หลายๆ กระทู้ของก็มีการรีวิวการขอวีซ่าสวิต แต่วันนี้ทางเราจะมาแชร์ประสบการณ์การขอวีซ่าสวิตเซอร์แลนด์แบบละเอียด สำหรับผู้ที่ไม่เคยไปต่างประเทศเลย ย้ำ!!!! คือไม่เคยไปประเทศไหนเลย นั่นแหละค่ะ เราและครอบครัว อันได้แก่ สามี, แม่และพ่อของสามี ไม่เคยไปต่างประเทศกันมาก่อน ไม่รู้จักคำว่าพาสปอร์ต (ไม่เคยมีพาสปอร์ตกันสักคน) และวีซ่า เลยมีความฝันว่าอยากจะไปต่างประเทศสักครั้งในชีวิต และประเทศที่เลือกไปประเทศแรกคือออออ "Switzerland" จ้าาาาา แล้วเอกสารที่ต้องเตรียม รวมถึงสถานที่ที่ต้องไปยื่น ระยะเวลาในการยื่น และจะผ่านมั้ย ควรทำอะไรก่อนหลัง ไปติดตามกันเลยจ่ะ
1. ขั้นตอนแรกที่เราทำ คือการจองตั๋วเครื่องบิน ก็คือค้นเอาในเวบ Skyscaner เวบนี้ก็จะทำการเปรียบเทียบ รวบรวมตั๋วของทุกสายการบินในวันที่เราเดินทางมาให้ เราก็เลือกตามราคาที่เราสะดวกเลยจ่ะ สรุปเราจองสายการบิน โอมานแอร์ ได้ในราคาคนละ 17,xxx บาท และจ่ายตังเลยจ้าาาา แต่!!! เห้ยจ่ายตังแล้ว ด้วยความที่กลัวตั๋วราคาแพง โดยที่ยังไม่รู้ว่าวีซ่าจะผ่านมั้ย 555+++ พาสปอร์ตก็ยังไม่มี
คำแนะนำ : จะจ่ายตังค่าตั๋วก่อน หรือไม่ก็ได้ แต่ถ้าไม่จ่ายก่อน โอกาสตั๋วขึ้นราคามีสูงมาก
2. ขั้นตอนต่อมา ไปทำพาสปอร์ตกันก่อน ขั้นตอนนี้ไม่ยากค่ะ แค่เตรียมบัตรประชาชนไปที่ สำนักงานหนังสือเดินทาง หลายๆ คนอาจจะมีอยู่แล้ว ถ้ามีอายุการใช้งานเหลือไม่ต่ำว่า 3 เดือน เป็นอันใช้ได้ แต่ของทางเราทำใหม่กันทั้ง 4 คน หน้าพาสปอร์ต ขาวจั๊วะ ว่างเปล่า 555+ อายุเกือบจะ 30 เพิ่งจะมีพาสปอร์ตเป็นของตัวเอง รอไม่เกิน 7 วัน ก็ได้พาสปอร์ตมาครอบครอง
3.
เตรียมเอกสารการยื่นวีซ่า ขั้นตอนนี้ยุ่งยากสุด และต้องใช้ความละเอียดสุดๆ ซึ่งดูรีวิวแต่ละกระทู้ ก็บอกไม่เหมือนกัน เอาไงดีล่ะ ตกลงเอาตามเว็บนี้เลยจ้า
https://www.vfsglobal.ch/Switzerland/Thailand/Thai/pdf/Schengen-Tourist-visa-new.pdf
คำถามที่เจอบ่อยๆ
- เอกสารที่เป็นภาษาไทยต้องแปลมั้ย? ตอบเลยว่า ต้องแปลค่ะ
- เอกสารสามารถแปลเองได้มั้ยคะ? ตอบเลยว่า ไม่ควรค่ะ ยกเว้นว่าทักษะภาษาอังกฤษแบบเป็นทางการเเม่นเป๊ะจริงๆ แต่ก็ยังแนะนำให้ส่งแปลกับศูนย์แปล เช่น ศูนย์แปลจุฬาค่ะ ราคาแอบสูงเหมือนกัน แผ่นละ 350 บาท และก็ต้องมาตรวจเช็คตัวสะกดอีกที ทุกแผ่นทุกบรรทัด เพราะมีผิดพลาดอยู่เหมือนกันค่ะ (ปล.แต่บางรีวิวก็แปลเองเซ็นเองค่ะ ถึงทางVFSจะบอกว่าต้องส่งแปลก็ยืนยันจะยื่น อันนี้แล้วแต่ทางสถานฑูตตัดสินเลยค่ะ)
- สามารถดาวน์โหลดแบบฟอร์มเอกสารการแปลจากเวบกงสุลมาแปลเองได้มั้ย? ตอบเลยว่า ได้ แต่ต้องแม่นภาษาทางการอย่างที่บอกไป และยังไงก็ต้องส่งไปประทับตราอยู่ดีค่ะ
- เอกสารที่แปลต้องประทับตรามั้ย? ตอบเลยว่า ต้องประทับตราค่ะ ไม่ว่าจะแปลเอง (ไม่แนะนำ) หรือจะส่งแปล ก็ต้องประทับตราค่ะ ทางเราประทับตรากับศูนย์จุฬาเหมือนเดิม แผ่นละ 200 บาท ลืมประทับตราไป 1 ฉบับ แต่โชคดีมากๆ ที่ทาง VFS บอกว่าอันนี้ไม่ต้องใช้ก็ได้ เลยโชคดีไปค่ะ
- ต้องยื่นเอกสารฉบับจริงไปด้วยมั้ยคะ? ตอบเลยว่า ไม่ต้องค่ะ แต่ต้องยื่นสำเนาของเอกสารทุกฉบับที่เป็นภาษาไทยไปด้วยค่ะ เพราะฉะนั้นถ่ายเอกสารไปให้เรียบร้อย เพราะทางเราเอาตัวจริงไปเลยจ้าาา ปรากฎว่าต้องไปถ่ายเอกสารกันที่หน้างาน ซึ่งราคาต่อแผ่นแพงสุดดดดด 555++ สรุปอันไหนแปลอันนั้นต้องยื่นสำเนาภาษาไทยแนบไปด้วยค่ะ
3.1
แบบฟอร์ม คำร้องขอวีซ่า :
วิธีการกรอกแบบฟอร์มคำร้อง เราทำตามกระทู้นี้เลย
https://ppantip.com/topic/38360738 (ขออนุญาตพี่เจ้าของกระทู้นี้ค่ะ)
3.2
รูปถ่าย 2 ใบขนาด 3.5ซมx4ซม :
รูปถ่ายนี่ก็ใช่ว่าจะง่ายๆนะคะ วันที่ไปถ่ายเราดันใส่ต่างหูเงินๆ แต่เป็นแบบเล็กๆ ติดหู และแม่ดันใส่สร้อยทอง ปรากฎว่า ของเรารูปใช้ได้ แต่ของแม่ต้องไปถ่ายใหม่ตอนไปยื่นที่ VFS เพราะฉะนั้น แนะนำให้ถอดเครื่องประดับทุกชนิด และถ่ายกับร้านที่เค้าเคยถ่ายรูปสำหรับทำวีซ่า เพราะว่าการขอวีซ่าแต่ละประเทศ ข้อกำหนดของรูปถ่ายก็จะแตกต่างกัน ให้เอาตามเว็บ VFS เช่นกัน
3.3
หนังสือเดินทาง (passport) ฉบับจริง พร้อมสำเนา: อายุการใช้งานเหลืออย่างน้อย 3 เดือน
3.4
หนังสือรับรองการเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล (ถ้ามี) : ถ้ามีก็แนบไปเลยค่ะ สำเนาภาษาไทย กับฉบับแปลพร้อมประทับตรา
3.5
ตั๋วเครื่องบินไป-กลับ : ปริ้นออกมาจากอีเมลล์ที่สายการบินส่งไปให้ แนบไปทั้ง 4 คน ต้องมีชื่อทุกคนที่เดินทางนะ
3.6
ประกันการเดินทาง : เราซื้อกับกรุงไทยพาณิชย์ประกันภัย ตกคนละ650บาท(ต้องซื้อให้ครอบคลุมข้อกำหนดที่ VFS บอกไว้นะคะ)
3.7
หลักฐานการจองที่พัก/โรงแรม :
แนะนำให้จองกับเว็บ Booking.com (พอรวมภาษีแล้วราคาดีว่า Agoda) ให้เลือกอันที่ "ยกเลิกการจองได้ฟรี" เราจะได้ไม่ต้องจ่ายเงินไปก่อน เผื่ออยากเปลี่ยนที่พัก และต้องปริ้นให้มีชื่อทุกคนที่ไป วิธีการใส่ชื่อให้ครบทั้งหมด ให้ใส่ตรงช่องที่เขียนว่า "คำขอพิเศษ" ระบุ Name of Guest : มีกี่คนก็ใส่ไปเลยค่ะ เรียงหมายเลข 1,2,3..... เป็นต้น
3.8
แผนการเดินทางโดยละเอียด : ในแพลนควรใส่ที่อยู่ของที่พักแต่ละที่ รวมถึงเบอร์โทร วันที่เช็คอิน และ เช็คเอาท์แต่ละโรงแรม คือละเอียดที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ รวมถึงวิธีการเดินทางไปแต่ละที่ ของเราดันเขียนใส่ Swiss pass Day1,2,3...,8 ไป แจ๊กพอตเลยจ้า
3.9
หนังสือรับรองบริษัท / หนังสือรับรองจากสถาบันการศึกษาที่เรียนอยู่ / ใบอนุญาตการประกอบธุรกิจ : ใครมีธุรกิจของตัวเอง ก็แนบใบอนุญาต และทะเบียนพาณิชย์ ทั้งสำเนาภาษาไทย กับฉบับแปลภาษาอังกฤษพร้อมประทับตรา ส่วนใครมีงานประจำ ก็ให้บริษัทที่ทำงานออกหนังสือรับรองการทำงานเป็นภาษาอังกฤษให้ และประทับตราบริษัท ของเรา และสามี มีธุรกิจส่วนตัวกันทั้งคู่ เลยยื่นใบอนุญาต กับทะเบียนพาณิชย์ไปค่ะ แต่ยุ่งยากตรงที่ธุรกิจของเรามีชื่อสามีเป็นเจ้าของ แต่มีชื่อเราเป็นคนทำงาน เลยยื่นทะเบียนสมรสไปด้วยค่ะ เพราะหลังแต่งงาน ธุรกิจเค้ากลายมาเป็นธุรกิจเรา 555++
3.10
Bank statement:
อันนี้สำคัญมากระดับนึงค่ะ คือ statement ที่ยื่นไปควรเดินบัญชีต่อเนื่องอย่างน้อย 3 เดือนอย่างสม่ำเสมอ ถามว่าต้องมีเงินในบัญชีมากขนาดไหน อันนี้คร่าวๆ คือเค้าจะคำนวณดูว่า เราขอวีซ่าไปกี่วัน ค่าใช้จ่ายที่นู่น ตกเฉลี่ยวันละ 10,000 บาท เช่นเราขอไป 10 วัน ควรมีเงินในบัญชีอย่างน้อย 10,000*10 = 100,000 บาท ที่สำคัญวันที่เงินเข้าออกจากบัญชีวันสุดท้ายกับวันที่ยื่นไม่ควรเกิน 15 วันค่ะ (ถ้าคุณมีทรัพย์สินที่อยู่ในสภาพอย่างอื่นก็ยื่นไปได้อีก เช่น มีเงินในหุ้น มีโฉนดที่ดิน เป็นต้น และสำคัญกว่าทรัพสินคือ หนี้สินค่ะ อย่าไปกลัวว่าเรามีหนี้แล้วเค้าจะไม่ให้ไป เพราะเค้าจะคิดว่าถ้าเรามีหนี้ ยังไงก็ต้องกลับมาใช้หนี้ค่ะ ผ่อนรถ ผ่อนบ้านถ้ามีก็แนบๆไปค่ะ) ส่วนของเรายื่นทั้ง statement ตัวเอง แล้วก็ของสามีเป็นสปอนต์เซอร์ ย้อนหลัง 6 เดือนเลยค่ะ คือด้วยความวิตกจริต กลัวเอกสารไม่เพียงพอ เลยยื่นไปทั้งแบบ
สปอนต์เซอร์ตัวเอง+สามีเป็นสปอนต์เซอร์ให้ ส่วนสามีก็ยื่นของตัวเอง+ยื่นเป็นสปอนต์เซอร์ให้กับพ่อและแม่ด้วย
3.11
Bank Certificate:
หนังสือรับรองสถานะการเงินเป็นภาษาอังกฤษ อันนี้บอกทางธนาคารได้เลยค่ะ ว่าจะเอาไปยื่นขอวีซ่าเชงเก้น รายละเอียดประมาณว่า เปิดบัญชีมานานแค่ไหนแล้ว สภาพการเงินเป็นยังไง มีเงินกี่หลัก อยู่ในระดับ สูง กลาง ต่ำ แนบคู่กับ statement ไปเลย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้การยื่นเป็นสปอนต์เซอร์ คนที่เป็นสปอนต์เซอร์ ต้องเขียนหนังสือแสดงความประสงค์ในการเป็นสปอนต์เซอร์แนบไปด้วยค่ะ กรณีนี้สามีแนบให้เรา แม่ และพ่อค่ะ สามารถหาดูตัวอย่างการเขียนตามเน็ตเลย ฉบับนี้ให้สปอนเซอร์เซ็นอย่างเดียว ไม่ต้องส่งประทับตรานะ ปล.ยื่นเอกสารแสดงความสัมพันธ์กับสปอนเซอร์ด้วย เช่น ทะเบียนสมรส ทะเบียนบ้านหรือสูติบัตร และทะเบียนสมรสพ่อแม่
3.11
ถ้าเป็นเด็ก ก็ใช้ใบสูติบัตร
3.12
เอกสารเพิ่มเติมอื่นๆ : เรายื่นเอกสารแนะนำตัวของสามีไปด้วย อย่างที่บอกทั้ง 4 คนไม่เคยไปประเทศไหนกันมาก่อนเลย แล้วเลือกไปสวิตประเทศแรกในหน้าพาสปอร์ต เลยทำเอกสารเล่ารายละเอียดว่าสามีเป็นใคร มีอาชีพอะไร รายได้ต่อเดือนเท่าไหร่ ทำไมถึงอยากไปสวิต และเหตุผลที่เราจะกลับมาที่ไทยแน่นอน เพราะว่าเรามีธุรกิจ ได้แก่ บลาๆๆ(แต่เหตุผลข้อสุดท้ายของเราคือ พ่อกับแม่พูดอังกฤษไม่ได้เลย จึงไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นได้นานแน่นอน555+ ดูจริงใจดีเหตุผลนี้) พร้อมแนบรูปถ่ายธุรกิจไปด้วยเลยค่ะ คือเอกสารเราแน่นหนามาก ก่อนไปหมดไปเยอะมาก ถ้าวีซ่าไม่ผ่านคือร้องไห้ 555+
4.
นัดวันยื่นคำร้องขอวีซ่า กับทาง VFS
นัดวันผ่านทางเว็บไซด์ VFS เหมือนเดิมค่ะ อย่าลืมเผื่อเวลาสำหรับการเดินทางด้วย ของเราอยู่ต่างจังหวัด ต้องนั่งเครื่องไป ก็เลยเอาชัวร์ ไปก่อนล่วงหน้าหลายชั่วโมง และไป survey ก่อนว่าที่ยื่นอยู่ไหน นั่ง MRT ไปลงสถานีสามย่าน ออกทางจตุรัสจามจุรี คืออยู่ที่ตึกจามจุรีสแควร์ชั้น 4 ขึ้นลิฟต์หน้า KFC ไปถึงประมาณ 11 โมง นัดไว้บ่ายโมง ทางเจ้าหน้าที่ว่างพอดีเลยให้เข้ายื่นได้เลย โชคดีมากกก แล้วก็ทำตามขั้นตอนที่เจ้าหน้าที่บอกเลย ตอนยื่นเรา กับสามี ได้ยื่นกับเจ้าหน้าที่คนละคน ของเราเจ้าหน้าที่แอบดุนิดนึง เกือบให้รูปถ่ายไม่ผ่าน เค้าบอกฉากหลังมันมืดไป แต่ของสามีผ่าน งงมั้ย ก็ถ่ายมาร้านเดียวกัน 555++ แต่สุดท้ายเค้าก็ให้ยื่นไป ส่วนของแม่อย่างที่บอก ถ่ายเห็นสร้อยคอ ต้องไปถ่ายใหม่ในตึกนั้นแหละ
5.
การรับพาสปอร์ต และวีซ่า
พอยื่นเอกสารทั้งหมดเสร็จแล้ว ทาง VFS จะให้เราเลือกว่าเราจะไปรับเอง หรือจะให้ส่ง EMS เราเลือกส่ง EMS เพราะอยู่ต่างจังหวัด ใช้เวลาในการดำเนินการไม่เกิน 1 สัปดาห์ แต่ระหว่างที่รอนั้น บอกเลยว่าจิตตกมาก ไปนั่งอ่านรีวิวกระทู้ต่างๆ เจอทั้งแบบผ่าน และไม่ผ่าน ถามเพื่อน บางคนก็บอกผ่าน บางคนก็บอกไม่รู้ เลยบอกกับสามีว่า ถ้าไม่ติดว่าจ่ายเงินค่าตั๋วเครื่องบินไปแล้ว อยากจะเปลี่ยนไปเที่ยวประเทศอื่นแล้วอ่ะ 555 คือทั้งเหนื่อยกับ
การเตรียมเอกสาร เหนื่อยรอลุ้น แต่ถ้าผ่านคือคุ้มค่ามาก ผ่านไปประมาณ 4 วัน มีโทรศัพท์เข้า เบอร์ 02-xxxxxx ปกติจะไม่รับเบอร์แปลกเลย แต่ไม่รู้อะไรดลใจให้รับสายนี้ พอรับเท่านั้นแหละ ปลายสายพ่นภาษาอังกฤษไฟลุกมาเลยจ้าาาา
สรุปคือ ทางสถานทูตโทรมาถามว่า เราไปกับทัวร์มั้ย เราตอบว่าไม่ เค้าเลยถามต่อว่าในแพลนใช้สวิตพาสใช่มั้ย แล้วได้ซื้อหรือยัง เราบอกว่ายัง คือกะว่าค่อยซื้อตอนวีซ่าผ่าน เค้าเลยถามว่าเราพร้อมจะซื้อมั้ยตอนนี้ เราบอกพร้อม คือตอนนั้น คงตอบได้คำตอบเดียวอ่ะ เค้าเลยบอกว่างั้นซื้อแล้วส่งเอกสารการซื้อมาทางอีเมลล์นะ หลังจากวางสายเท่านั้นแหละ รีบซื้อสวิตพาส แล้วส่งเอกสารไปทันทีค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้swiss travel pass คือตั๋วที่ใช้สำหรับการเดินทางเวลาไปเที่ยวสวิต แบบได้ส่วนลด นั่งรถไฟฟรี อะไรแบบนี้ ถ้าไปหลายๆ วันแนะนำให้ซื้อ เพราะคุ้มกว่าออกตังเองหน้างาน เราซื้อจากเว็บ klook แบบ 8 วัน เฉลี่ยคนละประมาณ 13,xxx บาท ถ้าไม่อยากซื้อก่อน อย่าใส่คำว่า swisspass ลงไปในแผนการท่องเที่ยวนะ ไม่งั้นเค้าโทรมาให้เราซื้อแน่ 555++ แต่ถ้ามองอีกมุมเพื่อความน่าเชื่อถือ คือใส่ในแพลน แล้วซื้อแนบยื่นวัดใจไปเลย 555
วันที่รอคอย หลังจากวันที่รับโทรศัพท์ผ่านไปประมาณ 2 วัน มีไปรษณีย์มาส่งจ้า รีบเปิดอย่างทันทีค่ะ ไม่รอช้า ปรากฎว่าผ่านจ้าาาาาาา ทั้ง 4 คน
ได้มามากกว่าวันไปเที่ยวจริงแค่ 1 วัน จำนวนวันที่ได้ตามที่เราซื้อประกันค่ะ
***ถ้าไปกับทัวร์อาจไม่ยุ่งยากขนาดนี้ แต่สำหรับเรา ความสนุกมันอยู่ตรงนี้แหละ อะไรที่ได้มายาก มันจะมีค่าเสมอ
*****หลังกลับจากเที่ยวจะมารีวิวการท่องเที่ยวโดยละเอียด ว่าไปไหนบ้าง กินอะไร พักที่ไหน ใช้งบเท่าไหร่
ขอจบการรีวิวเพียงเท่านี้นะคะ หวังว่ารีวิวนี้จะเป็นประโยชน์กับหลายๆท่านนะคะ เพราะเราก็ได้ประโยชน์จากการดูรีวิวพันทิปนี่แหละค่ะ ><
[SR] รีวิว ขอวีซ่าเชงเก้น สวิตเซอร์แลนด์ สำหรับมือใหม่ ผ่าน VFS ไม่ยาก แต่ก็ไม่ง่าย พ.ค. 2019 ฉบับละเอียดยิบ!!!!!!
1. ขั้นตอนแรกที่เราทำ คือการจองตั๋วเครื่องบิน ก็คือค้นเอาในเวบ Skyscaner เวบนี้ก็จะทำการเปรียบเทียบ รวบรวมตั๋วของทุกสายการบินในวันที่เราเดินทางมาให้ เราก็เลือกตามราคาที่เราสะดวกเลยจ่ะ สรุปเราจองสายการบิน โอมานแอร์ ได้ในราคาคนละ 17,xxx บาท และจ่ายตังเลยจ้าาาา แต่!!! เห้ยจ่ายตังแล้ว ด้วยความที่กลัวตั๋วราคาแพง โดยที่ยังไม่รู้ว่าวีซ่าจะผ่านมั้ย 555+++ พาสปอร์ตก็ยังไม่มี
คำแนะนำ : จะจ่ายตังค่าตั๋วก่อน หรือไม่ก็ได้ แต่ถ้าไม่จ่ายก่อน โอกาสตั๋วขึ้นราคามีสูงมาก
2. ขั้นตอนต่อมา ไปทำพาสปอร์ตกันก่อน ขั้นตอนนี้ไม่ยากค่ะ แค่เตรียมบัตรประชาชนไปที่ สำนักงานหนังสือเดินทาง หลายๆ คนอาจจะมีอยู่แล้ว ถ้ามีอายุการใช้งานเหลือไม่ต่ำว่า 3 เดือน เป็นอันใช้ได้ แต่ของทางเราทำใหม่กันทั้ง 4 คน หน้าพาสปอร์ต ขาวจั๊วะ ว่างเปล่า 555+ อายุเกือบจะ 30 เพิ่งจะมีพาสปอร์ตเป็นของตัวเอง รอไม่เกิน 7 วัน ก็ได้พาสปอร์ตมาครอบครอง
3. เตรียมเอกสารการยื่นวีซ่า ขั้นตอนนี้ยุ่งยากสุด และต้องใช้ความละเอียดสุดๆ ซึ่งดูรีวิวแต่ละกระทู้ ก็บอกไม่เหมือนกัน เอาไงดีล่ะ ตกลงเอาตามเว็บนี้เลยจ้า
https://www.vfsglobal.ch/Switzerland/Thailand/Thai/pdf/Schengen-Tourist-visa-new.pdf
คำถามที่เจอบ่อยๆ
- เอกสารที่เป็นภาษาไทยต้องแปลมั้ย? ตอบเลยว่า ต้องแปลค่ะ
- เอกสารสามารถแปลเองได้มั้ยคะ? ตอบเลยว่า ไม่ควรค่ะ ยกเว้นว่าทักษะภาษาอังกฤษแบบเป็นทางการเเม่นเป๊ะจริงๆ แต่ก็ยังแนะนำให้ส่งแปลกับศูนย์แปล เช่น ศูนย์แปลจุฬาค่ะ ราคาแอบสูงเหมือนกัน แผ่นละ 350 บาท และก็ต้องมาตรวจเช็คตัวสะกดอีกที ทุกแผ่นทุกบรรทัด เพราะมีผิดพลาดอยู่เหมือนกันค่ะ (ปล.แต่บางรีวิวก็แปลเองเซ็นเองค่ะ ถึงทางVFSจะบอกว่าต้องส่งแปลก็ยืนยันจะยื่น อันนี้แล้วแต่ทางสถานฑูตตัดสินเลยค่ะ)
- สามารถดาวน์โหลดแบบฟอร์มเอกสารการแปลจากเวบกงสุลมาแปลเองได้มั้ย? ตอบเลยว่า ได้ แต่ต้องแม่นภาษาทางการอย่างที่บอกไป และยังไงก็ต้องส่งไปประทับตราอยู่ดีค่ะ
- เอกสารที่แปลต้องประทับตรามั้ย? ตอบเลยว่า ต้องประทับตราค่ะ ไม่ว่าจะแปลเอง (ไม่แนะนำ) หรือจะส่งแปล ก็ต้องประทับตราค่ะ ทางเราประทับตรากับศูนย์จุฬาเหมือนเดิม แผ่นละ 200 บาท ลืมประทับตราไป 1 ฉบับ แต่โชคดีมากๆ ที่ทาง VFS บอกว่าอันนี้ไม่ต้องใช้ก็ได้ เลยโชคดีไปค่ะ
- ต้องยื่นเอกสารฉบับจริงไปด้วยมั้ยคะ? ตอบเลยว่า ไม่ต้องค่ะ แต่ต้องยื่นสำเนาของเอกสารทุกฉบับที่เป็นภาษาไทยไปด้วยค่ะ เพราะฉะนั้นถ่ายเอกสารไปให้เรียบร้อย เพราะทางเราเอาตัวจริงไปเลยจ้าาา ปรากฎว่าต้องไปถ่ายเอกสารกันที่หน้างาน ซึ่งราคาต่อแผ่นแพงสุดดดดด 555++ สรุปอันไหนแปลอันนั้นต้องยื่นสำเนาภาษาไทยแนบไปด้วยค่ะ
3.1 แบบฟอร์ม คำร้องขอวีซ่า :
วิธีการกรอกแบบฟอร์มคำร้อง เราทำตามกระทู้นี้เลย https://ppantip.com/topic/38360738 (ขออนุญาตพี่เจ้าของกระทู้นี้ค่ะ)
3.2 รูปถ่าย 2 ใบขนาด 3.5ซมx4ซม :
รูปถ่ายนี่ก็ใช่ว่าจะง่ายๆนะคะ วันที่ไปถ่ายเราดันใส่ต่างหูเงินๆ แต่เป็นแบบเล็กๆ ติดหู และแม่ดันใส่สร้อยทอง ปรากฎว่า ของเรารูปใช้ได้ แต่ของแม่ต้องไปถ่ายใหม่ตอนไปยื่นที่ VFS เพราะฉะนั้น แนะนำให้ถอดเครื่องประดับทุกชนิด และถ่ายกับร้านที่เค้าเคยถ่ายรูปสำหรับทำวีซ่า เพราะว่าการขอวีซ่าแต่ละประเทศ ข้อกำหนดของรูปถ่ายก็จะแตกต่างกัน ให้เอาตามเว็บ VFS เช่นกัน
3.3 หนังสือเดินทาง (passport) ฉบับจริง พร้อมสำเนา: อายุการใช้งานเหลืออย่างน้อย 3 เดือน
3.4 หนังสือรับรองการเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล (ถ้ามี) : ถ้ามีก็แนบไปเลยค่ะ สำเนาภาษาไทย กับฉบับแปลพร้อมประทับตรา
3.5 ตั๋วเครื่องบินไป-กลับ : ปริ้นออกมาจากอีเมลล์ที่สายการบินส่งไปให้ แนบไปทั้ง 4 คน ต้องมีชื่อทุกคนที่เดินทางนะ
3.6 ประกันการเดินทาง : เราซื้อกับกรุงไทยพาณิชย์ประกันภัย ตกคนละ650บาท(ต้องซื้อให้ครอบคลุมข้อกำหนดที่ VFS บอกไว้นะคะ)
3.7 หลักฐานการจองที่พัก/โรงแรม :
แนะนำให้จองกับเว็บ Booking.com (พอรวมภาษีแล้วราคาดีว่า Agoda) ให้เลือกอันที่ "ยกเลิกการจองได้ฟรี" เราจะได้ไม่ต้องจ่ายเงินไปก่อน เผื่ออยากเปลี่ยนที่พัก และต้องปริ้นให้มีชื่อทุกคนที่ไป วิธีการใส่ชื่อให้ครบทั้งหมด ให้ใส่ตรงช่องที่เขียนว่า "คำขอพิเศษ" ระบุ Name of Guest : มีกี่คนก็ใส่ไปเลยค่ะ เรียงหมายเลข 1,2,3..... เป็นต้น
3.8 แผนการเดินทางโดยละเอียด : ในแพลนควรใส่ที่อยู่ของที่พักแต่ละที่ รวมถึงเบอร์โทร วันที่เช็คอิน และ เช็คเอาท์แต่ละโรงแรม คือละเอียดที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ รวมถึงวิธีการเดินทางไปแต่ละที่ ของเราดันเขียนใส่ Swiss pass Day1,2,3...,8 ไป แจ๊กพอตเลยจ้า
3.9 หนังสือรับรองบริษัท / หนังสือรับรองจากสถาบันการศึกษาที่เรียนอยู่ / ใบอนุญาตการประกอบธุรกิจ : ใครมีธุรกิจของตัวเอง ก็แนบใบอนุญาต และทะเบียนพาณิชย์ ทั้งสำเนาภาษาไทย กับฉบับแปลภาษาอังกฤษพร้อมประทับตรา ส่วนใครมีงานประจำ ก็ให้บริษัทที่ทำงานออกหนังสือรับรองการทำงานเป็นภาษาอังกฤษให้ และประทับตราบริษัท ของเรา และสามี มีธุรกิจส่วนตัวกันทั้งคู่ เลยยื่นใบอนุญาต กับทะเบียนพาณิชย์ไปค่ะ แต่ยุ่งยากตรงที่ธุรกิจของเรามีชื่อสามีเป็นเจ้าของ แต่มีชื่อเราเป็นคนทำงาน เลยยื่นทะเบียนสมรสไปด้วยค่ะ เพราะหลังแต่งงาน ธุรกิจเค้ากลายมาเป็นธุรกิจเรา 555++
3.10 Bank statement:
อันนี้สำคัญมากระดับนึงค่ะ คือ statement ที่ยื่นไปควรเดินบัญชีต่อเนื่องอย่างน้อย 3 เดือนอย่างสม่ำเสมอ ถามว่าต้องมีเงินในบัญชีมากขนาดไหน อันนี้คร่าวๆ คือเค้าจะคำนวณดูว่า เราขอวีซ่าไปกี่วัน ค่าใช้จ่ายที่นู่น ตกเฉลี่ยวันละ 10,000 บาท เช่นเราขอไป 10 วัน ควรมีเงินในบัญชีอย่างน้อย 10,000*10 = 100,000 บาท ที่สำคัญวันที่เงินเข้าออกจากบัญชีวันสุดท้ายกับวันที่ยื่นไม่ควรเกิน 15 วันค่ะ (ถ้าคุณมีทรัพย์สินที่อยู่ในสภาพอย่างอื่นก็ยื่นไปได้อีก เช่น มีเงินในหุ้น มีโฉนดที่ดิน เป็นต้น และสำคัญกว่าทรัพสินคือ หนี้สินค่ะ อย่าไปกลัวว่าเรามีหนี้แล้วเค้าจะไม่ให้ไป เพราะเค้าจะคิดว่าถ้าเรามีหนี้ ยังไงก็ต้องกลับมาใช้หนี้ค่ะ ผ่อนรถ ผ่อนบ้านถ้ามีก็แนบๆไปค่ะ) ส่วนของเรายื่นทั้ง statement ตัวเอง แล้วก็ของสามีเป็นสปอนต์เซอร์ ย้อนหลัง 6 เดือนเลยค่ะ คือด้วยความวิตกจริต กลัวเอกสารไม่เพียงพอ เลยยื่นไปทั้งแบบ
สปอนต์เซอร์ตัวเอง+สามีเป็นสปอนต์เซอร์ให้ ส่วนสามีก็ยื่นของตัวเอง+ยื่นเป็นสปอนต์เซอร์ให้กับพ่อและแม่ด้วย
3.11 Bank Certificate:
หนังสือรับรองสถานะการเงินเป็นภาษาอังกฤษ อันนี้บอกทางธนาคารได้เลยค่ะ ว่าจะเอาไปยื่นขอวีซ่าเชงเก้น รายละเอียดประมาณว่า เปิดบัญชีมานานแค่ไหนแล้ว สภาพการเงินเป็นยังไง มีเงินกี่หลัก อยู่ในระดับ สูง กลาง ต่ำ แนบคู่กับ statement ไปเลย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
3.11 ถ้าเป็นเด็ก ก็ใช้ใบสูติบัตร
3.12 เอกสารเพิ่มเติมอื่นๆ : เรายื่นเอกสารแนะนำตัวของสามีไปด้วย อย่างที่บอกทั้ง 4 คนไม่เคยไปประเทศไหนกันมาก่อนเลย แล้วเลือกไปสวิตประเทศแรกในหน้าพาสปอร์ต เลยทำเอกสารเล่ารายละเอียดว่าสามีเป็นใคร มีอาชีพอะไร รายได้ต่อเดือนเท่าไหร่ ทำไมถึงอยากไปสวิต และเหตุผลที่เราจะกลับมาที่ไทยแน่นอน เพราะว่าเรามีธุรกิจ ได้แก่ บลาๆๆ(แต่เหตุผลข้อสุดท้ายของเราคือ พ่อกับแม่พูดอังกฤษไม่ได้เลย จึงไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นได้นานแน่นอน555+ ดูจริงใจดีเหตุผลนี้) พร้อมแนบรูปถ่ายธุรกิจไปด้วยเลยค่ะ คือเอกสารเราแน่นหนามาก ก่อนไปหมดไปเยอะมาก ถ้าวีซ่าไม่ผ่านคือร้องไห้ 555+
4. นัดวันยื่นคำร้องขอวีซ่า กับทาง VFS
นัดวันผ่านทางเว็บไซด์ VFS เหมือนเดิมค่ะ อย่าลืมเผื่อเวลาสำหรับการเดินทางด้วย ของเราอยู่ต่างจังหวัด ต้องนั่งเครื่องไป ก็เลยเอาชัวร์ ไปก่อนล่วงหน้าหลายชั่วโมง และไป survey ก่อนว่าที่ยื่นอยู่ไหน นั่ง MRT ไปลงสถานีสามย่าน ออกทางจตุรัสจามจุรี คืออยู่ที่ตึกจามจุรีสแควร์ชั้น 4 ขึ้นลิฟต์หน้า KFC ไปถึงประมาณ 11 โมง นัดไว้บ่ายโมง ทางเจ้าหน้าที่ว่างพอดีเลยให้เข้ายื่นได้เลย โชคดีมากกก แล้วก็ทำตามขั้นตอนที่เจ้าหน้าที่บอกเลย ตอนยื่นเรา กับสามี ได้ยื่นกับเจ้าหน้าที่คนละคน ของเราเจ้าหน้าที่แอบดุนิดนึง เกือบให้รูปถ่ายไม่ผ่าน เค้าบอกฉากหลังมันมืดไป แต่ของสามีผ่าน งงมั้ย ก็ถ่ายมาร้านเดียวกัน 555++ แต่สุดท้ายเค้าก็ให้ยื่นไป ส่วนของแม่อย่างที่บอก ถ่ายเห็นสร้อยคอ ต้องไปถ่ายใหม่ในตึกนั้นแหละ
5.การรับพาสปอร์ต และวีซ่า
พอยื่นเอกสารทั้งหมดเสร็จแล้ว ทาง VFS จะให้เราเลือกว่าเราจะไปรับเอง หรือจะให้ส่ง EMS เราเลือกส่ง EMS เพราะอยู่ต่างจังหวัด ใช้เวลาในการดำเนินการไม่เกิน 1 สัปดาห์ แต่ระหว่างที่รอนั้น บอกเลยว่าจิตตกมาก ไปนั่งอ่านรีวิวกระทู้ต่างๆ เจอทั้งแบบผ่าน และไม่ผ่าน ถามเพื่อน บางคนก็บอกผ่าน บางคนก็บอกไม่รู้ เลยบอกกับสามีว่า ถ้าไม่ติดว่าจ่ายเงินค่าตั๋วเครื่องบินไปแล้ว อยากจะเปลี่ยนไปเที่ยวประเทศอื่นแล้วอ่ะ 555 คือทั้งเหนื่อยกับ
การเตรียมเอกสาร เหนื่อยรอลุ้น แต่ถ้าผ่านคือคุ้มค่ามาก ผ่านไปประมาณ 4 วัน มีโทรศัพท์เข้า เบอร์ 02-xxxxxx ปกติจะไม่รับเบอร์แปลกเลย แต่ไม่รู้อะไรดลใจให้รับสายนี้ พอรับเท่านั้นแหละ ปลายสายพ่นภาษาอังกฤษไฟลุกมาเลยจ้าาาา
สรุปคือ ทางสถานทูตโทรมาถามว่า เราไปกับทัวร์มั้ย เราตอบว่าไม่ เค้าเลยถามต่อว่าในแพลนใช้สวิตพาสใช่มั้ย แล้วได้ซื้อหรือยัง เราบอกว่ายัง คือกะว่าค่อยซื้อตอนวีซ่าผ่าน เค้าเลยถามว่าเราพร้อมจะซื้อมั้ยตอนนี้ เราบอกพร้อม คือตอนนั้น คงตอบได้คำตอบเดียวอ่ะ เค้าเลยบอกว่างั้นซื้อแล้วส่งเอกสารการซื้อมาทางอีเมลล์นะ หลังจากวางสายเท่านั้นแหละ รีบซื้อสวิตพาส แล้วส่งเอกสารไปทันทีค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
วันที่รอคอย หลังจากวันที่รับโทรศัพท์ผ่านไปประมาณ 2 วัน มีไปรษณีย์มาส่งจ้า รีบเปิดอย่างทันทีค่ะ ไม่รอช้า ปรากฎว่าผ่านจ้าาาาาาา ทั้ง 4 คน
ได้มามากกว่าวันไปเที่ยวจริงแค่ 1 วัน จำนวนวันที่ได้ตามที่เราซื้อประกันค่ะ
***ถ้าไปกับทัวร์อาจไม่ยุ่งยากขนาดนี้ แต่สำหรับเรา ความสนุกมันอยู่ตรงนี้แหละ อะไรที่ได้มายาก มันจะมีค่าเสมอ
*****หลังกลับจากเที่ยวจะมารีวิวการท่องเที่ยวโดยละเอียด ว่าไปไหนบ้าง กินอะไร พักที่ไหน ใช้งบเท่าไหร่
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้