หลักการพิจารณากาลี

กระทู้สนทนา
หลักการพิจารณากาลี

โหร และนักพยากรณ์ส่วนมาก แทบจะร้อยทั้งร้อยเลยก็ว่าได้ หรือไม่ได้เป็นนักพยากรณ์ แต่พอมีความรู้เรื่องทักษาวันเกิด พอเห็นว่าดาวอะไรเป็นกาลีตามหลักทักษา หรือทำหน้าที่เป็นดาวเจ้าเรือนอะไร ก็จะตีความกันไปต่าง ๆ นานาในทางเสียหาย แบบไม่ดีอันดีเลย เปรียบประดุจเป็น "ขี้" ก้อนหนึ่ง หากไปอยู่ที่ไหน ถูกดาวใด ก็ทำให้เสื่อมเสีย เหม็นไปทั้งข้อง
แต่จริง ๆ แล้ว หาได้เป็นเช่นนั้นหรอกครับ เพราะตามหลักของธรรมชาติแล้ว ผมเคยกล่าวเอาไว้อยู่เป็นประจำว่า ไม่มีสิ่งใดที่ดีเพียงแต่อย่างเดียว หรือเสียเพียงแต่อย่างเดียว และขึ้นอยู่กับว่า จะดีมากกว่าเสีย เสียมากกว่าดี ถ้าหากว่าดี ดีอย่างไร ถ้าหากว่าเสีย เสียอย่างไร ต้องแยกกันเสมอ 
อีกทั้ง ยังขึ้นอยู่กับปัจจุบันกรรมด้วย เพราะดาว คือ ตัวสร้างเหตุ ส่วนปัจจุบันกรรม คือ ตัวสร้างผล หมายความว่า จะแสดงผลในทางดีหรือทางร้าย ย่อมมีเหตุปัจจัยมาจากการกระทำของเจ้าชะตาด้วยเช่นกัน ตัวอย่างเช่น ถ้าหากเรารู้เหตุว่ามีปัญหามาจากเรื่องใด ก็สามารถระงับเหตุนั้นด้วยปัจจุบันกรรมเพื่อไม่ให้เกิดผลได้ แต่บางสิ่งอย่างก็ไม่สามารถปรับแก้ได้ เพราะเป็นวิบากกรรม
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว หากดาวใด มีสภาพเป็นกาลกิณี ไม่ว่าจะเดิม-จร หาได้เลวร้ายเสมอไป แบบที่ไม่แสดงคุณให้เลย มีแต่โทษร้ายอย่างที่ทั่วไปเข้าใจกันครับ 
ถ้าจะให้อธิบายสั้น ๆ ง่าย ๆ ขอให้เข้าใจว่า "กาลี" เหมือนกับ "อริ" ในโหราศาสตร์ระบบจักรราศี คือ ให้ความหมายในทางที่เกิดอุปสรรค ปัญหา หรือเป็นปัจจัยเหตุที่ทำให้เกิดผลเสียครับ โดยเอาความหมายของดาว (หัวใจดาว) มาพิจารณาประกอบ ถึงปัจจัยเหตุของปัญหา 
ตัวอย่างเช่น ดาวพุธ(๔) หมายถึง การพูด การคิด การเจรจาติดต่อสื่อสารทุกชนิด รวมถึงการขีด เขียน เป็นต้น เมื่อเป็นกาลกิณี จึงต้องระวังในเรื่องของการใช้คำพูด และการแสดงความคิดต่าง ๆ ให้ดี หากไม่พิจารณาไตร่ตรองให้ดีก่อนพูด อาจเป็นเหตุของปัญหาขึ้นมาได้ หรือการใช้คำพูดบางคำ รวมถึงการใช้น้ำเสียง ก็เช่นเดียวกัน จริงอยู่ที่ไม่ได้คิดอะไร แต่อาจไม่เข้าหูใครเขาก็ได้ 
ดังนั้น การที่ดาวพุธ(๔) เป็นกาลี จึงไม่ได้หมายความว่า จะต้องพูดจาไม่ดี ปากเสีย ปากปลาร้า ความคิดความอ่านไม่ดี แต่อย่างใดไม่ เพราะเป็นเหตุที่จะต้องพึงระวังทำให้เกิดปัญหาเท่านั้นครับ เหมือนกับการที่มีดาวพุธ(๔) สถิตอยู่ในราศีธนู - ราศีมีน เรือนของดาวพฤหัสบดี(๕) เรียกดาวคู่นี้ว่า "คู่วิชาการความรู้" หรือ "คู่พหูสูตร" นำหลักหัวใจของดาวมาสนธิกัน คือ พูด + ปัญญา ต่อให้เป็นกาลกิณีวันเกิด ก็ย่อมทำให้การพูด การเจรจา มีหลักการ มีเหตุมีผลอยู่เป็นพื้นฐาน
หรือ ดาวอาทิตย์(๑) หมายถึง ยศศักดิ์ เกียรติ เครดิต เป็นต้น เมื่อมีสภาพเป็นกาลกิณี ก็ไม่ได้หมายความว่า ยศศักดิ์ เกียรติ เครดิต จะไม่ดี หรือไม่มีคนเคารพนับถือ รับราชการไม่ดี ไม่เจริญก้าวหน้า เป็นต้น 
หากว่าดาวอาทิตย์(๑) มีมาตรฐานที่ดี ตั้งอยู่ในภพเรือนชะตาที่ดี ก็ต้องแสดงคุณให้ในเรื่องของยศศักดิ์ เกียรติ ตามความหมายของเจ้าเรือนนั้น ๆ รวมถึงภพเรือนที่ไปสถิตครองอยู่ด้วย 
เช่น หากสถิตในภพเรือนกัมมะ (ภพเรือนที่ 10) ก็ต้องมีเครดิตในเรื่องของกิจการงาน การอาชีพ และการกระทำอะไรต่าง ๆ ยิ่งถ้ามีมาตรฐานเข้มแข็งด้วย อย่างอุจจ์ มหาจักร ราชาโชค ก็ต้องมีตำแหน่งในกิจการงานระดับสูง มีสภาวะเป็นผู้นำได้
ซึ่งจะเห็นได้ว่า ดาวอาทิตย์(๑) เป็นกาลี ก็ไม่ได้ทำให้เกียรติ เครดิต หรือตำแหน่งงาน ไม่ดี ไม่สูง ไม่เด่น แต่อย่างใดไม่ และถ้าหากมีดาวอะไรเข้ามาร่วมในทางเสีย ก็ต้องพิจารณาแยกกันไปอีกเหมือนกัน ในเรื่องของภพเรือนอย่างหนึ่ง และเรื่องของดาวอีกอย่างหนึ่ง โดยไม่ได้เกี่ยวกับความเป็นกาลีครับ เพราะตอนนี้ เราพิจารณากันอยู่ในเรื่องของโหราศาสตร์ระบบจักรราศี อันมีภพเรือนชะตา เป็นท้องเรื่อง
เช่น ราหู(๘) เข้ามาร่วมกับดาวอาทิตย์(๑) ว่ากันในเรื่องของดาวกระทบดาว หรือพระเคราะห์สนธิ ก็จะต้องถูกราหู(๘) ที่เป็นจุดคราส เข้าบดบังในเรื่องของยศศักดิ์ เกียรติ บ้างเหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ดีเสมอไป เพราะดาวอาทิตย์กับราหู (๑-๘) ย่อมมีข้อดีด้วย คือ ในเรื่องของความอยากที่จะมีเกียรติ จึงทุ่มเท ไขว่คว้าเพื่อให้ได้มาซึ่งยศศักดิ์ เกียรติ นั่นเองครับ 
ส่วนข้อเสียที่ต้องระวัง คือ ปล่อยวางในเรื่องของยศศักดิ์ เกียรติ ไม่ค่อยได้ หากลุ่มหลงในยศศักดิ์ที่มีมากเกินไป ก็ไม่เป็นผลดีเหมือนกัน แบบคนเคยยิ่งใหญ่มาก่อน พอตกลงต่ำแล้วรับสภาพไม่ได้ อย่างนี้เป็นต้น และผลร้ายอีกอย่าง คือ ทำดีแล้วไม่เด่น ไม่เข้าตา ไม่เห็นคุณค่า พอจะเด่นมาก ๆ หาว่าล้ำหน้า โชว์เหนือไปอีก ถูกทศกัณฑ์ แต่พอทำผิดพลาดอะไรขึ้นมาครั้งหนึ่งละก็ ความดีที่เคยมีหายหมด ชื่อเสียงฉาวทันใด นี่คือความร้ายจริง ๆ ของพระเคราะห์คู่นี้
และถ้าพิจารณาในเรื่องของภพเรือน หากราหู(๘) เป็นเจ้าเรือนอริ เกษตรภพเรือนที่ 6 ก็ต้องเอาความหมายของอริมาพิจารณาด้วย จึงทำให้ยศศักดิ์ เกียรติที่มี ไม่ได้มาโดยง่าย ต้องอาศัยการแข่งขัน ดิ้นรน ทุ่มเท เป็นสำคัญ และเมื่อมีเกียรติขึ้นมาเมื่อใด หรือเด่น โจทก์เกิดขึ้นมาทันทีเป็นเงาตามตัว เข้าหลัก "ทำอะไรเด่นไม่ค่อยดีจะเป็นภัย เพราะไม่ค่อยมีใครอยากเห็นเราเด่นเกิน" หากอยู่ในเซฟโซน ไม่ไปยุ่งเกี่ยวอะไรกับใคร และเซฟตัวเองดี ๆ ก็ไม่เป็นปัญหาครับ
หรือถ้าพิจารณาในเรื่องของหนี้สิน ก็ต้องระวังคดีความฟ้องร้อง ถูกยื่นโนติส แต่ถ้าหากพิจารณาเกี่ยวกับสุขภาพ ก็ต้องระวังโรคความดัน หัวใจ เพราะดาวอาทิตย์(๑) คือ หัวใจ ความดันโลหิต ส่วนราหู(๘) ให้อาการบวม ช้ำ บีบ แน่น เป็นต้น เหล่านี้ล้วนเป็นความหมายของภพเรือนอริทั้งสิ้น มีความหมายหลากหลาย ขึ้นอยู่กับว่าจะพิจารณาในเรื่องใด
ส่วนเรื่องของดวงมาตรฐาน เกณฑ์ต่าง ๆ ธาตุของดาว ธาตุของราศี ล้วนแล้วเป็นออฟชั่นเสริม เพื่อขยายความ ขยายผล ทั้งหมดทั้งสิ้น

 

................................
Cr : ธนพงศ์ ศุภประเสริฐ (อ.ตากล)
อาจารย์ผู้สอนวิชาโหราศาสตร์ไทยชั้นสูง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่