Lightyear

หนังจั่วหัวไว้ว่า นี่คือหนังที่ แอนดี้ ได้ดูในวัยเด็กและทำให้เขาชื่นชอบตัวละคร บัซ จนได้ของเล่นที่อิงจากหนังเรื่องนี้ ฉะนั้นหนังเลยจะมีความแอคชั่นอวกาศแบบยุค 90 มากๆ แถมทำให้เรารู้สึกสนุกกับมันด้วย 

หนังเล่าถึงทีมสำรวจอวกาศ ที่บังเอิญไปติดดาวเพราะความผิดพลาด แต่โชคยังดีที่ยานลำนั้นมี Buzz Lightyear (ให้เสียงโดย Chris Evans) การเดินทางเพื่อกลับบ้านจึงเริ่มต้น 

เอาจริง นี่คือ TOP GUN : MAVERICK ฉบับ Pixar อ่ะ มันอดเปรียบเทียบไม่ได้ ทั้งตัวเอกที่ยังคงติดอยู่กับอดีตของตัวพยายามดิ้นรนเพื่อหาที่ทางให้ตัวเองในโลกที่ตัวเองแทบจะไม่มีความสำคัญแล้ว สุดท้ายก็ได้ค้นพบทางเส้นนั้น 

และมันก็ช่างบังเอิญที่หนังมมาฉายปีเดียวกัน มีฉากขับเครื่องบินเหมือนกัน (ถึงเรื่องนี้มันจะเว่อกว่า) และถึงมันจะแอคชั่นเว่อขนาดไหนอีกสิงที่ต้องยอมในความ Pixar  คือซีนอารมณ์มันเอาถึงตายได้เลย ในหนังเรื่องนี้ก็ด้วย ยอมใจในความไม่ลดราวาศอกของค่าย จัดซีนอารมณ์มาเต็ม 

ครึ่งแรกของหนังคือการเล่าปมของตัวละครที่เป็นการใช้เรฟฉากใน UP เล่าเรื่องราวที่มีแต่ภาพและดนตรีประกอบแทบไม่มีบทสนทนา แต่ทำให้เราเข้าใจความรู้สึกของ Buzz เป็นอย่างดี

ครึ่งเมื่อเข้าสู้สายแอคชั่นหนังก็ยังทำให้เราสนุกได้ถึงจะดรอปลงมานิดหน่อย หากแต่ว่าเราพึงระลึกว่านี่คือหนังที่เรฟมาจากหนังสมัยก่อน ความสนุกก็ถือว่าสมความคาดหวัง

ฝั่งตัวละครสมทบ ก็มีการเกลี่ยบทได้ดี ไม่แย่งซีนกันเอง ตบมุก 3 บาท 5 บาท พี่ก็ตบ ยิ่งไอ้มุขปากกาเนี่ย อยากรู้มากพี่จะตบมาทางไหนปูมาขนาดนี้

Lightyear อาจไม่ใช่หนังที่จะทำเราร้องไห้เทียบเท่า CoCo หรือ Inside Out หรือแม้แต่ Toy Story และอาจไม่ได้ปูทางไปสู่ทางใหม่ๆของPixar แต่หนังก็เน้นย้ำว่า ค่ายยี้เข้าใจหาลู่ทางให้กับตัวละครที่พวกเขาสร้างขึ้นมา และ พวกเขายังมีเขี้ยวเล็บมากพอยากที่จะหาใครเปรียบได้

#catonthecrossroad

หนังมีท้ายเครดิต 3 ตัว อย่าลืมรอชม