ก็ยังชอบภาค 3 มากกว่า แต่นี่ก็ยังเป็นหนังที่ดีมากๆเรื่องหนึ่ง
สิ่งหนึ่ง ที่รู้สึกดีใจ ในฐานะแฟนหนังชุดนี้ คือ ไม่ได้รู้สึกเลยว่า ภาคนี้ เป็นภาคต่อที่สร้างมาเพื่อกอบโกยเงิน (แต่จริงๆ ที่เขาสร้างภาคต่อนี้ขึ้นมา เขาก็หวังจะโกยเงินนั่นแหละ 555) แต่แปลกดี ทั้งๆที่เรารู้สึกว่า ภาคสาม ได้ปิดฉากหนังชุดนี้ได้อย่างสมบูรณ์แล้ว แต่พอได้ดูภาคนี้ กลับพบว่า นี่เป็นจิ๊กซอว์ที่เติมเต็มเรื่องราวของของเล่นแก๊งค์นี้ให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
แม้ว่าเรื่องราวในภาคนี้ ก็ยังหนีไม่พ้นการช่วยเหลือใครบางคนออกมาจากสถานที่หนึ่ง เหมือนเช่นสามภาคที่ผ่านมา แต่น่าทึ่งที่ทีมผู้เขียนบทยังคงสามารถสร้างธีมของเรื่องราวให้รู้สึกแตกต่างจากภาคก่อนๆได้ชัดเจน
ถ้าภาคแรก เล่นกับธีมความกลัวที่จะไม่เป็นที่รัก ไม่เป็น "ที่หนึ่งหนึ่งเดียว" เหมือนที่เคยเป็น คล้ายๆ ช่วงวัยเด็ก ที่กลัวคนอื่นจะมาแย่งความรักจากพ่อแม่ไป
ภาคสองก็จะเปรีบเสมือนวิกฤตวัยกลางคน กับการตั้งคำถาม ความไม่แน่ใจ นี่ตกลง ฉันถูกสร้างมาเพื่อเป็นของเล่นให้เด็กได้เล่น หรือฉันควรจะเป็นอะไรมากกว่าของเล่น เป็นตำนานให้ผู้คนได้ชื่นชมผ่านตู้กระจกกันแน่
และภาคสาม ก็จะเป็นธีมที่เล่นกับคอนเซปที่ว่า ทุกการเดินทาง ย่อมมีจุดจบ การจากลา การปล่อยวาง
ซึ่งเชื่อว่า ทุกคนก็น่าจะคิดเหมือนกันว่า สิ้นสุดแล้วล่ะ มันจะมีอะไรนอกเหนือจากจากลา การปล่อยวางอีก มันไม่มีสเตจอื่นอีกแล้วล่ะ
พิกซาร์ยังคงเซอร์ไพรส์เราได้เสมอ
เพราะเปล่าเลยจ้ะ คุณคิดผิดแล้วล่ะ ถ้าคุณคิดว่า การเดินทางมันจะจบลงที่การจากลาของภาคสาม และจะไม่มีธีมไหนให้เล่นอีกแล้ว
การเดินทางที่เราคิดว่า มันสิ้นสุดแล้ว บทบาทของฉันมันสิ้นสุดแล้ว มันอาจจะไม่ใช่จุดจบที่ถูกวางไว้ให้เราก็ได้
ดูลึกซึ้งเนอะ หนังการ์ตูนหรือเนี่ย
ไม่ต้องห่วงว่าหนังจะ deep จนดูน่เบื่อ ตรงกันข้าม หนังกลับเดินเรื่องได้เร็ว (มากกกก) เวลาผ่านไปเร็วมากจริงๆ
ส่วนใครที่หวังจะไปนั่งร้องไห้ในโรง ก็เตรียมทิชชู่ไปได้เลย ถึงหนังจะดูสนุกตลอด 100 นาที แต่ก็แอบแทรกโมเม้นท์ดราม่าเศร้าๆอยู่ตลอด แบบมีแทรกมาเรื่อยๆ
โดยรวม ประทับใจมากค่ะ นี่เป็นคนหนึ่ง ที่เฉยๆมากถึงมากที่สุดกับภาคต่อของพิกซาร์อย่าง Finding Dory หรือ The Incredibles 2 แต่กับ Toy Story 4 บอกเลย ประทับใจมาก ขอบคุณพิกซาร์ ที่ไม่ได้ทำลายความดีงาม ความทรงจำดีๆ ที่ฉันมีต่อภาพยนตร์ชุดนี้ แถมยังเติมเต็มทุกอย่างให้สมบูรณ์มากๆ
ความรู้สึก(สั้นๆ)ต่อ TOY STORY 4 จากคนที่รัก TOY STORY 3 และอคติกับภาค 4 มาตั้งแต่ต้น
สิ่งหนึ่ง ที่รู้สึกดีใจ ในฐานะแฟนหนังชุดนี้ คือ ไม่ได้รู้สึกเลยว่า ภาคนี้ เป็นภาคต่อที่สร้างมาเพื่อกอบโกยเงิน (แต่จริงๆ ที่เขาสร้างภาคต่อนี้ขึ้นมา เขาก็หวังจะโกยเงินนั่นแหละ 555) แต่แปลกดี ทั้งๆที่เรารู้สึกว่า ภาคสาม ได้ปิดฉากหนังชุดนี้ได้อย่างสมบูรณ์แล้ว แต่พอได้ดูภาคนี้ กลับพบว่า นี่เป็นจิ๊กซอว์ที่เติมเต็มเรื่องราวของของเล่นแก๊งค์นี้ให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
แม้ว่าเรื่องราวในภาคนี้ ก็ยังหนีไม่พ้นการช่วยเหลือใครบางคนออกมาจากสถานที่หนึ่ง เหมือนเช่นสามภาคที่ผ่านมา แต่น่าทึ่งที่ทีมผู้เขียนบทยังคงสามารถสร้างธีมของเรื่องราวให้รู้สึกแตกต่างจากภาคก่อนๆได้ชัดเจน
ถ้าภาคแรก เล่นกับธีมความกลัวที่จะไม่เป็นที่รัก ไม่เป็น "ที่หนึ่งหนึ่งเดียว" เหมือนที่เคยเป็น คล้ายๆ ช่วงวัยเด็ก ที่กลัวคนอื่นจะมาแย่งความรักจากพ่อแม่ไป
ภาคสองก็จะเปรีบเสมือนวิกฤตวัยกลางคน กับการตั้งคำถาม ความไม่แน่ใจ นี่ตกลง ฉันถูกสร้างมาเพื่อเป็นของเล่นให้เด็กได้เล่น หรือฉันควรจะเป็นอะไรมากกว่าของเล่น เป็นตำนานให้ผู้คนได้ชื่นชมผ่านตู้กระจกกันแน่
และภาคสาม ก็จะเป็นธีมที่เล่นกับคอนเซปที่ว่า ทุกการเดินทาง ย่อมมีจุดจบ การจากลา การปล่อยวาง
ซึ่งเชื่อว่า ทุกคนก็น่าจะคิดเหมือนกันว่า สิ้นสุดแล้วล่ะ มันจะมีอะไรนอกเหนือจากจากลา การปล่อยวางอีก มันไม่มีสเตจอื่นอีกแล้วล่ะ
พิกซาร์ยังคงเซอร์ไพรส์เราได้เสมอ
เพราะเปล่าเลยจ้ะ คุณคิดผิดแล้วล่ะ ถ้าคุณคิดว่า การเดินทางมันจะจบลงที่การจากลาของภาคสาม และจะไม่มีธีมไหนให้เล่นอีกแล้ว
การเดินทางที่เราคิดว่า มันสิ้นสุดแล้ว บทบาทของฉันมันสิ้นสุดแล้ว มันอาจจะไม่ใช่จุดจบที่ถูกวางไว้ให้เราก็ได้
ดูลึกซึ้งเนอะ หนังการ์ตูนหรือเนี่ย
ไม่ต้องห่วงว่าหนังจะ deep จนดูน่เบื่อ ตรงกันข้าม หนังกลับเดินเรื่องได้เร็ว (มากกกก) เวลาผ่านไปเร็วมากจริงๆ
ส่วนใครที่หวังจะไปนั่งร้องไห้ในโรง ก็เตรียมทิชชู่ไปได้เลย ถึงหนังจะดูสนุกตลอด 100 นาที แต่ก็แอบแทรกโมเม้นท์ดราม่าเศร้าๆอยู่ตลอด แบบมีแทรกมาเรื่อยๆ
โดยรวม ประทับใจมากค่ะ นี่เป็นคนหนึ่ง ที่เฉยๆมากถึงมากที่สุดกับภาคต่อของพิกซาร์อย่าง Finding Dory หรือ The Incredibles 2 แต่กับ Toy Story 4 บอกเลย ประทับใจมาก ขอบคุณพิกซาร์ ที่ไม่ได้ทำลายความดีงาม ความทรงจำดีๆ ที่ฉันมีต่อภาพยนตร์ชุดนี้ แถมยังเติมเต็มทุกอย่างให้สมบูรณ์มากๆ