ถ้าตัดรูปร่างหน้าตาของคนเราออกไป
แล้วมองให้เห็นภาพรวม
เป็นสภาวะร้อน สภาวะเย็น
ปะทุโป้งป้างบ้าง กลับสงบราบคาบบ้าง
คุณจะเข้าใจเรื่องภพย่อยในชาติเดียว
และภพใหญ่ในชาติต่อไปได้ดี
จริงๆแล้วตั้งต้นมา
ทุกคนพกนรกไว้กับตัว
ธรรมชาติติดตั้งให้เรียบร้อยก่อนเกิด
บางทีก็มาในรูปของเตาอบ
ที่ต้องมีฟืนไฟจากภายนอกเข้ามาสุม
แต่บางทีก็มาในรูปของกับระเบิด
ที่จุดชนวนได้เองง่ายๆจากภายใน
แต่นรกเป็นสิ่งที่กำจัดได้
และทุกคนน่าจะเคยเห็นเป็นแรงบันดาลใจมาบ้าง
เช่น ถ้าคุณเคยรู้จักใครบางคน
ที่ปีหนึ่งหน้าตาลุกลี้ลุกลน
ทนเย็นทนนิ่งอยู่ไม่ไหว
ต้องออกอาการบางอย่างตลอดเวลา
สะท้อนความระส่ำระสายทางจิตวิญญาณ
แล้วปีต่อมาเจออีกที
หน้าตาสงบเสงี่ยมลง
เหมือนโยกย้ายจากเขตแผ่นดินไหว
เข้าสู่เขตผาสุก มั่นคง
ห่างจากรอยเลื่อนที่แฝงพลังทางอารมณ์ออกมาไกล
นั่นแหละ! คุณเจอแบบอย่างความสำเร็จที่หาได้ยาก
เขาหรือเธอเอานรกออกจากกะโหลกได้ทันก่อนตาย
จุดตั้งต้นของการเอาขุมนรกออกจากศีรษะมนุษย์
อาจเริ่มจากการเต็มใจเห็นให้ได้จริงๆว่า
หัวร้อนขึ้นมาเมื่อใด
ทุกครั้งที่ร้อนหัว แค่บอกตัวเองว่านรกมาแล้ว
แล้วสำรวจด้วยว่า ความร้อนของลาวานรกในหัว
มันไหลลามลงไปราดรดหัวใจแล้วหรือยัง
ด้วยการสำรวจเพียงเท่านี้
คุณจะพบความจริงเกี่ยวกับไฟนรกภายใน
หลักๆมันจะเริ่มจากความเคยชินในการตรึกนึก
เมื่อนึกถึงสิ่งใดสิ่งหนึ่งร้อนๆ ร้ายๆ
แล้วสังเกตเข้ามาในอก
คุณจะรู้ว่าถ้าเพิ่งนึกได้ไม่กี่วินาที
หัวใจยังไม่จำเป็นต้องร้อนร้ายตามทันใด
ถ้าในอกยังพอมีพื้นที่ว่าง ยังพอมีไอเย็นอยู่บ้าง
นั่นคือโอกาสที่สติจะได้ที่เกิด หรือได้พื้นยืน
แล้วแผ่พลังสติเย็นๆขึ้นมาดับความร้อนในหัวไหวอยู่
แต่หากตั้งหน้าตั้งตาคิด
ตรึกนึกถึงเรื่องร้อนๆร้ายๆไม่เลิก
ความร้อนในหัวจะค่อยๆทวีตัว
แผ่ไอร้อนลงมาเป็นความคุกรุ่นในอก
และเมื่อความคุกรุ่นเข้มข้นขึ้น
ก็ไม่เหลือพื้นที่ความเย็นอยู่เลย
นั่นแหละ! นรกถึงจะได้ที่ระเบิด
ที่ตรงนั้นความสุขจะไม่หลงเหลือ
แม้คุณกำลังแวดล้อมอยู่ด้วยบรรยากาศแสนสบาย
หรือวิจิตรอลังการที่สุดในโลกก็ตาม
เพียงเห็นเงื่อนไข เหตุปัจจัยอันเป็นจริงดังกล่าวบ่อยๆ
ไม่กี่วันคุณจะรู้สึกว่าจิตของตัวเองเริ่มฉลาดขึ้น
เหมือนหูตาสว่างขึ้น
หวงวิธีคิดแบบนรกๆไว้ในหัวน้อยลง
อยากคิดแบบสวรรค์สูงขึ้นมาบ้าง
ทำไปทำมาไม่นาน
คุณจะกลายเป็นพวกเย็นใจ
ไม่ต้องไปนรกกับใครเขา
ทั้งก่อนตายและหลังตายแล้วแน่ๆ!
ขอบอกต่อคำพูดของ อ.ดังตฤณ...
แล้วมองให้เห็นภาพรวม
เป็นสภาวะร้อน สภาวะเย็น
ปะทุโป้งป้างบ้าง กลับสงบราบคาบบ้าง
คุณจะเข้าใจเรื่องภพย่อยในชาติเดียว
และภพใหญ่ในชาติต่อไปได้ดี
จริงๆแล้วตั้งต้นมา
ทุกคนพกนรกไว้กับตัว
ธรรมชาติติดตั้งให้เรียบร้อยก่อนเกิด
บางทีก็มาในรูปของเตาอบ
ที่ต้องมีฟืนไฟจากภายนอกเข้ามาสุม
แต่บางทีก็มาในรูปของกับระเบิด
ที่จุดชนวนได้เองง่ายๆจากภายใน
แต่นรกเป็นสิ่งที่กำจัดได้
และทุกคนน่าจะเคยเห็นเป็นแรงบันดาลใจมาบ้าง
เช่น ถ้าคุณเคยรู้จักใครบางคน
ที่ปีหนึ่งหน้าตาลุกลี้ลุกลน
ทนเย็นทนนิ่งอยู่ไม่ไหว
ต้องออกอาการบางอย่างตลอดเวลา
สะท้อนความระส่ำระสายทางจิตวิญญาณ
แล้วปีต่อมาเจออีกที
หน้าตาสงบเสงี่ยมลง
เหมือนโยกย้ายจากเขตแผ่นดินไหว
เข้าสู่เขตผาสุก มั่นคง
ห่างจากรอยเลื่อนที่แฝงพลังทางอารมณ์ออกมาไกล
นั่นแหละ! คุณเจอแบบอย่างความสำเร็จที่หาได้ยาก
เขาหรือเธอเอานรกออกจากกะโหลกได้ทันก่อนตาย
จุดตั้งต้นของการเอาขุมนรกออกจากศีรษะมนุษย์
อาจเริ่มจากการเต็มใจเห็นให้ได้จริงๆว่า
หัวร้อนขึ้นมาเมื่อใด
ทุกครั้งที่ร้อนหัว แค่บอกตัวเองว่านรกมาแล้ว
แล้วสำรวจด้วยว่า ความร้อนของลาวานรกในหัว
มันไหลลามลงไปราดรดหัวใจแล้วหรือยัง
ด้วยการสำรวจเพียงเท่านี้
คุณจะพบความจริงเกี่ยวกับไฟนรกภายใน
หลักๆมันจะเริ่มจากความเคยชินในการตรึกนึก
เมื่อนึกถึงสิ่งใดสิ่งหนึ่งร้อนๆ ร้ายๆ
แล้วสังเกตเข้ามาในอก
คุณจะรู้ว่าถ้าเพิ่งนึกได้ไม่กี่วินาที
หัวใจยังไม่จำเป็นต้องร้อนร้ายตามทันใด
ถ้าในอกยังพอมีพื้นที่ว่าง ยังพอมีไอเย็นอยู่บ้าง
นั่นคือโอกาสที่สติจะได้ที่เกิด หรือได้พื้นยืน
แล้วแผ่พลังสติเย็นๆขึ้นมาดับความร้อนในหัวไหวอยู่
แต่หากตั้งหน้าตั้งตาคิด
ตรึกนึกถึงเรื่องร้อนๆร้ายๆไม่เลิก
ความร้อนในหัวจะค่อยๆทวีตัว
แผ่ไอร้อนลงมาเป็นความคุกรุ่นในอก
และเมื่อความคุกรุ่นเข้มข้นขึ้น
ก็ไม่เหลือพื้นที่ความเย็นอยู่เลย
นั่นแหละ! นรกถึงจะได้ที่ระเบิด
ที่ตรงนั้นความสุขจะไม่หลงเหลือ
แม้คุณกำลังแวดล้อมอยู่ด้วยบรรยากาศแสนสบาย
หรือวิจิตรอลังการที่สุดในโลกก็ตาม
เพียงเห็นเงื่อนไข เหตุปัจจัยอันเป็นจริงดังกล่าวบ่อยๆ
ไม่กี่วันคุณจะรู้สึกว่าจิตของตัวเองเริ่มฉลาดขึ้น
เหมือนหูตาสว่างขึ้น
หวงวิธีคิดแบบนรกๆไว้ในหัวน้อยลง
อยากคิดแบบสวรรค์สูงขึ้นมาบ้าง
ทำไปทำมาไม่นาน
คุณจะกลายเป็นพวกเย็นใจ
ไม่ต้องไปนรกกับใครเขา
ทั้งก่อนตายและหลังตายแล้วแน่ๆ!