Xiaomi ได้เปิดตัว Xiaomi Mi 9T ในการทำตลาดหลายๆประเทศ และแน่นอนว่าเป็นญาติห่างๆกันในชื่อ Redmi K20 นั้นเองซึ่งทุกอย่างเหมือนกันและเปลี่ยนแค่ชื่ออีกทั้งยังมี K20 Pro ที่ใช้ Snapdragon 855 อีกด้วยแต่ในไทยนั้นยังไม่มีการเอาเข้ามานะครับ ซึ่งรุ่นนี้ก็ใช้งาน Snapdragon 730 ตัวใหม่ล่าสุดในรุ่น Mi 9T ที่เราจะมารีวิวนี้นั้นเอง เป็นรุ่นที่มีการออกแบบที่โดดเด่นและการใช้งานกล้องหน้าแบบ Pop up เข้ามารวมถึงกล้องหลัง 3 ตัวที่รองรับการถ่าย 48 ล้านพิกเซล และ กล้องมุมกว้างอีกด้วยครับ ส่วนหน้าจอก็มาแบบเต็มตาไร้ติ่งถือว่าอะไรหลายๆอย่างน่าสนใจเลยแหละสำหรับเจ้า Xiaomi mi9T ในครั้งนี้ เรามาดูรีวิวกันดีกว่าว่าใช้งานจริงๆนั้นจะเป็นยังไงกัน
โดยการออกแบบหลักๆนั้นจะเน้นไปที่หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.39 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (1080 x 2340) แบบเต็มไร้กรอบไร้รอยบาก มีกล้องหน้าแบบป๊อบอัพ ความละเอียด 20 ล้านพิกเซล พร้อมกับไฟแจ้งเตือนที่กล้องหน้า ส่วนดีไซน์ด้านหลังเป็นวัสดุเคลือบเงาเล่นกับแสงได้สวยงาม มีกล้องหลัง 3 ตัว จัดเรียงอยู่ตรงกลางพร้อมรองรับมุมกว้าง และ ใช้งานกล้องหลักที่ 48 ล้านพิกเซล ทางด้านประสิทธิภาพนั้นมาพร้อมกับ Snapdragon 730 RAM 6GB และความจำภายใน 128GB ด้านความจุนั้นมาด้วย แบตเตอรี่ 4,000 mAh รองรับ Quick Charge 4.0 18W ครับ ส่วนทางด้านระบบเสียงก็รองรับ Hires Audio อีกด้วย และใช้งานสแกนนิ้วใต้หน้าจอครับตัวนี้
Xiaomi Mi 9T ในประเทศไทยได้เปิดขายอย่างเป็นทางการมาพร้อมกับ สีแดง และ สีน้ำเงิน โดยใช้สเปค Snapdragon 730 RAM 6GB STORAGE 128 GB
UNBOX
ตัวกล่องนั้นมาในธีมสีดำเป็นหลักและมีรูปตัวเครื่องแบบชัดเจนครับว่าหน้าตาด้านหน้าเป็นยังไง พร้อมกับชื่อรุ่น และโลโก้ Mi อยู่มุมขวาบน ตัวกล่องนั้นขนาดกลางๆไม่ได้ใหญ่เล็กอะไรครับ ให้อุปกรณ์มาพอดีไม่มีหูฟังเป็นปกติของค่ายนี้
- ตัวเครื่อง Xiaomi Mi 9T
- ตัวเคส สีดำ พลาสติกบาง
- สายชาร์จ Type-C
- Adepter ชาร์จไฟ QC3.0
- คู่มือ ที่จิ้มซิม
ตัวเคสในรุ่นนี้นั้นเสียดายว่าไม่ใช่เคสนิ่มที่มีความหนาเท่าไร เป็นเคสพลาสติกเคลือบวัสดุแบบด้านครับให้ผิวสัมผัสดีเหมือนกันแต่มันเป็นเคสแบบแข็งและคลุมแค่ขอบข้างและด้านหลังนั้นปิดฝาหลังสวยๆไปทั้งหมด แน่นอนว่าเคสแบบนี้มันไม่สามารถปกป้องตัวเครื่องอะไรได้เท่าไรทั้งด้านหน้าและด้านหลัง และยังปิดฝาหลังสวยๆไปอีกด้วย ตัวเคสนั้นตั้องทำแบบนี้เพราะว่ากล้อง Pop up นั้นเองที่ทำให้ต้องเปิดหลายๆจุดไว้เยอะพอสมควรครับ ก็ต้องระวังกันนิดหน่อย
DESIGN
ทางด้านการออกแบบนั้นต้องบอกว่ามันยกเครื่องมาทั้งหมดเหมือนกับทาง Redmi K20 แค่เปลี่ยนชื่อครับแน่นอนว่าฝาหลังที่โดดเด่นมากๆในรุ่นนี้จะเห็นว่ามีการเล่นกับแสงได้ดีมากๆเป็นลายสะท้อนที่สวยงาม จริงๆและแต่ละมุมก็ทำให้มุมมองไม่เหมือนกันครับอันนี้ชอบมากๆ ส่วนเรื่องงานประกอบต่างๆนั้นตัวนี้ไม่เจอจุดติอะไรครับทั้งตัววัสดุ ปุ่มรวมถึงกล้อง Popup ทำได้แข็งแรงดีเลยแหละ ส่วนเรื่องไฟตรงตัวกล้องก็ทำออกมาดูดีพอสมควรครับ และความหนาและน้ำหนักก็อยู่ในระดับกลางๆรับได้ไม่ได้เบา แต่ก็ไม่ได้หนักจนเกินไปครับ รุ่นนี้ยังคงมี รู 3.5 มม.มาให้อยู่นะ
ทางด้านหน้าจอ Xiaomi Mi 9T นั้นมาพร้อมกับหน้าจอเต็มๆตาไม่มีติ่งหรือรอยบาก และทำขอบรวมๆได้ค่อนข้างบางครับ เป็นหน้าจอขนาด 6.39 นิ้ว AMOLED FULLHD+ ความละเอียด 1080 x 2340 pixels อัตราส่วน19.5:9 ครอบทับด้วย Corning Gorilla Glass 5 ไม่มีฟิล์มกันรอยแถมมาให้นะครับในรุ่นนี้
ขอบด้านล่างหน้าจอต้องบอกว่าทำออกมาได้บางพอสมควรครับแต่เมื่อเทียบกับขอบข้างๆก็ยังคงรู้สึกว่ามีความหนาของตัวขอบที่มากกว่าด้านอื่นๆอยู่เหมือนกันเป็นเรื่องปกติครับ ส่วนปุ่มควบคุมก็อยู่ในจอทั้งหมด และใช้งานเต็มจอได้
ส่วนขอบด้านบนตัวนี้เป็นกล้องแบบ Popup ครับ ทำให้ไม่มีติ่งหน้าจออะไรทั้งนั้นและทำขอบได้บางมากๆทั้งด้านบนและขอบด้านข้าง ส่วนเรื่องขอบลำโพงนั้นจะอยู่ด้านบนแทรกระหว่างขอบหน้าจอครับ และเซนเซอร์ก็แทรกอยู่เช่นกัน ส่วนเรื่องของไฟแจ้งเตือนนั้นจะไม่มีแล้ว จะมีแค่ไฟตรงกล้องซึ่งมันจะอยู่ตรงขอบเครื่องด้านบนเป็นไฟวงกลมสีฟ้า
สำหรับตัวกล้อง Popup นั้นต้องบอกว่าน่าสนใจเพราะรุ่นนี้มาพร้อมกับกล้อง 20 ล้านพิกเซล (f/2.2) ที่แตกต่างกับค่ายอื่นๆหลายค่ายเพราะมันจะมาพร้อมกับไฟแจ้งเตือนด้วยและมี Effect แสงไฟสีฟ้าเวลาเลื่อนขึ้นลงครับ ไฟแจ้งเตือนนั้นจะติดเวลาชาร์จแบตอะไรพวกนี้ครับซึ่งจะเห็นได้ชัดจากข้างบนเวลากล้องซ่อนเข้าไปแล้วตามภาพด้านบนเลยถือว่าเจ๋งดี
มากันที่ขอบเครื่องด้านบนกันนบ้างครับจุดนี้น่าสนใจเพราะจะเห็นว่ามีส่วนของกล้อง Popup และ จะเห็นว่ามุวงกลมเล็กๆตรงกล้องด้วยอันนั้นแหละคือไฟแจ้งเตือนครับ ส่วนตัวรูหูฟัง 3.5มม. นั้นยังมีมาให้รวมถึงมีรูไมค์มาให้ด้วยครับ
ในด้านขอบล่างนั้นจะเป็นลำโพงหลักของตัวเครื่อง และ รูไมค์อีกตัว รวมถึง ช่อง Type-C และ ถาดซิม Dual Slot นั้นเองครับ จะเห็นว่าฝาหลังนั้นจะมีความโค้งข้างๆเข้ามานิดหน่อยทำให่จับถนัดมือและถือได้ค่อนข้างกระชับครับ
ทางด้านขอบด้านซ้ายของตัวเครื่องนั้นต้องบอกว่าด้านนี้ไม่มีปุ่มอะไรเลยครับเรียบๆและจะเห็นว่าฝาหลังเครื่องนั้นจะโค้งเข้ามาด้านข้างอีกนิดหน่อยและขอบเครื่องนั้นจะค่อนข้างเงาเป็นวัสดุอลูมิเนียมแข็งแรงสัมผัสดีอยู่เหมือนกัน
มาที่ด้านขวากันบ้างสำหรับด้านนี้จะเป็นปุ่มทั้งหมด คือปุ่ม เพิ่ม-ลดเสียง และ ปุ่ม Power ที่มีการเล่นสีแดงถือว่าแปลกตาและตัดกับสีน้ำเงินอย่างมากครับจริงๆก็ชอบเหมือนกันครับคู่สีที่เข้ากันได้เลยแหละ ตัวปุ่มแน่นหนาดีครับ ตำแหน่งการกดการวางมือเวลาถืออยู่ในตำแหน่งที่ดีไม่ต้องเอื้อมลำบากอะไรครับ
ส่วนทางด้านฝาหลังนั้นเป็นวัสดุกระจกและมีการเล่นกับเลเยอร์ของสีที่ค่อนข้างสวยและแปลกตากว่ารุ่นอื่นๆคือจะเป็นเหมือนคลื่นๆตรงขอบเครื่องจะเห็นได้ชัดตอนเจอแสงอาทิตย์ครับ และถ้าไม่มีแสงก็จะเป็นไล่สี Gradient ปกติเลย การวางตำแหน่งกล้องนั้นเป็นกล้องหลัง 3 ตัวที่รองรับ มุมกว้าง มุมปกติ และระยะเทเล และกล้องบนสุดนั้นจะเล่นกับวงแหวนที่เป็นแบบเดียวกับ M่i9 เลยครับแต่ละมุมก็จะสะท้อนสีออกมาคนละแบบกัน
กล้องหลังนั้นจะเป็นตัวหลัก 48 ล้านพิกเซลแต่ไม่ใช่เซนเซอร์ตัวเดียวกับ Mi9 นะครับ สำหรับกล้องรุ่นนี้จะมาพร้อมกับ กล้อง 3 ตัว กล้องหลัก ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล (IMX582 f/1.75) + กล้องระยะเทเล 8 ล้านพิกเซล (Telephoto 2X f/2.4)+ กล้องมุมกว้าง 13 ล้านพิกเซล (ระยะมุมกว้าง124.8° f/2.4) จะแตกต่างกับรุ่น Pro คือกล้องตัวหลักนั้นเอง ส่วนรูรับแสงอะไรนั้นจะเท่ากันทั้งหมดครับกับรุ่นพี่
SPEC
- ระบบ Android 9.0 ครอบด้วย MIUI 10
- หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.39 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (1080 x 2340) Gorilla Glass 5
- CPU Snapdragon 730 + Adreno 618 + Game Turbo 2.0
- RAM 6GB
- ความจุ 128GB
- กล้องหลัง ตัวหลัก ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล (IMX582, f/1.75) กล้องมุมกว้าง 13 ล้านพิกเซล (f/2.4) เก็บภาพมุมกว้างสุด 124.8 องศา กล้องระยะเทเล 8 ล้านพิกเซล (f/2.4)
- กล้องหน้าป๊อปอัพ 20 ล้านพิกเซล (f/2.2)
- ระบบเสียง ใช้งาน ลำโพง 1217SLS แบบเดียวกับ Mi9 + รูหูฟัง 3.5 มม. รองรับ Hi-res Audio + AMP
- การเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, dual-band BT 5.0 USB-C FullNet COM 5.0
- เซนเซอร์ สแกนนิ้วบนหน้าจอ
- แบตเตอรี่ขนาด 4,000 mAh รองรับชาร์จไว 18W Fast Charging
- มาพร้อมสี น้ำเงิน แดง
PERFORMANCE
ทางด้านประสิทธิภาพนั้นต้องบอกว่าน่าสนใจเพราะตัวนี้นั้นใช้งาน Snapdragon 730 พร้อมกับ RAM 6GB ทำงานได้ค่อนข้างดีเลยแหละ สถาปัตยกรรมการผลิตที่ 8 นาโนเมตร และหน่วยความจำนั้นเป็นแบบ UFS 2.0 และได้คะแนน Antutu ไปที่ 212992 คะแนนครับถือว่าแรงเอาเรื่องในระดับ 700 Series ตัวใหม่ ส่วนเรื่อง GeekBench ทำไปได้ 2522-6626 คะแนนในการทำสอบ ทั้งแบบ 1 แกน และ หลายแกนครับ ส่วนเรื่องความปลอดภัยนั้นเป็น DRM L1 สบายๆครับตัวนี้
SYSTEM UI
หน้าตาระบบใช้ MIUI 10 ที่คุ้นเคยกันดีพร้อมกับ Android 9.0 ตัวล่าสุดไม่นับตัว Q ที่อยู่ในเบต้านะครับ หน้าตานั้นคุ้นเคยกันอย่างดี หน้าตาแอพยังคงมาในแนวแบนๆ เรียบๆครับ แอพติดเครื่องเยอะตามแบบของ Xiaomi และ มีโฆษณาแฝงตามแอพมาให้เหมือนเดิม ต้องไปไล่ปิด ข้อเสนอแนะเอาแต่ละแอพครับ ส่วนเรื่องของการแจ้งเตือนทำได้ดี มีเลขมุมแอพมาให่และรองรับภาษาไทยปกติครับสำหรับเครื่องศูนย์ของ Xiaomi ถือว่าแจ้งเตือนดีอยู่
หน้าตาตัวการตั้งค่าอะไรก็ สามารถปรับแสงหน้าจออะไรได้ ตั้งค่าแบบด่วนต่างๆ รวมถึงถ้าลากลงมาสามารถปัดหน้าไปซ้ายขวา ได้ และ แบ่งหน้าจอ เคลียร์แอพอะไรได้ปกติครับผม ใช้งาน 2 หน้าจอพร้อมกันได้เลยเลือกแอพเอาเลย
หน่วยความจำ 128GB พื้นที่ระบบกินไป 8-9GB เหลือใช้งานจริงประมาณ 120 GB ครับ ส่วน RAM 6 GB ตัวนี้ใช่งานไป 3.6 ครับ เหลือใช้งานได้ 2.4 GB เหลือๆสบายๆ ส่วนแป้นพิมพ์ของเดิม Google มาใช้งานกันละกัน พิมพ์ไทยได้สบายครับ เป็นคีย์บอร์ดที่บอกในทุกรีวิวว่าค่ายไหนติดมาให้แบบนี้จะชอบมากๆเลยแหละ
หน้าจอสามารถใช้งาน ปรับแสง เปลี่ยนโหมดเป็นธีมสีดำได้ และ แตะหน้าจอเพื่อเปิดหน้าจอได้ ยกขึ้นเพื่อจอติดได้ และ ใช้งานเต็มหน้าจอ สลับปุ่มควบคุมได้ ใช้งานแบบปัดไปมาเต็มหน้าจอได้ หน้าขวาสุดเป็นหน้าตาของ Ambient Display หรือ Always on สามารถปรับได้ตามภาพเลยครับเลือกได้ทั้งหมด 16 แบบ แต่ไม่สามารถปรับเปลี่ยน ตกแต่งสีอะไรได้นะครับ ใช้แบบที่มันมีมาให้เลย
[SR] รีวิว Xiaomi Mi 9T Snapdrogon 730 กล้องหลัง 48MP พร้อมกล้องหน้า Popup !
Xiaomi ได้เปิดตัว Xiaomi Mi 9T ในการทำตลาดหลายๆประเทศ และแน่นอนว่าเป็นญาติห่างๆกันในชื่อ Redmi K20 นั้นเองซึ่งทุกอย่างเหมือนกันและเปลี่ยนแค่ชื่ออีกทั้งยังมี K20 Pro ที่ใช้ Snapdragon 855 อีกด้วยแต่ในไทยนั้นยังไม่มีการเอาเข้ามานะครับ ซึ่งรุ่นนี้ก็ใช้งาน Snapdragon 730 ตัวใหม่ล่าสุดในรุ่น Mi 9T ที่เราจะมารีวิวนี้นั้นเอง เป็นรุ่นที่มีการออกแบบที่โดดเด่นและการใช้งานกล้องหน้าแบบ Pop up เข้ามารวมถึงกล้องหลัง 3 ตัวที่รองรับการถ่าย 48 ล้านพิกเซล และ กล้องมุมกว้างอีกด้วยครับ ส่วนหน้าจอก็มาแบบเต็มตาไร้ติ่งถือว่าอะไรหลายๆอย่างน่าสนใจเลยแหละสำหรับเจ้า Xiaomi mi9T ในครั้งนี้ เรามาดูรีวิวกันดีกว่าว่าใช้งานจริงๆนั้นจะเป็นยังไงกัน
โดยการออกแบบหลักๆนั้นจะเน้นไปที่หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.39 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (1080 x 2340) แบบเต็มไร้กรอบไร้รอยบาก มีกล้องหน้าแบบป๊อบอัพ ความละเอียด 20 ล้านพิกเซล พร้อมกับไฟแจ้งเตือนที่กล้องหน้า ส่วนดีไซน์ด้านหลังเป็นวัสดุเคลือบเงาเล่นกับแสงได้สวยงาม มีกล้องหลัง 3 ตัว จัดเรียงอยู่ตรงกลางพร้อมรองรับมุมกว้าง และ ใช้งานกล้องหลักที่ 48 ล้านพิกเซล ทางด้านประสิทธิภาพนั้นมาพร้อมกับ Snapdragon 730 RAM 6GB และความจำภายใน 128GB ด้านความจุนั้นมาด้วย แบตเตอรี่ 4,000 mAh รองรับ Quick Charge 4.0 18W ครับ ส่วนทางด้านระบบเสียงก็รองรับ Hires Audio อีกด้วย และใช้งานสแกนนิ้วใต้หน้าจอครับตัวนี้
Xiaomi Mi 9T ในประเทศไทยได้เปิดขายอย่างเป็นทางการมาพร้อมกับ สีแดง และ สีน้ำเงิน โดยใช้สเปค Snapdragon 730 RAM 6GB STORAGE 128 GB
UNBOX
ตัวกล่องนั้นมาในธีมสีดำเป็นหลักและมีรูปตัวเครื่องแบบชัดเจนครับว่าหน้าตาด้านหน้าเป็นยังไง พร้อมกับชื่อรุ่น และโลโก้ Mi อยู่มุมขวาบน ตัวกล่องนั้นขนาดกลางๆไม่ได้ใหญ่เล็กอะไรครับ ให้อุปกรณ์มาพอดีไม่มีหูฟังเป็นปกติของค่ายนี้
- ตัวเครื่อง Xiaomi Mi 9T
- ตัวเคส สีดำ พลาสติกบาง
- สายชาร์จ Type-C
- Adepter ชาร์จไฟ QC3.0
- คู่มือ ที่จิ้มซิม
ตัวเคสในรุ่นนี้นั้นเสียดายว่าไม่ใช่เคสนิ่มที่มีความหนาเท่าไร เป็นเคสพลาสติกเคลือบวัสดุแบบด้านครับให้ผิวสัมผัสดีเหมือนกันแต่มันเป็นเคสแบบแข็งและคลุมแค่ขอบข้างและด้านหลังนั้นปิดฝาหลังสวยๆไปทั้งหมด แน่นอนว่าเคสแบบนี้มันไม่สามารถปกป้องตัวเครื่องอะไรได้เท่าไรทั้งด้านหน้าและด้านหลัง และยังปิดฝาหลังสวยๆไปอีกด้วย ตัวเคสนั้นตั้องทำแบบนี้เพราะว่ากล้อง Pop up นั้นเองที่ทำให้ต้องเปิดหลายๆจุดไว้เยอะพอสมควรครับ ก็ต้องระวังกันนิดหน่อย
DESIGN
ทางด้านการออกแบบนั้นต้องบอกว่ามันยกเครื่องมาทั้งหมดเหมือนกับทาง Redmi K20 แค่เปลี่ยนชื่อครับแน่นอนว่าฝาหลังที่โดดเด่นมากๆในรุ่นนี้จะเห็นว่ามีการเล่นกับแสงได้ดีมากๆเป็นลายสะท้อนที่สวยงาม จริงๆและแต่ละมุมก็ทำให้มุมมองไม่เหมือนกันครับอันนี้ชอบมากๆ ส่วนเรื่องงานประกอบต่างๆนั้นตัวนี้ไม่เจอจุดติอะไรครับทั้งตัววัสดุ ปุ่มรวมถึงกล้อง Popup ทำได้แข็งแรงดีเลยแหละ ส่วนเรื่องไฟตรงตัวกล้องก็ทำออกมาดูดีพอสมควรครับ และความหนาและน้ำหนักก็อยู่ในระดับกลางๆรับได้ไม่ได้เบา แต่ก็ไม่ได้หนักจนเกินไปครับ รุ่นนี้ยังคงมี รู 3.5 มม.มาให้อยู่นะ
ทางด้านหน้าจอ Xiaomi Mi 9T นั้นมาพร้อมกับหน้าจอเต็มๆตาไม่มีติ่งหรือรอยบาก และทำขอบรวมๆได้ค่อนข้างบางครับ เป็นหน้าจอขนาด 6.39 นิ้ว AMOLED FULLHD+ ความละเอียด 1080 x 2340 pixels อัตราส่วน19.5:9 ครอบทับด้วย Corning Gorilla Glass 5 ไม่มีฟิล์มกันรอยแถมมาให้นะครับในรุ่นนี้
ขอบด้านล่างหน้าจอต้องบอกว่าทำออกมาได้บางพอสมควรครับแต่เมื่อเทียบกับขอบข้างๆก็ยังคงรู้สึกว่ามีความหนาของตัวขอบที่มากกว่าด้านอื่นๆอยู่เหมือนกันเป็นเรื่องปกติครับ ส่วนปุ่มควบคุมก็อยู่ในจอทั้งหมด และใช้งานเต็มจอได้
ส่วนขอบด้านบนตัวนี้เป็นกล้องแบบ Popup ครับ ทำให้ไม่มีติ่งหน้าจออะไรทั้งนั้นและทำขอบได้บางมากๆทั้งด้านบนและขอบด้านข้าง ส่วนเรื่องขอบลำโพงนั้นจะอยู่ด้านบนแทรกระหว่างขอบหน้าจอครับ และเซนเซอร์ก็แทรกอยู่เช่นกัน ส่วนเรื่องของไฟแจ้งเตือนนั้นจะไม่มีแล้ว จะมีแค่ไฟตรงกล้องซึ่งมันจะอยู่ตรงขอบเครื่องด้านบนเป็นไฟวงกลมสีฟ้า
สำหรับตัวกล้อง Popup นั้นต้องบอกว่าน่าสนใจเพราะรุ่นนี้มาพร้อมกับกล้อง 20 ล้านพิกเซล (f/2.2) ที่แตกต่างกับค่ายอื่นๆหลายค่ายเพราะมันจะมาพร้อมกับไฟแจ้งเตือนด้วยและมี Effect แสงไฟสีฟ้าเวลาเลื่อนขึ้นลงครับ ไฟแจ้งเตือนนั้นจะติดเวลาชาร์จแบตอะไรพวกนี้ครับซึ่งจะเห็นได้ชัดจากข้างบนเวลากล้องซ่อนเข้าไปแล้วตามภาพด้านบนเลยถือว่าเจ๋งดี
มากันที่ขอบเครื่องด้านบนกันนบ้างครับจุดนี้น่าสนใจเพราะจะเห็นว่ามีส่วนของกล้อง Popup และ จะเห็นว่ามุวงกลมเล็กๆตรงกล้องด้วยอันนั้นแหละคือไฟแจ้งเตือนครับ ส่วนตัวรูหูฟัง 3.5มม. นั้นยังมีมาให้รวมถึงมีรูไมค์มาให้ด้วยครับ
ในด้านขอบล่างนั้นจะเป็นลำโพงหลักของตัวเครื่อง และ รูไมค์อีกตัว รวมถึง ช่อง Type-C และ ถาดซิม Dual Slot นั้นเองครับ จะเห็นว่าฝาหลังนั้นจะมีความโค้งข้างๆเข้ามานิดหน่อยทำให่จับถนัดมือและถือได้ค่อนข้างกระชับครับ
ทางด้านขอบด้านซ้ายของตัวเครื่องนั้นต้องบอกว่าด้านนี้ไม่มีปุ่มอะไรเลยครับเรียบๆและจะเห็นว่าฝาหลังเครื่องนั้นจะโค้งเข้ามาด้านข้างอีกนิดหน่อยและขอบเครื่องนั้นจะค่อนข้างเงาเป็นวัสดุอลูมิเนียมแข็งแรงสัมผัสดีอยู่เหมือนกัน
มาที่ด้านขวากันบ้างสำหรับด้านนี้จะเป็นปุ่มทั้งหมด คือปุ่ม เพิ่ม-ลดเสียง และ ปุ่ม Power ที่มีการเล่นสีแดงถือว่าแปลกตาและตัดกับสีน้ำเงินอย่างมากครับจริงๆก็ชอบเหมือนกันครับคู่สีที่เข้ากันได้เลยแหละ ตัวปุ่มแน่นหนาดีครับ ตำแหน่งการกดการวางมือเวลาถืออยู่ในตำแหน่งที่ดีไม่ต้องเอื้อมลำบากอะไรครับ
ส่วนทางด้านฝาหลังนั้นเป็นวัสดุกระจกและมีการเล่นกับเลเยอร์ของสีที่ค่อนข้างสวยและแปลกตากว่ารุ่นอื่นๆคือจะเป็นเหมือนคลื่นๆตรงขอบเครื่องจะเห็นได้ชัดตอนเจอแสงอาทิตย์ครับ และถ้าไม่มีแสงก็จะเป็นไล่สี Gradient ปกติเลย การวางตำแหน่งกล้องนั้นเป็นกล้องหลัง 3 ตัวที่รองรับ มุมกว้าง มุมปกติ และระยะเทเล และกล้องบนสุดนั้นจะเล่นกับวงแหวนที่เป็นแบบเดียวกับ M่i9 เลยครับแต่ละมุมก็จะสะท้อนสีออกมาคนละแบบกัน
กล้องหลังนั้นจะเป็นตัวหลัก 48 ล้านพิกเซลแต่ไม่ใช่เซนเซอร์ตัวเดียวกับ Mi9 นะครับ สำหรับกล้องรุ่นนี้จะมาพร้อมกับ กล้อง 3 ตัว กล้องหลัก ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล (IMX582 f/1.75) + กล้องระยะเทเล 8 ล้านพิกเซล (Telephoto 2X f/2.4)+ กล้องมุมกว้าง 13 ล้านพิกเซล (ระยะมุมกว้าง124.8° f/2.4) จะแตกต่างกับรุ่น Pro คือกล้องตัวหลักนั้นเอง ส่วนรูรับแสงอะไรนั้นจะเท่ากันทั้งหมดครับกับรุ่นพี่
SPEC
- ระบบ Android 9.0 ครอบด้วย MIUI 10
- หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.39 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (1080 x 2340) Gorilla Glass 5
- CPU Snapdragon 730 + Adreno 618 + Game Turbo 2.0
- RAM 6GB
- ความจุ 128GB
- กล้องหลัง ตัวหลัก ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล (IMX582, f/1.75) กล้องมุมกว้าง 13 ล้านพิกเซล (f/2.4) เก็บภาพมุมกว้างสุด 124.8 องศา กล้องระยะเทเล 8 ล้านพิกเซล (f/2.4)
- กล้องหน้าป๊อปอัพ 20 ล้านพิกเซล (f/2.2)
- ระบบเสียง ใช้งาน ลำโพง 1217SLS แบบเดียวกับ Mi9 + รูหูฟัง 3.5 มม. รองรับ Hi-res Audio + AMP
- การเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, dual-band BT 5.0 USB-C FullNet COM 5.0
- เซนเซอร์ สแกนนิ้วบนหน้าจอ
- แบตเตอรี่ขนาด 4,000 mAh รองรับชาร์จไว 18W Fast Charging
- มาพร้อมสี น้ำเงิน แดง
PERFORMANCE
ทางด้านประสิทธิภาพนั้นต้องบอกว่าน่าสนใจเพราะตัวนี้นั้นใช้งาน Snapdragon 730 พร้อมกับ RAM 6GB ทำงานได้ค่อนข้างดีเลยแหละ สถาปัตยกรรมการผลิตที่ 8 นาโนเมตร และหน่วยความจำนั้นเป็นแบบ UFS 2.0 และได้คะแนน Antutu ไปที่ 212992 คะแนนครับถือว่าแรงเอาเรื่องในระดับ 700 Series ตัวใหม่ ส่วนเรื่อง GeekBench ทำไปได้ 2522-6626 คะแนนในการทำสอบ ทั้งแบบ 1 แกน และ หลายแกนครับ ส่วนเรื่องความปลอดภัยนั้นเป็น DRM L1 สบายๆครับตัวนี้
SYSTEM UI
หน้าตาระบบใช้ MIUI 10 ที่คุ้นเคยกันดีพร้อมกับ Android 9.0 ตัวล่าสุดไม่นับตัว Q ที่อยู่ในเบต้านะครับ หน้าตานั้นคุ้นเคยกันอย่างดี หน้าตาแอพยังคงมาในแนวแบนๆ เรียบๆครับ แอพติดเครื่องเยอะตามแบบของ Xiaomi และ มีโฆษณาแฝงตามแอพมาให้เหมือนเดิม ต้องไปไล่ปิด ข้อเสนอแนะเอาแต่ละแอพครับ ส่วนเรื่องของการแจ้งเตือนทำได้ดี มีเลขมุมแอพมาให่และรองรับภาษาไทยปกติครับสำหรับเครื่องศูนย์ของ Xiaomi ถือว่าแจ้งเตือนดีอยู่
หน้าตาตัวการตั้งค่าอะไรก็ สามารถปรับแสงหน้าจออะไรได้ ตั้งค่าแบบด่วนต่างๆ รวมถึงถ้าลากลงมาสามารถปัดหน้าไปซ้ายขวา ได้ และ แบ่งหน้าจอ เคลียร์แอพอะไรได้ปกติครับผม ใช้งาน 2 หน้าจอพร้อมกันได้เลยเลือกแอพเอาเลย
หน่วยความจำ 128GB พื้นที่ระบบกินไป 8-9GB เหลือใช้งานจริงประมาณ 120 GB ครับ ส่วน RAM 6 GB ตัวนี้ใช่งานไป 3.6 ครับ เหลือใช้งานได้ 2.4 GB เหลือๆสบายๆ ส่วนแป้นพิมพ์ของเดิม Google มาใช้งานกันละกัน พิมพ์ไทยได้สบายครับ เป็นคีย์บอร์ดที่บอกในทุกรีวิวว่าค่ายไหนติดมาให้แบบนี้จะชอบมากๆเลยแหละ
หน้าจอสามารถใช้งาน ปรับแสง เปลี่ยนโหมดเป็นธีมสีดำได้ และ แตะหน้าจอเพื่อเปิดหน้าจอได้ ยกขึ้นเพื่อจอติดได้ และ ใช้งานเต็มหน้าจอ สลับปุ่มควบคุมได้ ใช้งานแบบปัดไปมาเต็มหน้าจอได้ หน้าขวาสุดเป็นหน้าตาของ Ambient Display หรือ Always on สามารถปรับได้ตามภาพเลยครับเลือกได้ทั้งหมด 16 แบบ แต่ไม่สามารถปรับเปลี่ยน ตกแต่งสีอะไรได้นะครับ ใช้แบบที่มันมีมาให้เลย
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้