[SR] รีวิว Xiaomi Mi 9T หรือ Redmi K20 เปลี่ยนชื่อ? จอเต็ม ไร้ติ่ง กล้องป๊อปอัพ?


สวัสดีครับ เจอกับผม เต้ อีกแล้วนะครับ วันนี้ก็จะมารีวิว Xiaomi Mi 9T ให้ได้อ่านได้ชมกันนะครับ Mi 9T เปิดตัวไปเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2562 ที่ผ่านมา และผมก็ได้เครื่องมารีวิววันนั้นเลย วันที่ผมเริ่มเขียนรีวิวคือวันที่ 14 กรกฎาคม 2562 ผมก็ได้ใช้ Mi 9T เป็นเครื่องหลักตั้งแต่คืนวันที่ 9 เลยครับ

สำหรับ Xiaomi Mi 9T นั้น ถ้าผมเดาไม่ผิด ก็จะมีแค่ประเทศไทย หรือแค่บางประเทศเท่านั้นที่ใช้ชื่อ Xiaomi Mi 9T ซึ่งจริงๆแล้ว มันคือ Redmi K20 ที่จับมาเปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนสัญชาติ ซึ่งถ้าให้ผมมอง ผมมองว่า แบรนด์ Redmi ในประเทศไทย อาจจะยังไม่ติดหูเท่าไหร่ เลยยอมเปลี่ยนเป็น Xiaomi ที่รู้สึกคุ้นหูมากกว่า Redmi ก็อาจจะเป็นได้ครับ


Mi 9T นั้น หลายๆคนอาจจะมองว่า ออกมาแบบนี้ ราคาแบบนี้ แล้ว Mi 9 SE หละ? สำหรับผม ผมอยากให้มองข้าม Mi 9 SE ไปก่อน เพราะผมเชื่อว่า หลายๆคน รอ Mi 9T กันมานานจนบางคนต้องไปจัดเครื่องหิ้วกันมาก่อนเลย 555+ แล้ว Mi 9T ออกมาในราคาที่เท่ากับ Mi 9 SE แถมสเปกดีกว่าอีก... แต่ถ้าสำหรับใครหลายๆคนที่อยากได้มือถือจอเล็กๆอย่าง Mi 9SE ก็ไม่ว่ากันนะครับ แต่ Mi 9T ก็ถือว่าเป็นมือถือที่สเปกค่อนข้างจะดีเลยก็ว่าได้ ในราคาเริ่มต้นที่ 11,990 – 12,990 บาท สำหรับใครที่รอ Redmi K20 Pro ตอนนี้ผมก็ไม่ทราบว่าในประเทศไทยจะนำเข้ามาขายในชื่อ Mi 9T Pro หรือไม่ เพราะถ้ามาจริงๆก็จะชนกับ Mi 9 อีก แต่ถ้าคิดอีกแง่นึง Mi 9 ก็ออกมาพักใหญ่แล้ว และไม่ค่อยได้รับความสนใจมากเท่าที่ควร จากที่ผมสังเกตมา และใช้เองด้วย(เครื่องหลักก่อนจะย้ายมาใช้เครื่องรีวิว เป็น Mi 9) แต่ก็อาจจะมีลุ้นว่า Redmi K20 Pro หรือ Mi 9T Pro อาจจะเข้ามาทำตลาดก็เป็นไปได้ครับ...ระหว่างรอประเทศไทยรองรับ 5G แบบเต็มรูปแบบ

เกริ่นกันมาพอสมควรแล้ว เชิญอ่านกันได้เลยนะครับ ส่วนใครที่อยากดูเป็นวีดีโอก็ตามลิ้งค์ด้านล่างนี้ได้เลยนะครับ ถ้ารีวิวนี้มีอะไรผิดพลาดก็ขออภัยด้วยนะครับ จะได้แก้ไขกันไปครับ ^^; และอีกเช่นเคย รีวิวที่ผมเขียน ผมก็หวังว่าทุกคนคงจะอ่านจบกันนะครับ เพราะผมรู้สึกว่ามันเยอะเกินไป 555+

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

กล่อง Mi 9 T ครั้งนี้ มาแปลกกว่าทุกรุ่นที่ผ่านมา เพราะปกติแล้ว จะไม่มีการสกรีนรูปมือถือรุ่นนั้นๆลงบนกล่องมาก่อนเลย ปกติจะมีเพียงตัวเลข หรือชื่อรุ่นบนหน้ากล่องเท่านั้น แต่มันก็ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีครับ...ถ้าไม่ใส่รูปมา มันคงทำให้ผมนึกถึงกล่อง Mi 8 เลยครับ 555+


หลายๆรุ่น เราจะเห็นสติ๊กเกอร์คำว่า Global Version สีแดงมาให้ แต่รอบนี้ไม่มีอะไรบอกเลย...ก็อย่างที่ผมบอกไปตอนแรกครับว่า ชื่อ Mi 9T เป็นชื่อที่อาจจะใช้แค่ประเทศไทย หรือแค่บางประเทศเท่านั้น เพราะที่จีน จะใช้เป็น Redmi K20 จึงทำให้กล่องไม่มีคำว่า Global Version แปะอยู่นั้นเองครับ


และสิ่งที่ต่างจากปกติก็คือ ปกติสติกเกอร์ที่ไว้บอกสเปกคร่าวๆหรือหมายเลขตัวเครื่องต่างๆเดิมจะติดอยู่ที่หลังกล่อง แต่ครั้งนี้กลับติดไว้ด้านล่าง เครื่องที่ผมได้มารีวิวครั้งนี้ เป็นสี Glacier Blue รุ่น Ram 6GB ความจุ 128GB

สเปกตัวเครี่อง

ขนาดตัวเครื่อง 156.7 x 74.3 x 8.8 มิลลิเมตร

หน้าจอแสดงผลขนาด 6.39 นิ้ว AMOLED ความคมชัด Full HD+ อัตราส่วนหน้าจอ 19.5:9

รองรับเทคโนโลยี DC dimming ที่สามารถลดความร้อนของหน้าจอ OLED รวมทั้งช่วยถนอมสายตาให้กับผู้ใช้งาน

ระบบปฏิบัติการ MIUI 10 บน Android 9 Pie

CPU: Snapdragon 730

GPU: Adreno 618

RAM : 6GB

ความจุตัวเครื่อง 64 / 128GB ใช้หน่วยความจำแบบ UFS 2.1

กล้องหลัง 3 เลนส์ 13 + 48 + 8 ล้านพิกเซล

กล้อง Ultra Wide ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล รูรับแสง F/2.4 มุมกว้าง 123 องศา

กล้องหลัก 48 ล้านพิกเซล F/1.75 Sony IMX582

กล้อง Telephoto 8 ล้านพิกเซล F/2.4

กล้องหน้า 20 ล้านพิกเซล F/2.2

แบตเตอรี่ 4000mAh

มีช่องเสียบรูหูฟังขนาด 3.5 mm มาพร้อมกับชิพเสียง Qualcomm Aqstic WCD9340

สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ

มีสีให้เลือก 3 สี สำดำ Carbon Black สีแดง Flame Red สีฟ้า Glacier Blue

ราคา 6/64GB 11,990 บาท และ 6/128GB 12,990 บาท


ในกล่อง Mi 9T

อุปกรณ์ในกล่องก็จะมีตัวเครื่อง เคสแข็งแบบบาง แบบเดียวกับที่ให้มาใน Mi Mix 3 และก็จะมีคู่มือ และการรับประกัน เข็มจิ้มถาดซิม หัวชาร์จ Quick Charge 3.0 18W และสายชาร์จ ตัวนี้ไม่แถมตัวแปลง Type C เป็น 3.5 เพราะเครื่องนี้มีช่อง 3.5 มาให้ครับ ^^


และผมก็แอบเสียดายความสวยของฝาหลังครับ เค้าน่าจะแถมเป็นเคสแข็งแบบใสหรือเคส TPU แบบใสก็ได้ครับ เพื่อให้เห็นฝาหลังสวยๆแบบนี้ เพราะที่ผมเห็นมา สวยทุกสีเลยครับ ไม่ว่าจะเป็นสีแดง หรือสีดำ

ภายนอก


ความรู้สึกแรกที่ผมคิดกับเจ้า Mi 9T ก่อนที่ผมจะได้จับ ผมก็คิดว่า มาในราคาขนาดนี้ บอดี้ต้องเป็นพลาสติกแน่ๆเลย...แต่ผิดคาดครับ เป็นบอดี้โลหะและน้ำหนักตัวเครื่องทำได้ดีมากครับ ไม่หนักไม่เบาจนเกินไป และฝาหลังมีความโค้งรับมือคล้ายกับ Mi 9


และนี่ก็เป็นอีกจุดนึงที่ผมบอกเลยว่า...มันสวยมากครับ เมื่อฝาหลังกระทบกับแสงแล้วลายจะออกมาเป็นแบบนี้เลยครับทั้งสีแดงและสีฟ้า แต่สีดำ จะเป็นลายคาบอนครับ ซึ่งสวยไปอีกแบบ และตัวเครื่อง “ไม่กันน้ำ” แต่ได้มีการเคลือบสารเคมี P2i ที่สามารถกันละอองน้ำได้ครับ


การจับถือนั้น มีความคล้ายหรือเหมือน Mi 9 ค่อนข้างมากครับ คือจับแล้วดูพอดีมือ เหมาะกับคนมือใหญ่ๆแบบผม เพราะฝาหลังมีการโค้งเพื่อรับกับฝ่ามือ


สิ่งที่ผมชอบคือการวางตำแหน่งกล้องไว้ตรงกลาง และที่สำคัญคือกล้องไม่นูนออกมามาก ซึ่งเวลาหาเคสมาใส่จะได้ไม่กังวลว่ากล้องจะนูนกว่าเคสมั้ย


ต่อมา ด้านหน้าตรงกลางก็จะเป็นช่องลำโพงสนทนาที่มีขนาดไม่ยาวมากเหมือน Mi 9 แต่ให้เสียงได้ไม่ดังมากเหมือน Mi 9 และตัวนี้ได้มีการเอาเซ็นเซอร์มาไว้ที่ข้างๆลำโพงสนทนาแล้วครับ จาก Mi 9 ที่ฝันเซ็นเซอร์แสงไว้ใต้หน้าจอ ทำให้การวัดแสงนั้นยังไม่ค่อยดีเท่าไหร่ Mi 9T สามารถเอาเซ็นเซอร์มาวางไว้ด้านบนได้พร้อมกับเซ็นเซอร์ปิดหน้าจอขณะสนทนา ทำให้เวลาคุยโทรศัพท์หน้าจอจะไม่ติดขึ้นมาเอง(เป็นบางครั้ง)เหมือน Mi 9


ด้านซ้ายของตัวเครื่อง Mi 9T ไม่มีอะไรมาเลยครับ ปกติที่เราคุ้นเคยจะมีช่องใส่ซิมอยู่ฝั่งนี้ สรุปคือมีแต่เส้นเสารับสัญญาณให้เห็นแค่ขีดเดียว


ด้านขวาของตัวเครื่องก็จะมีปุ่มเปิดปิดเครื่องเป็นสีแดงมาให้ แต่ผมไม่แน่ใจว่าเครื่องสีแดง ปุ่มจะเป็นสีอะไร และปุ่มเพิ่มเสียงลดเสียง


ด้านล่างก็จะมีช่องใส่ซิม ช่อง USB Type C ไมโครโฟนตัวหลัก และลำโพง


สำหรับซิมการ์ดก็ใส่ได้ 2 ช่อง และไม่ใช่ Hybrid Slot จึงไม่สามารถใส่เมโมรี่การ์ดเพิ่มได้ เลือกขนาดความจุตัวเครื่องให้เหมาะกับตัวเองด้วยนะครับ ^^;


ด้านบนก็จะมีรูไมโครโฟนตัดเสียงรบกวนขณะสนทนา และช่องหูฟัง และกล้องหน้าที่ถูกซ่อนอยู่ และเราจะเห็นวงกลมเล็กๆตรงกล้อง นั่นคือเป็นช่องสำหรับไฟแจ้งเตือนสถานะต่างๆ ซึ่งจะเป็นสีฟ้าครับ


ด้านหลังก็จะเป็นกล้อง 3 ตัว ซึ่งการวางรูปแบบกล้องจะเหมือนกับ Mi 9 แต่สเปกเลนส์จะต่างจาก Mi 9 ทุกตัวเลย กล้องตัวบนสุดที่มีวงกลมสีเงินๆ เป็นกล้องเลนส์เทเล ขนาด 8 ล้านพิกเซล ที่ไว้ซูมหรือถ่ายภาพบุคคลที่ละลายหลังได้ ตรงกลางจะเป็นเลนส์ระยะ Wide ปกติ เป็นเซ็นเซอร์กล้อง 48 ล้านพิกเซล และกล้องตัวสุดท้ายคือเลนส์ Ultra Wide ขนาด 13 ล้านพิกเซล ที่สามารถถ่ายภาพมุมกว้างกว่าปกติ ที่ความกว้าง 124.8 องศา และสุดท้ายก็จะเป็นแฟลช LED สองดวง และฝาหลังก็ยังเป็นที่อยู่ของ NFC อีกด้วยครับ และฝาหลังใช้กระจก Corning Gorilla Glass 5 ซึ่งทนรอยขีดข่วนได้ดีครับ

จุดเด่น


และเช่นเคยครับ ฟีเจอร์เด่นๆ ผมก็จะรวมเป็นหัวข้อไว้นะครับ
ชื่อสินค้า:   Xiaomi Mi 9T
คะแนน:     

SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - ได้รับสินค้ามาใช้รีวิวฟรี โดยต้องคืนสินค้าให้เจ้าของสินค้า
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่