[ประเภท] Super Super Drama(เครียดจริงเชื่อเหอะ)
[เรื่องย่อ] 2 สาว เพื่อนรัก วุ่นวายกับปัญหาที่บ้านและเรื่องส่วนตัว อยากจะหนีไปไกลๆจากที่ตรงนี้
[ความน่าสนใจ] ตรงใจชีวิตวัยรุ่น แฝงความคิดเก็บกด ไว้ลึกมาก ไม่คิดว่าคนอื่นจะสังเกตหนังในแง่เดียวกับคนเขียนไหม ถ้าวิเคราะห์ดูเรื่องนี้จะเป็นได้สองแง่ แต่ที่แน่ๆเสียดสีสังคม วัยรุ่น การเมืองมีหมด
[สรุปแบบสั้นๆ] วัยรุ่นซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่อึดอัดที่จะอยู่ในประเทศนี้ ประเทศที่มีแต่คนรุ่นเก่าๆบอกว่ามันดีอยู่แล้ว
ผู้ใหญ่เลือกสิ่งที่คิดว่าดีมาให้เราแล้ว วัยรุ่นถูกปลูกฝังให้ก้มหน้าก้มตาสืบทอดทำต่อไป จะให้หนีก็หนีไปไหนไม่ได้ไง จะให้ไปที่ไหน
ถ้าอะไรในประเทศนี้ไม่ดี เราก็ต้องทำให้มันดีได้เองไง แต่สุดท้ายเราๆก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี WTF ในเรื่องจะแสดงความสับสนของนางเอกในการตัดสินใจออกเดินทางและมี Checklists คนที่อยากเคลียร์ก่อนไป

[วิเคราะห์ล้วงลึก]
1. มองเผินๆจะเป็นหนังเกี่ยวกับวัยรุ่นที่หาเหตุผลในการใช้ชีวิตอยู่ที่สิ่งแวดล้อมนี้ต่อไป แต่สุดท้ายทุกอย่างกลับไม่ได้ดีขึ้นเลย เป็นวัยรุ่นมันเหนื่อย อยากจะหนีไปให้ไกลๆ

2. อีกแง่มองลึกไปแล้วเป็นหนังแฝงความคิดของเด็กวัยรุ่นที่ป่วยซึมเศร้าจากปัญหารอบตัว แล้วคิดจะเลือกหาเหตุผลว่าจะอยู่หรือไป ถ้ามองแง่นี้จะดูแล้วเครียดมาก 😓 

ในกระทู้นี้จะเขียนแค่ประเด็นแรก ถ้าอยากอ่านแบบแง่ 2 ก็อ่านอีกกระทู้เน้อ มันยาว

ประเด็นวิเคราะห์เรื่องความคิดของวัยรุ่นต่อผู้ใหญ่ ความหนักใจของวัยรุ่น

1. ความย้อนแย้งเมื่อผู้ใหญ่บอก "ให้เป็นตัวของตัวเอง แต่ไม่ให้พูดทุกสิ่งที่คิด ให้ตอบตามเป็นจริงแต่ ไม่ต้องตอบสิ่งที่คิดทุกเรื่องก็ได้"  สรุปจะเอายังไง

ต้องเฟคหาคำตอบดีๆในการตอบสัมภาษณ์ สุดท้ายตอบแบบโง่ๆก็ผ่านอยู่ดี ไม่รู้จะให้ทำๆไม

2. คนอื่นชอบมาตัดสินว่าอะไรเหมาะไม่เหมาะกับเรา ตกลงนี่ชีวิตใคร?

ช่างตัดผมบอก ทรงผมนี้ไม่เหมาะกับเรา เลยตัดทรงนี้ให้ ตกลงนี่หัวเราหรือหัวใคร? แค่หัวกูยังไม่มีสิทธิ์เลือกให้ตัวเองอีกหรอ

3. เราเป็นวัยรุ่นที่ไม่มีความฝัน แต่ผู้ใหญ่ชอบยัดเยียดถามว่าเราฝันจะเป็นอะไร? มันสำคัญขนาดนั้นเลยหรอ เบื่อจะต้องมาตอบ คือถ้าเราไม่มีความฝันจะดูเป็นคนไม่มีอนาคตไหม?

"ทำไมถึงอยากไปเรียนฟินแลนด์นี้ล่ะ?"
 นางเอกไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับฟินแลนด์เลย "จริงๆแค่อยากไปไหนก็ได้ที่ไปจากที่นี่ได้"
"ตอบแบบนั้นไม่ได้สิใครจะให้ผ่านล่ะ"
"อยากไปฟินแลนด์เพราะ ถ้ามีการศึกษาแล้ว จะได้รู้ว่าความฝันของตัวเองคืออะไร" 

โอ้โห ตอบแบบนี้ โคตรเสียดสีเลย ฟินแลนด์ได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่การศึกษาดีที่สุดในโลก
ถ้าเรามีการศึกษา จะได้รู้ว่าเราอยากฝันเป็นอะไร เผื่อจะเจอแรงบันดาลใจ คือกูโง่อยู่งี้ไง

4. ถ้าไปเรียนนอกจะเจออนาคตที่ดีกว่า?

สำคัญนักใช่มั้ย ไอ้การศึกษาเนี่ยอะ เราถูกฝังความคิดมาว่าถ้าไปต่างประเทศ จะไปเจออนาคตที่ดีกว่า มีการศึกษาที่ดีกว่าที่ไทย แต่มันจริงไหมไม่รู้ ก็เขาบอกๆกันมาอ่ะ งั้นหนีไปเรียนนอกเลยดีกว่า

5. อยากไปหาอนาคตที่ดีกว่าที่เมืองนอก! แต่ครอบครัวก็ไม่อยากให้ไป???? ก็แค่อยากเลือกเส้นทางเดินตัวเองอะ จะอะไรนักหนา

เบลล์: "ไปขอโทษพ่อสิ"
ซู: "กูทำอะไรผิดวะ? ไม่ได้ทำอะไรผิด ทำไมต้องขอโทษ?" ก็แค่เลือกเส้นทางตัวเองอะ
เบื่อภาระบ้านตรงนี้อะ มีโอกาสเข้ามาทำไมไม่ให้ไปล่ะ
ในขณะที่พ่อแม่ก็รักลูกเป็นห่วงลูก ไม่อยากให้ไปไกลหูไกลตา

6. ผู้ใหญ่ชอบขีดเส้นทางชีวิตให้เด็ก ให้เด็กแบกหน้าที่ๆไม่ต้องการ ผูกล่ามไว้ให้เด็กไว้ไม่ให้ไปไหน
ต้องมาจมปลักกับสิ่งที่ไม่ชอบ ภาระกิจการของที่บ้าน เคยถามเด็กไหม ว่าอยากทำหรือเปล่า?

ลูกค้าในร้านก๋วยเตี๋ยวพูด "ที่หนูทำที่นี่มันก็ดีอยู่แล้ว ไม่เห็นจะต้องไปเสี่ยงไปทำอะไรที่ไม่ถนัดเลย"
"ต้องเก็บมรดกร้านไว้นะ" ร้านนี้เป็นตำนาน
คือ "ถ้าอยากรักษามรดกร้านไว้ก็มาทำเองสิ!!!" ตัดสินใจแทนกันเองอยู่ได้ ถามบ้างมั้ย! ว่าอยากทำมั้ย??? 

5. ผู้ใหญ่มักยัดเยียดสิ่งที่คิดว่าดี เหมาะสมกับลูก โดยไม่ฟังความคิดเห็น

ลูกแค่ต้องการอะไรง่ายๆและเหมาะกับตัวเอง แต่พ่อแม่ดันชอบยัดเยียดเลือกสิ่งที่เวอร์วังให้โดย ไม่ฟังความคิดเห็น ในเรื่องแม่เบลล์ชอบมาจัดแจงทุกสิ่ง จนเบลล์ต้องเออออ แล้วทำมาถามว่าเราชอบไหมสนุกไหม แต่ไม่ให้เด็กได้มีโอกาสไม่ได้ตัดสินใจอะไรเลย โคตรอึดอัด สุดท้ายเบลล์ก็โยนของทิ้งหมดเพราะให้สิ่งที่ไม่ชอบและไม่ได้ขอ แต่ก็ไม่กล้าปฎิเสธ

หรือตอนที่พ่อพูด " ก็พ่อเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูก ไอ้นั่นก็ไม่เอา ไอ้นี่ก็ไม่เอา ต้องทำยังไง ถึงจะพอใจ"
จริงๆเด็กแค่ต้องการให้คุณอยู่เฉยๆ ไม่ยัดเยียดอะไรให้ก็ดีมากแล้ว รับฟังบ้างก็ยังดี

6. อายุ 18 บรรลุนิติภาวะแล้วไม่ใช่หรอ? 
" แค่ 18 ยังต้องใช้ลายเซ็นผู้ปกครองนะ"
"แต่ 18 ปีเลือกตั้งได้แล้วนะคะ ไม่น่าจะต้องใช้ลายเซ็นผู้ปกครองแล้วมั้งคะ"
" แล้วเคยได้เลือกตั้งหรือยังล่ะ?"

โอ้วเสียดสียุครัฐประหารไปอีก รอเลือกตั้งจนเหงือกแห้ง

7. วัยรุ่น โดนผู้ชายหลอกลวนลามยังไม่รู้ตัวเลย หลงเชื่อผู้ชายง่ายๆ
คุณยายที่เฝ้ารอหนุ่มที่คุณยายหลงรักคนแรก แต่ดันเจอหลอกลวนลาม คุณยายเฝ้ารอจนทุกวันนี้ รักครั้งแรกมันฝังใจอะเนาะ

8. ทำไมต้องมาทะเลาะกับเพื่อนเพราะผู้ชายคนเดียวด้วยวะ? 

สมัยวัยรุ่นต้องมีโมเมนต์ชอบผู้ชายคนเดียวกับเพื่อนกันบ้างล่ะ ดราม่าบ้าง ตลกบ้าง

9. รักเพื่อนเหมือนรักแฟน 

ความสัมพันธ์ของเบลล์กับซูไม่ใช่เลสเบี้ยนแต่คือความรักแบบเพื่อนสนิท
ไม่รู้ผู้ชายจะเข้าใจไหมนะ ความรักของเพื่อนสนิทสาวมันรุนแรงไม่ต่างกับแฟนเลย มันแน่นแฟ้นกว่าผู้ชาย
ด้วยฮอร์โมนที่ผู้หญิงมีความรู้สึกละเอียดอ่อน ความที่เพื่อนสนิทสนมกัน การกอดกันกลม การเล่าและรู้กันทุกเรื่องนั้นเป็นเรื่องปกติ
จะมีการหึงหวง รักแรงโกรธแรง งอนแรง ยิ่งรักมาก เมื่อผิดหวัง ยิ่งรู้สึกเหมือนถูกหักหลัง
เบลล์แคร์ซูมาก ตามเอาใจ ใส่ใจความรู้สึก เพราะรักเพื่อนมาก อยากเข้าใจซู และน้อยใจอิจฉาเพื่อนสนิทคนเก่าของซู 

10. เมื่อเรากับเพื่อนให้ความสำคัญกับสิ่งที่ทำร่วมกันไม่เท่ากัน
เบลล์มองว่าวงสำคัญมาก แต่กลับคนอื่นไม่ได้คิดอย่างนั้น ออกจะเป็นภาระด้วยซ้ำ ไม่คิดจริงจังแต่แรก

11. โลกไม่ได้หมุนรอบตัวเธอนะซู!

สำหรับเบลล์ "อยากได้อะไรก็ทำให้แล้ว อยากให้เพื่อนมารวมวงกันก็ทำให้ อุตส่าห์ทำให้แล้วนะ" เอาใจยากจริงโว้ย
ในขณะที่ซูผิดหวัง คิดว่ามาแล้วพังแบบนี้ไม่ต้องทำดีกว่า

12. คนไทยไม่อยากอยู่ไทย ในขณะที่คนต่างประเทศไม่ชอบประเทศเขาแต่อยากมาอยู่ไทย 

ตัวอาจารย์เป็นคนเยอรมัน มาสอนอังกฤษที่ไทยและบอกจะไม่กลับไปเยอรมันอีกแล้ว
ในขณะที่นางเอกอยากจะไปประเทศอื่น ขนาดอาจารย์ฝรั่งที่อยู่ในประเทศเจริญแล้วยังหนีมาไทยเลย
แล้วมีที่ไหนไหมล่ะที่ดีจริงๆ ตลกร้ายมาก ต่างคนต่างไม่พอใจที่ๆอยู่ หรือประเทศของตัวเอง

13. ไม่เห็นมีใครอยากไปเลย หรือเรายังไม่พอใจในที่ๆตัวเอง?

ซู: "นายเก่งออก ไม่อยากไปจากที่นี่บ้างหรอ"
เพื่อนหนุ่มของซู: "เราไม่รู้จะไปไหนอะ ที่นี่มันดีกับเราอยู่แล้ว"
เพื่อนหนุ่มของซูเรียนเก่งกว่าซู แต่พอใจกับการเข้าเรียนเป็นประมงและพอใจกับที่ๆธรรมดาๆ งานธรรมดาของตัวเองแล้ว ในขณะที่ซูอยากไปเรียนนอกแต่ก็ยังสับสนอยู่ดี

14. ตกลงจะไปเรียนหรือไม่ไปดี?

พ่อที่ไม่อยากให้ซูไปเรียนหลอกให้คนทรงทำเหมือนเป็นแม่มาสิง
ซู: "หัวใจของแม่ไม่ได้อยู่ที่นี่ แม่จะมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง นี่ไม่ใช่แม่" แต่ด้วยเทคนิคการพูดต่างๆทำให้หลงเชื่อว่าจริง
คนทรงที่ปลอมเป็นแม่: "แม่ได้ไปสวรรค์มาแล้ว แต่ไม่ได้มีความสุขมากไปกว่าที่นี่ แม่มีความสุขมากกว่าที่ได้เฝ้ามองดูแลครอบครัวที่นี่"
คนทรงที่ปลอมเป็นแม่: "เราไม่จำเป็นต้องไปไกลๆก็ได้นี่ แต่เราทำให้มันดีขึ้นได้ ทำไมเราทำที่นี่ให้มันดีและน่าอยู่ล่ะ"
"จะไปก็ไม่บังคับหรอกนะ แต่ถ้าไปแล้ว อยากให้แน่ใจว่ามันดีและเจอที่ของลูกจริงๆ"
พ่อยอมเซ็นลายเซ็นให้ เหมือนรู้ว่าถ้ายอมปล่อยแล้ว ก็จะไม่ไป
คำพูดของคนทรงที่ปลอมเป็นแม่ที่ทำให้นางเอกคิดเปลี่ยนใจที่จะไม่ไปเรียนที่ฟินแลนด์
การที่แม่ไม่อยู่แล้วอาจเป็นเหตุผลที่ซูคิดจะไปแต่แรก พอแม่มาพูดแบบนี้
เออ หรือที่ๆเราอยู่แล้วมันดีอยู่แล้ววะ? ฉีกใบลายเซ็นผู้ปกครองทิ้งแม่ม

15. บางครั้งเราเป็นคนจิตใจดี เสียสละหวังดีกับคนอื่น แต่อีกฝ่ายดันไม่ทำตัวให้สมควรได้รับ โคตรแย่เลย

แม่นางเอกบริจาคอวัยวะให้คนอื่นไปกับสก้อย มั่วผู้ชาย ซูโคตรโมโหเลย เหมือนเอาหัวใจแม่ไปทำตัวแปดเปื้อน หัวใจแม่ก็เหมือนตัวแม่ อีกฝ่ายก็ไม่เคยรู้ ว่าหัวใจใครจะย้อนเอากลับมาก็ไม่ได้ เอาหัวใจแม่ไปดันไปทำแท้งเด็กอีก

16. สรุปหลอกเราหรอ ที่ว่าอยู่แล้วจะดีน่ะ 

ซูอยากจะเปลี่ยนนิสัยคนที่เอาหัวใจแม่ไป อยากจะให้ดีขึ้นตามที่แม่บอก
ซู: " เธอน่ะทำตัวให้ดีหน่อยได้มั้ย!" ซูไปหาเรื่องสก้อยคนนั้นพร้อมเจอรุมตบ จนมีกู้ภัยมาช่วย แต่ดันเป็นคนเดียวกับคนทรง โป๊ะแตกเจอหลอก
ซู: "ไหนบอกว่าอยู่แล้วจะดีไง!"
คนทรงปอเต็กตึ้ง: "เราโกหกน่ะ มันไม่มีอะไรดีขึ้นมาหรอก"
ซูแหลกสลายไปในทันที ทุกอย่างพังครืน

17. การอยู่ที่นี่ไม่เห็นมีอะไรดีซักอย่าง ก็พยายามหาเหตุผลที่จะอยู่ต่อแล้วนะ แต่ไม่มีจริงๆ