https://www.share2trade.com/index.php?mod=talk&file=view&id=1928
บริษัท ออโตคอร์ป โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ ACG เป็นบริษัทที่กำลังอยู่ในระหว่างการเดินสายทำโรดโชว์เพื่อนำเสนอข้อมูลให้กับนักลงทุนก่อนที่บริษัทฯจะเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ โดยบริษัทเตรียมจะนำหุ้นสามัญเพิ่มทุนขายให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก(IPO) เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ(mai) โดยเตรียมขายหุ้นไอพีโอ จำนวน 156 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท และมีบริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
ตามข้อมูลที่ได้มาระบุเอาไว้ว่า ACG ประกอบธุรกิจการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding company) โดยบริษัทย่อย คือ บริษัท ฮอนด้ามะลิวัลย์ จำกัด เป็นบริษัทแกนในการดำเนินธุรกิจเป็นผู้จำหน่ายและศูนย์บริการรถยนต์ยี่ห้อ “ฮอนด้า” ที่มีจำนวน 9 สาขาซึ่งเป็นบริษัทที่มีจำนวนสาขามากที่สุดในประเทศไทย
สำหรับ ACG ถ้าจะพิจารณาเรื่องของรายได้ที่มาจากธุรกิจก็ควรจะต้องพิจารณาไปที่ภาวะตลาดรถยนต์โดยรวมในประเทศเป็นเหลัก โดยปัจจุบันประเทศไทยมีรถยนต์สะสมจนถึงปัจจุบันมีจำนวนทั้งสิ้นมากกว่า 40 ล้านคัน ซึ่งถ้าแบ่งออกมาเป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคลขนาดไม่เกิน 7 ที่นั่งก็มีจำนวนถึง 9.66 ล้านคัน
ในขณะที่จำนวนรถยนต์นั่งส่วนบุคคลขนาดไม่เกิน 7 ที่นั่งที่จดทะเบียนใหม่ในปี 2561 มีจำนวนทั้งสิ้น 697,843 คัน และตั้งแต่เดือนมกราคาคมจนถึงเดือนพฤษภาคมปี 2562 มีจำนวนทั้งสิ้น 343,311 คัน...
เฉพาะในกลุ่มรถยนต์นั่งส่วนบุคคลรถยนต์ของ HONDA คือยี่ห้อที่คนไทยนิยมมากที่สุด โดยตามสถิติไตรมาสแรกของปี 2562 (มกราคม-มีนาคม) มียอดขายรถยนต์นั่งส่วนบุคคลทั้งสิ้น 70,915 คัน
โดยในจำนวนนี้มีรถยนต์ของ HONDA เป็นจำนวนทั้งสิ้น 29,365 คัน คิดเป็น 41% ของยอดขายทั้งหมด...
หรือถ้าแบ่งกันชัดๆตามรุ่นรถยนต์ในตลาดที่ HONDA เข้าไปมีส่วนแบ่งทางการตลาดก็จะแบ่งได้ตามนี้
1. B Segment (JASS, CITY) โดยรถยนต์ของ HONDA มีส่วนแบ่ง 45%
2. C Segment (CIVIC) โดยรถยนต์ของ HONDA มีส่วนแบ่ง 58%
3. D Segment (ACCORD) โดยรถยนต์ของ HONDA มีส่วนแบ่ง 8%
4. Mini SUV (BR-V) โดยรถยนต์ของ HONDA มีส่วนแบ่ง 12%
5. Crossover (HR-V) โดยรถยนต์ของ HONDA มีส่วนแบ่ง 30%
6. SUV (CR-V) โดยรถยนต์ของ HONDA มีส่วนแบ่ง 59%
นอกเหนือไปจากธุรกิจการเป็นตัวแทนจำหน่ายที่มีรายได้จากการขายรถยนต์ ACG ยังมีรายได้ที่มาจากการทำศูนย์บริการที่รวมเอาธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ยี่ห้อ HONDA เข้ารวมไว้อีกด้วย เช่น...
1. ธุรกิจจำหน่ายรถยนต์และอุปกรณ์ตกแต่ง
2. ธุรกิจบริการซ่อมและจำหน่ายอะไหล่
- การซ่อมบำรุงตามกำหนด
- การซ่อมทั่วไป
- บริการซ่อมตัวถังและสี
3. ธุรกิจบริการตัวแทนสินเชื่อเช่าซื้อและประกันภัยรถยนต์
4. ธุรกิจบริการหลังการขาย
สำหรับผลประกอบการในช่วง 3 ปี ที่ผ่านมา (2559-2561) กลุ่ม ACG มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,515 ล้านบาท 1,847 ล้านบาท และ 2,413 ล้านบาท โดยมีอัตราการเติบโตในปี 2560 และ 2561 อยู่ที่ 21.91% และ 30.64% ตามลำดับ
ส่วนผลการดำเนินงานในไตรมาส
1/62 มีรายได้รวมจำนวน 825.98 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 15.95 ล้านบาท
ACG เตรียม IPO By…พี่รวย
บริษัท ออโตคอร์ป โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ ACG เป็นบริษัทที่กำลังอยู่ในระหว่างการเดินสายทำโรดโชว์เพื่อนำเสนอข้อมูลให้กับนักลงทุนก่อนที่บริษัทฯจะเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ โดยบริษัทเตรียมจะนำหุ้นสามัญเพิ่มทุนขายให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก(IPO) เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ(mai) โดยเตรียมขายหุ้นไอพีโอ จำนวน 156 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท และมีบริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
ตามข้อมูลที่ได้มาระบุเอาไว้ว่า ACG ประกอบธุรกิจการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding company) โดยบริษัทย่อย คือ บริษัท ฮอนด้ามะลิวัลย์ จำกัด เป็นบริษัทแกนในการดำเนินธุรกิจเป็นผู้จำหน่ายและศูนย์บริการรถยนต์ยี่ห้อ “ฮอนด้า” ที่มีจำนวน 9 สาขาซึ่งเป็นบริษัทที่มีจำนวนสาขามากที่สุดในประเทศไทย
สำหรับ ACG ถ้าจะพิจารณาเรื่องของรายได้ที่มาจากธุรกิจก็ควรจะต้องพิจารณาไปที่ภาวะตลาดรถยนต์โดยรวมในประเทศเป็นเหลัก โดยปัจจุบันประเทศไทยมีรถยนต์สะสมจนถึงปัจจุบันมีจำนวนทั้งสิ้นมากกว่า 40 ล้านคัน ซึ่งถ้าแบ่งออกมาเป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคลขนาดไม่เกิน 7 ที่นั่งก็มีจำนวนถึง 9.66 ล้านคัน
ในขณะที่จำนวนรถยนต์นั่งส่วนบุคคลขนาดไม่เกิน 7 ที่นั่งที่จดทะเบียนใหม่ในปี 2561 มีจำนวนทั้งสิ้น 697,843 คัน และตั้งแต่เดือนมกราคาคมจนถึงเดือนพฤษภาคมปี 2562 มีจำนวนทั้งสิ้น 343,311 คัน...
เฉพาะในกลุ่มรถยนต์นั่งส่วนบุคคลรถยนต์ของ HONDA คือยี่ห้อที่คนไทยนิยมมากที่สุด โดยตามสถิติไตรมาสแรกของปี 2562 (มกราคม-มีนาคม) มียอดขายรถยนต์นั่งส่วนบุคคลทั้งสิ้น 70,915 คัน โดยในจำนวนนี้มีรถยนต์ของ HONDA เป็นจำนวนทั้งสิ้น 29,365 คัน คิดเป็น 41% ของยอดขายทั้งหมด...
หรือถ้าแบ่งกันชัดๆตามรุ่นรถยนต์ในตลาดที่ HONDA เข้าไปมีส่วนแบ่งทางการตลาดก็จะแบ่งได้ตามนี้
1. B Segment (JASS, CITY) โดยรถยนต์ของ HONDA มีส่วนแบ่ง 45%
2. C Segment (CIVIC) โดยรถยนต์ของ HONDA มีส่วนแบ่ง 58%
3. D Segment (ACCORD) โดยรถยนต์ของ HONDA มีส่วนแบ่ง 8%
4. Mini SUV (BR-V) โดยรถยนต์ของ HONDA มีส่วนแบ่ง 12%
5. Crossover (HR-V) โดยรถยนต์ของ HONDA มีส่วนแบ่ง 30%
6. SUV (CR-V) โดยรถยนต์ของ HONDA มีส่วนแบ่ง 59%
นอกเหนือไปจากธุรกิจการเป็นตัวแทนจำหน่ายที่มีรายได้จากการขายรถยนต์ ACG ยังมีรายได้ที่มาจากการทำศูนย์บริการที่รวมเอาธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ยี่ห้อ HONDA เข้ารวมไว้อีกด้วย เช่น...
1. ธุรกิจจำหน่ายรถยนต์และอุปกรณ์ตกแต่ง
2. ธุรกิจบริการซ่อมและจำหน่ายอะไหล่
- การซ่อมบำรุงตามกำหนด
- การซ่อมทั่วไป
- บริการซ่อมตัวถังและสี
3. ธุรกิจบริการตัวแทนสินเชื่อเช่าซื้อและประกันภัยรถยนต์
4. ธุรกิจบริการหลังการขาย
สำหรับผลประกอบการในช่วง 3 ปี ที่ผ่านมา (2559-2561) กลุ่ม ACG มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,515 ล้านบาท 1,847 ล้านบาท และ 2,413 ล้านบาท โดยมีอัตราการเติบโตในปี 2560 และ 2561 อยู่ที่ 21.91% และ 30.64% ตามลำดับ
ส่วนผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/62 มีรายได้รวมจำนวน 825.98 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 15.95 ล้านบาท