แล้วเสด็จเข้าพระนคร.
ตั้งแต่นั้นมา พระดาบสก็อยู่ในอุทยาน แม้พระราชาก็เสด็จไปหาท่านวันละ สอง สามครั้งทุกวัน
ก็แลพระราชานั้นทรงมีพระโอรส พระนามว่า ทุฏฐกุมาร เป็นผู้มีสันดาน ดุร้าย หยาบคาย พระราชา และพระประยูรญาติทั้งหลาย ต่างไม่สามารถจะฝึกหัดอบรมเธอได้ พวกอำมาตย์ก็ดี พวกพราหมณ์และคฤหบดีก็ดี แม้จะร่วมกันว่ากล่าวว่า ข้าแต่เจ้านาย ท่านอย่าได้ทำอย่างนี้เลย ท่านไม่น่าจะทำอย่างนี้ ก็มิสามารถจะให้เธอเชื่อถือถ้อยคำได้
พระราชาทรงพระดำริว่ายกเว้นพระดาบสผู้ทรงศีลผู้เป็นเจ้า ของเราเสียแล้ว คงไม่มีผู้อื่น
ที่จะสามารถทรมานกุมารนี้ได้ พระคุณเจ้าเท่านั้น จักทรมานเขาได้ ท้าวเธอทรงพาพระกุมารเข้าไปหาพระดาบสรับสั่งว่า พระคุณเจ้าผู้เจริญ กุมารนี้ดุร้าย หยาบคาย พวกข้าพเจ้าไม่สามารถจะอบรมฝึกสอนเธอได้ พระคุณเจ้าโปรดหาอุบายสักอย่างหนึ่งอบรมเธอให้ด้วยเถิด ดังนี้แล้ว ทรงมอบพระกุมารแต่พระดาบส แล้วเสด็จหลีกไป
พระดาบสจึงชวนพระกุมาร เที่ยวไปในอุทยาน เห็นหน่อต้นสะเดาต้นหนึ่ง เพิ่งมีใบสองใบเท่านั้น แตกออกข้างละหนึ่งใบ จึงกล่าวกะพระกุมารว่า กุมาร เธอจงเคี้ยวกินใบของหน่อสะเดานี้ แล้วทราบรสไว้เถิด
พระกุมารทรงเคี้ยวใบสะเดาใบหนึ่ง รู้รสแล้วตรัสว่า ชิ ! ชิ ! ถ่มทิ้งลงพื้นดินพร้อมทั้งเขฬะ
ดาบสถามว่าเป็นอย่างไรเล่า กุมาร
ข้าแต่พระคุณเจ้าผู้เจริญต้นไม้นี้เปรียบเสมือนยาพิษชนิดร้ายแรง ในบัดนี้ทีเดียว ถ้าเจริญเติบโตขึ้น คงฆ่ามนุษย์เสียเป็นอันมาก พลางทรงถอนหน่อสะเดานั้น แล้วขยี้จนแหลกด้วยพระหัตถ์ ตรัสว่า
ต้นไม้นี้ มีใบข้างละหนึ่งใบ จากแผ่นดิน
ยังไม่ถึง ๔ องคุลี มีรสเสมอกับยาพิษ ต้นไม้นี้
เติบโตขึ้น จักขมสักเพียงไหน
ลำดับนั้น พระดาบส จึงกล่าวกะพระกุมารว่า กุมารเอ๋ย เธอกล่าวถึงหน่อสะเดานี้ว่า เดี๋ยวนี้เอง มันยังขมถึงเพียงนี้ เมื่อมันโตจักเป็นอย่างไร อาศัยมันแล้ว จะมีความเจริญมาแต่ไหน ดังนี้แล้วถอนขยี้ทิ้งไป เธอปฏิบัติในหน่อสะเดานี้ฉันใด แม้ชาวแว่นแคว้นของเธอ ก็คงฉันนั้น จักพากันกล่าวว่า พระกุมารนี้ยังเป็นเด็กอยู่ทีเดียว ยังดุร้าย หยาบคายถึงเพียงนี้ เมื่อเจริญเติบโตครองราชสมบัติ จักทำอย่างไรกัน ที่ไหนพวกเราจักอาศัยเธอ ถึงความจำเริญได้เล่า แล้วไม่ยอมถวายราชสมบัติ อันเป็นของแห่งตระกูลของเธอ จักถอดถอนเธอเสียเหมือนหน่อสะเดา จากนั้นขับไล่ออกไปเสียจากแว่นแคว้น เพราะฉะนั้น เธอจงละเว้นความเป็นผู้ตนเปรียบเหมือนต้นสะเดาเสีย จงเป็นผู้ถึงพร้อมด้วยความอดทน ความเมตตา และความเอื้อเฟื้อ ตั้งแต่บัดนี้ไปเถิด
ตั้งแต่นั้นมา พระกุมารก็หมดมานะ หมดพยศสมบูรณ์พร้อมด้วยความอดทน ความเมตตา และความเอื้อเฟื้อ ดำรงอยู่ในโอวาทของพระดาบส ครั้นพระชนกล่วงลับไปแล้ว ก็ได้
ครองราชสมบัติ ทรงบำเพ็ญบุญมีให้ทานเป็นต้น แล้วเสด็จไปตามยถากรรม

จบเรื่อง ไม้อ่อนดัดได้
พบกันใหม่โอกาสหน้า
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่