ขอตั้งกระทู้แชร์ประสบการณ์ในกระทู้คำถามนะครับ เพราะไม่อยากถ่ายบัตรประชนเพื่อยืนยันตน
สวัสดีเพื่อนๆชาวพันทิปครับ ผมขอมาแชร์ประสบการณ์การขริบที่ได้ไปทำมาเมื่อช่วง2เดือนที่แล้ว.
ข้อมูลคร่าวๆของผมคือ หนังหุ้มปลายค่อนข้างเยอะ (เวลาอ่อนตัวมองดูแล้วไม่น่ารักเลย เหี่ยวๆ ย่นๆ)
ส่วนเจ้า"จูเนียร์ของผม"ถ้าตอนอ่อนตัวรูดขึ้นลงทำความสะอาดได้ปรกติ แต่เวลาแข็งตัวจะมีปัญหาครับ เพราะว่าส่วนหัวค่อนข้างใหญ่ และหนังหุ้มชอบไปรั้งตรงคอคอดของหัว อึดอัดมากๆ แต่ก็รูดได้จนเป็นหัวเห็ดนะครับ(....)
ส่วนตัวเคยบอกกับตัวเองว่า จะไม่ขริบแน่นอน กลัวเจ็บ, ฟีดแบคการขริบสำหรับผมติดลบมาก
ปัญหาที่ทำให้ผมตัดสินใจ มาทำคือ
1) เรื่องหนังหุ้มปลายเป็นแผลปริ เกิดจากช่วยตัวเองบ่อยเกินไป หนังหุ้มจูเนียร์นี่โดนน้ำแล้วแสบเลยครับ (คุณหมอบอกว่ามีโอกาศที่หนังหุ้มปลายจะกลายเป็นพังผืดได้ในอนาคต) ท่านชายหลายคนอาจจะมีประสบการณ์และปล่อยเอาไว้เดี๋ยวก็หายเอง แต่อาจจะรู้สึกว่ามันเกิดง่ายขึ้นเรื่อยๆ
2) เรื่องความสะอาด : ฉี่หรือเหงื่อไม่มีการหมักหมดระหว่างวันเพราะไม่มีหนังหุ้มแล้ว
3) เรื่องกลิ่น : เนื่องจากไม่มีการหมักหมมแล้ว เรื่องกลิ่นฉี่ที่ชอบตีขึ้นมานี่น่าจะหายไปด้วย (ซึ่งจริงเลยครับ)
4) ความสวยงาม : รู้สึกจูเนียร์จะดูเฟรนลี่มากขึ้นครับ เดี๋ยวนี้มองหน้ากันทุกวัน
5) อยากลองมีประสบการณ์ No Fab แบบหนึ่งเดือนบ้าง เป็น Achievement หนึ่งในชีวิตครับ แหะๆ (ปกติไม่เกินไม่เคยรอดเกิน 1 อาทิตย์) การผ่าตัดห้ามใช้งานอย่างน้อย 6 อาทิตย์ครับ
หลังจากตัดสินใจว่าจะทำก็เลยหาข้อมูลครับ ต้องขอบคุณคุณหมอlogin "สาลิกาโบยบิน" และ sarikamenhealth.com ได้ข้อมูลการเตรียมตัวและดูแลตังเองหลังผ่าตัดไปเยอะมาก.
สถานที่ที่ผมเลือกไปจัดการจูเนียร์น้อยผมก็คือ คลินิคชื่อดังทางด้านนี้แถวบางกะปิครับ เนื่องจากใกล้บ้านและรีวิวต่างๆค่อนข้างดี หลังจากได้สำรวจไปหลายคนมากจากเว็บไซต์ข้างต้น(มองดุ้นเพลินเลยครับ... ถถ)
และก็ได้นั่งแท๊กซี่ไปที่คลินิกครับ คุณหมอจะเริ่มทำช่วงบ่ายเป็นต้นไป หลังจากถึงคลินิกก็ไปที่เคาน์เตอร์สอบถามราคาและทำประวัติ เพราะเตรียมใจมาเรียบร้อยแล้ว เสร็จแล้วหมอก็เรียกถามว่า ทำไมถึงมาทำ ก็อธิบายตามข้างต้น และออกมารอหมออีกรอบครับ ซักพักผู้ช่วยแพทย์(ชาย) ก็ยื่นยาพารามาให้1เม็ดและบอกให้กินไว้รอเลย แล้วก็ให้ตามเข้าไปในห้อง
คุณผู้ช่วยหมอก็บอกให้นอนที่เตียงแล้วเขาก็เริ่มทำความสอาด แล้วคุณหมอผ่าตัดก็เข้ามาฉีดยาชา (ผมโดนไป4เข็ม) โดยจะฉีดที่แถวๆโคนจูเนียร์ แล้วก็จะเริ่มผ่าก็ต่อเมื่อชาครับ ระหว่างผ่าคุณหมอก็จะชวนคุยเรื่อยๆ ผมก็ตอบแบบเบลอๆเพราะฤทธิ์ของยาชา ซักประมาณ 45 นาทีก็เสร็จเรียบร้อยผ่าตัด+เย็บแผล (ตอนเย็บผมขอยาชาอีก 1 เข็มเพราะ 4 เข็มแรกเริ่มหมดฤทธิ์) แล้วก็ไปนอนพักผ่อนก่อนกลับบ้านอีกครึ่งชั่วโมง แล้วก็จ่ายเงินพร้อมคำแนะนำสำหรับดูแลแผล และงดอาบน้ำ(ห้ามแผลโดนน้ำ) แล้วอีกสองวันนัดมาดูแผลและเปลี่ยนผ้าพันแผล
ปัจจุบัน แผลก็เข้าที่ดีนะครับ อาจจะมีบวมๆอีกนิดหน่อย แต่ลดลงหลังจากผ่าช่วงแรกๆมาก
ถ้าถามว่าช่วงไหนลำบากที่สุด สำหรับผมคือตอนตัดสินใจทำครับ พอตัดสินใจได้แล้วก็สบายแล้ว หลังจากนั้นก็จะเป็นช่วง สองสัปดาห์แรกเพราะ เจ้าจูเนียร์น้อยของผมจะตื่นมาทุกตี 3 และ ทุกวัน.. ต้องรีบฟังเพลงร๊อคเพื่อระงับให้น้องลงให้ไวที่สุดครับ ไม่งั้นนอนต่อไม่ได้ (ขอบคุณพี่ตูนด้วยครับ เพลง"เรือเล็กควรออกจากฝั่ง"ช่วยไว้ได้หลายครั้งมาก น้องผมสงบไวเลยแหละ
จบแล้วครับ
ถ้ามีอะไรเพิ่มเติมก็ถามคุณหมอสาลิกาโบยบินได้เลยครับ
แชร์ประสบการณ์ขริบน้องHum, ใครว่าเจ็บ แต่ก็เจ็บนะครับ
สวัสดีเพื่อนๆชาวพันทิปครับ ผมขอมาแชร์ประสบการณ์การขริบที่ได้ไปทำมาเมื่อช่วง2เดือนที่แล้ว.
ข้อมูลคร่าวๆของผมคือ หนังหุ้มปลายค่อนข้างเยอะ (เวลาอ่อนตัวมองดูแล้วไม่น่ารักเลย เหี่ยวๆ ย่นๆ)
ส่วนเจ้า"จูเนียร์ของผม"ถ้าตอนอ่อนตัวรูดขึ้นลงทำความสะอาดได้ปรกติ แต่เวลาแข็งตัวจะมีปัญหาครับ เพราะว่าส่วนหัวค่อนข้างใหญ่ และหนังหุ้มชอบไปรั้งตรงคอคอดของหัว อึดอัดมากๆ แต่ก็รูดได้จนเป็นหัวเห็ดนะครับ(....)
ส่วนตัวเคยบอกกับตัวเองว่า จะไม่ขริบแน่นอน กลัวเจ็บ, ฟีดแบคการขริบสำหรับผมติดลบมาก
ปัญหาที่ทำให้ผมตัดสินใจ มาทำคือ
1) เรื่องหนังหุ้มปลายเป็นแผลปริ เกิดจากช่วยตัวเองบ่อยเกินไป หนังหุ้มจูเนียร์นี่โดนน้ำแล้วแสบเลยครับ (คุณหมอบอกว่ามีโอกาศที่หนังหุ้มปลายจะกลายเป็นพังผืดได้ในอนาคต) ท่านชายหลายคนอาจจะมีประสบการณ์และปล่อยเอาไว้เดี๋ยวก็หายเอง แต่อาจจะรู้สึกว่ามันเกิดง่ายขึ้นเรื่อยๆ
2) เรื่องความสะอาด : ฉี่หรือเหงื่อไม่มีการหมักหมดระหว่างวันเพราะไม่มีหนังหุ้มแล้ว
3) เรื่องกลิ่น : เนื่องจากไม่มีการหมักหมมแล้ว เรื่องกลิ่นฉี่ที่ชอบตีขึ้นมานี่น่าจะหายไปด้วย (ซึ่งจริงเลยครับ)
4) ความสวยงาม : รู้สึกจูเนียร์จะดูเฟรนลี่มากขึ้นครับ เดี๋ยวนี้มองหน้ากันทุกวัน
5) อยากลองมีประสบการณ์ No Fab แบบหนึ่งเดือนบ้าง เป็น Achievement หนึ่งในชีวิตครับ แหะๆ (ปกติไม่เกินไม่เคยรอดเกิน 1 อาทิตย์) การผ่าตัดห้ามใช้งานอย่างน้อย 6 อาทิตย์ครับ
หลังจากตัดสินใจว่าจะทำก็เลยหาข้อมูลครับ ต้องขอบคุณคุณหมอlogin "สาลิกาโบยบิน" และ sarikamenhealth.com ได้ข้อมูลการเตรียมตัวและดูแลตังเองหลังผ่าตัดไปเยอะมาก.
สถานที่ที่ผมเลือกไปจัดการจูเนียร์น้อยผมก็คือ คลินิคชื่อดังทางด้านนี้แถวบางกะปิครับ เนื่องจากใกล้บ้านและรีวิวต่างๆค่อนข้างดี หลังจากได้สำรวจไปหลายคนมากจากเว็บไซต์ข้างต้น(มองดุ้นเพลินเลยครับ... ถถ)
และก็ได้นั่งแท๊กซี่ไปที่คลินิกครับ คุณหมอจะเริ่มทำช่วงบ่ายเป็นต้นไป หลังจากถึงคลินิกก็ไปที่เคาน์เตอร์สอบถามราคาและทำประวัติ เพราะเตรียมใจมาเรียบร้อยแล้ว เสร็จแล้วหมอก็เรียกถามว่า ทำไมถึงมาทำ ก็อธิบายตามข้างต้น และออกมารอหมออีกรอบครับ ซักพักผู้ช่วยแพทย์(ชาย) ก็ยื่นยาพารามาให้1เม็ดและบอกให้กินไว้รอเลย แล้วก็ให้ตามเข้าไปในห้อง
คุณผู้ช่วยหมอก็บอกให้นอนที่เตียงแล้วเขาก็เริ่มทำความสอาด แล้วคุณหมอผ่าตัดก็เข้ามาฉีดยาชา (ผมโดนไป4เข็ม) โดยจะฉีดที่แถวๆโคนจูเนียร์ แล้วก็จะเริ่มผ่าก็ต่อเมื่อชาครับ ระหว่างผ่าคุณหมอก็จะชวนคุยเรื่อยๆ ผมก็ตอบแบบเบลอๆเพราะฤทธิ์ของยาชา ซักประมาณ 45 นาทีก็เสร็จเรียบร้อยผ่าตัด+เย็บแผล (ตอนเย็บผมขอยาชาอีก 1 เข็มเพราะ 4 เข็มแรกเริ่มหมดฤทธิ์) แล้วก็ไปนอนพักผ่อนก่อนกลับบ้านอีกครึ่งชั่วโมง แล้วก็จ่ายเงินพร้อมคำแนะนำสำหรับดูแลแผล และงดอาบน้ำ(ห้ามแผลโดนน้ำ) แล้วอีกสองวันนัดมาดูแผลและเปลี่ยนผ้าพันแผล
ปัจจุบัน แผลก็เข้าที่ดีนะครับ อาจจะมีบวมๆอีกนิดหน่อย แต่ลดลงหลังจากผ่าช่วงแรกๆมาก
ถ้าถามว่าช่วงไหนลำบากที่สุด สำหรับผมคือตอนตัดสินใจทำครับ พอตัดสินใจได้แล้วก็สบายแล้ว หลังจากนั้นก็จะเป็นช่วง สองสัปดาห์แรกเพราะ เจ้าจูเนียร์น้อยของผมจะตื่นมาทุกตี 3 และ ทุกวัน.. ต้องรีบฟังเพลงร๊อคเพื่อระงับให้น้องลงให้ไวที่สุดครับ ไม่งั้นนอนต่อไม่ได้ (ขอบคุณพี่ตูนด้วยครับ เพลง"เรือเล็กควรออกจากฝั่ง"ช่วยไว้ได้หลายครั้งมาก น้องผมสงบไวเลยแหละ
จบแล้วครับ
ถ้ามีอะไรเพิ่มเติมก็ถามคุณหมอสาลิกาโบยบินได้เลยครับ