สวัสดีครับวันนี้ผมอยากจะมาเล่าประสบการณ์การเลิกบุหรี่ด้วยวิธีการหักดิบ และสถานะปัจจุบันถือว่าประสบความสำเร็จและแล้วครับ
ตัวผมเองปัจจุบันอายุ 33 ปีครับ ผมเริ่มดูดบุหรี่ตอน ม.2 ตอนนั้นอายุน่าจะราวๆ 14 ปี และผมมาเลิกบุหรี่ได้ตอนอายุ 32 ปีครับ ช่วง 10 ปีสุดท้ายนี้ผมดูดบุหรี่เฉลี่ย วันละ 1 ซองเห็นจะได้ครับ
ประสบการณ์การเลิกบุหรี่ที่ผ่านมา
ครั้งที่ 1 จำไม่ได้ว่าเลิกบุหรี่เพราะอะไร แต่ตอนนั้นเป็นช่วงเรียนมหาวิทยาลัย วิธีการเลิกคือหักดิบ แต่การหักดิบของผมเป็นการหักดิบแบบทรมานตัวเองสุดๆ เพราะผมจะซื้อบุหรี่มาฉีกซอง วางคู่กับไฟแช็ค ไว้ที่หน้าคอมพิวเตอร์ที่ผมใช้งานเป็นประจำ ซึ่งเป็นที่ล่อหน้าล่อตาอย่างมาก สามารถหยิบมาจุดได้ทันที แนวคิดตอนนั้นก็คือ การเล่นกับจิตใจตัวเอง โดยตอกย้ำตัวเองว่า บุหรี่เตรียมไว้ไฟแช็คเตรียมไว้เพิ่มขนาดนี้ แค่จับขึ้นมาสูบก็ได้แล้ว แต่เราจะไม่ทำเพราะเราจะเลิกมัน ผลปรากฏว่า ผมพ่ายแพ้ต่อบุหรี่ซองนั้น เพราะฤทธิ์สุรา
ครั้งที่ 2 ปีถัดมา ผมเลิกบุหรี่โดยวิธีการค่อยๆลด ซึ่งผมคิดว่าเป็นวิธีการที่ทรมานตนเองน้อยที่สุด แต่วิธีนี้เป็นวิธีที่เลิกได้ยากที่สุด เพราะตราบใดที่เรายังเสียบมันอยู่ จะวันละ 1 ซอง หรือแค่วันละ 1 ก็ค่าเท่ากัน ก็คือเราเลิกกันไม่ได้ แค่นั้นเอง
ครั้งที่ 3 และครั้งสุดท้าย เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับหลายๆคน ซึ่งการพูดถึงในครั้งนี้ไม่ใช่การประจานหรือประณาม แต่พวกคุณคือคนที่มีส่วนผลักดันให้ผมเลิกบุหรี่ได้ ขอบคุณครับ
สิ่งที่ทำให้ผมอยากเลิกบุหรี่ในครั้งนี้ก็คือ เพื่อนรุ่นน้องของผมคนหนึ่ง ซึ่งเขาทำงานตำแหน่งเดียวกับผม เงินเดือนเท่ากัน แต่เขาอาศัยอยู่กับญาติ ส่วนผมอยู่หอพัก น้องคนนี้เราสนิทกันมาก เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัย เขาชอบมาขอบุหรี่ผม โดยที่เขาบอกว่าเขาไม่ค่อยมีเงินเพราะเขาต้องส่งรถ ด้วยความที่เขาเป็นรุ่นน้องเราก็ให้บุหรี่เขาใรทุกครั้งที่เขาขอ จนมาวันหนึ่งบุหรี่ราคาเริ่มแพงมากผมจึงตัดสินใจซื้อเครื่องอัดบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งผมก็ซื้อมาครบทุกอย่าง อัดบุหรี่ไว้ให้เขาขอ ตอนนั้นใครขอเท่าไหร่ผมก็ให้หมดเลย เพราะว่าผมซื้อก้นกรองมาเกือบ 5,000 มวน จะเอาเท่าไหร่ก็ขอไปสิ ฮ่าๆๆ แรกๆเพื่อนคนนี้ รวมถึงเพื่อนร่วมงานคนอื่นที่มาขอบุหรี่ผม ก็ได้รับบุหรี่ที่ผมมวนจากเครื่องมวนบุหรี่ แต่พอไปสักพักพวกเขาเหล่านั้น ก็เริ่มไม่อยากได้บุหรี่จากเครื่องอัดบุหรี่แล้ว เพราะว่าบุหรี่พวกนี้ดูดแล้วมันก็รู้สึกไม่เหมือนบุหรี่ซอง หลังๆมาพวกเขาจึงมาขอบุหรี่ซอง ที่ผมซื้อเหมือนเดิม ฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้ผมโกรธสุดๆและตัดสินใจเลิกบุหรี่ คือพวกเขาเหล่านั้นมาขอบุหรี่ผมเช่นเคย เธอบอกว่าไม่มีตังค์ สั่งซื้อข้าวยังไม่มีเลย ผมให้ไป และคืนนั้นก็ผ่านไป โดยที่ผมมารู้ข่าวอีกทีว่าพวกเขาเหล่านั้น ไปเที่ยวผับหมดเงินค่าเหล้า 3000 กว่าบาท ผมเลยโมโหมากคิดในใจว่า "พวกบอกกูว่าไม่มีเงินกินข้าวเลยมาขอบุหรี่ดูด แต่พวกมีเงินไปเที่ยวผับกินเหล้าหมดไป 3,000 บาท พวกคอยดูถ้ากูเลิกบุหรี่ กูเลิกซื้อบุหรี่ แล้วพวกจะไปขอใครดูด" และแล้วมันก็เป็นการตัดสินใจเด็ดขาด และเริ่มเลิกบุหรี่นับตั้งแต่วินาทีนั้นเลย
ในครั้งนี้ผมใช้วิธีการหักดิบเหมือนเดิม แต่การหักดิบครั้งนี้ผมมีการเตรียมตัว โดยผมวางแผนไว้ว่า ทุกครั้งที่ผมอยากดูดบุหรี่ผมจะเบี่ยงเบนความสนใจ ด้วยการจิบกาแฟ ซึ่งผมเป็นคนที่ชอบดื่มกาแฟอยู่แล้ว เมื่อเราได้ทำในสิ่งที่เราชอบหรือดื่มในสิ่งที่เราชอบมันก็จะบรรเทาอาการหงุดหงิด หรืออารมณ์ไม่ดีที่เกิดจากความอยากบุหรี่ได้ ผมทำแบบนี้มาเรื่อยๆ แรกๆผมจะฝันว่าผมดูดบุหรี่บ่อยมาก ในฝันผมจะรู้สึกผิดมาก เพราะผมคิดว่าผมเดินมาไกลแล้ว แต่ผมกลับไปดูดมันอีก ซึ่งพอตื่นมาแล้วผมก็โล่งใจครับ มันไม่ใช่ความจริง หลังจากนั้นผ่านมาซัก 6 เดือน ผมจะฝันว่าดูดบุหรี่นานๆครั้ง ในระหว่างนี้ผมก็หักดิบโดยวิธีการจิบกาแฟไปด้วยนะครับ จนมาบัดนี้ รวมแล้วเป็นระยะเวลา 1 ปี 4 เดือน ที่ผมไม่ได้แตะบุหรี่สักมวนเลย และตอนนี้ผมไม่ฝันว่าดูดบุหรี่แล้ว ผมถือว่าผมประสบความสำเร็จในการเลิกบุหรี่ในครั้งนี้ สังเกตได้จากเวลาที่ผมอยู่ใกล้ๆคนที่ดูดบุหรี่ ผมไม่ได้รู้สึกอยากดูดบุหรี่เลย แต่ผมก็ไม่รู้สึกว่ามันเหม็น แค่มันทำให้ผมแสบจมูกก็เท่านั้นเอง
ต้องขออภัยเพื่อนๆทุกท่านนะครับผมเป็นคนที่เรียบเรียงได้ไม่เก่ง อาจจะงงๆไปบ้าง สงสัยอะไรก็ถามได้เลยนะครับ ยินดีให้คำแนะนำครับ
แนวทางการเลิกบุหรี่โดยวิธีหักดิบ
ตัวผมเองปัจจุบันอายุ 33 ปีครับ ผมเริ่มดูดบุหรี่ตอน ม.2 ตอนนั้นอายุน่าจะราวๆ 14 ปี และผมมาเลิกบุหรี่ได้ตอนอายุ 32 ปีครับ ช่วง 10 ปีสุดท้ายนี้ผมดูดบุหรี่เฉลี่ย วันละ 1 ซองเห็นจะได้ครับ
ประสบการณ์การเลิกบุหรี่ที่ผ่านมา
ครั้งที่ 1 จำไม่ได้ว่าเลิกบุหรี่เพราะอะไร แต่ตอนนั้นเป็นช่วงเรียนมหาวิทยาลัย วิธีการเลิกคือหักดิบ แต่การหักดิบของผมเป็นการหักดิบแบบทรมานตัวเองสุดๆ เพราะผมจะซื้อบุหรี่มาฉีกซอง วางคู่กับไฟแช็ค ไว้ที่หน้าคอมพิวเตอร์ที่ผมใช้งานเป็นประจำ ซึ่งเป็นที่ล่อหน้าล่อตาอย่างมาก สามารถหยิบมาจุดได้ทันที แนวคิดตอนนั้นก็คือ การเล่นกับจิตใจตัวเอง โดยตอกย้ำตัวเองว่า บุหรี่เตรียมไว้ไฟแช็คเตรียมไว้เพิ่มขนาดนี้ แค่จับขึ้นมาสูบก็ได้แล้ว แต่เราจะไม่ทำเพราะเราจะเลิกมัน ผลปรากฏว่า ผมพ่ายแพ้ต่อบุหรี่ซองนั้น เพราะฤทธิ์สุรา
ครั้งที่ 2 ปีถัดมา ผมเลิกบุหรี่โดยวิธีการค่อยๆลด ซึ่งผมคิดว่าเป็นวิธีการที่ทรมานตนเองน้อยที่สุด แต่วิธีนี้เป็นวิธีที่เลิกได้ยากที่สุด เพราะตราบใดที่เรายังเสียบมันอยู่ จะวันละ 1 ซอง หรือแค่วันละ 1 ก็ค่าเท่ากัน ก็คือเราเลิกกันไม่ได้ แค่นั้นเอง
ครั้งที่ 3 และครั้งสุดท้าย เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับหลายๆคน ซึ่งการพูดถึงในครั้งนี้ไม่ใช่การประจานหรือประณาม แต่พวกคุณคือคนที่มีส่วนผลักดันให้ผมเลิกบุหรี่ได้ ขอบคุณครับ
สิ่งที่ทำให้ผมอยากเลิกบุหรี่ในครั้งนี้ก็คือ เพื่อนรุ่นน้องของผมคนหนึ่ง ซึ่งเขาทำงานตำแหน่งเดียวกับผม เงินเดือนเท่ากัน แต่เขาอาศัยอยู่กับญาติ ส่วนผมอยู่หอพัก น้องคนนี้เราสนิทกันมาก เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัย เขาชอบมาขอบุหรี่ผม โดยที่เขาบอกว่าเขาไม่ค่อยมีเงินเพราะเขาต้องส่งรถ ด้วยความที่เขาเป็นรุ่นน้องเราก็ให้บุหรี่เขาใรทุกครั้งที่เขาขอ จนมาวันหนึ่งบุหรี่ราคาเริ่มแพงมากผมจึงตัดสินใจซื้อเครื่องอัดบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งผมก็ซื้อมาครบทุกอย่าง อัดบุหรี่ไว้ให้เขาขอ ตอนนั้นใครขอเท่าไหร่ผมก็ให้หมดเลย เพราะว่าผมซื้อก้นกรองมาเกือบ 5,000 มวน จะเอาเท่าไหร่ก็ขอไปสิ ฮ่าๆๆ แรกๆเพื่อนคนนี้ รวมถึงเพื่อนร่วมงานคนอื่นที่มาขอบุหรี่ผม ก็ได้รับบุหรี่ที่ผมมวนจากเครื่องมวนบุหรี่ แต่พอไปสักพักพวกเขาเหล่านั้น ก็เริ่มไม่อยากได้บุหรี่จากเครื่องอัดบุหรี่แล้ว เพราะว่าบุหรี่พวกนี้ดูดแล้วมันก็รู้สึกไม่เหมือนบุหรี่ซอง หลังๆมาพวกเขาจึงมาขอบุหรี่ซอง ที่ผมซื้อเหมือนเดิม ฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้ผมโกรธสุดๆและตัดสินใจเลิกบุหรี่ คือพวกเขาเหล่านั้นมาขอบุหรี่ผมเช่นเคย เธอบอกว่าไม่มีตังค์ สั่งซื้อข้าวยังไม่มีเลย ผมให้ไป และคืนนั้นก็ผ่านไป โดยที่ผมมารู้ข่าวอีกทีว่าพวกเขาเหล่านั้น ไปเที่ยวผับหมดเงินค่าเหล้า 3000 กว่าบาท ผมเลยโมโหมากคิดในใจว่า "พวกบอกกูว่าไม่มีเงินกินข้าวเลยมาขอบุหรี่ดูด แต่พวกมีเงินไปเที่ยวผับกินเหล้าหมดไป 3,000 บาท พวกคอยดูถ้ากูเลิกบุหรี่ กูเลิกซื้อบุหรี่ แล้วพวกจะไปขอใครดูด" และแล้วมันก็เป็นการตัดสินใจเด็ดขาด และเริ่มเลิกบุหรี่นับตั้งแต่วินาทีนั้นเลย
ในครั้งนี้ผมใช้วิธีการหักดิบเหมือนเดิม แต่การหักดิบครั้งนี้ผมมีการเตรียมตัว โดยผมวางแผนไว้ว่า ทุกครั้งที่ผมอยากดูดบุหรี่ผมจะเบี่ยงเบนความสนใจ ด้วยการจิบกาแฟ ซึ่งผมเป็นคนที่ชอบดื่มกาแฟอยู่แล้ว เมื่อเราได้ทำในสิ่งที่เราชอบหรือดื่มในสิ่งที่เราชอบมันก็จะบรรเทาอาการหงุดหงิด หรืออารมณ์ไม่ดีที่เกิดจากความอยากบุหรี่ได้ ผมทำแบบนี้มาเรื่อยๆ แรกๆผมจะฝันว่าผมดูดบุหรี่บ่อยมาก ในฝันผมจะรู้สึกผิดมาก เพราะผมคิดว่าผมเดินมาไกลแล้ว แต่ผมกลับไปดูดมันอีก ซึ่งพอตื่นมาแล้วผมก็โล่งใจครับ มันไม่ใช่ความจริง หลังจากนั้นผ่านมาซัก 6 เดือน ผมจะฝันว่าดูดบุหรี่นานๆครั้ง ในระหว่างนี้ผมก็หักดิบโดยวิธีการจิบกาแฟไปด้วยนะครับ จนมาบัดนี้ รวมแล้วเป็นระยะเวลา 1 ปี 4 เดือน ที่ผมไม่ได้แตะบุหรี่สักมวนเลย และตอนนี้ผมไม่ฝันว่าดูดบุหรี่แล้ว ผมถือว่าผมประสบความสำเร็จในการเลิกบุหรี่ในครั้งนี้ สังเกตได้จากเวลาที่ผมอยู่ใกล้ๆคนที่ดูดบุหรี่ ผมไม่ได้รู้สึกอยากดูดบุหรี่เลย แต่ผมก็ไม่รู้สึกว่ามันเหม็น แค่มันทำให้ผมแสบจมูกก็เท่านั้นเอง
ต้องขออภัยเพื่อนๆทุกท่านนะครับผมเป็นคนที่เรียบเรียงได้ไม่เก่ง อาจจะงงๆไปบ้าง สงสัยอะไรก็ถามได้เลยนะครับ ยินดีให้คำแนะนำครับ