"ข้ามายังดินแดนแห่งนี้ด้วยสองเท้าและหนึ่งคารัม" คนจรเริ่มเล่า "จากทาร์จิสที่ระอุถึงนาบีที่ยะเยือก และในที่สุดข้าก็มายังที่นี่ มหานครเมกิส"
"จากหนึ่งคารัมที่ข้ามี ข้าท้าทายผู้กล้าหาญทั้งหลาย จากในร้านเหล้าถึงนอกกำแพง เวลาผ่านไป ข้าได้เงินเดิมพันมามากกว่าห้าหมื่นตาร์จา กับชื่อเสียงที่ไม่มีใครกล้ารับคำท้าของข้าอีกเลย"
คนจรดื่มเมรัยอึกหนึ่ง "ดังนั้นเส้นทางของข้าจึงมีแค่ทางเลือกเดียว นั่นคือโคลอสเซี่ยม สังเวียนแห่งเลือด เกรียรติยศ และเงินตรา"
คนจรทอดถอนใจ "ทว่า โลกนี้กว้างใหญ่นัก ข้าพ่ายแพ้โดยวอร์นัค และดาบประกายดาวของมัน ไม่! ข้ามิได้พ่ายแพ้ เพียงแต่อาวุธของข้าถูกใช้งานมานาน จนไม่อาจต้านทานดาบประกายดาวของมัน"
คนจรดื่มเมรัยอึกใหญ่ "ข้าจึงเดินทางไปเสาะหาสุดยอดแห่งอาวุธ และในที่สุด ข้าก็ได้มันมา" คนจรลูบห่อผ้าบนโต๊ะอย่างเบามือ
"และอย่างที่เจ้ารู้ ข้าบุกไปที่บ้านวอร์นัคเพื่อล้างอาย และพบเพียงโลงศพ ที่มีร่างของเขาบรรจุอยู่ภายใน" คนจรดื่มจนหมดแล้วกระแทกจอกลงกับพื้นโต๊ะ
"ส่วนดาบประกายดาว ก็ได้สร้างชื่อเสียงมากมายให้กับคาร์นัค ลูกชายของวอร์นัค ซึ่งเป็นเป้าหมายของเจ้า"
คนจรหยิบห่อผ้าแล้วแกะออก หยิบดาบใบกว้างกับปลอกดาบสีดำมาวางบนโต๊ะตรงหน้าของชายหนุ่ม
"ดาบดาวตกเป็นของเจ้าแล้ว คมดาบสีดำมีพลังดูดกลืน เวลาใช้ต้องระมัดระวัง อย่าให้โดนตัวเองล่ะ" ชายหนุ่มรับดาบมาชักออกจากฝัก แล้วชี้ดาบขึ้นฟ้า แสงไฟในร้านเหล้ามืดสลัวลงทันใด
คนจรในเสื้อคลุมนั่งมอง คล้ายจะกล่าวกระไรแต่ก็มิได้กล่าวออกมา จนกระทั่งชายหนุ่มเก็บดาบและเดินออกจากร้านไป
เสียงขยับเก้าอี้ครืดคราดจากโต๊ะด้านหลัง ตามมาด้วยเสียงฝีเท้าที่แตกต่างกันของคนสามคน
"จะรีบร้อนไป
ตาย!ทำไมเล่า หอกทลายปฐพี ดาบเพลิงอัคคี เคียวอัสนีบาต"
คนจรเน้นย้ำคำว่าตายด้วยเสียงหนักแน่น
"ท่านคือ..." ผู้ใช้เคียวอัสนีบาตเอ่ยถาม พลางยกแขนกันอีกสองคนไว้
คนจรลุกขึ้นยืนประจันหน้าให้กับทั้งสามคน "ข้าแค่อยากอยู่อย่างสงบๆน่ะ หวังว่าพวกเจ้าคงเข้าใจข้านะ" ว่าแล้วก็ชูนิ้วชี้ขึ้นแตะริมฝีปาก บางสิ่งในแขนเสื้อสะท้อนแสงเป็นประกายสีทอง
ทั้งสามคนเห็นดังนั้นก็ตัวสั่นหน้าซีดเผือด พูดจาตะตุกตะกักฟังพอได้ใจความว่า "ป....ป..ปลอกแขนสยบศาสตรา"
"นั่นแหละ ข้าเอง" คนจรกล่าวระหว่างที่ขยับคอและไหล่ โยนเหรียญเงินลงบนโต๊ะ และก็เดินออกจากร้านไป
"อันดับหนี่งแห่งสังเวียนเมกิสลีกนะนั่น" ผู้ใช้ดาบเพลิงอัคคีเอ่ยอย่างอกสั่นขวัญแขวนแสนสะท้านจิต
ตอนที่สอง
คนจรเดินไปตามเส้นทางหลักระยะหนึ่ง แล้วหลบสายตาผู้คนเข้าซอกตึก เดินเลียบกำแพงชั้นกลางไปที่ประตูหลังของอาคารแห่งหนึ่ง
"นั่นใคร..." มีเสียงเบาๆลอดออกมาจากประตู คนจรหันซ้ายหันขวาแล้วกระซิบตอบว่า "คาเมโร่" มีเสียงดังคลิกแล้วประตูก็เปิดออก หลังประตูมีชายรูปร่างผอมใส่ชุดคลุมตลอดศรีษะไม่ทราบอายุเดินออกมา ด้านหลังคนผอมยังมีชายศรีษะล้านรูปร่างอ้วนในชุดทูนิกกำลังตรงมาทางนี้ คนผอมในชุดคลุมสีทรายมองไปรอบๆแล้วกระโดดลอยตัวขึ้นเกาะกำแพงสูง พลิกตัวข้ามไปอย่างเหนือความคาดหมาย ชายอ้วนดึงแขนคาเมโร่เข้ามาในอาคารและปิดประตูลงกลอน
ในห้อง
ชายอ้วนเดินไปที่บาร์ผสมเครื่องดื่มใส่จอกไม้ และยื่นให้คนจรที่นั่งอยู่ "ขอบคุณ" คาเมโร่ตอบยิ้มๆ ขณะที่สันมือซ้ายฟันใส่ข้อมือของชายอ้วน ทำให้จอกในมือร่วงหล่นลงบนโต๊ะบาร์ ของเหลวสีเหลืองใสกระจายไปรอบๆและกัดสีที่เคลือบโต๊ะอยู่จนหมดสิ้น หลงเหลือแต่เนื้อไม้ดั้งเดิม
"ฮึ ยังร้ายกาจเหมือนเดิมเลยนะ...แล้วนี่ล่ะ" ชายพุงพลุ้ยยกมือขวาตบโต๊ะอย่างแรง เหล้ากระดูกขาวที่นองอยู่บนพื้นกระเด็นขึ้นมาตามแรงลึกลับและในเสี้ยววินาทีก็ถูกพลังจากฝ่ามือซ้ายกระแทกปลิวเข้าหาผู้มาเยือนในระยะประชิด
คาเมโร่เตะใส่โต๊ะเพื่อเอนตัวไปข้างหลัง แล้วใช้กระทะทองแดงที่ไม่ทราบว่าไปหยิบมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ปาดเข้ากับกลุ่มของกระสุนสุรา ควงแขนรอบหนึ่งแล้วรินใส่จอกที่พลิกกลับมาตั้งจากแรงเตะเมื่อสักครู่ "แหม ท่านยาฟร่า ข้าเกรงใจน่ะ ท่านดื่มเองเถิด" อาคันตุกะพูดยิ้มๆเช่นเคย
"ท่านมีฝีมือขนาดนี้ทำไมไม่เข้าประลองเลยล่ะ" ยาฟร่าพูดขณะเทเหล้าในจอกทิ้ง แล้วหยิบเหรียญทองจากหีบใบเล็ก มาวางบนโต๊ะจำนวนยี่สิบเหรียญด้วยกัน
"ข้าอยากอยู่อย่างอิสระมากกว่าน่ะ" คาเมโร่เก็บเหรียญทองทั้งหมดไว้ในถุงหนังใบเล็ก "งานง่ายๆแต่หาคนมาทำยากเหลือเกิน" ยาฟร่าบ่น "นี่ถ้าไม่มีท่าน ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะหาใครมาปลอมเป็นเขาดี" คาเมโร่ยิ้ม "ขอบคุณสำหรับยี่สิบตาร์จา" ว่าแล้วก็เสยผมสีชาสองที
จบตอน
[จากเกมถุงมือ]คนดิบผจญแดนเถื่อน 1+2
"จากหนึ่งคารัมที่ข้ามี ข้าท้าทายผู้กล้าหาญทั้งหลาย จากในร้านเหล้าถึงนอกกำแพง เวลาผ่านไป ข้าได้เงินเดิมพันมามากกว่าห้าหมื่นตาร์จา กับชื่อเสียงที่ไม่มีใครกล้ารับคำท้าของข้าอีกเลย"
คนจรดื่มเมรัยอึกหนึ่ง "ดังนั้นเส้นทางของข้าจึงมีแค่ทางเลือกเดียว นั่นคือโคลอสเซี่ยม สังเวียนแห่งเลือด เกรียรติยศ และเงินตรา"
คนจรทอดถอนใจ "ทว่า โลกนี้กว้างใหญ่นัก ข้าพ่ายแพ้โดยวอร์นัค และดาบประกายดาวของมัน ไม่! ข้ามิได้พ่ายแพ้ เพียงแต่อาวุธของข้าถูกใช้งานมานาน จนไม่อาจต้านทานดาบประกายดาวของมัน"
คนจรดื่มเมรัยอึกใหญ่ "ข้าจึงเดินทางไปเสาะหาสุดยอดแห่งอาวุธ และในที่สุด ข้าก็ได้มันมา" คนจรลูบห่อผ้าบนโต๊ะอย่างเบามือ
"และอย่างที่เจ้ารู้ ข้าบุกไปที่บ้านวอร์นัคเพื่อล้างอาย และพบเพียงโลงศพ ที่มีร่างของเขาบรรจุอยู่ภายใน" คนจรดื่มจนหมดแล้วกระแทกจอกลงกับพื้นโต๊ะ
"ส่วนดาบประกายดาว ก็ได้สร้างชื่อเสียงมากมายให้กับคาร์นัค ลูกชายของวอร์นัค ซึ่งเป็นเป้าหมายของเจ้า"
คนจรหยิบห่อผ้าแล้วแกะออก หยิบดาบใบกว้างกับปลอกดาบสีดำมาวางบนโต๊ะตรงหน้าของชายหนุ่ม
"ดาบดาวตกเป็นของเจ้าแล้ว คมดาบสีดำมีพลังดูดกลืน เวลาใช้ต้องระมัดระวัง อย่าให้โดนตัวเองล่ะ" ชายหนุ่มรับดาบมาชักออกจากฝัก แล้วชี้ดาบขึ้นฟ้า แสงไฟในร้านเหล้ามืดสลัวลงทันใด
คนจรในเสื้อคลุมนั่งมอง คล้ายจะกล่าวกระไรแต่ก็มิได้กล่าวออกมา จนกระทั่งชายหนุ่มเก็บดาบและเดินออกจากร้านไป
เสียงขยับเก้าอี้ครืดคราดจากโต๊ะด้านหลัง ตามมาด้วยเสียงฝีเท้าที่แตกต่างกันของคนสามคน
"จะรีบร้อนไปตาย!ทำไมเล่า หอกทลายปฐพี ดาบเพลิงอัคคี เคียวอัสนีบาต"
คนจรเน้นย้ำคำว่าตายด้วยเสียงหนักแน่น
"ท่านคือ..." ผู้ใช้เคียวอัสนีบาตเอ่ยถาม พลางยกแขนกันอีกสองคนไว้
คนจรลุกขึ้นยืนประจันหน้าให้กับทั้งสามคน "ข้าแค่อยากอยู่อย่างสงบๆน่ะ หวังว่าพวกเจ้าคงเข้าใจข้านะ" ว่าแล้วก็ชูนิ้วชี้ขึ้นแตะริมฝีปาก บางสิ่งในแขนเสื้อสะท้อนแสงเป็นประกายสีทอง
ทั้งสามคนเห็นดังนั้นก็ตัวสั่นหน้าซีดเผือด พูดจาตะตุกตะกักฟังพอได้ใจความว่า "ป....ป..ปลอกแขนสยบศาสตรา"
"นั่นแหละ ข้าเอง" คนจรกล่าวระหว่างที่ขยับคอและไหล่ โยนเหรียญเงินลงบนโต๊ะ และก็เดินออกจากร้านไป
"อันดับหนี่งแห่งสังเวียนเมกิสลีกนะนั่น" ผู้ใช้ดาบเพลิงอัคคีเอ่ยอย่างอกสั่นขวัญแขวนแสนสะท้านจิต
ตอนที่สอง
คนจรเดินไปตามเส้นทางหลักระยะหนึ่ง แล้วหลบสายตาผู้คนเข้าซอกตึก เดินเลียบกำแพงชั้นกลางไปที่ประตูหลังของอาคารแห่งหนึ่ง
"นั่นใคร..." มีเสียงเบาๆลอดออกมาจากประตู คนจรหันซ้ายหันขวาแล้วกระซิบตอบว่า "คาเมโร่" มีเสียงดังคลิกแล้วประตูก็เปิดออก หลังประตูมีชายรูปร่างผอมใส่ชุดคลุมตลอดศรีษะไม่ทราบอายุเดินออกมา ด้านหลังคนผอมยังมีชายศรีษะล้านรูปร่างอ้วนในชุดทูนิกกำลังตรงมาทางนี้ คนผอมในชุดคลุมสีทรายมองไปรอบๆแล้วกระโดดลอยตัวขึ้นเกาะกำแพงสูง พลิกตัวข้ามไปอย่างเหนือความคาดหมาย ชายอ้วนดึงแขนคาเมโร่เข้ามาในอาคารและปิดประตูลงกลอน
ในห้อง
ชายอ้วนเดินไปที่บาร์ผสมเครื่องดื่มใส่จอกไม้ และยื่นให้คนจรที่นั่งอยู่ "ขอบคุณ" คาเมโร่ตอบยิ้มๆ ขณะที่สันมือซ้ายฟันใส่ข้อมือของชายอ้วน ทำให้จอกในมือร่วงหล่นลงบนโต๊ะบาร์ ของเหลวสีเหลืองใสกระจายไปรอบๆและกัดสีที่เคลือบโต๊ะอยู่จนหมดสิ้น หลงเหลือแต่เนื้อไม้ดั้งเดิม
"ฮึ ยังร้ายกาจเหมือนเดิมเลยนะ...แล้วนี่ล่ะ" ชายพุงพลุ้ยยกมือขวาตบโต๊ะอย่างแรง เหล้ากระดูกขาวที่นองอยู่บนพื้นกระเด็นขึ้นมาตามแรงลึกลับและในเสี้ยววินาทีก็ถูกพลังจากฝ่ามือซ้ายกระแทกปลิวเข้าหาผู้มาเยือนในระยะประชิด
คาเมโร่เตะใส่โต๊ะเพื่อเอนตัวไปข้างหลัง แล้วใช้กระทะทองแดงที่ไม่ทราบว่าไปหยิบมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ปาดเข้ากับกลุ่มของกระสุนสุรา ควงแขนรอบหนึ่งแล้วรินใส่จอกที่พลิกกลับมาตั้งจากแรงเตะเมื่อสักครู่ "แหม ท่านยาฟร่า ข้าเกรงใจน่ะ ท่านดื่มเองเถิด" อาคันตุกะพูดยิ้มๆเช่นเคย
"ท่านมีฝีมือขนาดนี้ทำไมไม่เข้าประลองเลยล่ะ" ยาฟร่าพูดขณะเทเหล้าในจอกทิ้ง แล้วหยิบเหรียญทองจากหีบใบเล็ก มาวางบนโต๊ะจำนวนยี่สิบเหรียญด้วยกัน
"ข้าอยากอยู่อย่างอิสระมากกว่าน่ะ" คาเมโร่เก็บเหรียญทองทั้งหมดไว้ในถุงหนังใบเล็ก "งานง่ายๆแต่หาคนมาทำยากเหลือเกิน" ยาฟร่าบ่น "นี่ถ้าไม่มีท่าน ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะหาใครมาปลอมเป็นเขาดี" คาเมโร่ยิ้ม "ขอบคุณสำหรับยี่สิบตาร์จา" ว่าแล้วก็เสยผมสีชาสองที
จบตอน