NGO ไม่ใช่อภิสิทธิ์ชน ไม่มีสิทธิ์หลีกเลี่ยงภาษี !!! (สามสิ่งที่ NGO กลัว)
1. กรรม
2. ภาษี
3. สนข.อิศรา
=========================
=========================
NGO ไม่ใช่อภิสิทธิ์ชน ไม่มีสิทธิ์หลีกเลี่ยงภาษี !!!
=========================
สั้นๆ นะครับผม คือ สิ่งที่หนีไม่ได้คือความตายและภาษี ต้องให้กำลังใจข้าราชการกรมสรรพากรที่ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดเอาจริงเอาจัง NGO ไม่ใช่อภิสิทธิชนจึงยังอยู่ใต้กฎหมายและต้องเสียภาษีอยู่ Al Capone มาเฟียใหญ่สุดๆ ของอเมริกาก็ถูกจับเพราะเรื่องหนีภาษีแบบนี้
ของไทยนั้นคดีเรื่องทักษิณ ชินวัตร กับการไม่เสียภาษีก็เป็นเหตุให้อธิบดีกรมสรรพากร รองปลัดกระทรวงการคลัง และข้าราชการระดับสูงในกรมสรรพากร จำนวนมากมาย ต้องเข้าคุกมาแล้วเพราะหาทางช่วยคุณทักษิณ ชินวัตร หลบหนีภาษี ถือว่าเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐตามมาตรา 157 อาญา
ฝ่ายรัฐบาลคงต้องการลดแรงเสียดทานจาก NGO คนดีที่หนีภาษี เลยสั่งลงมาแบบนี้หรือไม่ก็เป็นสิ่งที่สังคมอาจจะสงสัยเจตนาได้หรืออาจจะเป็นลับ ลวง พราง เพื่อให้ NGO ยิ่งดิ้นยิ่งถูกมัดแน่นก็ได้
แต่ข้าราชการกรมสรรพากร หากไม่ทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา ระวังมาตรา 157 อาญา และสังคมควรให้กำลังใจข้าราชการกรมสรรพากรในการทำหน้าที่อย่างเข้มแข็งด้วยนะครับ
เอาเป็นว่าผมถามว่าเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ เสียภาษีหรือไม่ และยอมรับได้หรือไม่หาก NGO จะเป็นคนดีที่ไม่ต้องเสียภาษี อยู่เหนือกฎหมาย
=========================
สสส.เร่งถก'สตง.-สรรพากร' บรรเทาความเดือดร้อนภาคีสุขภาพ
วันศุกร์ ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561, 18.49 น.
16 ก.พ.61 ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี และประธานกรรมการกองทุน หรือบอร์ด สสส. มอบหมายให้ สสส. ประสานสำนักงานตรวจสอบเงินแผ่นดิน(สตง.) และกรมสรรพากร ภายหลังที่ประชุมบอร์ด สสส. หารือในระเบียบวาระการเรียกเก็บภาษีย้อนหลังของภาคีเครือข่ายสร้างเสริมสุขภาพ ว่า ตนจะเร่งประสานไปยัง สตง. และกรมสรรพากร เพื่อขอหารือแนวทางแก้ไข ซึ่งต้องขอขอบคุณท่านรองนายกฯ ที่ได้ให้ทิศทาง และคำแนะนำในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของภาคีเครือข่าย สสส. ทำให้คนทำงานสร้างเสริมสุขภาพมีขวัญกำลังใจ
ทั้งนี้ สสส. ถูกออกแบบให้เป็นองค์กรกองทุนของรัฐที่ทำงานสนับสนุนสร้างเสริมสุขภาพโดยอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนตามแผนและยุทธศาสตร์ที่บอร์ดวางแนวทางไว้ โดยการพัฒนาข้อเสนอโครงการ หรือรับข้อเสนอโครงการเข้ามา และ สสส. เป็นผู้พิจารณาก่อนสนับสนุนงบประมาณออกไป ในรูปแบบของ “ข้อตกลงของ สสส.” มิใช่ “สัญญาจ้างทำของ” ตามที่ สตง. เพิ่งจะมาตีความใหม่ และที่ผ่านมา สสส. ได้ปฏิบัติหน้าที่ต่างๆ ตามที่กำหนดไว้ในประมวลรัษฎากร และอนุบัญญัติที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำส่งรายได้ให้รัฐอย่างครบถ้วนมาโดยตลอด
“สตง.เป็นผู้ตรวจสอบบัญชีตามกฎหมายของ สสส.มาตั้งแต่ก่อตั้งเมื่อปี 2544 แต่ไม่เคยทักท้วงในประเด็นภาษีนี้ซึ่ง สสส. ก็ปฏิบัติในแนวทางเดียวกับกองทุนภาครัฐอื่นๆ ที่ก่อตั้งมาก่อนใช้ปฏิบัติอยู่ กรณีที่เกิดขึ้นเป็นการตีความในช่วงปลายปี 2557 ที่ระบุว่า “ข้อตกลงดำเนินงานสร้างเสริมสุขภาพ” เป็น “สัญญาจ้างทำของ” และวงเงินงบประมาณทั้งหมดที่ สสส. สนับสนุนให้แก่ภาคีเครือข่ายถือเป็นรายได้ของภาคี พร้อมส่งเรื่องให้กรมสรรพากรเรียกเก็บภาษีอากรจากภาคีเครือข่าย สสส. ที่มีทั้งประชาชนทั่วไป ผู้พิการ ผู้สูงอายุ พระสงฆ์ และองค์กรต่างๆ จำนวนมาก"ผู้จัดการกองทุน สสส. กล่าว
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ในปี 2558 นายกรัฐมนตรี ได้มีบัญชาให้รองนายกฯ ที่เป็นประธานบอร์ด สสส.ในขณะนั้น ตั้งคณะกรรมการอิสระเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง และใช้เวลาตรวจสอบรอบด้านราว 1 ปีเศษ และรายงานสรุปต่อบอร์ดชี้ว่า งบประมาณการสนับสนุนโครงการต่างๆ ยังคงเป็นเงินของ สสส. โดยภาคีเครือข่ายเป็นผู้นำไปดำเนินการแทน ยกเว้นส่วนที่กำหนดไว้ชัดเจนในโครงการว่าเป็นรายได้/ค่าตอบแทนของภาคี ในส่วนนี้ได้มีการหักภาษีไว้อยู่แล้ว และประธานบอร์ดได้แจ้งผลสอบต่อ สตง. และกรมสรรพากรไปแล้วตั้งแต่ มกราคม 2560 โดยทั้งสองหน่วยงานไม่เคยมีข้อโต้แย้งใดๆ กลับมา
ดร.สุปรีดา กล่าวว่า ตลอดระยะเวลากว่า 2 ปีที่เข้ามารับตำแหน่ง ตนถือประเด็นปัญหานี้เป็นวาระเร่งด่วนที่ได้พยายามหาแนวทางเพื่อแก้ปัญหานี้ มีการจัดตั้งทีมให้การช่วยเหลือ และร่วมชี้แจงสรรพากรพื้นที่มาโดยตลอด ซึ่งสรรพากรพื้นที่หลายแห่งเมื่อพิจารณาตามเอกสารหลักฐานแล้ว ก็เห็นว่าไม่เข้าข่ายสัญญาจ้างทำของ รวมถึงมีการจัดทำคู่มือภาษีอากรสำหรับภาคีผู้รับทุน ตามข้อตกลงการดำเนินงาน เพื่อสื่อสารให้ภาคีเครือข่าย สสส.ได้รับทราบข้อมูล และแนวทางการปฏิบัติ เพราะตระหนักดีถึงความเดือดร้อนของภาคีเครือข่ายที่ทำงานสร้างเสริมสุขภาพ แต่กลับถูกกล่าวหาว่าหลบเลี่ยงภาษี อย่างไรก็ตามยืนยัน สสส. เป็น “หน่วยงานของรัฐ” มีจิตสำนึกในการรักษาประโยชน์แห่งรัฐอย่างเต็มรูปแบบ ตระหนักและให้ความสำคัญในการนำส่งรายได้ให้รัฐอย่างครบถ้วนมาโดยตลอด
=========================
'บิ๊กฉัตร'สั่งเร่งแก้ปัญหา สรรพากรรีดภาษี ย้อนหลังเครือข่ายภาคปชช.
วันพฤหัสบดี ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561, 18.35 น.
"บิ๊กฉัตร"สั่งผู้จัดการ สสส. เร่งหารือสตง.หาทางออกสรรพากรเรียกเก็บภาษีย้อนหลังภาคีเครือข่าย
15 ก.พ. 61 พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี และประธานกรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า ที่ประชุมได้หยิบยกประเด็นภาคีเครือข่ายสร้างเสริมสุขภาพภาคประชาชน เข้ายื่นจดหมายถึงอธิบดีกรมสรรพากร เพื่อเรียกร้องขอความเป็นธรรม กรณีโดนเรียกเก็บภาษีย้อนหลังพร้อมค่าปรับ ซึ่งประเด็นนี้ตนได้มีข้อสั่งการให้ ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการกองทุน สสส. เร่งนัดหารือกับสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) เพื่อแก้ไขปัญหาในประเด็นนี้โดยเร็ว เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของภาคีเครือข่าย ที่มีความสำคัญในการขับเคลื่อนการทำงานสร้างเสริมสุขภาพในแต่ละพื้นที่
รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เข้าใจว่า การดำเนินงานของกรมสรรพากร เป็นไปตามข้อแนะนำของ สตง. ดังนั้นต้องแก้ปัญหาที่ต้นทาง ส่วนอีกทางหนึ่งต้องประสานไปยังสรรพากรให้ออกหนังสือเวียนไปยังพื้นที่ต่างๆ เพื่อชะลอการดำเนินงานไม่ให้เป็นการสร้างความเดือดร้อนกับภาคีเครือข่าย
“เรื่องนี้ต้องหารือกันที่ต้นตอของปัญหาที่เกิดขึ้นคือ สตง. เพื่อทำความเข้าใจร่วมกัน และต้องเร่งดำเนินงานเพราะเป็นเรื่องที่มีอายุความ ดังนั้นการแก้ไขปัญหาต้องคำนึงถึงห้วงเวลาไม่เช่นนั้นจะเป็นปัญหาได้” พล.อ.ฉัตรชัย กล่าว
NGO ไม่ใช่อภิสิทธิ์ชน ไม่มีสิทธิ์หลีกเลี่ยงภาษี !!!
1. กรรม
2. ภาษี
3. สนข.อิศรา
=========================
=========================
NGO ไม่ใช่อภิสิทธิ์ชน ไม่มีสิทธิ์หลีกเลี่ยงภาษี !!!
=========================
สั้นๆ นะครับผม คือ สิ่งที่หนีไม่ได้คือความตายและภาษี ต้องให้กำลังใจข้าราชการกรมสรรพากรที่ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดเอาจริงเอาจัง NGO ไม่ใช่อภิสิทธิชนจึงยังอยู่ใต้กฎหมายและต้องเสียภาษีอยู่ Al Capone มาเฟียใหญ่สุดๆ ของอเมริกาก็ถูกจับเพราะเรื่องหนีภาษีแบบนี้
ของไทยนั้นคดีเรื่องทักษิณ ชินวัตร กับการไม่เสียภาษีก็เป็นเหตุให้อธิบดีกรมสรรพากร รองปลัดกระทรวงการคลัง และข้าราชการระดับสูงในกรมสรรพากร จำนวนมากมาย ต้องเข้าคุกมาแล้วเพราะหาทางช่วยคุณทักษิณ ชินวัตร หลบหนีภาษี ถือว่าเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐตามมาตรา 157 อาญา
ฝ่ายรัฐบาลคงต้องการลดแรงเสียดทานจาก NGO คนดีที่หนีภาษี เลยสั่งลงมาแบบนี้หรือไม่ก็เป็นสิ่งที่สังคมอาจจะสงสัยเจตนาได้หรืออาจจะเป็นลับ ลวง พราง เพื่อให้ NGO ยิ่งดิ้นยิ่งถูกมัดแน่นก็ได้
แต่ข้าราชการกรมสรรพากร หากไม่ทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา ระวังมาตรา 157 อาญา และสังคมควรให้กำลังใจข้าราชการกรมสรรพากรในการทำหน้าที่อย่างเข้มแข็งด้วยนะครับ
เอาเป็นว่าผมถามว่าเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ เสียภาษีหรือไม่ และยอมรับได้หรือไม่หาก NGO จะเป็นคนดีที่ไม่ต้องเสียภาษี อยู่เหนือกฎหมาย
=========================
สสส.เร่งถก'สตง.-สรรพากร' บรรเทาความเดือดร้อนภาคีสุขภาพ
วันศุกร์ ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561, 18.49 น.
16 ก.พ.61 ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี และประธานกรรมการกองทุน หรือบอร์ด สสส. มอบหมายให้ สสส. ประสานสำนักงานตรวจสอบเงินแผ่นดิน(สตง.) และกรมสรรพากร ภายหลังที่ประชุมบอร์ด สสส. หารือในระเบียบวาระการเรียกเก็บภาษีย้อนหลังของภาคีเครือข่ายสร้างเสริมสุขภาพ ว่า ตนจะเร่งประสานไปยัง สตง. และกรมสรรพากร เพื่อขอหารือแนวทางแก้ไข ซึ่งต้องขอขอบคุณท่านรองนายกฯ ที่ได้ให้ทิศทาง และคำแนะนำในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของภาคีเครือข่าย สสส. ทำให้คนทำงานสร้างเสริมสุขภาพมีขวัญกำลังใจ
ทั้งนี้ สสส. ถูกออกแบบให้เป็นองค์กรกองทุนของรัฐที่ทำงานสนับสนุนสร้างเสริมสุขภาพโดยอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนตามแผนและยุทธศาสตร์ที่บอร์ดวางแนวทางไว้ โดยการพัฒนาข้อเสนอโครงการ หรือรับข้อเสนอโครงการเข้ามา และ สสส. เป็นผู้พิจารณาก่อนสนับสนุนงบประมาณออกไป ในรูปแบบของ “ข้อตกลงของ สสส.” มิใช่ “สัญญาจ้างทำของ” ตามที่ สตง. เพิ่งจะมาตีความใหม่ และที่ผ่านมา สสส. ได้ปฏิบัติหน้าที่ต่างๆ ตามที่กำหนดไว้ในประมวลรัษฎากร และอนุบัญญัติที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำส่งรายได้ให้รัฐอย่างครบถ้วนมาโดยตลอด
“สตง.เป็นผู้ตรวจสอบบัญชีตามกฎหมายของ สสส.มาตั้งแต่ก่อตั้งเมื่อปี 2544 แต่ไม่เคยทักท้วงในประเด็นภาษีนี้ซึ่ง สสส. ก็ปฏิบัติในแนวทางเดียวกับกองทุนภาครัฐอื่นๆ ที่ก่อตั้งมาก่อนใช้ปฏิบัติอยู่ กรณีที่เกิดขึ้นเป็นการตีความในช่วงปลายปี 2557 ที่ระบุว่า “ข้อตกลงดำเนินงานสร้างเสริมสุขภาพ” เป็น “สัญญาจ้างทำของ” และวงเงินงบประมาณทั้งหมดที่ สสส. สนับสนุนให้แก่ภาคีเครือข่ายถือเป็นรายได้ของภาคี พร้อมส่งเรื่องให้กรมสรรพากรเรียกเก็บภาษีอากรจากภาคีเครือข่าย สสส. ที่มีทั้งประชาชนทั่วไป ผู้พิการ ผู้สูงอายุ พระสงฆ์ และองค์กรต่างๆ จำนวนมาก"ผู้จัดการกองทุน สสส. กล่าว
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ในปี 2558 นายกรัฐมนตรี ได้มีบัญชาให้รองนายกฯ ที่เป็นประธานบอร์ด สสส.ในขณะนั้น ตั้งคณะกรรมการอิสระเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง และใช้เวลาตรวจสอบรอบด้านราว 1 ปีเศษ และรายงานสรุปต่อบอร์ดชี้ว่า งบประมาณการสนับสนุนโครงการต่างๆ ยังคงเป็นเงินของ สสส. โดยภาคีเครือข่ายเป็นผู้นำไปดำเนินการแทน ยกเว้นส่วนที่กำหนดไว้ชัดเจนในโครงการว่าเป็นรายได้/ค่าตอบแทนของภาคี ในส่วนนี้ได้มีการหักภาษีไว้อยู่แล้ว และประธานบอร์ดได้แจ้งผลสอบต่อ สตง. และกรมสรรพากรไปแล้วตั้งแต่ มกราคม 2560 โดยทั้งสองหน่วยงานไม่เคยมีข้อโต้แย้งใดๆ กลับมา
ดร.สุปรีดา กล่าวว่า ตลอดระยะเวลากว่า 2 ปีที่เข้ามารับตำแหน่ง ตนถือประเด็นปัญหานี้เป็นวาระเร่งด่วนที่ได้พยายามหาแนวทางเพื่อแก้ปัญหานี้ มีการจัดตั้งทีมให้การช่วยเหลือ และร่วมชี้แจงสรรพากรพื้นที่มาโดยตลอด ซึ่งสรรพากรพื้นที่หลายแห่งเมื่อพิจารณาตามเอกสารหลักฐานแล้ว ก็เห็นว่าไม่เข้าข่ายสัญญาจ้างทำของ รวมถึงมีการจัดทำคู่มือภาษีอากรสำหรับภาคีผู้รับทุน ตามข้อตกลงการดำเนินงาน เพื่อสื่อสารให้ภาคีเครือข่าย สสส.ได้รับทราบข้อมูล และแนวทางการปฏิบัติ เพราะตระหนักดีถึงความเดือดร้อนของภาคีเครือข่ายที่ทำงานสร้างเสริมสุขภาพ แต่กลับถูกกล่าวหาว่าหลบเลี่ยงภาษี อย่างไรก็ตามยืนยัน สสส. เป็น “หน่วยงานของรัฐ” มีจิตสำนึกในการรักษาประโยชน์แห่งรัฐอย่างเต็มรูปแบบ ตระหนักและให้ความสำคัญในการนำส่งรายได้ให้รัฐอย่างครบถ้วนมาโดยตลอด
=========================
'บิ๊กฉัตร'สั่งเร่งแก้ปัญหา สรรพากรรีดภาษี ย้อนหลังเครือข่ายภาคปชช.
วันพฤหัสบดี ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561, 18.35 น.
"บิ๊กฉัตร"สั่งผู้จัดการ สสส. เร่งหารือสตง.หาทางออกสรรพากรเรียกเก็บภาษีย้อนหลังภาคีเครือข่าย
15 ก.พ. 61 พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี และประธานกรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า ที่ประชุมได้หยิบยกประเด็นภาคีเครือข่ายสร้างเสริมสุขภาพภาคประชาชน เข้ายื่นจดหมายถึงอธิบดีกรมสรรพากร เพื่อเรียกร้องขอความเป็นธรรม กรณีโดนเรียกเก็บภาษีย้อนหลังพร้อมค่าปรับ ซึ่งประเด็นนี้ตนได้มีข้อสั่งการให้ ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการกองทุน สสส. เร่งนัดหารือกับสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) เพื่อแก้ไขปัญหาในประเด็นนี้โดยเร็ว เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของภาคีเครือข่าย ที่มีความสำคัญในการขับเคลื่อนการทำงานสร้างเสริมสุขภาพในแต่ละพื้นที่
รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เข้าใจว่า การดำเนินงานของกรมสรรพากร เป็นไปตามข้อแนะนำของ สตง. ดังนั้นต้องแก้ปัญหาที่ต้นทาง ส่วนอีกทางหนึ่งต้องประสานไปยังสรรพากรให้ออกหนังสือเวียนไปยังพื้นที่ต่างๆ เพื่อชะลอการดำเนินงานไม่ให้เป็นการสร้างความเดือดร้อนกับภาคีเครือข่าย
“เรื่องนี้ต้องหารือกันที่ต้นตอของปัญหาที่เกิดขึ้นคือ สตง. เพื่อทำความเข้าใจร่วมกัน และต้องเร่งดำเนินงานเพราะเป็นเรื่องที่มีอายุความ ดังนั้นการแก้ไขปัญหาต้องคำนึงถึงห้วงเวลาไม่เช่นนั้นจะเป็นปัญหาได้” พล.อ.ฉัตรชัย กล่าว