คุณมีช่วงเวลาแห่งความสุขที่แท้จริงหรือยัง เล่าให้ฟังหน่อย

ถ้าความสุข มี 3 ระดับ 

1. ความสุขที่ได้รับ
2. ความสุขที่ได้ให้
3. ความสุขที่ได้ก้าวผ่านความทุกข์ยาก

1. ความสุขที่ได้รับ คือ ได้เป็นเจ้าของ ความสุขที่ตนเองเป็นใหญ่ การทำให้ตนเองมีความสุข  เป็นความสุขพื้นฐานทั่วไป  เช่น การได้กินข้าวอิ่ม ได้นอนหลับเต็มที่ การได้ออกไปเที่ยว การได้อยู่กับคนที่เรารัก การได้เลี้ยงแมวสักตัว การได้เป็นเจ้าของกระเป๋าสักใบ การได้ใส่เสื้อใหม่ๆ การลิ้มรสชาติอาหารที่แสนอร่อย การได้ฟังเพลงเพราะๆ ความสุขที่ใช้เงินซื้อมาได้ทุกอย่าง  มันคือ ความสุขที่หาได้ง่าย และไม่ต้องดิ้นรนอะไรมากมาย เป็นความสุขในชีวิตประจำวัน  ที่เราต้องมี เพราะมันเป็นพื้นฐานความสุขทั่วไป  ถ้าขาดสิ่งเหล่านี้ ชีวิตก็จะมีทุกข์ได้เช่นกัน 

2. ความสุขที่ได้จากให้ คือ การได้ทำให้คนอื่นมีความสุข การเห็นคนอื่นยิ่งใหญ่กว่าตนเอง การก้าวข้ามความสุขของตนเองไป เพื่อให้คนอื่นมีความสุขกว่า เป็นความสุขที่เหนือกว่า การทำให้ตนเองมีความสุข เพราะการมองเห็นคนอื่นมีความสุข มันทำให้เราสุขยิ่งกว่า เช่น  ความรักที่พ่อแม่มีใหักับลูก การทำให้ลูกมีความสุข พ่อแม่ก็จะสุขใจตามไปด้วย , ความสุขที่ได้จากการเสียสละ ทำเพื่อผู้อื่น    เช่น การทำบุญต่างๆ การเป็นจิตอาสา การบริจาคทรัพย์ หรือบริจาคสิ่งของ การช่วยเหลือเด็กยากจน การสร้างโรงเรียน การปลูกป่า การอนุรักษ์ทรัพยาการ การรักษ์โลก การช่วยเหลือคนอื่นให้พ้นทุกข์   หรือ แม้แต่การเป็นซุปเปอร์ฮีโร่ ช่วยเหลือคนอื่นที่เดือดร้อน พวกนี้ล้วนเป็นความสุขขั้นกว่า ที่ทำให้ปลื้มปิติมาก ตัวเราไม่สำคัญอีกแล้ว เมื่อเทียบกับโลกใบนี้ มันน่าภูมิใจมาก  

3 ความสุขที่ได้ก้าวผ่านความยากลำบาก คือ ความสุขที่ได้พ้นทุกข์ มันเป็นความสุขแห่งน้ำตา หลายคนเมื่อได้สัมผัสความสุขเหล่านี้ มักจะร้องไห้ มากกว่ายิ้มหรือหัวเราะ เป็นความสุขที่เกินบรรยาย สุขเหลือล้น สุขจนหาคำพูดใดไม่เจอ เป็นที่สุดแห่งความสุข ที่คนเราใฝ่ฝันหา และ ทำให้ชีวิตมีค่า มีความหมาย  เป็นความสุขที่ไม่ได้เกิดขึ้นทุกวัน ไม่ได้มีบ่อยนักในชีวิต แต่เราต้องหามันให้เจอ และ บางครั้งเราก็ต้องพยายามทำให้มันเกิดขึ้นให้ได้ 

เช่น เมื่อชีวิตพบเจอวิกฤตหรือปัญหา ความวิบากในชีวิต มรสุมต่างๆที่เข้ามา ถ้าเราพาตนเองรอดจากปัญหาเหล่านั้นได้ เราจะพบความสุขที่ปลื้มปิติ

หรือ เวลาที่แม่คลอดลูก มันเป็นช่วงเวลาที่เจ็บปวดทรมานมาก ที่ผู้หญิงต้องก้าวผ่าน และเมื่อได้เห็นหน้าลูก น้ำตาแห่งความสุขนี้ก็จะไหล 

รวมถึงการแข่งขันกีฬาต่างๆ เช่นโอลิมปิก ช่วงเวลาที่ต้องซ้อมหนักมาก และการแข่งขันก็กดดันมากๆ และเมื่อได้รับชัยชนะ น้ำตาแห่งความสุขก็มักจะไหลเช่นกัน,    การวิ่งมาราธอน หรือการแข่งกีฬายากๆ ไตรกีฬา  ความโหดร้ายของการแข่งขัน การที่ต้องต่อสู้ทั้งร่างกาย จิตใจ กับตนเองและคู่แข่ง บางครั้งก็เกินบรรยายถึงความโหดร้ายที่ต้องพบเจอและกดดัน และเมื่อได้รับชัยชนะ ความสุขแห่งการก้าวข้ามความยากลำบาก น้ำตาก็จะไหล    ทำให้รายการทีวี หลายรายการ มักจะถ่ายทำ หรือถ่ายทอด การแข่งขันกีฬา รวมถึงเกมส์โชว์ที่โหดๆ แบบนี้ ที่มันต้องก้าวข้ามความยากลำบาก ให้คนดูมีส่วนรวม และ อินไปกับผู้แข่งขัน คนดูบางคนถึงแม้จะไม่ได้เจอด้วยตนเอง แต่ก็สัมผัสได้ถึงความสุขแบบนี้เช่นกัน  นาทีที่เราเห็นผู้ชนะสำเร็จ เขาร้องไห้ เราก็จะร้องไห้ไปกับเขาด้วย เป็นน้ำตาแห่งความสุข  

ในงานแต่งงาน เจ้าบ่าว-เจ้าสาว ก็มักจะมีน้ำตาแห่งความสุข ถ้าคนเราสุขไม่ถึงที่สุด น้ำตาแห่งความปลื้มปิตินี้จะไม่ไหลออกมา

คนเราจะค้นพบความหมายของชีวิต คุณค่า  ในวันที่เราร้องไห้ให้กับความสุข  คนเรายิ้มให้กับความสุข หัวเราะยามมีความสุข แต่ถ้ามันไม่ถึงที่สุดเราไม่ร้องไห้ให้กับมันหรอก ดังนั้น น้ำตาแห่งความสุข จึงเป็นความสุขที่แท้จริง

เรามานั่งคิดๆ เหมือนชีวิตเราก็ยังไปไม่ถึงความสุขที่แท้จริงเลย ดูหนังดูละครก็ร้องไห้ให้กับพระเอกนางเอกนะ เพราะอินมากไปหน่อย
แต่มันยังไม่เกิดกับตนเองไง ยังไม่เคยไปถึงที่สุดแห่งน้ำตาเลย ที่ต้องร้องไห้เพราะมีความสุขมากๆ แบบ วิ่งมาราธอนสำเร็จ แต่งงาน มีลูก ชนะอะไรสักอย่าง

ถ้าคุณมีน้ำตาแห่งความสุข ช่วงแบ่งปันเรื่องราวช่วงเวลาเหล่านั้นให้ฟังหน่อย อยากจะอินและมีความสุขตามไปด้วย แบบน้ำตาไหลเลยนะ 
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่