ลาซาที่ชุมนุมของมนต์แห่งวิญญาณ
มนุษย์เดินทางทำไม เพื่ออะไร ตอบว่า มนุษย์เดินทางเพื่อสัมผัสกลิ่นไอของโลก เดินทางเพื่อเข้าใจโลก คบเพื่อน และเรียนรู้วัฒนธรรมที่แตกต่าง
โคลัมบัสเดินทางข้ามมหาสมุทรเพื่อจะค้นพบซีกโลกใหม่ พระถังซามจั๋งเดินทางข้ามเส้นทางสายไหมนับหมื่นกิโลเมตรเพื่อไปนำพระธรรมคำสั่งสอนที่เจ้าชายสิทธัตถะค้นพบกลับมาสั่งสอนชาวจีน เจิ้งเหอเดินทางรอบโลกด้วยเรือกว่าห้าหมื่นกิโลเมตรเพื่อจะเปิดโลกให้ชาวจีนรู้จัก
แต่ผมเดินทางสุดทางของเส้นทางรถไฟสายชิงไห่-ทิเบต เพื่อที่จะมา “ลาซา”
ตั้งแต่ผมเดินทางมานับร้อยเมือง แต่ละเมืองมีเอกลักษณ์ที่สำคัญ บางเมืองเป็นศูนย์รวมของความเจริญและทันสมัย บางเมืองเป็นต้นกำเนิดแห่งอายธรรมโบราณอันเก่าแก่ บางเมืองเรียบง่ายและสงบ บางเมืองแวดล้อมไปด้วยธรรมชาติอันยิ่งใหญ่
แต่ ลาซา (Lhasa) เป็นเมืองโบราณที่ยังมีชีวิต ยังเจิดจรัส ดุจอัญมณีในที่ราบสูงหิมาลัย เต็มไปด้วยจิตวิญญาณ ศรัทธาแห่งศาสนา ทุกอณูของเมืองเต็มไปด้วยการฝึกปฏิบัติ ภาวนา ทุกหนทุกแห่งจะดังก้องไปด้วยบทสวดภาษาสันสกฤตและทิเบต ทุกสายลมเต็มไปด้วยมนต์ที่ออกมาจากกงล้อแห่งมนต์และธงทิว วัตรปฏิบัติอันงดงามของพระและลามะ
กาลเวลาเคลื่อนผ่านนับสองพันปี นับตั้งแต่กษัตริย์แห่งทิเบตตกลงพระทัยสร้างวัดโจคังตรงบริเวณที่เคยเป็นทะเลสาบ ตรงที่เป็นใจกลางแห่งที่ราบหิมาลัย ใจกลางของโลก ศูนย์กลางของวงกลมมันตรา ตามคติไตรภูมิ ซึ่งเป็นคติแห่งพุทธทุกนิกาย โจคังและถนนแปดเหลี่ยมได้กลายเป็นศูนย์กลางแห่งจิตวิญญาณของผู้คนแห่งหิมาลัย เช่นเดียวกับที่กาฏมาณฑุเป็น
ผ่านมานับพันปีก็ยังเป็นเช่นนั้น ถึงจีนจะเข้ามาควบคุม ถึงโลกจะเปลี่ยนเข้าสู่ยุค 5G แต่ผู้คนแห่งลาซาเป็นนิรันดร์ ไม่เคยเปลี่ยนแปลง การเดินสวดมนต์ การกราบแบบอัษฎางคประดิษฐ์จากบ้านไปสู่วัดโจคังอันศักดิ์สิทธิ์ พันปีก่อนทำเช่นไร ปัจจุปันกาลก็เป็นเช่นนั้น ความขลังและความศักดิ์สิทธิ์ของบรรยากาศและวิถีแห่งทิเบต ที่เมืองโบราณแห่งลาซายังมีเต็มเปี่ยม
สำหรับคนลาซา ศาสนาคือลมหายใจ คือรากโคนแห่งชีวิต คัมภีร์แห่งศาสนาคือคัมภีร์ชีวิต ชาวทิเบตเมื่อบวชเป็นพระแล้ว เสมือนตายแล้วเกิดในร่างใหม่ ไม่สามารถสึกได้ ในสมัยโบราณผู้ชายทิเบตเกินครึ่งที่เป็นพระ
การมาที่ลาซาทำให้เข้าใจว่าชีวิตมีคุณค่าและยิ่งใหญ่เหลือเกิน ทำให้มองเห็นโลกอีกด้านได้เด่นชัดยิ่งขึ้น ซึ่งคนที่ไม่เคยมาจะไม่มีวันเข้าใจ เพราะสิ่งนี้หาไม่ได้จากการอ่านหนังสือและชมสารคดีใดๆทั้งนั้น สิ่งนี้จะตระหนักรู้ได้ด้วยตาเนื้อเท่านั้น นี้คือเหตุผลที่พระเจ้าให้ดวงตาและสมองกับมนุษย์ และการเดินทางมากทำให้เข้าใจความแตกต่างทางศาสนา ทั้งพุทธ คริสต์ พุทธแบบเนเปาล พุทธแบบทิเบต ทำให้เข้าใจว่า คนเราไม่ควรจะแตกต่างและฆ่าฟันกันด้วยศาสนา แต่ควรจะหลอมรวมกันด้วยศาสนา
หลังคาโลกหรือหิมาลัย เหมือนเป็นดินแดนที่พระเจ้าประทานมาให้เข้าถึงยากแสนยาก เดินทางผ่านแดนสุดแสนหฤโหด ผจญกับภูมิประเทศที่อันตราย แตกต่างจนร่างกายแทบรับไม่ได้ เพื่อจะได้มาพบแดนงามดุจสวรรค์
ทิเบต ลาซา คือแดนสวรรค์ที่แท้จริง
‘’ลาซา’’ เป็น เมืองแห่งวัฒนธรรมของชนเผ่าทิเบต เป็นเมืองหลวงของเขตปกครองตนเองทิเบตแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดเป็นอันดับสองในที่ราบสูงทิเบต รองจากเมืองซีหนิง
ลาซาอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลถึง 3,490 เมตร (11,450 ฟุต) ซึ่งนั่นเองทำให้ลาซากลายเป็นหนึ่งในเมืองที่อยู่สูงที่สุดของโลก ในเมืองประกอบไปด้วยหลายวัฒนธรรมที่สำคัญ โดยเฉพาะศาสนสถานของศาสนาพุทธ-ทิเบต เช่นพระราชวังโปตาลา หรือ วัดโจคัง หรือ พระราชวังโนร์บูกลิงกา
ลาซาแท้จริงหมายถึง "ผืนดินแห่งพระพุทธองค์" เอกสารเกี่ยวกับทิเบตโบราณและจารึกต่าง ๆ ได้แสดงให้เห็นว่า สถานที่ซึ่งถูกเรียกว่า
"ราซา" อาจหมายถึงสถานที่เลี้ยงแพะ หรือเป็นคำที่ย่อมาจากคำว่า
"ระเว ซา" สถานที่ที่รายล้อมไปด้วยกำแพง อย่างไรก็ตาม ชื่อลาซาที่ถูกบันทึกเป็นครั้งแรกนั้นมีความหมายถึงวัดโจโว ในการเจรจาระหว่างจีนกับทิเบตใน ค.ศ. 822
ขอบคุณภาพจาก
https://www.tibettravel.org/
กรุงลาซาครอบคลุมบริเวณพื้นที่ถึง 30,000 ตารางกิโลเมตร นับรวมพื้นที่ตอนกลางขนาด 544 ตารางกิโลเมตร และมีประชากรทั้งหมด 500,000 คน ในจำนวนนี้จำนวน 250,000 คนเป็นประชากรที่อาศัยอยู่ในเขตเมือง ลาซาเป็นที่อยู่ของชาวทิเบต ชาวฮั่น และ ชาวหุย เช่นเดียวกับหลายกลุ่มชาติพันธุ์อื่น ๆ แต่โดยรวมแล้ว ชาวทิเบตมีจำนวนประชากรมากที่สุด
ลาซาตั้งอยู่ด้านล่างของแอ่งขนาดเล็ก ล้อมรอบไปด้วยเทือกเขาหิมาลัย ลาซามีระดับความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 3,600 เมตร และตั้งอยู่ในใจกลางที่ราบสูงทิเบตที่มีภูเขาล้อมรอบที่อาจมีความสูงถึง 5,500 เมตร ในอากาศมีออกซิเจนเพียง 68% ของปริมาณออกซิเจนที่ระดับน้ำทะเล ทางใต้ของเมืองมีแม่น้ำไหลผ่านชื่อว่า แม่น้ำลาซา ซึ่งเป็นแควหนึ่งของแม่น้ำหยาหลู่จั้งปู้ แม่น้ำลาซานี้เองเป็นที่รู้จักโดยชาวทิเบตท้องถิ่นในนาม "คลื่นความสุขสีคราม"
ขอบคุณภาพจาก
https://www.marrontreks.com
เมืองลาซานั้นตั้งอยู่ตอนกลางของที่ราบสูงทิเบต ทางเหนือของเทือกเขาหิมาลัย มีแม่น้ำลาซาซึ่งเป็นแควสายหนึ่งของแม่น้ำยาลูจัมโปทอดตัวไหลผ่าน เมืองที่สูงที่สุดในโลกแห่งนี้อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 3,490 เมตร เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในด้านประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของจีน คำว่า “ลาซา” ในภาษาทิเบตหมายความว่า “สถานที่ศักดิ์สิทธิ์” หรือ “พุทธสถาน”
ภาพถ่ายทางอากาศแสดงให้เห็นว่าลาซาตั้งอยู่ที่ราบสูงที่ขนาบด้วยเทือกเขาและมีแม่น้ำไหลผ่าน
ขอบคุณภาพจาก
https://en.wikipedia.org
ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ลาซา เป็นศูนย์กลางทางการเมือง เศรษฐกิจ วัฒนธรรมและศาสนา ของทิเบต พระราชวังโปตาลาที่ตั้งอยู่ในใจกลางเมืองลาซาอย่างสง่างามนั้น เป็นสัญลักษณ์ของเมืองแห่งหิมะกระทั่งรวมถึงทั่วทั้งที่ราบสูงชิงไห่-ทิเบต พระตำหนักที่มีความสูงเหนือระดับน้ำทะเลสูงสุดและยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก
บนถนนหนทางเต็มไปด้วยผู้คนจากพื้นที่ต่างๆ ของทิเบต หลายคนยังคงสวมใส่เสื้อผ้าพื้นเมืองของชนเผ่าทิเบต กงล้อมนตราในมือและลูกประคำที่ถืออยู่ตลอดแสดงให้เห็นว่าพุทธศาสนาได้ซึมซับอยู่ในวิถีชีวิตของชาวทิเบต การได้ร่วมฉลองปีใหม่กับชาวทิเบตตามปฏิทินทิเบต และได้เที่ยวเทือกเขาหิมะน้ำแข็ง ทำให้ผู้คนสามารถสัมผัสชีวิตที่แตกต่างอย่างได้อรรถรส
คุณภาพน้ำและอากาศของเมืองลาซาสะอาดบริสุทธิ์มาก ลาซาเป็นเมืองที่มีมลภาวะน้อยและมีสิ่งแวดล้อมที่ดีที่สุดของจีน
ขอบคุณข้อมูลจาก
https://www.greenlandholidaytour.com และ
https://th.wikipedia.org
จากลาซาสามารถเดินทางไปกาฎมาณฑุได้ นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางด้วยทริป ทิเบต - เนปาล สองประเทศกั้นกลางด้วยเทือกเขาหิมาลัย
พระราชวังโปตาลาในยุคโบราณ
พระราชวังนอร์บูร์ลิงกะ
[CR] ทิเบต นั่งรถไฟเหาะไปหลังคาโลก : ตอน 2 ที่ชุมนุมของมนต์แห่งวิญญาณ
มนุษย์เดินทางทำไม เพื่ออะไร ตอบว่า มนุษย์เดินทางเพื่อสัมผัสกลิ่นไอของโลก เดินทางเพื่อเข้าใจโลก คบเพื่อน และเรียนรู้วัฒนธรรมที่แตกต่าง
โคลัมบัสเดินทางข้ามมหาสมุทรเพื่อจะค้นพบซีกโลกใหม่ พระถังซามจั๋งเดินทางข้ามเส้นทางสายไหมนับหมื่นกิโลเมตรเพื่อไปนำพระธรรมคำสั่งสอนที่เจ้าชายสิทธัตถะค้นพบกลับมาสั่งสอนชาวจีน เจิ้งเหอเดินทางรอบโลกด้วยเรือกว่าห้าหมื่นกิโลเมตรเพื่อจะเปิดโลกให้ชาวจีนรู้จัก
แต่ผมเดินทางสุดทางของเส้นทางรถไฟสายชิงไห่-ทิเบต เพื่อที่จะมา “ลาซา”
ตั้งแต่ผมเดินทางมานับร้อยเมือง แต่ละเมืองมีเอกลักษณ์ที่สำคัญ บางเมืองเป็นศูนย์รวมของความเจริญและทันสมัย บางเมืองเป็นต้นกำเนิดแห่งอายธรรมโบราณอันเก่าแก่ บางเมืองเรียบง่ายและสงบ บางเมืองแวดล้อมไปด้วยธรรมชาติอันยิ่งใหญ่
แต่ ลาซา (Lhasa) เป็นเมืองโบราณที่ยังมีชีวิต ยังเจิดจรัส ดุจอัญมณีในที่ราบสูงหิมาลัย เต็มไปด้วยจิตวิญญาณ ศรัทธาแห่งศาสนา ทุกอณูของเมืองเต็มไปด้วยการฝึกปฏิบัติ ภาวนา ทุกหนทุกแห่งจะดังก้องไปด้วยบทสวดภาษาสันสกฤตและทิเบต ทุกสายลมเต็มไปด้วยมนต์ที่ออกมาจากกงล้อแห่งมนต์และธงทิว วัตรปฏิบัติอันงดงามของพระและลามะ
กาลเวลาเคลื่อนผ่านนับสองพันปี นับตั้งแต่กษัตริย์แห่งทิเบตตกลงพระทัยสร้างวัดโจคังตรงบริเวณที่เคยเป็นทะเลสาบ ตรงที่เป็นใจกลางแห่งที่ราบหิมาลัย ใจกลางของโลก ศูนย์กลางของวงกลมมันตรา ตามคติไตรภูมิ ซึ่งเป็นคติแห่งพุทธทุกนิกาย โจคังและถนนแปดเหลี่ยมได้กลายเป็นศูนย์กลางแห่งจิตวิญญาณของผู้คนแห่งหิมาลัย เช่นเดียวกับที่กาฏมาณฑุเป็น
ผ่านมานับพันปีก็ยังเป็นเช่นนั้น ถึงจีนจะเข้ามาควบคุม ถึงโลกจะเปลี่ยนเข้าสู่ยุค 5G แต่ผู้คนแห่งลาซาเป็นนิรันดร์ ไม่เคยเปลี่ยนแปลง การเดินสวดมนต์ การกราบแบบอัษฎางคประดิษฐ์จากบ้านไปสู่วัดโจคังอันศักดิ์สิทธิ์ พันปีก่อนทำเช่นไร ปัจจุปันกาลก็เป็นเช่นนั้น ความขลังและความศักดิ์สิทธิ์ของบรรยากาศและวิถีแห่งทิเบต ที่เมืองโบราณแห่งลาซายังมีเต็มเปี่ยม
สำหรับคนลาซา ศาสนาคือลมหายใจ คือรากโคนแห่งชีวิต คัมภีร์แห่งศาสนาคือคัมภีร์ชีวิต ชาวทิเบตเมื่อบวชเป็นพระแล้ว เสมือนตายแล้วเกิดในร่างใหม่ ไม่สามารถสึกได้ ในสมัยโบราณผู้ชายทิเบตเกินครึ่งที่เป็นพระ
การมาที่ลาซาทำให้เข้าใจว่าชีวิตมีคุณค่าและยิ่งใหญ่เหลือเกิน ทำให้มองเห็นโลกอีกด้านได้เด่นชัดยิ่งขึ้น ซึ่งคนที่ไม่เคยมาจะไม่มีวันเข้าใจ เพราะสิ่งนี้หาไม่ได้จากการอ่านหนังสือและชมสารคดีใดๆทั้งนั้น สิ่งนี้จะตระหนักรู้ได้ด้วยตาเนื้อเท่านั้น นี้คือเหตุผลที่พระเจ้าให้ดวงตาและสมองกับมนุษย์ และการเดินทางมากทำให้เข้าใจความแตกต่างทางศาสนา ทั้งพุทธ คริสต์ พุทธแบบเนเปาล พุทธแบบทิเบต ทำให้เข้าใจว่า คนเราไม่ควรจะแตกต่างและฆ่าฟันกันด้วยศาสนา แต่ควรจะหลอมรวมกันด้วยศาสนา
หลังคาโลกหรือหิมาลัย เหมือนเป็นดินแดนที่พระเจ้าประทานมาให้เข้าถึงยากแสนยาก เดินทางผ่านแดนสุดแสนหฤโหด ผจญกับภูมิประเทศที่อันตราย แตกต่างจนร่างกายแทบรับไม่ได้ เพื่อจะได้มาพบแดนงามดุจสวรรค์
ทิเบต ลาซา คือแดนสวรรค์ที่แท้จริง
‘’ลาซา’’ เป็น เมืองแห่งวัฒนธรรมของชนเผ่าทิเบต เป็นเมืองหลวงของเขตปกครองตนเองทิเบตแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดเป็นอันดับสองในที่ราบสูงทิเบต รองจากเมืองซีหนิง
ลาซาอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลถึง 3,490 เมตร (11,450 ฟุต) ซึ่งนั่นเองทำให้ลาซากลายเป็นหนึ่งในเมืองที่อยู่สูงที่สุดของโลก ในเมืองประกอบไปด้วยหลายวัฒนธรรมที่สำคัญ โดยเฉพาะศาสนสถานของศาสนาพุทธ-ทิเบต เช่นพระราชวังโปตาลา หรือ วัดโจคัง หรือ พระราชวังโนร์บูกลิงกา
ลาซาแท้จริงหมายถึง "ผืนดินแห่งพระพุทธองค์" เอกสารเกี่ยวกับทิเบตโบราณและจารึกต่าง ๆ ได้แสดงให้เห็นว่า สถานที่ซึ่งถูกเรียกว่า "ราซา" อาจหมายถึงสถานที่เลี้ยงแพะ หรือเป็นคำที่ย่อมาจากคำว่า "ระเว ซา" สถานที่ที่รายล้อมไปด้วยกำแพง อย่างไรก็ตาม ชื่อลาซาที่ถูกบันทึกเป็นครั้งแรกนั้นมีความหมายถึงวัดโจโว ในการเจรจาระหว่างจีนกับทิเบตใน ค.ศ. 822
ขอบคุณภาพจาก https://www.tibettravel.org/
กรุงลาซาครอบคลุมบริเวณพื้นที่ถึง 30,000 ตารางกิโลเมตร นับรวมพื้นที่ตอนกลางขนาด 544 ตารางกิโลเมตร และมีประชากรทั้งหมด 500,000 คน ในจำนวนนี้จำนวน 250,000 คนเป็นประชากรที่อาศัยอยู่ในเขตเมือง ลาซาเป็นที่อยู่ของชาวทิเบต ชาวฮั่น และ ชาวหุย เช่นเดียวกับหลายกลุ่มชาติพันธุ์อื่น ๆ แต่โดยรวมแล้ว ชาวทิเบตมีจำนวนประชากรมากที่สุด
ลาซาตั้งอยู่ด้านล่างของแอ่งขนาดเล็ก ล้อมรอบไปด้วยเทือกเขาหิมาลัย ลาซามีระดับความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 3,600 เมตร และตั้งอยู่ในใจกลางที่ราบสูงทิเบตที่มีภูเขาล้อมรอบที่อาจมีความสูงถึง 5,500 เมตร ในอากาศมีออกซิเจนเพียง 68% ของปริมาณออกซิเจนที่ระดับน้ำทะเล ทางใต้ของเมืองมีแม่น้ำไหลผ่านชื่อว่า แม่น้ำลาซา ซึ่งเป็นแควหนึ่งของแม่น้ำหยาหลู่จั้งปู้ แม่น้ำลาซานี้เองเป็นที่รู้จักโดยชาวทิเบตท้องถิ่นในนาม "คลื่นความสุขสีคราม"
ขอบคุณภาพจาก https://www.marrontreks.com
เมืองลาซานั้นตั้งอยู่ตอนกลางของที่ราบสูงทิเบต ทางเหนือของเทือกเขาหิมาลัย มีแม่น้ำลาซาซึ่งเป็นแควสายหนึ่งของแม่น้ำยาลูจัมโปทอดตัวไหลผ่าน เมืองที่สูงที่สุดในโลกแห่งนี้อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 3,490 เมตร เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในด้านประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของจีน คำว่า “ลาซา” ในภาษาทิเบตหมายความว่า “สถานที่ศักดิ์สิทธิ์” หรือ “พุทธสถาน”
ภาพถ่ายทางอากาศแสดงให้เห็นว่าลาซาตั้งอยู่ที่ราบสูงที่ขนาบด้วยเทือกเขาและมีแม่น้ำไหลผ่าน
ขอบคุณภาพจาก https://en.wikipedia.org
ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ลาซา เป็นศูนย์กลางทางการเมือง เศรษฐกิจ วัฒนธรรมและศาสนา ของทิเบต พระราชวังโปตาลาที่ตั้งอยู่ในใจกลางเมืองลาซาอย่างสง่างามนั้น เป็นสัญลักษณ์ของเมืองแห่งหิมะกระทั่งรวมถึงทั่วทั้งที่ราบสูงชิงไห่-ทิเบต พระตำหนักที่มีความสูงเหนือระดับน้ำทะเลสูงสุดและยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก
บนถนนหนทางเต็มไปด้วยผู้คนจากพื้นที่ต่างๆ ของทิเบต หลายคนยังคงสวมใส่เสื้อผ้าพื้นเมืองของชนเผ่าทิเบต กงล้อมนตราในมือและลูกประคำที่ถืออยู่ตลอดแสดงให้เห็นว่าพุทธศาสนาได้ซึมซับอยู่ในวิถีชีวิตของชาวทิเบต การได้ร่วมฉลองปีใหม่กับชาวทิเบตตามปฏิทินทิเบต และได้เที่ยวเทือกเขาหิมะน้ำแข็ง ทำให้ผู้คนสามารถสัมผัสชีวิตที่แตกต่างอย่างได้อรรถรส
คุณภาพน้ำและอากาศของเมืองลาซาสะอาดบริสุทธิ์มาก ลาซาเป็นเมืองที่มีมลภาวะน้อยและมีสิ่งแวดล้อมที่ดีที่สุดของจีน
ขอบคุณข้อมูลจาก https://www.greenlandholidaytour.com และ https://th.wikipedia.org
จากลาซาสามารถเดินทางไปกาฎมาณฑุได้ นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางด้วยทริป ทิเบต - เนปาล สองประเทศกั้นกลางด้วยเทือกเขาหิมาลัย
พระราชวังโปตาลาในยุคโบราณ
พระราชวังนอร์บูร์ลิงกะ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น