สวัสดีจ้า กระทู้นี้จะมารีวิวขอวีซ่าเยี่ยมเยียนของเยอรมันค่ะ
เราขอวีซ่าเยี่ยมเยียนแบบไม่เป็นทางการ ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2
วีซ่าแบบไม่เป็นทางการคืออะไร
คือวีซ่าที่ผู้เชิญไม่ต้องไปขอเอกสารราชการ หรือหนังสือรับรองความรับผิดชอบและค่าใช้จ่ายจากเขตที่เขาอาศัยอยู่
เมื่อผู้เชิญไม่ต้องขอหนังสือรับรองค่าใช้จ่ายให้ผู้ถูกเชิญ แปลว่า เราต้องรับรองค่าใช้จ่ายของตัวเองด้วยตัวเอง
ฉะนั้นทางสถานทูตจะดูเอกสารของเราเป็นหลัก
ข้อดีของวีซ่าเยี่ยมเยียนคือ
1. ไม่ต้องยื่นเอกสารจองตั๋วเครื่องบิน
2. ไม่ต้องยื่นเอกสารจองที่พัก
3. ไม่ต้องทำแพลน
เมื่อจะยื่นคำร้องขอวีซ่า อย่างแรกเลย คือต้องจองคิว ผ่านเว็บไซต์ ควรเข้าไปดูก่อนล่วงหน้า 90 เพราะบางช่วงคิวแน่นมาก จนข้ามไปอีกเดือนนึงเลยก็มี
เข้าไปจองคิวที่เว็บนี้
https://bangkok.diplo.de/th-th/service/visa-einreise/terminbuchung-haeufige-fragen/1685038
เลือกวันและเวลาที่สะดวก แล้วกรอกข้อมูลเพื่อจองคิว จะได้เป็นอีเมลส่งมาภายใน 1 ชั่วโมง
ให้ปริ๊นหน้าเมลนั้นออกมาแนบไปกับเอกสารด้วย 1 ชื่อบุคคล จะจองได้แค่ครั้งเดียว หากต้องการเปลี่ยนวัน หรือเวลา ให้ยกเลิกของเดิมก่อน
หลังจากจองคิวได้แล้ว
มีเวลาเตรียมเอกสาร ก็จัดเตรียมให้พร้อม เตรียมไปเยอะๆ เกินดีกว่าขาด
สิ่งสำคัญต่อมาคือ กรอกแบบฟอร์มคำร้องขอวีซ่า
https://bangkok.diplo.de/th-th/service/visa-einreise/touristenvisum/1678002
เอกสารที่ผู้เชิญต้องมี
1. สำเนาพาสปอร์ตหน้าแรก ไม่มีลายเซ็นต์ก็ได้ค่ะ (โทรถามเจ้าหน้าที่สถานทูตแล้ว)
2. สำเนาพาสปอร์ตในหน้าที่มีตราประทับจากตม.ไทย ถ้าเขาเคยมาไทยก่อนหน้านี้
3. จดหมายเชิญ เขียนเป็นภาษาอังกฤษ แจ้งรายละเอียดให้ครบ
พร้อมทั้งด้านล่างเอกสารต้องมีลายเซ็นของผู้เชิญ และต้องเหมือนกันกับในพาสปอร์ตค่ะ
4. เอกสารที่พักอาศัยของเขา
5. เอกสารการเงิน สเตทเม้นย้อนหลัง 3 เดือน (อันนี้จำเป็นไหมไม่รู้ แต่เรายื่นทุกครั้ง ถ้าเขาส่งมาให้ได้ ก็เอามายื่นไปด้วย แน่นๆ)
นี่เป็นเอกสารของผู้เชิญที่เรายื่น (เห็นหลายๆคนมีแค่จดหมายเชิญและสำเนาหน้าพาสปอร์ตจากผู้เชิญ ก็อาจจะได้ค่ะ เพราะทางสถานทูตเขาดูเอกสารของผู้ยื่นเป็นหลัก ว่าน่าเชื่อถือไหม)
แต่ถ้าเขาสะดวกส่งเอกสารอื่นๆมาให้ได้ ก็เอามาให้หมด เราต้องการให้เอกสารแน่นที่สุด
ทั้งผู้เชิญและตัวเราเอง เลยยื่นเยอะหน่อย อันไหนไม่เอา เดี๋ยวเขาจะส่งคืนมาเอง)
ส่วนของเราเตรียมเยอะ และแน่นมากค่ะ มีดังนี้ค่ะ
1. ใบจองคิวกับสถานทูต ปริ๊นออกมาจากอีเมลที่ได้รับ
2. แบบฟอร์มการสมัครขอวีซ่า
3. ข้อตกลงการเข้าประเทศ ตามกฏหมาย
https://bangkok.diplo.de/blob/1387164/7ce507409f7ed68f525b82476daa376a/schengen- belehrung-data.pdf
4. สำเนาหน้าพาสปอร์ต
5. หนังสือรับรองการทำงาน และใบลาพักร้อนจากบริษัท เอกสารอายุไม่เกิน 1 เดือน
6. หลักฐานทางการเงิน เราขอสเตจเม้นท์ย้อนหลัง 6 เดือน ขอไม่เกิน 7 วันก่อนยื่น เอาจาก k mobile banking และไม่ได้ขอ bank certificate จาก ธนาคาร แต่ถ่ายสำเนาหน้าบุ๊คแบงค์แนบไปด้วย (เอกสารทุกใบไม่เซ็นกำกับ)
7. ทะเบียนบ้านแบบแปลเป็นภาษาอังกฤษ และภาษาไทย แปลเองค่ะ มีแบบฟอร์มจากในเน็ต และเซนต์กำกับ เราเป็นเจ้าบ้านค่ะ ต้องยื่นโฉนดไป ด้วย เย็บรวมกันไป
8. สำเนานามบัตรบริษัท ในนั้นมันบอกชื่อ ที่อยู่บริษัท ตำแหน่งเรา เบอร์ อีเมล ดูน่าเชื่อถือไปอีก (คิดเอาเอง)
9. จดหมายแนะนำตัว หาตัวอย่างจากเน็ต
10. ประกันเดินทาง
11. เอกสารเพิ่มเติม ถ้าเป็นญาติ ให้นำเอกสารการแสดงความสัมพันธ์ไปด้วย
ถ้าเป็นแฟนกัน ให้แคปหน้าแชทที่สนทนาทุกวัน ใส่ word สัก 2 หน้า รูปที่ถ่ายคู่กัน เพื่อยืนยันว่าเคยเจอกันแล้วจริง ปริ๊นออกมาแล้วแนบไป
ถ้าไม่เคยเจอ ไม่มีภาพถ่ายคู่กัน โอกาสผ่านยากมาก
ทั้งหมดทั้งมวล เอกสารของสองคน ก็หนาเท่าหนังสือขนาดย่อมๆ 1 เล่มเชียว
ถึงวันสัมภาษณ์ นัดคิวไว้รอบ 10:30 ไปถึง 10:15 จอดรถไว้ที่ซอยสาทร 1 ขับเข้าไปจะมีที่จอดรถ
ปิดมือถือก่อนเข้าประตู สแกนกระเป๋า ฝากโทรศัพท์ และเดินเข้าไป จะเจอด่านแรกเลยก็คือ
เขาจะเช็คเมลที่เราได้รับจากการจองคิว ที่ปริ๊นมา จากนั้นจึงเข้าไปกดคิว แล้วนั่งรอสัมภาษณ์
เจ้าหน้าที่สัมภาษณ์เป็นคนไทย
คำถามที่เจ้าหน้าที่ถามคือ
ไปทำอะไร :
ไปกี่วัน :
ไปเมื่อไหร่ กลับเมื่อไหร่ :
มีจดหมายเชิญไหม :
ใครออกค่าใช้จ่าย :
เป็นอะไรกับผู้เชิญ :
รู้จักกันนานแค่ไหน :
เจอกันกี่ครั้ง :
เจอกันครั้งล่าสุดเมื่อไหร่ :
เขาส่งเงินให้ใช้ไหม :
คิดจะแต่งงานไหม :
(ข้อนี้ให้ตอบว่ายังไม่คิดจะแต่งงานนะคะ เพราะเขาจะเอาไปประกอบการให้วีซ่า ว่าเราเข้าข่ายจะมาจดทะเบียนแต่งงานด้วยวีซ่าเยี่ยมเยียนหรือเปล่า
ที่เยอรมันมีปัญหานี้เยอะมาก คนไปทำผิดวัตถุประสงค์วีซ่า)
รู้จักกันได้ยังไง :
คุยกันทางไหน :
คุยกันภาษาอะไร :
เคยไปหาเขาที่นู่นมั้ย :
เคยถูกปฏิเสธวีซ่าไหม : (สำหรับเชงเก้นวีซ่า)
เท่าที่จำได้ ประมาณนี้ ตอบตามความจริง อธิบายให้ละเอียด เพราะเจ้าหน้าที่เขาจะเขียนคอมเม้นด้วย
สัมภาษณ์เสร็จได้รับกระดาษมาหนึ่งแผ่น ก็นำใบนั้นไปช่องจ่ายเงิน ราคาตอนนี้ เป็นเงินไทย 2,200 บาท
ค่า ems ส่งพาสปอร์ตคืนอีกร้อยกว่าบาท หรือจะไปรับคืนด้วยตัวเองก็ได้
ใช้เวลา 3 วัน รับเล่มคืนได้
ปล. ++ ประกาศแจ้งให้ทราบเกี่ยวกับการยื่นคำร้องขอวีซ่าเชงเกน ++
ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ.2562 สถานเอกอัครราชทูตฯได้มอบหมายให้บริษัท
VFS Global ทำการรับคำร้องขอวีซ่าเชงเกนแทน . ในส่วนของดำเนินการคำร้องด้านอื่นๆนั้น ยังคงกระทำโดยสถานทูตต่อไปเช่นเดิม
เริ่มทำการนัดหมายออนไลน์เพื่อยื่นคำร้องขอวีซ่ากับ
VFS ได้ตั้งแต่วันที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ.2562 เป็นต้นไป
สำหรับการรับคำร้องขอวีซ่าเพื่อการพำนักระยะยาวในประเทศเยอรมนี(เช่น
วีซ่าเพื่อติดตามไปอยู่กับครอบครัว วีซ่าเพื่อการทำงาน วีซ่าเพื่อการศึกษา)นั้น ไม่มีการเปลี่ยนแปลง
ท่านยังต้องยื่นคำร้องขอวีซ่าที่สถานเอกอัครราชทูตฯหรือสถานกงสุลกิตติมศักดิ์เชียงใหม่และภูเก็ตเช่นเดิม
แปลว่า
น่าจะต้องเสียเงินค่าวีซ่าเพิ่มเติมแน่ๆ (คิดว่าน่าจะอีก 500บาท)
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านจ้า น่าจะเป็นประโยชน์บ้างนิดๆหน่อยๆนะคะ
[CR] ขอวีซ่าเยี่ยมเยียนเยอรมัน รอบเดียวผ่าน 2019
เราขอวีซ่าเยี่ยมเยียนแบบไม่เป็นทางการ ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2
วีซ่าแบบไม่เป็นทางการคืออะไร
คือวีซ่าที่ผู้เชิญไม่ต้องไปขอเอกสารราชการ หรือหนังสือรับรองความรับผิดชอบและค่าใช้จ่ายจากเขตที่เขาอาศัยอยู่
เมื่อผู้เชิญไม่ต้องขอหนังสือรับรองค่าใช้จ่ายให้ผู้ถูกเชิญ แปลว่า เราต้องรับรองค่าใช้จ่ายของตัวเองด้วยตัวเอง
ฉะนั้นทางสถานทูตจะดูเอกสารของเราเป็นหลัก
ข้อดีของวีซ่าเยี่ยมเยียนคือ
1. ไม่ต้องยื่นเอกสารจองตั๋วเครื่องบิน
2. ไม่ต้องยื่นเอกสารจองที่พัก
3. ไม่ต้องทำแพลน
เมื่อจะยื่นคำร้องขอวีซ่า อย่างแรกเลย คือต้องจองคิว ผ่านเว็บไซต์ ควรเข้าไปดูก่อนล่วงหน้า 90 เพราะบางช่วงคิวแน่นมาก จนข้ามไปอีกเดือนนึงเลยก็มี
เข้าไปจองคิวที่เว็บนี้ https://bangkok.diplo.de/th-th/service/visa-einreise/terminbuchung-haeufige-fragen/1685038
เลือกวันและเวลาที่สะดวก แล้วกรอกข้อมูลเพื่อจองคิว จะได้เป็นอีเมลส่งมาภายใน 1 ชั่วโมง
ให้ปริ๊นหน้าเมลนั้นออกมาแนบไปกับเอกสารด้วย 1 ชื่อบุคคล จะจองได้แค่ครั้งเดียว หากต้องการเปลี่ยนวัน หรือเวลา ให้ยกเลิกของเดิมก่อน
หลังจากจองคิวได้แล้ว
มีเวลาเตรียมเอกสาร ก็จัดเตรียมให้พร้อม เตรียมไปเยอะๆ เกินดีกว่าขาด
สิ่งสำคัญต่อมาคือ กรอกแบบฟอร์มคำร้องขอวีซ่า
https://bangkok.diplo.de/th-th/service/visa-einreise/touristenvisum/1678002
เอกสารที่ผู้เชิญต้องมี
1. สำเนาพาสปอร์ตหน้าแรก ไม่มีลายเซ็นต์ก็ได้ค่ะ (โทรถามเจ้าหน้าที่สถานทูตแล้ว)
2. สำเนาพาสปอร์ตในหน้าที่มีตราประทับจากตม.ไทย ถ้าเขาเคยมาไทยก่อนหน้านี้
3. จดหมายเชิญ เขียนเป็นภาษาอังกฤษ แจ้งรายละเอียดให้ครบ
พร้อมทั้งด้านล่างเอกสารต้องมีลายเซ็นของผู้เชิญ และต้องเหมือนกันกับในพาสปอร์ตค่ะ
4. เอกสารที่พักอาศัยของเขา
5. เอกสารการเงิน สเตทเม้นย้อนหลัง 3 เดือน (อันนี้จำเป็นไหมไม่รู้ แต่เรายื่นทุกครั้ง ถ้าเขาส่งมาให้ได้ ก็เอามายื่นไปด้วย แน่นๆ)
นี่เป็นเอกสารของผู้เชิญที่เรายื่น (เห็นหลายๆคนมีแค่จดหมายเชิญและสำเนาหน้าพาสปอร์ตจากผู้เชิญ ก็อาจจะได้ค่ะ เพราะทางสถานทูตเขาดูเอกสารของผู้ยื่นเป็นหลัก ว่าน่าเชื่อถือไหม)
แต่ถ้าเขาสะดวกส่งเอกสารอื่นๆมาให้ได้ ก็เอามาให้หมด เราต้องการให้เอกสารแน่นที่สุด
ทั้งผู้เชิญและตัวเราเอง เลยยื่นเยอะหน่อย อันไหนไม่เอา เดี๋ยวเขาจะส่งคืนมาเอง)
ส่วนของเราเตรียมเยอะ และแน่นมากค่ะ มีดังนี้ค่ะ
1. ใบจองคิวกับสถานทูต ปริ๊นออกมาจากอีเมลที่ได้รับ
2. แบบฟอร์มการสมัครขอวีซ่า
3. ข้อตกลงการเข้าประเทศ ตามกฏหมาย https://bangkok.diplo.de/blob/1387164/7ce507409f7ed68f525b82476daa376a/schengen- belehrung-data.pdf
4. สำเนาหน้าพาสปอร์ต
5. หนังสือรับรองการทำงาน และใบลาพักร้อนจากบริษัท เอกสารอายุไม่เกิน 1 เดือน
6. หลักฐานทางการเงิน เราขอสเตจเม้นท์ย้อนหลัง 6 เดือน ขอไม่เกิน 7 วันก่อนยื่น เอาจาก k mobile banking และไม่ได้ขอ bank certificate จาก ธนาคาร แต่ถ่ายสำเนาหน้าบุ๊คแบงค์แนบไปด้วย (เอกสารทุกใบไม่เซ็นกำกับ)
7. ทะเบียนบ้านแบบแปลเป็นภาษาอังกฤษ และภาษาไทย แปลเองค่ะ มีแบบฟอร์มจากในเน็ต และเซนต์กำกับ เราเป็นเจ้าบ้านค่ะ ต้องยื่นโฉนดไป ด้วย เย็บรวมกันไป
8. สำเนานามบัตรบริษัท ในนั้นมันบอกชื่อ ที่อยู่บริษัท ตำแหน่งเรา เบอร์ อีเมล ดูน่าเชื่อถือไปอีก (คิดเอาเอง)
9. จดหมายแนะนำตัว หาตัวอย่างจากเน็ต
10. ประกันเดินทาง
11. เอกสารเพิ่มเติม ถ้าเป็นญาติ ให้นำเอกสารการแสดงความสัมพันธ์ไปด้วย
ถ้าเป็นแฟนกัน ให้แคปหน้าแชทที่สนทนาทุกวัน ใส่ word สัก 2 หน้า รูปที่ถ่ายคู่กัน เพื่อยืนยันว่าเคยเจอกันแล้วจริง ปริ๊นออกมาแล้วแนบไป
ถ้าไม่เคยเจอ ไม่มีภาพถ่ายคู่กัน โอกาสผ่านยากมาก
ทั้งหมดทั้งมวล เอกสารของสองคน ก็หนาเท่าหนังสือขนาดย่อมๆ 1 เล่มเชียว
ถึงวันสัมภาษณ์ นัดคิวไว้รอบ 10:30 ไปถึง 10:15 จอดรถไว้ที่ซอยสาทร 1 ขับเข้าไปจะมีที่จอดรถ
ปิดมือถือก่อนเข้าประตู สแกนกระเป๋า ฝากโทรศัพท์ และเดินเข้าไป จะเจอด่านแรกเลยก็คือ
เขาจะเช็คเมลที่เราได้รับจากการจองคิว ที่ปริ๊นมา จากนั้นจึงเข้าไปกดคิว แล้วนั่งรอสัมภาษณ์
เจ้าหน้าที่สัมภาษณ์เป็นคนไทย
คำถามที่เจ้าหน้าที่ถามคือ
ไปทำอะไร :
ไปกี่วัน :
ไปเมื่อไหร่ กลับเมื่อไหร่ :
มีจดหมายเชิญไหม :
ใครออกค่าใช้จ่าย :
เป็นอะไรกับผู้เชิญ :
รู้จักกันนานแค่ไหน :
เจอกันกี่ครั้ง :
เจอกันครั้งล่าสุดเมื่อไหร่ :
เขาส่งเงินให้ใช้ไหม :
คิดจะแต่งงานไหม :
(ข้อนี้ให้ตอบว่ายังไม่คิดจะแต่งงานนะคะ เพราะเขาจะเอาไปประกอบการให้วีซ่า ว่าเราเข้าข่ายจะมาจดทะเบียนแต่งงานด้วยวีซ่าเยี่ยมเยียนหรือเปล่า
ที่เยอรมันมีปัญหานี้เยอะมาก คนไปทำผิดวัตถุประสงค์วีซ่า)
รู้จักกันได้ยังไง :
คุยกันทางไหน :
คุยกันภาษาอะไร :
เคยไปหาเขาที่นู่นมั้ย :
เคยถูกปฏิเสธวีซ่าไหม : (สำหรับเชงเก้นวีซ่า)
เท่าที่จำได้ ประมาณนี้ ตอบตามความจริง อธิบายให้ละเอียด เพราะเจ้าหน้าที่เขาจะเขียนคอมเม้นด้วย
สัมภาษณ์เสร็จได้รับกระดาษมาหนึ่งแผ่น ก็นำใบนั้นไปช่องจ่ายเงิน ราคาตอนนี้ เป็นเงินไทย 2,200 บาท
ค่า ems ส่งพาสปอร์ตคืนอีกร้อยกว่าบาท หรือจะไปรับคืนด้วยตัวเองก็ได้
ใช้เวลา 3 วัน รับเล่มคืนได้
ปล. ++ ประกาศแจ้งให้ทราบเกี่ยวกับการยื่นคำร้องขอวีซ่าเชงเกน ++
ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ.2562 สถานเอกอัครราชทูตฯได้มอบหมายให้บริษัท
VFS Global ทำการรับคำร้องขอวีซ่าเชงเกนแทน . ในส่วนของดำเนินการคำร้องด้านอื่นๆนั้น ยังคงกระทำโดยสถานทูตต่อไปเช่นเดิม
เริ่มทำการนัดหมายออนไลน์เพื่อยื่นคำร้องขอวีซ่ากับ
VFS ได้ตั้งแต่วันที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ.2562 เป็นต้นไป
สำหรับการรับคำร้องขอวีซ่าเพื่อการพำนักระยะยาวในประเทศเยอรมนี(เช่น
วีซ่าเพื่อติดตามไปอยู่กับครอบครัว วีซ่าเพื่อการทำงาน วีซ่าเพื่อการศึกษา)นั้น ไม่มีการเปลี่ยนแปลง
ท่านยังต้องยื่นคำร้องขอวีซ่าที่สถานเอกอัครราชทูตฯหรือสถานกงสุลกิตติมศักดิ์เชียงใหม่และภูเก็ตเช่นเดิม
แปลว่า
น่าจะต้องเสียเงินค่าวีซ่าเพิ่มเติมแน่ๆ (คิดว่าน่าจะอีก 500บาท)
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านจ้า น่าจะเป็นประโยชน์บ้างนิดๆหน่อยๆนะคะ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้