เสียงวิทยุดังอ้าวพิธีออกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาล ทุกคนในเพิงขายก๋วยเตี๋ยวชื่อร้านน้องนก ต่างจดจ่อตั้งใจฟังแล้วเสียงเฮเสียงโห่ก็ดังตามมาดังครืนกับคนที่สมหวัง ต่างกับตาก้อนที่ยืนกัดฟันโคลงหัวบอกไม่น่าๆ มือสั่นๆ มองตัวเลขบนสลากในมือปึกใหญ่ ที่ล้วนผิดคลาดไปแค่ตัวเดียว ถึงกับจับฉีกดังขวากไปพร้อมกับพวยหวยใต้ดิน ง้างเท้าถีบเก้าอี้ดังโครมไปทางนายผ่องที่กำลังโซ้ยเส้นคาปาก จนต้องยกชามหลบหันมามองหน้า ลูกสาวร่างอวบใบหน้าหน้าจิ้มลิ่มมีเค้าใบหน้าสวยถ้าผอมกว่านี้ กำลังลวกเส้นก๋วยเตี๋ยวต้องส่ายหน้า ใช้ท่อนแขนเช็ดเม็ดเหงื่อผุดซึมเต็มหน้าผากด้วยความร้อน พ่อเสียทีไรพาลทุกที
“มองอะไรเอ็งวะไอ้ดำ เอ็งมันไม่น่าเกิดมาชื่อผ่องเลย รีบกินๆ เข้าไปดิ๊แล้วก็ไป มามัวเฝ้าลูกสาวกูอยู่ได้”
“จ้ะๆ พ่อฉันไปล่ะ”
“ใครเป็นพ่อเอ็งวะ”
ชายหนุ่มรีบย่อตัวเดินก้มหน้า ร่างกายกำยำล่ำสัน สวมเพียงกางเกงยีนสั้นเลยเข่าสำหรับใส่ไถนา อาชีพของผ่องทำนาทนตากแดดจนผิวดำขึ้นเงา
เป็นคนนิสัยนักเลงพอตัว แต่มันไม่กล้าหือกับนักเลงรุ่นพ่อ โดยเฉพาะกำลังเฝ้าตามจีบลูกสาวเขาอยู่ด้วย
“เดี่ยวก่อนพี่ผ่อง” นกรีบไปหยิบกระดาษบนหิ้งพระมาจรดมือพนมอธิษฐานขอพร แล้วไปคว้าแขนผ่องคนซื่อให้เดินตามมาหยุดอยู่หน้าแผงของผู้ค้าเร่ ที่มานั่งกินก๋วยเตี๋ยวในร้าน ผ่องปฏิเสธเพราะไม่ใช่คนเล่นการพนันทุกชนิด
“พี่ผ่องลองเสี่ยงดวงดูนะจ๊ะ ฉันอธิษฐานขอพรไว้แล้ว เผื่อชีวิตของพวกเราจะดีขึ้น ไม่แน่นะปกติคนไม่เล่น อาจมีดวงถูกรางวัลใหญ่ก็เป็นได้”
“ถ้างั้นพี่เอาชุดหนึ่งละกัน” ผ่องจำใจหยิบเลขมาชุดหนึ่ง
“เฮ้ย! อะไรวะเลขท้าย 0 0 0 ใครมันจะโง่ซื้อว่ะ” ตาก้อนหัวเราะดังเอิ้กแอ่นหน้าแอ่นหลังเพราะได้ดื่มขาวสี่สิบห้าดีกรีไปหน่อยอารมณ์จึงห้าวแรง ผ่องมือแปะป่ายกระเป๋ากางเกงหาแบงก์แล้วยิ้มแห้ง ปกติไม่ค่อยมีแบ้งก์สีแดงสีม่วงสีเทาพกติดตัวเหมือนใครเขา นกยิ้มขำไม่ถือสา ยอมควักเงินจากเอี๊ยมของตนยัดให้เจ้าของแผงไป จับมือหยาบมายัดกระดาษกำชับให้อ่านข้อความให้ได้
พักเที่ยงของทุกวัน ผ่องจะมาหิ้วท้องมากินก๋วยเตี๋ยวที่เพิงของนกแล้วจะกลับไปไถนาต่อ ด้วยนิสัยเป็นคนพูดน้อย ใบหน้านิ่งนิสัยทื่อๆ บ้างครั้งบูดบึ้งจากการทำงานหนัก ใครก็ว่าเป็นคนไม่มีอนาคตโดยเฉพาะพ่อจะชิงชังมาก ด้วยถือมีลูกสาวสวยกว่าใครในตำบล เดิมมีหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่มากหน้ามาตามจีบ ตอนนี้เหลือเพียงผ่องกับไอ้วันคนเชือดหมู รูปร่างของนกเคยอรชรเปลี่ยนมาเป็นอวบระยะสุดท้ายจนคนลือกันว่าเธอไปแอบคลอดลูกมาจนคุมน้ำหนักไม่อยู่ ข่าวนี้ยังไม่พ้องกับข่าวเสียหาย เมื่อต้นปีก่อนมีคนพบเห็นนกไปกับเจ๊เล้ง แม่เล้าที่ชอบหาสาวๆ ไปทำงานขายบริการ ไม่มีใครรู้ว่าเธอต้องยอมเสียสละตัวเองเพื่อหาเงินมารักษาพ่อเพื่อผ่าตัดหัวใจ และผู้ชายคนแรกคืนนั้นในซ่องคือผ่องนั่นเอง เขายอมขายนาที่แต่เดิมมีกว่าร้อยไร่ รีบนำเงินมาไถ่ถอนตัวเธอจากเจ๊เล้งแม่เล้า
นกยังจำภาพเหตุการณ์ในคืนนั้นได้ดี เธอนั่งบนเตียง ผ่องนั่งบนพื้นกอดเข่าหน้าบูดบึ้งไม่พูดไม่จา ไม่คิดขึ้นมาร่วมกับเธอบนเตียง จุดประสงค์จะเฝ้าไม่ให้แมงดากับผู้ชายหน้าไหนเข้ามาในห้องได้ แม้ดึกดื่นนานทีจะหันมาชำเลืองมองเธอ พอรู้ยังไม่หลับจะรีบหลบสายตาเสีย รอเวลาให้ถึงรุ่งเช้าพาตัวกลับมาส่งถึงบ้าน แม้คนหัวใจด้านชายังดูออกว่าหัวจิตหัวใจของผู้ชายคนนี้ที่มีให้แก่เธอ แม้ปากของเขาจะไม่ได้เอ่ยคำพูดใดๆ ออกมาเลย
นกได้บอกกับตัวเอง ได้เข้าหอกับผ่องในคืนนั้นแล้ว รอเพียงให้เขามาสู่ขอกับพ่อตามประเพณีเท่านั้น ติดที่พ่อเรียกค่าสินสอดแพง สายตาได้แต่มองเขาออกจากเพิงไป ฝ่าเปลวแดดยามเที่ยงวันเต้นเป็นคลื่นระยิบเหนือกล้าข้าวพึ่งงอกสูงพ้นผิวน้ำ นกปากห่างฝูงใหญ่ยืนกันสลอนหาหอยโข่งกิน มันคาบหอยหาที่เหมาะสมใช้จะงอยคีบเอาเนื้อหอยมากิน
ลมทุ่งแม้เย็นบางครั้งพัดเอาฝุ่นแดงไหลทางฟุ้งตลบ ข้าวของใต้เพิงปลิว อีกไม่นานเธอจะกั้นผนังอิฐบล็อกหลังคาเมทัลชีททำเป็นร้านถาวร ทางบ้านมีรายได้ทางเดียวจากการขายของ พ่อทำงานไม่ได้อีกแล้ว ไม่กล้าเถียงเธอมากถ้าไม่เช่นนั้นจะไมให้เงินไปเล่นหวย
ลูกค้าจอดรถแวะเข้าร้าน ด้วยชื่อเสียงในรสชาติและปริมาณเต็มอิ่ม เธอปรุงอาหารให้คนกินอย่างตั้งใจ สายตาไม่วายยังมองคนกับนกพวกนั้นต่างทรหดอดทนในการหากินไม่แพ้กัน ร่างล่ำสันเดินไปไกลลิบแล้วมองผาดๆ เหมือนตอไฟไหม้อยู่กลางทุ่ง ฉากหลังคือทุ่งสีเขียวขจีไปสุดลูกหูลูกตา
แม้รูปไม่งาม จิตใจของเขาตรงข้ามกันนัก เหมือนพระสังข์ถอดรูป เธอได้อธิษฐานขอพรกับพระ เขียนใส่ในกระดาษที่ส่งไปให้กับมือ
ชาตินี้เธอขอเป็นนางรจนา
“ลูกพ่อ เอ็งไปได้ของดีมาจากไหน ของถึงขายดี” ตาก้อนชี้ไปบนหิ้งพระ สักวันจะค้นดูมีอะไรดีบนนั้น ลูกสาวยิ้มส่ายหน้า
“มีแต่พระประธานที่ฉันบูชามาจากห้องพระบ้านเราไงพ่อ ฉันไม่มีของดีอะไรหรอก” เธอยิ้มปนขำ พวกชาวบ้านหลายคนเชื่อเหมือนกัน เธอไปได้ของดีมาเลยค้าขายดี น้ำซุปกระดุกหมูในหม้อก๋วยเตี๋ยวเดือดปุด ส่งกลิ่นหอมหวานด้วยถูกเคี่ยวจนได้ที่ ยามเปิดฝาทีไอร้อนขึ้นคลุ้งเป็นม่านมัว คนทำงานต้องอดทนสู้กับความร้อน คนเป็นพ่อเห็นแล้วตกใจ ยังไม่เคยเห็นร้านไหนทำน้ำซุปเข้มข้นขนาดนี้
“ฉันลวกเส้นลวกฝักและเนื้อจะต้องสุกจริงๆ นะพ่อ จะมามัวเบาแก๊สไม่ได้ ไม่เหมือนร้านอื่นกลัวเปลือง พอลวกๆ ให้เสร็จ ลูกค้าเจอลวกเส้นไม่สุก ผักบุ้งเหนียวๆ ทีเดียวเขาก็เลิกเข้าร้านแล้ว ทุกวันฉันสั่งพวกหมูและเนื้อ พวกเครื่องใน ผักสดมาทำวันต่อวัน ของเหลือฉันไม่เอามาขายให้เสียลูกค้า ของที่แช่แข็งเก็บไว้มันซืดไม่สดแล้ว เวลาเอามาทำขายมันไม่อร่อย เคล็ดนี้ของฉันไม่เคยลับนะ พวกร้านอื่นไม่ยอมทำเองถึงขายสู้ฉันไม่ได้”
“แล้วอีแบบนี้ จะเอากำไรที่ไหนมาลูก ชามหนึ่งใส่เส้นใส่ผักเนื้อตั้งเยอะ” ตาก้อนนั่งมองลูกสาวทำงานจนเพลิน แม้ใบหน้าจะโทรมด้วยเหงื่อ เธอยังยิ้มได้ ด้วยสัญญากับตัวเองเห็นพี่ผ่องทำงานหนักเพียงไหน เธอจะต้องสู้ให้ได้เหมือนๆ กัน
“ต้นทุนก๋วยเตี๋ยวต่อชาม มันไม่ถึงสิบบาทหรอกจ้ะพ่อ ฉันขายสามสิบบาท กำไรยังได้เกินครึ่งเลย ที่คนอื่นขายกันไม่รอด ขายไม่ได้กำไรมันเพราะใส่ต้นทุนเข้าไปในแต่ละชามมากเกินไป ทั้งค่าผ่อนรถ ผ่อนบ้าน ค่าดอกเบี้ยเงินกู้ ไหนจะเงินให้ลูกไปโรงเรียน สารพัดยัดเข้าไปในต้นทุน มันถึงไม่ได้กำไรไง คิดดูสิว่าร้านไหนขายใส่เส้นน้อย ใส่ลูกชิ้นแป้งสามลูก เนื้อสักสามชิ้นกับฝักบุ้งไม่กี่เส้น แถมยังลวกไม่สุก เล่นขายเอาเปรียบลูกค้ากันขนาดนี้ คนกินเขาก็เข็ดสิ วันหลังคงไม่อยากเข้าไปอีกหรอก แล้วร้านมันจะไม่เจ๊งได้ไง”
ที่โรงฆ่าสัตว์
คอกหมูและบนพื้นปูนอันเต็มไปด้วยเมือกลื่นๆ สะสมคาวเลือดมานานปี กลิ่นไออับๆ ของความตายอบอวล ไอ้วันมือมีดเดินย่างสามขุมเข้าหาเหยื่อของมัน ดวงตาคมกล้าของฆาตกร ในมือกำชับด้ามมีดแน่น เหยื่อกำลังหูตกถอยจนตอกไปทุกทีติดที่เชือกล่ามข้อเท้าไว้
“ร้องขอชีวิตข้าสิไอ้ผ่อง”
อี๊ดๆ ๆ
“อย่ามาร้องเสียงเหมือนหมู แกมันคนไร้ศักดิ์ศรี ถ้าอยากรอดต้องกราบตีนกู แล้วอ้อนวอนร้องขอชีวิตซะ”
“มัวแต่ลีลาอยู่ได้ไอ้ ha รีบๆ ทำจะได้เอาเนื้อไปส่งโรงงานลูกชิ้น ไปส่งเขียงในตลาด” นายโรงฆ่าสัตว์พูดอย่างรำคาญปากถ่มน้ำลายดังปึ้ด ใบหน้ารกครึ้มด้วยหนวดเครา กร้านเกรียมด้วยอยู่แวดวงการฆ่ามานานปี อดีตเคยติดคุกข้อหาเสพยาบ้า แม้ปัจจุบันพ้นโทษยังมีแอบเสพ
ดวงตาของฆาตกรฉายวาบกลับมาจนตัวลูกพี่จนสะดุ้ง “พี่ไม่เข้าใจไอ้ผ่องมันชั่ว มันข่มขืนนกจนท้อง จนต้องแอบไปคลอดลูกที่อื่นแค้นนี้ไม่ได้สะสางผมไม่ขออยู่เป็นคน” ร่างผอมเกร็งพร้อมกับมีดโดดข้ามคอกหมูออกไป
“เฮ้ย! จะไปไหนวะทำงานก่อน”
“กูจะไปฆ่าไอ้ผ่อง”
น้ำเสียงทุ้มต่ำของมือมีดตอบมา
“เฮ้ย! แต่ช่วยฆ่าหมูให้เสร็จก่อน"
15.50 น ของวันที่ 16 ของเดือน ก่อนประกาศรางวัลที่ 1 ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล
กลางทุ่งนาฟ้าโล่ง แดดแรงกล้าไม่ทำสามารถทำอะไรผิวของไอ้ผ่องได้เลย ผิวดำเป็นมันเงาสะท้อนแดดเปรี้ยง เป่าปากแรงกับวันอันแสนเหน็ดเหนื่อย ที่หน้าอกห้วยตะกุดโทนแล สักยันต์รูปเสือเหมือนนักรบสมัยโบราณ ไม่ว่าย่างก้าวไปทางไหนล้วนองอาจไม่กลัวเกรงใคร
ภายหลังเสร็จจากไถนา อาหารมื้อเย็นเห็นจะมองไว้แล้ว นกปากห่างที่ยืนเดินย่องหากินอยู่นั่นไง ผ่องสืบเท้าเข้าหาเบากริบ เท้าย่ำโคลนไปโดนเขียดนามันโดนเด้งไปมา ปลาช่อนในแอ่งน้ำขังว่ายแหวกน้ำโคลน เสียงหนังสติ๊กปล่อยลูกกระสุนดังหวือ แล้วก็ได้สมใจยิ้มทั้งเหงื่อโทรมกับอาหารมื้อเย็น เห็นจะเอาไปทำผัดเผ็ดใส่ใบยี่หร่า
ป้ายห้ามล่านกถูกถีบโครม ใครมันบังอาจบุกรุกอาณาจักรนาข้าวมันล้วนมีของกินได้มากมาย ตั้งแต่กุ้งหอย ปูปลา นกนา ตัวแลน ผักบุ้งปลายนาที่บางวันนำไปฝากนก ผักกะแยง ใบบัวบก ผักแว่นแก้ว ผักกระเฉด ผ่องเดินหิ้วขานกสองตัวแกว่งไปมา เดินหัวเราะมุ่งหน้าบ้านปลายนา ใต้ถุนยกสูงหลังคาสังกะสี ไม่มีกั้นห้องทำให้อยู่อย่างเย็นสบาย จะลำบากก็ตอนหน้าฝน
สองร่างยืนประจันหน้ากัน ไอ้วันร่างผอมกะหร่อง สวมเสื้อกล้ามกางเกงขาสั้น ผิวเนื้อขาวเหลืองเพราะงานการอยู่ในที่ร่มไม่ค่อยออกมาโดนแดด ในมือถือมีดสั้นปลายแหลมสำหรับแทงคอหมู ทำท่าจดๆ จ้องจะเข้ามาแทง ร่างยักษ์ใหญ่อย่างไอ้ผ่อง มองไม่ยี่หระ ใบหน้าดำคล้ำเวลาแยกเขี้ยวฟันเท่าจอบ
“ร้องขอชีวิตข้าสิไอ้ผ่อง”
“ทำบ้าอะไรวะ”
“มาเลย อย่าคิดว่าตัวใหญ่กว่าแล้วกูจะกลัว
กูจะเชือดให้เหมือนเชือดหมูยังไงยังงั้นเลย” มีดปลายมีดถูกส่ายไปมาอย่างน่ากลัว
“มาดักหาเรื่องกูทำไมวะไอ้วัน”
“ต้องยกนกให้กู”
“ถ้าอยากได้นัก กูยกให้ก็ได้”
ผ่องทำท่ายื่นนกให้
“กูหมายถึงน้องนกโว้ยไอ้โง่”
“มันผอมเหมือนเขียดแห้งตายคานากู ไม่เหมาะกับนกหรอก
ยังไงหัวใจน้องนกเป็นของกูไปแล้ว” ผ่องหัวเราะในลำคอ
“ไม่จริงหรอก ควายไถนาอย่างมันมีอะไรดี”
ร่างสูงใหญ่ของนักเลงบ้านนาชูนิ้วโป้งที่ตะกุดโทนบนยอดอกของตนเอง ผิวหนังยังสักเสือเผ่นอันเป็นที่สง่าน่าเกรงขามแก่ผู้พบเห็น
“นี่ไงล่ะของดีกู มีดของฟันแทงไม่เข้าหรอก”
ศึกเริ่มแล้ว ปลายมีดแหลมถูกวาดฟันเข้ามาดังขวับ ผ่องถอยหลบมีเชิงเพราะขึ้นเวทีต่อยมวยงานวัดบ่อย ดวงตามองข้อมือแห้งที่กำด้ามมีดแน่น เพียงยกปลายเท้าดีดกระเด็น แล้วถีบเข้ายอดอก ร่างผอมบางของไอ้วันหงายหลังตึงลงโคลนในนา หัวหูละเลงโคลนจนเละ มือกุมยอดอกโงหัวขึ้นมาได้ด้วยความเคียดแค้นจัด พุ่งเข้าหาร่างใหญ่ยักษ์ที่ยืนปักหลักบนคันนา
“กูขอสู้ตาย!”
เผอิญเท้ามันเหยียบพลาดลื่น ผ่องกำลังเบี่ยงตัวหลบทัน ใบหน้าไอ้วันพุ่งไปกระแทกแก้มก้นเข้าพอดิบพอดี เจอแขนแข็งแรงล็อกคอไว้ปานคีมเหล็ก กดหน้ากับจมูกซุกไว้แน่น ดิ้นรนอึกอักไม่กี่ที ร่างผอมแห้งของไอ้วันร่วงลงไปคุกเข่าหงายหลังบนโคลนอีกครั้ง พยายามโงหัวขึ้นมาชี้หน้าด้วยความอาฆาตแค้น ดวงตาค่อยเหลือกค้างสลบเหมือด ผ่องยืนสูดหายใจอย่างโล่งอก รู้สึกแก๊สในลำไส้ใหญ่จะถูกขับออกจนหมด ร่างของนักฆ่าหมูสำรอกอาหารเก่าออกมาทางปากแทบไม่เหลือ สภาพเหมือนยิวถูกทหารนาซีรมด้วยแก๊สพิษก็ไม่ปาน
“พี่ผ่อง!..” เด็กวัยรุ่นในหมู่บ้าน ญาติของนกวิ่งบนคันนาตรงเข้ามา ตะโกนกระหืดกระหอบร้องเรียกชื่อมาแต่ไกล มาถึงเป็นต้องนิ้วบีบปิดจมูก เหล่มองด้วยหางตากับซากคนในโคลนตม
“ไอ้วันมันตายแล้วเหรอพี่ กลิ่นเหม็นเน่ามาก”
“เออ..ทิ้งศพมันไว้งั้นแหละ”
“พี่ถูกรางวัลที่1 ถูกทั้งชุดเลย”
เด็กหนุ่มตะโกนออกมา หน้ายิ้มร่า
“ห๊ะ! ว..วะ..ว่าอะไรนะ!”
“พี่ถูกรางวัลที่หนึ่งสลากรัฐบาล เลขมันออก xxx-000 ตอนนี้ทุกคนในหมู่บ้านรู้กันหมดแล้ว ตาก้อนบอกผมมาเรียกพี่ไปพบที่บ้านด่วนเลยเรื่องค่าสินสอด คราวนี้พี่จะได้แต่งกับพี่นกแล้ว!” ผ่องหน้าซี้ดยิ่งกว่าไอ้วัน เนื้อตัวสั่นไปหมดเอามือเปะป่ายลวนหาจนทั่วในกระเป๋ากางเกง ล้วงไปล้วงมาพบเพียงเศษกระดาษที่นกเขียนข้อความบางอย่างไว้ให้
“ไม่มี! ไม่มี!”
“ซวยแล้ว!”
“หวยกูหาย!”
โครม!.. ผ่องโดดตูมลงโคลนนากล้าข้าวแหลกเป็นแปลง ลนลานกลิ้งเกลือกเข้าไปเขย่าคอเจ้าคู่ปรับที่ยังอ้วกไม่เลิก ชนิดก่อนตายจะต้องสำรอกความจริงออกมาให้ได้
“เอาหวยกูคืนมา! เอ็งวางแผนไว้ใช่มั้ย” ผ่องทั้งตะคอกทั้งเขย่าคอ
ไอ้วันสำรอกทั้งไอแค่ก ๆ หน้าซี้ดจะหมดลมอยู่แล้ว
เศรษฐีรัฐบาล
“มองอะไรเอ็งวะไอ้ดำ เอ็งมันไม่น่าเกิดมาชื่อผ่องเลย รีบกินๆ เข้าไปดิ๊แล้วก็ไป มามัวเฝ้าลูกสาวกูอยู่ได้”
“จ้ะๆ พ่อฉันไปล่ะ”
“ใครเป็นพ่อเอ็งวะ”
ชายหนุ่มรีบย่อตัวเดินก้มหน้า ร่างกายกำยำล่ำสัน สวมเพียงกางเกงยีนสั้นเลยเข่าสำหรับใส่ไถนา อาชีพของผ่องทำนาทนตากแดดจนผิวดำขึ้นเงา
เป็นคนนิสัยนักเลงพอตัว แต่มันไม่กล้าหือกับนักเลงรุ่นพ่อ โดยเฉพาะกำลังเฝ้าตามจีบลูกสาวเขาอยู่ด้วย
“เดี่ยวก่อนพี่ผ่อง” นกรีบไปหยิบกระดาษบนหิ้งพระมาจรดมือพนมอธิษฐานขอพร แล้วไปคว้าแขนผ่องคนซื่อให้เดินตามมาหยุดอยู่หน้าแผงของผู้ค้าเร่ ที่มานั่งกินก๋วยเตี๋ยวในร้าน ผ่องปฏิเสธเพราะไม่ใช่คนเล่นการพนันทุกชนิด
“พี่ผ่องลองเสี่ยงดวงดูนะจ๊ะ ฉันอธิษฐานขอพรไว้แล้ว เผื่อชีวิตของพวกเราจะดีขึ้น ไม่แน่นะปกติคนไม่เล่น อาจมีดวงถูกรางวัลใหญ่ก็เป็นได้”
“ถ้างั้นพี่เอาชุดหนึ่งละกัน” ผ่องจำใจหยิบเลขมาชุดหนึ่ง
“เฮ้ย! อะไรวะเลขท้าย 0 0 0 ใครมันจะโง่ซื้อว่ะ” ตาก้อนหัวเราะดังเอิ้กแอ่นหน้าแอ่นหลังเพราะได้ดื่มขาวสี่สิบห้าดีกรีไปหน่อยอารมณ์จึงห้าวแรง ผ่องมือแปะป่ายกระเป๋ากางเกงหาแบงก์แล้วยิ้มแห้ง ปกติไม่ค่อยมีแบ้งก์สีแดงสีม่วงสีเทาพกติดตัวเหมือนใครเขา นกยิ้มขำไม่ถือสา ยอมควักเงินจากเอี๊ยมของตนยัดให้เจ้าของแผงไป จับมือหยาบมายัดกระดาษกำชับให้อ่านข้อความให้ได้
พักเที่ยงของทุกวัน ผ่องจะมาหิ้วท้องมากินก๋วยเตี๋ยวที่เพิงของนกแล้วจะกลับไปไถนาต่อ ด้วยนิสัยเป็นคนพูดน้อย ใบหน้านิ่งนิสัยทื่อๆ บ้างครั้งบูดบึ้งจากการทำงานหนัก ใครก็ว่าเป็นคนไม่มีอนาคตโดยเฉพาะพ่อจะชิงชังมาก ด้วยถือมีลูกสาวสวยกว่าใครในตำบล เดิมมีหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่มากหน้ามาตามจีบ ตอนนี้เหลือเพียงผ่องกับไอ้วันคนเชือดหมู รูปร่างของนกเคยอรชรเปลี่ยนมาเป็นอวบระยะสุดท้ายจนคนลือกันว่าเธอไปแอบคลอดลูกมาจนคุมน้ำหนักไม่อยู่ ข่าวนี้ยังไม่พ้องกับข่าวเสียหาย เมื่อต้นปีก่อนมีคนพบเห็นนกไปกับเจ๊เล้ง แม่เล้าที่ชอบหาสาวๆ ไปทำงานขายบริการ ไม่มีใครรู้ว่าเธอต้องยอมเสียสละตัวเองเพื่อหาเงินมารักษาพ่อเพื่อผ่าตัดหัวใจ และผู้ชายคนแรกคืนนั้นในซ่องคือผ่องนั่นเอง เขายอมขายนาที่แต่เดิมมีกว่าร้อยไร่ รีบนำเงินมาไถ่ถอนตัวเธอจากเจ๊เล้งแม่เล้า
นกยังจำภาพเหตุการณ์ในคืนนั้นได้ดี เธอนั่งบนเตียง ผ่องนั่งบนพื้นกอดเข่าหน้าบูดบึ้งไม่พูดไม่จา ไม่คิดขึ้นมาร่วมกับเธอบนเตียง จุดประสงค์จะเฝ้าไม่ให้แมงดากับผู้ชายหน้าไหนเข้ามาในห้องได้ แม้ดึกดื่นนานทีจะหันมาชำเลืองมองเธอ พอรู้ยังไม่หลับจะรีบหลบสายตาเสีย รอเวลาให้ถึงรุ่งเช้าพาตัวกลับมาส่งถึงบ้าน แม้คนหัวใจด้านชายังดูออกว่าหัวจิตหัวใจของผู้ชายคนนี้ที่มีให้แก่เธอ แม้ปากของเขาจะไม่ได้เอ่ยคำพูดใดๆ ออกมาเลย
นกได้บอกกับตัวเอง ได้เข้าหอกับผ่องในคืนนั้นแล้ว รอเพียงให้เขามาสู่ขอกับพ่อตามประเพณีเท่านั้น ติดที่พ่อเรียกค่าสินสอดแพง สายตาได้แต่มองเขาออกจากเพิงไป ฝ่าเปลวแดดยามเที่ยงวันเต้นเป็นคลื่นระยิบเหนือกล้าข้าวพึ่งงอกสูงพ้นผิวน้ำ นกปากห่างฝูงใหญ่ยืนกันสลอนหาหอยโข่งกิน มันคาบหอยหาที่เหมาะสมใช้จะงอยคีบเอาเนื้อหอยมากิน
ลมทุ่งแม้เย็นบางครั้งพัดเอาฝุ่นแดงไหลทางฟุ้งตลบ ข้าวของใต้เพิงปลิว อีกไม่นานเธอจะกั้นผนังอิฐบล็อกหลังคาเมทัลชีททำเป็นร้านถาวร ทางบ้านมีรายได้ทางเดียวจากการขายของ พ่อทำงานไม่ได้อีกแล้ว ไม่กล้าเถียงเธอมากถ้าไม่เช่นนั้นจะไมให้เงินไปเล่นหวย
ลูกค้าจอดรถแวะเข้าร้าน ด้วยชื่อเสียงในรสชาติและปริมาณเต็มอิ่ม เธอปรุงอาหารให้คนกินอย่างตั้งใจ สายตาไม่วายยังมองคนกับนกพวกนั้นต่างทรหดอดทนในการหากินไม่แพ้กัน ร่างล่ำสันเดินไปไกลลิบแล้วมองผาดๆ เหมือนตอไฟไหม้อยู่กลางทุ่ง ฉากหลังคือทุ่งสีเขียวขจีไปสุดลูกหูลูกตา
แม้รูปไม่งาม จิตใจของเขาตรงข้ามกันนัก เหมือนพระสังข์ถอดรูป เธอได้อธิษฐานขอพรกับพระ เขียนใส่ในกระดาษที่ส่งไปให้กับมือ
ชาตินี้เธอขอเป็นนางรจนา
“ลูกพ่อ เอ็งไปได้ของดีมาจากไหน ของถึงขายดี” ตาก้อนชี้ไปบนหิ้งพระ สักวันจะค้นดูมีอะไรดีบนนั้น ลูกสาวยิ้มส่ายหน้า
“มีแต่พระประธานที่ฉันบูชามาจากห้องพระบ้านเราไงพ่อ ฉันไม่มีของดีอะไรหรอก” เธอยิ้มปนขำ พวกชาวบ้านหลายคนเชื่อเหมือนกัน เธอไปได้ของดีมาเลยค้าขายดี น้ำซุปกระดุกหมูในหม้อก๋วยเตี๋ยวเดือดปุด ส่งกลิ่นหอมหวานด้วยถูกเคี่ยวจนได้ที่ ยามเปิดฝาทีไอร้อนขึ้นคลุ้งเป็นม่านมัว คนทำงานต้องอดทนสู้กับความร้อน คนเป็นพ่อเห็นแล้วตกใจ ยังไม่เคยเห็นร้านไหนทำน้ำซุปเข้มข้นขนาดนี้
“ฉันลวกเส้นลวกฝักและเนื้อจะต้องสุกจริงๆ นะพ่อ จะมามัวเบาแก๊สไม่ได้ ไม่เหมือนร้านอื่นกลัวเปลือง พอลวกๆ ให้เสร็จ ลูกค้าเจอลวกเส้นไม่สุก ผักบุ้งเหนียวๆ ทีเดียวเขาก็เลิกเข้าร้านแล้ว ทุกวันฉันสั่งพวกหมูและเนื้อ พวกเครื่องใน ผักสดมาทำวันต่อวัน ของเหลือฉันไม่เอามาขายให้เสียลูกค้า ของที่แช่แข็งเก็บไว้มันซืดไม่สดแล้ว เวลาเอามาทำขายมันไม่อร่อย เคล็ดนี้ของฉันไม่เคยลับนะ พวกร้านอื่นไม่ยอมทำเองถึงขายสู้ฉันไม่ได้”
“แล้วอีแบบนี้ จะเอากำไรที่ไหนมาลูก ชามหนึ่งใส่เส้นใส่ผักเนื้อตั้งเยอะ” ตาก้อนนั่งมองลูกสาวทำงานจนเพลิน แม้ใบหน้าจะโทรมด้วยเหงื่อ เธอยังยิ้มได้ ด้วยสัญญากับตัวเองเห็นพี่ผ่องทำงานหนักเพียงไหน เธอจะต้องสู้ให้ได้เหมือนๆ กัน
“ต้นทุนก๋วยเตี๋ยวต่อชาม มันไม่ถึงสิบบาทหรอกจ้ะพ่อ ฉันขายสามสิบบาท กำไรยังได้เกินครึ่งเลย ที่คนอื่นขายกันไม่รอด ขายไม่ได้กำไรมันเพราะใส่ต้นทุนเข้าไปในแต่ละชามมากเกินไป ทั้งค่าผ่อนรถ ผ่อนบ้าน ค่าดอกเบี้ยเงินกู้ ไหนจะเงินให้ลูกไปโรงเรียน สารพัดยัดเข้าไปในต้นทุน มันถึงไม่ได้กำไรไง คิดดูสิว่าร้านไหนขายใส่เส้นน้อย ใส่ลูกชิ้นแป้งสามลูก เนื้อสักสามชิ้นกับฝักบุ้งไม่กี่เส้น แถมยังลวกไม่สุก เล่นขายเอาเปรียบลูกค้ากันขนาดนี้ คนกินเขาก็เข็ดสิ วันหลังคงไม่อยากเข้าไปอีกหรอก แล้วร้านมันจะไม่เจ๊งได้ไง”
ที่โรงฆ่าสัตว์
คอกหมูและบนพื้นปูนอันเต็มไปด้วยเมือกลื่นๆ สะสมคาวเลือดมานานปี กลิ่นไออับๆ ของความตายอบอวล ไอ้วันมือมีดเดินย่างสามขุมเข้าหาเหยื่อของมัน ดวงตาคมกล้าของฆาตกร ในมือกำชับด้ามมีดแน่น เหยื่อกำลังหูตกถอยจนตอกไปทุกทีติดที่เชือกล่ามข้อเท้าไว้
“ร้องขอชีวิตข้าสิไอ้ผ่อง”
อี๊ดๆ ๆ
“อย่ามาร้องเสียงเหมือนหมู แกมันคนไร้ศักดิ์ศรี ถ้าอยากรอดต้องกราบตีนกู แล้วอ้อนวอนร้องขอชีวิตซะ”
“มัวแต่ลีลาอยู่ได้ไอ้ ha รีบๆ ทำจะได้เอาเนื้อไปส่งโรงงานลูกชิ้น ไปส่งเขียงในตลาด” นายโรงฆ่าสัตว์พูดอย่างรำคาญปากถ่มน้ำลายดังปึ้ด ใบหน้ารกครึ้มด้วยหนวดเครา กร้านเกรียมด้วยอยู่แวดวงการฆ่ามานานปี อดีตเคยติดคุกข้อหาเสพยาบ้า แม้ปัจจุบันพ้นโทษยังมีแอบเสพ
ดวงตาของฆาตกรฉายวาบกลับมาจนตัวลูกพี่จนสะดุ้ง “พี่ไม่เข้าใจไอ้ผ่องมันชั่ว มันข่มขืนนกจนท้อง จนต้องแอบไปคลอดลูกที่อื่นแค้นนี้ไม่ได้สะสางผมไม่ขออยู่เป็นคน” ร่างผอมเกร็งพร้อมกับมีดโดดข้ามคอกหมูออกไป
“เฮ้ย! จะไปไหนวะทำงานก่อน”
“กูจะไปฆ่าไอ้ผ่อง”
น้ำเสียงทุ้มต่ำของมือมีดตอบมา
“เฮ้ย! แต่ช่วยฆ่าหมูให้เสร็จก่อน"
15.50 น ของวันที่ 16 ของเดือน ก่อนประกาศรางวัลที่ 1 ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล
กลางทุ่งนาฟ้าโล่ง แดดแรงกล้าไม่ทำสามารถทำอะไรผิวของไอ้ผ่องได้เลย ผิวดำเป็นมันเงาสะท้อนแดดเปรี้ยง เป่าปากแรงกับวันอันแสนเหน็ดเหนื่อย ที่หน้าอกห้วยตะกุดโทนแล สักยันต์รูปเสือเหมือนนักรบสมัยโบราณ ไม่ว่าย่างก้าวไปทางไหนล้วนองอาจไม่กลัวเกรงใคร
ภายหลังเสร็จจากไถนา อาหารมื้อเย็นเห็นจะมองไว้แล้ว นกปากห่างที่ยืนเดินย่องหากินอยู่นั่นไง ผ่องสืบเท้าเข้าหาเบากริบ เท้าย่ำโคลนไปโดนเขียดนามันโดนเด้งไปมา ปลาช่อนในแอ่งน้ำขังว่ายแหวกน้ำโคลน เสียงหนังสติ๊กปล่อยลูกกระสุนดังหวือ แล้วก็ได้สมใจยิ้มทั้งเหงื่อโทรมกับอาหารมื้อเย็น เห็นจะเอาไปทำผัดเผ็ดใส่ใบยี่หร่า
ป้ายห้ามล่านกถูกถีบโครม ใครมันบังอาจบุกรุกอาณาจักรนาข้าวมันล้วนมีของกินได้มากมาย ตั้งแต่กุ้งหอย ปูปลา นกนา ตัวแลน ผักบุ้งปลายนาที่บางวันนำไปฝากนก ผักกะแยง ใบบัวบก ผักแว่นแก้ว ผักกระเฉด ผ่องเดินหิ้วขานกสองตัวแกว่งไปมา เดินหัวเราะมุ่งหน้าบ้านปลายนา ใต้ถุนยกสูงหลังคาสังกะสี ไม่มีกั้นห้องทำให้อยู่อย่างเย็นสบาย จะลำบากก็ตอนหน้าฝน
สองร่างยืนประจันหน้ากัน ไอ้วันร่างผอมกะหร่อง สวมเสื้อกล้ามกางเกงขาสั้น ผิวเนื้อขาวเหลืองเพราะงานการอยู่ในที่ร่มไม่ค่อยออกมาโดนแดด ในมือถือมีดสั้นปลายแหลมสำหรับแทงคอหมู ทำท่าจดๆ จ้องจะเข้ามาแทง ร่างยักษ์ใหญ่อย่างไอ้ผ่อง มองไม่ยี่หระ ใบหน้าดำคล้ำเวลาแยกเขี้ยวฟันเท่าจอบ
“ร้องขอชีวิตข้าสิไอ้ผ่อง”
“ทำบ้าอะไรวะ”
“มาเลย อย่าคิดว่าตัวใหญ่กว่าแล้วกูจะกลัว
กูจะเชือดให้เหมือนเชือดหมูยังไงยังงั้นเลย” มีดปลายมีดถูกส่ายไปมาอย่างน่ากลัว
“มาดักหาเรื่องกูทำไมวะไอ้วัน”
“ต้องยกนกให้กู”
“ถ้าอยากได้นัก กูยกให้ก็ได้”
ผ่องทำท่ายื่นนกให้
“กูหมายถึงน้องนกโว้ยไอ้โง่”
“มันผอมเหมือนเขียดแห้งตายคานากู ไม่เหมาะกับนกหรอก
ยังไงหัวใจน้องนกเป็นของกูไปแล้ว” ผ่องหัวเราะในลำคอ
“ไม่จริงหรอก ควายไถนาอย่างมันมีอะไรดี”
ร่างสูงใหญ่ของนักเลงบ้านนาชูนิ้วโป้งที่ตะกุดโทนบนยอดอกของตนเอง ผิวหนังยังสักเสือเผ่นอันเป็นที่สง่าน่าเกรงขามแก่ผู้พบเห็น
“นี่ไงล่ะของดีกู มีดของฟันแทงไม่เข้าหรอก”
ศึกเริ่มแล้ว ปลายมีดแหลมถูกวาดฟันเข้ามาดังขวับ ผ่องถอยหลบมีเชิงเพราะขึ้นเวทีต่อยมวยงานวัดบ่อย ดวงตามองข้อมือแห้งที่กำด้ามมีดแน่น เพียงยกปลายเท้าดีดกระเด็น แล้วถีบเข้ายอดอก ร่างผอมบางของไอ้วันหงายหลังตึงลงโคลนในนา หัวหูละเลงโคลนจนเละ มือกุมยอดอกโงหัวขึ้นมาได้ด้วยความเคียดแค้นจัด พุ่งเข้าหาร่างใหญ่ยักษ์ที่ยืนปักหลักบนคันนา
“กูขอสู้ตาย!”
เผอิญเท้ามันเหยียบพลาดลื่น ผ่องกำลังเบี่ยงตัวหลบทัน ใบหน้าไอ้วันพุ่งไปกระแทกแก้มก้นเข้าพอดิบพอดี เจอแขนแข็งแรงล็อกคอไว้ปานคีมเหล็ก กดหน้ากับจมูกซุกไว้แน่น ดิ้นรนอึกอักไม่กี่ที ร่างผอมแห้งของไอ้วันร่วงลงไปคุกเข่าหงายหลังบนโคลนอีกครั้ง พยายามโงหัวขึ้นมาชี้หน้าด้วยความอาฆาตแค้น ดวงตาค่อยเหลือกค้างสลบเหมือด ผ่องยืนสูดหายใจอย่างโล่งอก รู้สึกแก๊สในลำไส้ใหญ่จะถูกขับออกจนหมด ร่างของนักฆ่าหมูสำรอกอาหารเก่าออกมาทางปากแทบไม่เหลือ สภาพเหมือนยิวถูกทหารนาซีรมด้วยแก๊สพิษก็ไม่ปาน
“พี่ผ่อง!..” เด็กวัยรุ่นในหมู่บ้าน ญาติของนกวิ่งบนคันนาตรงเข้ามา ตะโกนกระหืดกระหอบร้องเรียกชื่อมาแต่ไกล มาถึงเป็นต้องนิ้วบีบปิดจมูก เหล่มองด้วยหางตากับซากคนในโคลนตม
“ไอ้วันมันตายแล้วเหรอพี่ กลิ่นเหม็นเน่ามาก”
“เออ..ทิ้งศพมันไว้งั้นแหละ”
“พี่ถูกรางวัลที่1 ถูกทั้งชุดเลย”
เด็กหนุ่มตะโกนออกมา หน้ายิ้มร่า
“ห๊ะ! ว..วะ..ว่าอะไรนะ!”
“พี่ถูกรางวัลที่หนึ่งสลากรัฐบาล เลขมันออก xxx-000 ตอนนี้ทุกคนในหมู่บ้านรู้กันหมดแล้ว ตาก้อนบอกผมมาเรียกพี่ไปพบที่บ้านด่วนเลยเรื่องค่าสินสอด คราวนี้พี่จะได้แต่งกับพี่นกแล้ว!” ผ่องหน้าซี้ดยิ่งกว่าไอ้วัน เนื้อตัวสั่นไปหมดเอามือเปะป่ายลวนหาจนทั่วในกระเป๋ากางเกง ล้วงไปล้วงมาพบเพียงเศษกระดาษที่นกเขียนข้อความบางอย่างไว้ให้
“ไม่มี! ไม่มี!”
“ซวยแล้ว!”
“หวยกูหาย!”
โครม!.. ผ่องโดดตูมลงโคลนนากล้าข้าวแหลกเป็นแปลง ลนลานกลิ้งเกลือกเข้าไปเขย่าคอเจ้าคู่ปรับที่ยังอ้วกไม่เลิก ชนิดก่อนตายจะต้องสำรอกความจริงออกมาให้ได้
“เอาหวยกูคืนมา! เอ็งวางแผนไว้ใช่มั้ย” ผ่องทั้งตะคอกทั้งเขย่าคอ
ไอ้วันสำรอกทั้งไอแค่ก ๆ หน้าซี้ดจะหมดลมอยู่แล้ว