รวบรวมข้อมูลทำหนังสือ

         กะว่าจะเขียนหนังสือ How to ซักหน่อย เรื่องเกี่ยวกับการจัดการกับอารมณ์ ก็เลยลองเสิร์จกุเกิ้ลหาข้อมูล 
เราคิดว่าเราจะเขียนแบบ ยังไงดีนะ เห็นบางคนเขาก็ไปเอาหลักจิตวิทยา สมงสมอง หมด เราไม่ถนัดเรย 
เราคิดว่าจะอธิบายเป็นแบบพุทธ นี่แหละ การปฏิบัติสำหรับคนที่กำลังโกรธ ไปเจอของท่าน ว.วชีรเมธี ท่านกล่าวได้ดีมากเลย 
ทำให้เราได้คิดว่า พุทธนี่เป็นอะไรที่สุดยอดมาก และเราคิดว่าคำสอนพุทธเกี่ยวกับเรื่องความโกรธ ต้องมีอีกเยอะแน่ๆ 
เราตั้งใจจะเก็บรวบรวมเอาไว้ มีใครมีความคิดเห็นชี้แนะก็บอกได้เลย เม้นท์ได้เลย 

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

          เราไปเห็นว่า เดี๋ยวนี้คนเป็นโค้ช กันเยอะ หัวใจของโค้ชคือการถาม และอะไรอีกไม่รู้ ก็เมมไว้ ก็ไม่คิดว่าตนเองจะเป็นโค้ชได้หรอกนะ
เอาไว้ก่อน แต่ก็สนใจ 5555++ เป็นที่ปรึกษาน่าจะดีกว่า 55555++ เอ้าเอ็งเป็นได้ฤา ? 55555++

          เอาล่ะ จขกท. ตั้งกะทู้นี้มาเพื่อ 
1. ใครมีข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจัดการความโกรธ เอามาแชร์หน่อย 
2. ใครมีข้อสงสัยอะไรก็ถามได้ 

จขกท. คืดว่า ความโกรธนี้เป็นปัญหาของชีวิตคนๆนึงเลย คนขี้โกรธเนี่ย จขกท.เคยเป็น คนรอบข้างก็ขี้โกรธ 
แต่ธรรมะนี่แหละทำให้ จขกท.เลิกเป็นคนขี้โกรธไปได้ อารมณ์ดี อารมณ์เย็น ขึ้นเยอะมากๆๆๆๆ 

ความรู้สึกตอนก่อนกับตอนนี้เนี่ย ตอนนี้ดีกว่ามาก ก็เลยกลับไปคิดถึงคนที่ขี้โกรธอยู่
ว่าถ้าเขาสามารถละความโกรธเหมือนเราได้ต้องเป็นเรื่องที่เป็นประโยชน์แก่คนนั้นๆเอง

อืมเราจึงคิดสร้างอะไรที่มันน่าจะเห็นผลเป็นรูปธรรมมากขึ้น โดยการลองทำเป็นหนังสือ (จะมีคนอ่านไม๊น๊ออออ ยังสงสัย) 
อิอิ เริ่มแค่นี้ก่อนแล้วกัน โค้ชเคิชอะไรอย่าเพิ่งคิด >__< แต่เป็นที่ปรึกษาได้ ว่าควรทำยังไง ควรแก้ยังไง จขกท.ก็พอตอบได้ อิอิ 

สรุปนี่เอ็งตั้งกะทู้มาเพื่อประชาสัมพันธ์โครงการของตน !!!! และรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้อง รวมถึงหาผู้สนใจ >__<
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 13
พระโอวาทแสดงการเปรียบด้วยเลื่อย
         [๒๗๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย หากจะมีพวกโจรผู้มีความประพฤติต่ำช้า เอาเลื่อยที่มีที่จับ
ทั้งสองข้าง เลื่อยอวัยวะใหญ่น้อยของพวกเธอ แม้ในเหตุนั้นภิกษุหรือภิกษุณีรูปใดมีใจคิดร้าย
ต่อโจรเหล่านั้น ภิกษุหรือภิกษุณีรูปนั้น ไม่ชื่อว่าเป็นผู้ทำตามคำสั่งสอนของเรา เพราะเหตุที่อด-
กลั้นไม่ได้นั้น ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม้ในข้อนั้น เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้ว่า จิตของเราจักไม่
แปรปรวน เราจักไม่เปล่งวาจาที่ลามก เราจักอนุเคราะห์ผู้อื่นด้วยสิ่งที่เป็นประโยชน์ เราจักมีเมตตา
จิตไม่มีโทสะในภายใน เราจักแผ่เมตตาจิตไปถึงบุคคลนั้น และเราจักแผ่เมตตาอันไพบูลย์
ใหญ่ยิ่ง หาประมาณมิได้ ไม่มีเวร ไม่มีพยาบาท ไปตลอดโลกทุกทิศทุกทาง ซึ่งเป็นอารมณ์
ของจิตนั้น ดังนี้ ดูกรภิกษุทั้งหลาย พวกเธอพึงศึกษาด้วยอาการดังที่กล่าวมานี้แล.

         เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๒  บรรทัดที่ ๔๒๐๘ - ๔๔๔๒.  หน้าที่  ๑๗๑ - ๑๘๐.
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=12&A=4208&Z=4442&pagebreak=0
         ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :-
http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=12&i=263

จากหนังสือ พุทธวิธีชนะความโกรธ ของ อภิธรรมมูลนิธิ
https://ppantip.com/topic/32531495/comment6



ในธนัญชานีสูตร พระพุทธเจ้าทรงตรัสถึงลักษณะของความโกรธว่า " มีรากเป็นพิษ มียอดหวาน" หมายความว่า ความโกรธ เมื่อเกิดขึ้นแล้วจะแสดงพิษสงต่อจิตใจให้หงุดหงิดเร่าร้อนก่อน เรียกว่า มีรากเป็นพิษ ต่อจากนั้นจะต้องรีบระบายความหงุดหงิดเร่าร้อนออกไปด้วยการด่าว่า ทุบตี ทำลายบุคคลหรือสิ่งที่เป็นเหตุให้เกิดความโกรธ เมื่อทำจนสาแก่ใจแล้วในบั้นปลายจะรู้สึกโล่งใจสบายใจ เรียกว่า มียอดหวาน

ลำดับของความโกรธ

แรกเริ่มความโกรธจะก่อตัวขึ้นมาเพียงเล็กน้อยแต่เพราะเราไม่มีสติรู้เท่าทัน ไม่รู้จักระงับเสียก่อนจึงปล่อยให้ความโกรธลุกลามเหมือนน้ำที่เรานำมาต้ม เมื่อกาน้ำได้รับความร้อนจากเปลวเพลิง น้ำก็จะเริ่มร้อนและมีอุณหภูมิสูงขึ้นตามลำดับจนกระทั่งเดือด และเมื่อเดือดมากขึ้นจนควบคุมไม่ได้ก็จะส่งเสียงร้อง วี๊ด ๆ ๆ น้ำเดือดก็พลุ่งพล่านออกมาลวกตัวเองทางฝาและพวยกา ลวกของใกล้ ๆ ตัว และลวกลามไปเหมือยเรื่องของนางเวเทหิกาดังนี้


แม่เรือนชื่อเวเทหิกา

จากพระสูตรข้างต้นสามารถลำดับขั้นตอนของความโกรธได้ดังนี้

๑. เมื่อมีอารมณ์มากระทบก็จะรู้สึกขัดเคืองในใจทันทีหรือที่เรียกว่า ไม่ได้ดั่งใจ
๒. จะแสดงพฤติกรรมออกมาที่ใบหน้า คือ หน้าบึ้ง
๓. อำนาจของความโกรธจะทำให้เสียงกระด้างจนกระทั่งหยาบคาย
๔. ลงมือประทุษร้าย

ในขุททกนิกาย พระสารีบุตรได้แสดงลำดับขั้นตอนของความโกรธไว้อย่างละเอียดจากน้อยไปหามาก ( ๑๓ ลำดับ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่