.
คำถาม : นิยายกำลังภายในของอาจารย์ลิ้วชั้งเอี๊ยง ท่านชอบเรื่องใดบ้าง? (เรียงจากมากที่สุดไปหาน้อย)
ลิ้วชั้งเอี๊ยง
ลิ้วชั้งเอี๊ยง หรือ หลิ่วฉานหยาง(柳残阳)เป็นนามปากกา หลิ่วเป็นแซ่(หรือจะแปลได้ว่าต้นหลิว) ฉานหยางแปลว่าอาทิตย์ตกดิน ฟังแล้วให้ภาพต้นหลิวภายใต้บรรยากาศยามเย็นสีส้มที่ถูกย้อมจนทั่วฟ้า ให้อารมณ์เศร้า ๆ เหงา ๆ อย่างบอกไม่ถูก
ลิ้วชั้งเอี๊ยง มีชื่อจริงว่า เกาเจี้ยนจี(高见几) เป็นคนชิงเต่า มณฑลซานตุง เกิดเมื่อปีค.ศ. 1941 และเสียชีวิตไปเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม ค.ศ. 2014 สิริอายุ 73 ปี
ครอบครัวของลิ้วชั้งเอี๊ยงอาศัยอยู่ที่จางฮว่า ไต้หวัน แต่เขากลับไม่คิดทำมาหากินอยู่ที่บ้านเกิด เมื่อเรียนจบได้ไปสมัครเป็นทหาร ตอนนั้นมีแต่การฝึกซ้อมเนื่องจากไม่มีศึกสงคราม วันหนึ่งเข้าเมืองมา เจอนิยายกำลังภายในเล่มเล็ก ๆ ที่กำลังฮิตกัน ได้ซื้อกลับไปอ่านจนติด จึงเอาเก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อเสมอ ว่างเมื่อไหร่ก็ควักมาเปิดดู
เมื่ออ่านมาก ๆ เข้าเริ่มอยากเขียน แต่ในค่ายทหารไม่มีแม้กระทั่งโต๊ะเขียนหนังสือ เวลาจินตนาการฟูฟ่อง ลิ้วชั้งเอี๊ยงได้แต่ฟุบอยู่บนรถถัง หรือปากกระบอกปืนใหญ่เขียนนิยาย แล้ว "อวี้เมี่ยนซิวหลัว" (玉面修罗)หรือในชื่อไทยว่า "เลือดพญายม" นิยายเล่มแรกเขาก็เขียนจบในลักษณะนี้เอง
เขียนเสร็จแล้วเป็นอย่างไร ต้องส่งไปที่สำนักพิมพ์ แต่ลิ้วชังเอี๊ยงไม่รู้จักใครเลย จึงลอกเอาชื่อสำนักพิมพ์กับที่อยู่จากนิยายกำลังภายในที่ตนเคยอ่านแล้วใส่ซองยัดต้นฉบับส่งไป2เล่มเล็ก (หกหมื่นตัว) พอสำนักพิมพ์ได้รับ นามปากกาก็ไม่รู้จัก ต้นฉบับก็ไม่เรียบร้อย ใครจะอยากอ่าน เลยโยนทิ้งไปไม่สนใจ
ไม่รู้ด้วยชะตาหรืออย่างไร วันหนึ่ง เหยาเพ่ยจือ(姚佩之)เจ้าของสำนักพิมพ์ว่างจัด เหลือบไปเห็นต้นฉบับที่ไม่เรียบร้อยกองอยู่ข้าง ๆ เลยหยิบมาอ่าน เอาล่ะสิ สนุกดีนะ เนื้อเรื่องก็ดึงดูดให้อ่านต่อไป อ่านรวดเดียวจบ คนของสำนักพิมพ์จึงติดต่อลิ้วชั้งเอี๊ยง และบอกว่าจะพิมพ์เรื่องนี้จำหน่ายให้รีบส่งเล่มต่อไปเข้ามาด่วน
ลิ้วชั้งเอี๊ยงเล่าว่าแรก ๆ ไม่ได้บอกให้พ่อแม่รู้ว่าแอบเขียนนิยายกำลังภายในส่งให้สำนักพิมพ์ มาบอกเอาเมื่อได้ค่าเขียนแล้ว ตอนนั้นค่าเขียน เล่ม 1 เล่ม 2 ได้เล่มละ 400 เหรียญ เล่ม 3 เล่ม 4 ได้เล่มละ 500 เหรียญ ชุดนี้ 4 เล่ม ได้เงินทั้งหมด 1800 เหรียญ สมัยนั้นก็นับว่ามากอยู่ เขาเอาเงิน 1500 เหรียญไปให้คุณแม่ ทั้งพ่อและแม่ตกใจมากเมื่อรู้ความจริง เงินที่เหลือ 300 เหรียญเอาไปกินเหล้ากับเพื่อนและทำอย่างอื่นก็ใช้ได้หนึ่งอาทิตย์เต็ม ๆ
แรกที่สำนักพิมพ์ติดต่อเข้ามา ลิ้วชั้งเอี๊ยงดีใจแทบตายอยากประกาศให้ทุกคนรู้ แต่พอคิดดูอีกที ค่ายทหารมีกฎเข้มงวด ขืนมีคนรู้ว่าทำอาชีพสำรองต้องเป็นเรื่องแน่ จึงได้แต่ดีใจอยู่เงียบ ๆ คนเดียว
คนอื่นฝึกซ้อมยิงปืน เมื่อยังไม่ถึงตาของเขา ลิ้วชั้งเอี๊ยงจะใช้เวลาที่มีอยู่เพียงน้อยนั้นคิดโครงเรื่องนิยายกำลังภายใน เสียงปืนจะดังแค่ไหนก็แล้วแต่ แต่เขากลับอยู่ในโลกของนิยายกำลังภายในเสียแล้ว ซ้อมเสร็จคนอื่นพักผ่อน แต่เขากลับซุ่มเขียนนิยาย
กว่าจะลาออกจากราชการทหาร นามปากกาของลิ้วชังเอี้ยงก็มีชื่อเสียงระดับหนึ่งแล้ว และมีหนังสือออกสู่ท้องตลาดหลายเรื่อง แต่กระนั้นก้าวแรกกับอาชีพนักเขียนของเขาก็ช้ากว่าคนอื่น ในวงการมีนักเขียนนิยายกำลังภายในมากมาย การจะคงอยู่ในสภาพการแข่งขันที่รุนแรงไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ด้วยพื้นฐานของความเป็นทหาร ในที่สุดเขาก็ค้นพบจุดเด่นของตน นิยายของเขา ดุเด็ด เผ็ดมันส์ ฉากต่อสู้รุนแรง โหดได้เลือด ไม่มีพิรี้พิไร
เขียนนิยายเลี้ยงชีพ พอมีชื่อเสียงอยู่บ้าง รายได้ก็ไม่เลว กินเหล้ากับเพื่อน เล่นการพนันนิดหน่อย เป็นการพักผ่อนของลิ้วชั้งเอี้ยง ตอนนั้นเองเขาเจอกับเด็กสาวมัธยมคนหนึ่ง เห็นแล้วถูกใจ แอบดักทางที่เธอผ่านประจำ ทำทีเป็นบังเอิญเจอ 4 ปีต่อมาพอสาวน้อยเรียนจบ ลิ้วชั้งเอี๊ยงก็ไปสู่ขอ ทั้งสองแต่งงานกันสมรักสมรส ลิ้วชั้งเอี๊ยงมีความรักครั้งนี้ครั้งเดียว จะเห็นได้ว่างานเขียนของเขาไม่เน้นรัก แต่เน้นโหดเสียมากกว่า
แต่งงานกันไป ได้ลูกสาว ความจริงสองสามีภรรยาไม่คิดอะไรมาก แต่ครอบครัวของเขาเป็นครอบครัวอนุรักษ์นิยม ผู้ใหญ่จึงบอกให้ทั้งคู่ผลิตลูกชายเพื่อสืบตระกูล สร้างแรงกดดันต่อทั้งคู่ไม่น้อย แต่ภายหลังเขาก็ได้ลูกชายจริง ๆ ดังปรารถนา
ตอนอยู่ในค่ายทหาร เขามีสมาธิจินตนาการเรื่องราว แต่เมื่อเขียนหนังสือในบ้าน มักโดนสิ่งแวดล้อมรบกวน ไม่ว่าจะเป็นเสียงพูดคุยของภรรยาหรือคนอื่น ๆ ดังนั้นจึงต้องรอให้ทุกคนนอนหลับหมดก่อนแล้วจะค่อยเขียนนิยาย เขียนถึงตีสองตีสาม แต่เขามีนิสัยประหลาดซึ่งแม้แต่ตัวเองก็ยังไม่นึกว่ามันประหลาดคือเห็นหนูกับแมลงสาบไม่ได้ ก่อนนอนต้องตรวจหาแล้วตีมันให้ตาย ลิ้วชั้งเอี๊ยงเสียเวลากำจัดหนูกับแมลงสาบไปไม่น้อยกว่านั่งเขียนต้นฉบับเลย
นิยายของท่านที่สร้างชื่อที่สุดก็คือเรื่อง "เทียนฮุดเจี้ย" ซึ่งต่อมาชอว์บาร์เดอร์มาทำเป็นหนังที่เรารู้จักกันในชื่อ "ฝ่ามือยูไล" (如来神掌) ในยุคแรกนั้นไม่มีการขอลิขสิทธิ์ถูกต้อง เมื่อลิ้วชั้งเอี๊ยงที่ไต้หวันเห็นเข้าจึงให้ทนายส่งจดหมายไปเตือนชอว์ฯที่ฮ่องกง และตัวแทนของชอว์ฯในไต้หวันก็คือคุณหม่าฟังจง ได้นัดลิ้วชั้งเอี๊ยงออกมาคุย แรก ๆ อ้างว่าฝ่ามือยูไล 8 กระบวนท่าเป็นจินตนาการของผู้กำกับ แต่ลิ้วชั้งเอี๊ยงชี้แจงว่าจะเหมือนกันได้อย่างไร เขาไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าการให้เครดิตว่านำมาจากเรื่องอะไรเท่านั้น หม่าฟังจงบอกกับเขาว่าในหนังทำไม่ทันแล้วเพราะจะเข้าฉายไต้หวันในอีกไม่กี่วัน แต่จะประกาศลงหนังสือพิมพ์ให้และยังจะใส่ชื่อให้ที่ป้ายหน้าโรงหนังอีกด้วย ลิ้วชั้งเอี๊ยงพอใจที่พวกเขารับปากแล้วทำ
ต่อมาเรื่องเดียวกันนี้หวงอวี้หลางได้นำไปทำเป็นหนังสือการ์ตูนก็เกิดเรื่องละเมิดลิขสิทธิ์ขึ้นอีก ลิ้วชั้งเอี๊ยงทราบเรื่องจึงเขียนจดหมายส่งให้หวงอวี้หลาง หวงอวี้หลางได้ส่งคนไปเจรจาและลิ้วชั้งเอี๊ยงก็ได้ให้ลิขสิทธิ์แก่หวงอวี้หลาง เนื่องจากจะอย่างไรพวกเขาก็ได้ออกหนังสือการ์ตูนไปก่อนหน้านี้แล้ว
เพื่อเป็นการชดเชย ในขณะนั้น หวงอวี้หลางมีนิตยสาร 2 เล่มออกในไต้หวัน หวงอวี้หลางได้ให้สัญญากับลิ้วชั้งเอี๊ยงว่าจะเอาเรื่องของเขาลง และให้ค่าเหนื่อยคือ180เหรียญฮ่องกงต่อ 1000 ตัวอักษร ถือว่าเป็นตัวเลขที่สูงพอควรและยังให้เงินมัดจำก่อนจำนวน 3000 เหรียญฮ่องกงอีกด้วย เมื่อเรื่อง "ฝ่ามือยูไล" โด่งดัง ลิ้วชั้งเอี๊ยงกลับไม่เป็นที่รู้จักว่าแท้จริงแล้วบทประพันธ์ของเขาคือบทประพันธ์ต้นเรื่อง มีคนไม่น้อยที่เข้าใจว่าต้นเรื่องเป็นของทางฮ่องกง
ผลงานของลิ้วชั้งเอี๊ยง
1961
เลือดพญายม (玉面修罗)
1962
เทียนฮุดเจี้ย (天佛掌)
1963
รอยสักมังกร (่金雕龙纹)
1964
วิญญาณหฤโหด (่骠骑)
1965
เทพบุตรโลกันต์ (博命巾)
1966
ยอดทรชน (่枭霸)
1967
มือปีศาจ (่银牛角)
1968
ดาบพญายม (่断刃)
1968
กระบี่กระหายเลือด(千手剑)
1969
ธงชัยในบู๊ลิ้ม (่霸锤)
1970
ฑูตส่งวิญญาณ (่渡心指)
1971
แดงทั่วธาร (่大煞手)
จอมดาบตะลุยเลือด
เทพบุตรจากโลกันตร์
พระกาฬหน้าทอง (金色面具)
แค้นพญามาร (断肠花)
ดาบเหนือปฐพี (霸月刀)
ทองพญายม
ถล่มสิบทิศ
ยมฑูตผู้พิชิต
เหยี่ยวพญายม
😍📖📘 นิยายกำลังภายในของลิ้วชั้งเอี๊ยง ท่านชอบเรื่องใดบ้าง? 📘📖😍
1962 เทียนฮุดเจี้ย (天佛掌)
1963 รอยสักมังกร (่金雕龙纹)
1964 วิญญาณหฤโหด (่骠骑)
1965 เทพบุตรโลกันต์ (博命巾)
1966 ยอดทรชน (่枭霸)
1967 มือปีศาจ (่银牛角)
1968 ดาบพญายม (่断刃)
1968 กระบี่กระหายเลือด(千手剑)
1969 ธงชัยในบู๊ลิ้ม (่霸锤)
1970 ฑูตส่งวิญญาณ (่渡心指)
1971 แดงทั่วธาร (่大煞手)
จอมดาบตะลุยเลือด
เทพบุตรจากโลกันตร์
พระกาฬหน้าทอง (金色面具)
แค้นพญามาร (断肠花)
ดาบเหนือปฐพี (霸月刀)
ทองพญายม
ถล่มสิบทิศ
ยมฑูตผู้พิชิต
เหยี่ยวพญายม