ภัลลาติยชาดก ว่าด้วยความรักของนางกินรี

ภัลลาติยชาดก คำกลอน
ว่าด้วยความรักของนางกินรี

กาลครั้งนั้น ภัลลาติยราช
เสด็จยาตรป่าเปลี่ยวเที่ยวไฉน
ผู้ผู้เดียวท่องเที่ยวลดเลี้ยวไป
เสด็จไกลจากรัฐพลัดนคร

ใช้ชีวิตอิสระเสรีชน
หลีกเลี่ยงคนอยู่ยั้งดั่งไกรสร
เพียงสุนัขคู่ใจไว้แทรกซอน
เที่ยวตะลอนป่าปิ่มหิมพานต์

เสด็จเข้าภูเขาคันธมาทน์
พฤกษชาติสลวยห้วยละหาน
พันธุ์ไม้ดอกดาษดื่นน่าชื่นบาน
โอชาธารพืชผลปะปนกัน

รมณียสถานย่านถิ่นนี้
น่ายินดีราววนาป่าสวรรค์
มีหมู่สัตว์สารพัดสารพัน
แวะเวียนวันคลุกเคล้าเพาพนา

แม้มฤคลึกลับผู้คลับคล้าย
มีร่างกายอย่างกะมนุสสา
คือกินนรกินรีก็มีมา
มฤคามฤคีมีมากมาย

มีกินนรสองตัวผู้ผัวเมีย
ยืนนัวเนียแนบร่างไม่ห่างหาย
ทั้งรัญจวนหวนไห้ไม่วางวาย
ร้องฟูมฟายกอดจูบลูบไล้กัน

พระราชามาเห็นเป็นงุนงง
โอ้โฉมยงเป็นใครไยโศกศัลย์
จักถามดูให้รู้ผู้ไหนนั้น
เนื้อโนมพรรณมนุษย์วิสุทธี

ส่งสัญญาณจุจุดุสุนัข
แล้ววางพักธนูไว้ในวิถี
ค่อยเข้าไปถามไถ่ในคดี
กินรีกินนร อย่าร้อนใจ

แม้เหมันต์ฤดูยังรู้ผ่าน
ก็แล้วท่านทั้งสองตรองไฉน
ยังตั้งตาตระกองร้องร่ำไร
ถึงหวนไห้ร่ำร้องนองน้ำตา

ท่านนั้นหรือคือมนุษย์สุดจะรู้
ท่านทั้งคู่เป็นใครไฉนหนา
มีรูปร่างอย่างกะมนุษย์มนา
โลกรู้ว่าท่านเล่าเหล่ากอไร

ข้าแต่พราน พงศ์เผ่าพวกเราหนา
มฤคาคือเนื้อเป็นเชื้อไข
มีรูปร่างอย่างมนุษย์พิสุทธิ์ใด
พวกเราไซร้แค่สัตว์ติรัจฉานา

แม่น้ำนั้น มัลละคิริน่ะ
ติกูฏะสินธูมีอยู่หนา
ปัณฑะระกะนทีเย็นดีน้า
กินนรานั่นเทียวท่องเที่ยวไป

เจ้าทั้งสองร้องร่ำจนพร่ำเพรื่อ
ทุกข์ล้นเหลือลำบากมากไฉน
เดี๋ยวกอดจูบลูบคลำจนร่ำไร
จึงร้องไห้กันหนอบ่สร่างซา

เจ้าทั้งสองร้องร่ำจนพร่ำเพรื่อ
ทุกข์ล้นเหลือลำบากมากนักหนา
เดี๋ยวกอดจูบลูบคลำพร่ำพรรณนา
บ่นเพ้อหาอะไรไฉนกัน

เจ้าทั้งสองร้องร่ำจนพร่ำเพรื่อ
ทุกข์ล้นเหลือหรือหนอบ่สุขสันต์
เดี๋ยวกอดจูบลูบคลำพร่ำรำพัน
เจ้าโศกศัลย์อะไรไหนบอกมา

ข้าแต่พราน พวกเราเฝ้าคิดถึง
ค่ำคืนหนึ่งที่เราเฝ้าโหยหา
ค่ำคืนที่แยกร่างเราร้างรา
รัตติยายืดยาวที่ร้าวราน

เจ้าทั้งสองตรึกตรองถึงของหาย
หรือใครตายล่วงลับจงขับขาน
จึงเดือดร้อนนอนทุกข์ทรมาน
หรือร้าวฉานจนต่างคนต่างไป

ท่านจงดูสินธูนี้ยามมีฝน
กระแสชลเชี่ยวกรากก็หลากไหล
เมื่อกินนรผู้สามีที่รักไซร้
ก้าวข้ามไปผู้เดียวมิเหลียวมา

ส่วนดิฉันมัวแลแต่ดอกไม้
จะเก็บไว้จึงมัวแต่ชะแง้หา
ปรูหอมหวนลำดวนมะลิลา
คัดเค้าหวาหอมนักจักเก็บไว้ 

กุนหยีขาวสกาวอยู่บ่รู้โรย
ดอกคูนโปรยเสน่ห์บ่เฉไฉ
ดอกแคฝอยคอยเฝ้าเย้ายวนใจ
ดอกย่านทรายสายใยไฉนเลย

ดอกสาละระหงโน้มลงดิน
ตลบกลิ่นยวนเย่อเอ้อระเหย
ดิฉันนั้นแอบคิดแนบชิดเชย
สามีเอ๋ยจักแนมแซมดอกไม้

พวงสาละธุระจะปูลาด
จักเป็นอาสนะ ณ ที่ไหน
พอราตรีนี้จักนอนพักใด
เก็บกองไว้ปูนอนอ้อนสามี

กฤษณาดำจันทน์แดงลงแรงบด
จักพรมรดกายาสามีศรี
แล้วนอนแนบแอบร่างหว่างราตรี
ดิฉันนี้เลินเล่อมัวเหม่อมอง

ทันใดนั้น น้ำป่าไหลบ่าเทียว
ชั่วครู่เดียวก็ล้นหลั่งฝั่งทั้งสอง
แล้วพัดพาดอกไม้ไปทั้งกอง
ที่ร้อยกรองไว้หายวิบชั่วพริบตา

พอเย็นย่ำลำน้ำยังซ้ำซัด
ยังไหลลัดมะงุมมะงาหรา
ทั้งดอกสนสาละกณิการ์
โดนพัดพาหายวับไปกับน้ำ

ครานั้นแล กายสองต้องแยกกัน
สองใจนั้นสลับระกำกะขำ
แล้วสลับสุขีกะชีช้ำ
วนเวียนซ้ำเสียใจดีใจนา

เราทั้งสองต้องยืนทนคนละฝั่ง
และทุกครั้งเห็นกันก็หรรษา
พอมืดล้อบ่เห็นเป็นโศกา
พอสายฟ้าแวบทีก็ดีใจ

เป็นค่ำคืนฝืนทนระคนคิด
วิปริตแปรผันนั่นไฉน
เป็นค่ำคืนยืดยืนฝืนหทัย
เป็นทุกข์ไซร้ยั่งยืนเพราะฝืนทน

พออรุณสว่างกระจ่างแจ้ง
น้ำก็แห้งสลายหายสับสน
ล่องตะกองกอดรัดกันบัดดล
เราสองคนคิดถึงซึ่งกันและกัน

ข้าแต่พราน คืนวานหักหาญนัก
พัดพรากรักรุมเร้าเศร้าโศกศัลย์
เราทั้งสองตรองถึงซึ่งคืนนั้น
ใจไหวหวั่นวิกลปนท่าที

เรากอดกันและกันด้วยหรรษา
พอหนึ่งคราหัวเราะเพราะสุขี
แล้วร้องไห้หากันและกันนี้
เพราะโสกีกอดกันอีกครั้นครา

ข้าแต่พราน เจ็ดร้อยถอยสามปี
ขณะที่ทำเราเฝ้าโหยหา
แต่มนุษย์สุดน้อยแค่ร้อยนา
ใครเล่าหนาจะพรากจากคนรัก

เจ้าอายุยืนหนอขอโอกาส
หากสามารถจงเอ่ยอ้าอย่าอึกอัก
เจ้ารู้ลึกรู้สึกหรือทึกทัก
หรือผู้หลักผู้ใหญ่ไหนบอกมา

ดูก่อนพราน ครุระบุไว้
อายุขัยเรานั้นพันวัสสา
ไร้โรคร้ายย่ำยีเบียนบีฑา
ตราบชีวาสุขกายสบายดี

สองเรานั้นรักหนอบ่ทันหน่าย
เดี๋ยวต้องตายจากกันบ่ทันหนี
สองเรานั้นรักมั่นกันทุกที
เพราะชีวีเรานั้นแค่พันเดียว

พระราชาอัศจรรย์ใจทันที
กินรี อมนุษย์สุดเฉลียว
พอร่างร้างห่างกันแค่วันเทียว
ก็ยังเสียวใจอยู่ไม่รู้วาย

ทรงระลึกนึกสังเวชอเนจอนาถ
มนุษย์ชาติราชาน่าเสียหาย
เที่ยวล่าสัตว์พลัดคู่อยู่เดียวดาย
น่าละอายกินนรกินรี

ทรงละเว้นเข่นฆ่าบรรดาสัตว์
แล้วนิวัต นคราพาราณสี
บำเพ็ญบุญสุนทานบารมี
ตราบชีวีมิเชือนแชแต่นั้นมา

พระพุทธะ ประสงค์จะทรงย้ำ
แสดงธรรมประกาศวาสนา
ด้วยทรงพระมหากรุณา
เทศนาให้รู้แจ้งแถลงการณ์

มหาบพิตร ทั้งสองปองประสงค์
ขอพระองค์มีรักสมัครสมาน
ดั่งกินนรกินรีที่วันวาน
ยังประสานใจรักภักดีกัน

อย่าทะเลาะเบาะแว้งกินแหนงเลย
จะเสวยทุกข์เล่าเศร้าโศกศัลย์
อย่างกินนรร้อนใจไฉนนั้น
เป็นโทษทัณฑ์ของตนร้อนรนราน

มหาบพิตร ทั้งสองปองประสงค์
ขอพระองค์มีรักสมัครสมาน
ดั่งกินนรกินรีที่วันวาน
ยังประสานใจรักภักดีกัน

อย่าวิวาทบาดหมางคลางแคลงเลย
จะเสวยทุกข์เล่าเศร้าโศกศัลย์
อย่างกินนรร้อนใจไฉนนั้น
เป็นโทษทัณฑ์ของตนร้อนรนราน

หม่อมฉันนี้มีใจใสสัทธา
ทั้งจิตตาแน่แน่วทั้งแว่วหวาน
ฟังสาระประมวลทวนเหตุการณ์
ธรรมทานพระองค์จำนงใจ

พระสุรเสียงเคียงกะการเวก
ดุจปุยเมฆสกาวพราวไสว
แจ่มกระจ่างดุจวางกลางหทัย
คลายสงสัยกลัดกลุ้มอันสุมทรวง

ข้าแต่พระสมณะพระทรงนำ
ความสุขล้ำไหลหลั่งดั่งมนต์สรวง
ข้าพระองค์พุ่มมือคือพุ่มพวง
ดุจดั่งรวงสาละไหว้พระองค์

จบภัลลาติยชาดก คำกลอน
ว่าด้วยความรักของนางกินรี

อ่านอรรถาธิบายที่นี่ >>> ภัลลาติยชาดก <<<


>>>  the sal tree <<<

ขอได้รับความขอบคุณ

เพี้ยนขอบคุณ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่