สวัสดีครับ
หลังจากที่ได้ศึกษามานานเกี่ยวกับการ ขริบหนังหุ้มปลาย ศึกษามาเป็นปี ในที่สุดก็ได้ฤกษ์จัดการกับน้องชายตัวเอง ฮ่าๆๆๆ
ต้องเล่าก่อนเลยว่า ตัวผมเองสามารถใช้งานน้องชายได้ตามปรกติ เพียงแต่เวลาอ่อนตัว หนังจะปิด จริงๆ ก็ดูแลดีนะครับ ไม่ได้มีกลิ่นหรือมีปัญหา
แต่ที่ตัดสินใจไปทำนี่คือ อยากให้รู้สึกสะอาดจริงๆ และอยากให้สวยดูดีแบบพระเอกหนัง AV (ฮ่าๆๆ อันนี้คิดไปเอง)
สำหรับการเตรียมตัวผมทำตามนี้นะครับ ถูกผิดแล้วแต่บุคคลครับ
1.ศึกษาข้อมูล ในอินเตอร์เน็ต อันนี้มีเยอะมากครับ แต่ถ้าเน้นๆ เลยก็เว็บ สาลิกา ข้อมูลแน่นจริงๆ
2.หาเวลาว่าง อย่างน้อยควรว่างซัก 1 อาทิตย์หลังทำ เพื่อพักฟื้น
3.การเลือกสถานที่ที่จะไปทำ ผมเลือกคลีนิคสันติชน ลาดพร้าว 112 แม้ว่าจะไกลบ้าน แต่เนื่องจากที่นี่มีชื่อเสียงด้านการขริบมากๆ คุณหมอและพยาบาลเป็นมุสลิมที่ชำนาญทางนี้ โดยที่คลีนิคสันติชน ต้องโทรไปจองคิวนะครับ เค้าจะทำแค่วันจันทร์ กับ พฤหัสบดี เท่านั้น 17.00-20.00 น. วันละประมาณ 4 คิว นะครับ ซึ่งถ้าจอง เราต้องโอนค่ามัดจำไป 1000 บาทนะครับ เพื่อเป็นการยืนยัน สำหรับค่าใช้จ่าย ขริบธรรมดา 4000-5000 บาท , เอาเส้นสองสลึงออกด้วย 5000-7000 บาท , งานแก้พวกที่ฉีดน้ำมันมา 10000 UP
4.จากที่บอกว่าบ้านไกล รถก็ไม่มี เพื่อไม่ให้ต้องเดินหรือเคลื่อนไหวร่างกายมาก ผมเลยจองที่พักรายวันในซอย ลาดพร้าว 112 คืนละ 350 บาท สามคืน (ห้อง แอร์ ทีวี ตู้เย็น) ซึ่งหลังวันทำ เราสามารถมาล้างแผลฟรีที่คลีนิค 7 วัน ผมจึงเลือกพักแถวนี้ไปเลย กะล้างที่นี่ซัก 3-4 วัน แล้วล้างเองในวันที่เหลือ แต่ในที่สุดผมก็ต้องมาที่นี่ทุกวัน เพราะอะไร เดี๋ยวจะเล่าอีกทีนะครับ
5.ชุดทำแผลส่วนตัว , ยาแก้ปวดแก้อักเสบ , วิตามิน C 1000 mg , เวย์โปรตีน (สองอันหลังนี่ช่วยรักษาแผลนะครับ วิตามินซีช่วยฟื้นฟู โปรตีนช่วยเสริมสร้าง ที่ผมพกโปรตีนเพราะเป็นคนเล่นเวทอยู่แล้วนะครับ มีอยู่แล้วเลยเอามากินด้วยเฉยๆ จริงๆ อาหารหลักก็พอนะครับ ไม่ต้องกินเวย์แบบผมก็ได้ แค่เน้นโปรตีนมากๆ)
6.ก่อนทำ โกนขน ให้หมดครับ ทั้งที่น้องชาย รูทวาร หน้าท้อง
"วันเชือด"
มาถึงวันที่ต้องไปทำ บอกตามตรง ตื่นเต้นสุดๆ ครับ มาถึงซอยลาดพร้าว 112 ตั้งแต่เที่ยง เข้าที่พัก สำรวจที่พักสะอาดใช้ได้ ต้องดูให้สะอาดนะครับ เพราะต้องระวังไม่ให้แผลติดเชื้อหลังทำ
ใกล้ถึงเวลานัด 17.00 น. เปลี่ยนใส่กางเกงขาสั้น หลวมๆ กางเกงรัดๆ กางเกงยีนส์นี่อย่าใส่เลยครับ โคตรลำบากแน่นอน
รองเท้าแตะ อันนี้แนะนำครับ ทำเสร็จจะไม่อยากก้มๆ เงยๆ รองเท้าแตะสบายสุด
พอถึงเวลา ผมก็เดินไป (คลีนิคสันติชน ห่างจากที่พักประมาณ 200 เมตร) เข้าไปตัวคลีนิค ก็ไม่ได้ใหญ่นะครับแต่สะอาดเรียบร้อยดีครับ มีห้องตรวจ ห้องผ่าตัด ห้องน้ำ และก็ส่วนเค้าท์เตอร์ ทางคลีนิคให้เซ็นรับรอง แล้วก็นั่งรอ วันที่ผมทำ มีทั้งหมด 4 คิว มาพร้อมกันหมด ผมได้คิวที่สอง
คุณหมอชาติชาย วงษ์อารี จะเรียกเข้าไปคุยทีละคนนะครับ ก็จะถามเหตุผลที่เรามาทำ และอธิบายการทำรวมถึงการปฏิบัติตัวหลังทำครับ คุณหมอจะวาดรูปให้ดูเลยครับ ว่าทำแบบไหนจะได้ประมาณไหน ซึ่งผมอยากทำในทีแรกเป็นแบบมุสลิมเลย คือเปิดหัวหมดเลย แต่คุณหมอจะถามเรื่องความสั้นความยาว ไอ้เราก็ไม่ยาวเท่าไหร่ ถ้าเปิดหมดมันอาจจะตึง คุณหมอเลยแนะนำว่าให้ทำแบบเหลือหนังไว้บางส่วนในการยืดหยุ่น ซึ่งผมก็เชื่อตามคำแนะนำหมอครับ
คุยเสร็จออกมานั้งรอ ทางคุณพยาบาลก็ให้เปลี่ยนผ้าในห้องน้ำ ถอดกางเกงและกางเกงใน เสื้อไม่ต้องถอด นุ่งผ้าถุงสีเขียวรอ รอนี่คือรอคิวแรกทำก่อนนะครับ ใจผมนี่แทบจะหลุดออกจากหน้าอก คิวแรกทำนานมากประมาณ 40 นาที พอประตูห้องผ่าตัดเปิด เท่านั้นแหละ ผมนี่คิดในใจว่าหนีไปตอนนี้ทันป่าววะ ฮ่าๆๆๆ คุณพยาบาลเรียกชื่อ เอาวะลุยยยย!!!!!
เข้ามาในห้องผ่าตัด จะมีแค่คุณหมอ คุณพยาบาล(ไม่ต้องอายนะครับ คุณพยาบาลเป็นผู้หญิงมีอายุ เค้าเห็นมาเยอะ) และก็ผม นอนลงบนเตียง คุณหมอตรวจน้องชาย คุณหมอจะถามว่าเอาเส้นสองสลึงไว้มั้ย ผมตั้งใจจะเอาออกไปเลยครับ แต่คุณหมอบอกว่า ของผมนี่เส้นไม่รั้งไม่เป็นปัญหา เอาไว้หรือเอาออกก็ไม่ต่างกัน หมอก็ให้เราเลือกนะครับ แต่ผมถามว่าถ้าคุณหมอแนะนำ ผมควรเอาไว้หรือเอาออกดี คุณหมอบอกไม่ต้องเอาออก ผมก็เชื่อตามคุณหมอครับ ไม่เอาเส้นสองสลึงออก
ถึงเวลาสำคัญขั้นตอนการขริบ
เริ่มต้นด้วยการใส่หน้ากากปิดตาเรา และคุณหมอจะฉีดยาชา หลายเข็มอยู่ครับ เข็มแรกนับ 1 2 3 แล้วฉีด ไม่แน่ใจเข็มสุดท้ายนี่ปักหัวเลยรึป่าว
หลังจากนั้น น้องชายหายไปจากโลกเลยครับ ก็เข้าสู่กระบวนการขริบ ตามที่ผมเข้าใจคือน่าจะมีพาร์ทของการ ตัด ขริบ เฉือน ไม่เจ็บเลยครับ แต่เสียงกรรไกรตัดเนื้อ ความรู้สึกที่เนื้อถูกตัดมันรู้สึกได้ แม้ไม่เจ็บ มือผมนี่จิกเตียงตลอด ต่อด้วยใช้ไฟฟ้าจี้แผล ห้ามเลือด และปิดท้ายด้วยการเย็บรอบ ส่วนใหญ่จะบอกว่า ขั้นตอนที่เจ็บที่สุดคือฉีดยาชา ซึ่งก็จริงครับ ถ้ายาชาไม่หมดฤทธิ์ แต่.......ผมเจอแจ็คพ็อตครับ ยาชาหมดฤทธิ์ ในช่วงจี้ไฟฟ้า เจ็บใช้ได้เลย แต่คุณหมอถามว่าเจ็บมั้ย ผมบอกเจ็บ คุณหมอเลยให้ยาชาเพิ่ม ส่วนขั้นตอนเย็บก็กลับมาไม่เจ็บ แต่ความรู้สึกตอนไหมร้อยผ่านเนื้อนี่ เสียวมาก แต่ก็เสร็จมาได้ ใช้เวลาไม่นานครับ ไม่น่าเกินยี่สิบนาที ออกจากห้องผ่า กินยาแก้ปวด แก้อักเสบ และก็รอดูอาการประมาณสิบนาที ก็จ่ายเงิน และกลับบ้านได้ สรุปค่าใช้จ่ายผม จ่ายไป 4000 รวมกับเงินมัดจำที่เคยโอนมาแล้ว 1000 บาท รวมเป็น 5000 บาท
เดี๋ยวมาต่อตอนต่อไป ช่วงหลังทำ ให้นะครับ
ในที่สุดก็ได้ "ขริบ หนังหุ้มปลาย" แชร์ประสบการณ์ครับ
หลังจากที่ได้ศึกษามานานเกี่ยวกับการ ขริบหนังหุ้มปลาย ศึกษามาเป็นปี ในที่สุดก็ได้ฤกษ์จัดการกับน้องชายตัวเอง ฮ่าๆๆๆ
ต้องเล่าก่อนเลยว่า ตัวผมเองสามารถใช้งานน้องชายได้ตามปรกติ เพียงแต่เวลาอ่อนตัว หนังจะปิด จริงๆ ก็ดูแลดีนะครับ ไม่ได้มีกลิ่นหรือมีปัญหา
แต่ที่ตัดสินใจไปทำนี่คือ อยากให้รู้สึกสะอาดจริงๆ และอยากให้สวยดูดีแบบพระเอกหนัง AV (ฮ่าๆๆ อันนี้คิดไปเอง)
สำหรับการเตรียมตัวผมทำตามนี้นะครับ ถูกผิดแล้วแต่บุคคลครับ
1.ศึกษาข้อมูล ในอินเตอร์เน็ต อันนี้มีเยอะมากครับ แต่ถ้าเน้นๆ เลยก็เว็บ สาลิกา ข้อมูลแน่นจริงๆ
2.หาเวลาว่าง อย่างน้อยควรว่างซัก 1 อาทิตย์หลังทำ เพื่อพักฟื้น
3.การเลือกสถานที่ที่จะไปทำ ผมเลือกคลีนิคสันติชน ลาดพร้าว 112 แม้ว่าจะไกลบ้าน แต่เนื่องจากที่นี่มีชื่อเสียงด้านการขริบมากๆ คุณหมอและพยาบาลเป็นมุสลิมที่ชำนาญทางนี้ โดยที่คลีนิคสันติชน ต้องโทรไปจองคิวนะครับ เค้าจะทำแค่วันจันทร์ กับ พฤหัสบดี เท่านั้น 17.00-20.00 น. วันละประมาณ 4 คิว นะครับ ซึ่งถ้าจอง เราต้องโอนค่ามัดจำไป 1000 บาทนะครับ เพื่อเป็นการยืนยัน สำหรับค่าใช้จ่าย ขริบธรรมดา 4000-5000 บาท , เอาเส้นสองสลึงออกด้วย 5000-7000 บาท , งานแก้พวกที่ฉีดน้ำมันมา 10000 UP
4.จากที่บอกว่าบ้านไกล รถก็ไม่มี เพื่อไม่ให้ต้องเดินหรือเคลื่อนไหวร่างกายมาก ผมเลยจองที่พักรายวันในซอย ลาดพร้าว 112 คืนละ 350 บาท สามคืน (ห้อง แอร์ ทีวี ตู้เย็น) ซึ่งหลังวันทำ เราสามารถมาล้างแผลฟรีที่คลีนิค 7 วัน ผมจึงเลือกพักแถวนี้ไปเลย กะล้างที่นี่ซัก 3-4 วัน แล้วล้างเองในวันที่เหลือ แต่ในที่สุดผมก็ต้องมาที่นี่ทุกวัน เพราะอะไร เดี๋ยวจะเล่าอีกทีนะครับ
5.ชุดทำแผลส่วนตัว , ยาแก้ปวดแก้อักเสบ , วิตามิน C 1000 mg , เวย์โปรตีน (สองอันหลังนี่ช่วยรักษาแผลนะครับ วิตามินซีช่วยฟื้นฟู โปรตีนช่วยเสริมสร้าง ที่ผมพกโปรตีนเพราะเป็นคนเล่นเวทอยู่แล้วนะครับ มีอยู่แล้วเลยเอามากินด้วยเฉยๆ จริงๆ อาหารหลักก็พอนะครับ ไม่ต้องกินเวย์แบบผมก็ได้ แค่เน้นโปรตีนมากๆ)
6.ก่อนทำ โกนขน ให้หมดครับ ทั้งที่น้องชาย รูทวาร หน้าท้อง
"วันเชือด"
มาถึงวันที่ต้องไปทำ บอกตามตรง ตื่นเต้นสุดๆ ครับ มาถึงซอยลาดพร้าว 112 ตั้งแต่เที่ยง เข้าที่พัก สำรวจที่พักสะอาดใช้ได้ ต้องดูให้สะอาดนะครับ เพราะต้องระวังไม่ให้แผลติดเชื้อหลังทำ
ใกล้ถึงเวลานัด 17.00 น. เปลี่ยนใส่กางเกงขาสั้น หลวมๆ กางเกงรัดๆ กางเกงยีนส์นี่อย่าใส่เลยครับ โคตรลำบากแน่นอน
รองเท้าแตะ อันนี้แนะนำครับ ทำเสร็จจะไม่อยากก้มๆ เงยๆ รองเท้าแตะสบายสุด
พอถึงเวลา ผมก็เดินไป (คลีนิคสันติชน ห่างจากที่พักประมาณ 200 เมตร) เข้าไปตัวคลีนิค ก็ไม่ได้ใหญ่นะครับแต่สะอาดเรียบร้อยดีครับ มีห้องตรวจ ห้องผ่าตัด ห้องน้ำ และก็ส่วนเค้าท์เตอร์ ทางคลีนิคให้เซ็นรับรอง แล้วก็นั่งรอ วันที่ผมทำ มีทั้งหมด 4 คิว มาพร้อมกันหมด ผมได้คิวที่สอง
คุณหมอชาติชาย วงษ์อารี จะเรียกเข้าไปคุยทีละคนนะครับ ก็จะถามเหตุผลที่เรามาทำ และอธิบายการทำรวมถึงการปฏิบัติตัวหลังทำครับ คุณหมอจะวาดรูปให้ดูเลยครับ ว่าทำแบบไหนจะได้ประมาณไหน ซึ่งผมอยากทำในทีแรกเป็นแบบมุสลิมเลย คือเปิดหัวหมดเลย แต่คุณหมอจะถามเรื่องความสั้นความยาว ไอ้เราก็ไม่ยาวเท่าไหร่ ถ้าเปิดหมดมันอาจจะตึง คุณหมอเลยแนะนำว่าให้ทำแบบเหลือหนังไว้บางส่วนในการยืดหยุ่น ซึ่งผมก็เชื่อตามคำแนะนำหมอครับ
คุยเสร็จออกมานั้งรอ ทางคุณพยาบาลก็ให้เปลี่ยนผ้าในห้องน้ำ ถอดกางเกงและกางเกงใน เสื้อไม่ต้องถอด นุ่งผ้าถุงสีเขียวรอ รอนี่คือรอคิวแรกทำก่อนนะครับ ใจผมนี่แทบจะหลุดออกจากหน้าอก คิวแรกทำนานมากประมาณ 40 นาที พอประตูห้องผ่าตัดเปิด เท่านั้นแหละ ผมนี่คิดในใจว่าหนีไปตอนนี้ทันป่าววะ ฮ่าๆๆๆ คุณพยาบาลเรียกชื่อ เอาวะลุยยยย!!!!!
เข้ามาในห้องผ่าตัด จะมีแค่คุณหมอ คุณพยาบาล(ไม่ต้องอายนะครับ คุณพยาบาลเป็นผู้หญิงมีอายุ เค้าเห็นมาเยอะ) และก็ผม นอนลงบนเตียง คุณหมอตรวจน้องชาย คุณหมอจะถามว่าเอาเส้นสองสลึงไว้มั้ย ผมตั้งใจจะเอาออกไปเลยครับ แต่คุณหมอบอกว่า ของผมนี่เส้นไม่รั้งไม่เป็นปัญหา เอาไว้หรือเอาออกก็ไม่ต่างกัน หมอก็ให้เราเลือกนะครับ แต่ผมถามว่าถ้าคุณหมอแนะนำ ผมควรเอาไว้หรือเอาออกดี คุณหมอบอกไม่ต้องเอาออก ผมก็เชื่อตามคุณหมอครับ ไม่เอาเส้นสองสลึงออก
ถึงเวลาสำคัญขั้นตอนการขริบ
เริ่มต้นด้วยการใส่หน้ากากปิดตาเรา และคุณหมอจะฉีดยาชา หลายเข็มอยู่ครับ เข็มแรกนับ 1 2 3 แล้วฉีด ไม่แน่ใจเข็มสุดท้ายนี่ปักหัวเลยรึป่าว
หลังจากนั้น น้องชายหายไปจากโลกเลยครับ ก็เข้าสู่กระบวนการขริบ ตามที่ผมเข้าใจคือน่าจะมีพาร์ทของการ ตัด ขริบ เฉือน ไม่เจ็บเลยครับ แต่เสียงกรรไกรตัดเนื้อ ความรู้สึกที่เนื้อถูกตัดมันรู้สึกได้ แม้ไม่เจ็บ มือผมนี่จิกเตียงตลอด ต่อด้วยใช้ไฟฟ้าจี้แผล ห้ามเลือด และปิดท้ายด้วยการเย็บรอบ ส่วนใหญ่จะบอกว่า ขั้นตอนที่เจ็บที่สุดคือฉีดยาชา ซึ่งก็จริงครับ ถ้ายาชาไม่หมดฤทธิ์ แต่.......ผมเจอแจ็คพ็อตครับ ยาชาหมดฤทธิ์ ในช่วงจี้ไฟฟ้า เจ็บใช้ได้เลย แต่คุณหมอถามว่าเจ็บมั้ย ผมบอกเจ็บ คุณหมอเลยให้ยาชาเพิ่ม ส่วนขั้นตอนเย็บก็กลับมาไม่เจ็บ แต่ความรู้สึกตอนไหมร้อยผ่านเนื้อนี่ เสียวมาก แต่ก็เสร็จมาได้ ใช้เวลาไม่นานครับ ไม่น่าเกินยี่สิบนาที ออกจากห้องผ่า กินยาแก้ปวด แก้อักเสบ และก็รอดูอาการประมาณสิบนาที ก็จ่ายเงิน และกลับบ้านได้ สรุปค่าใช้จ่ายผม จ่ายไป 4000 รวมกับเงินมัดจำที่เคยโอนมาแล้ว 1000 บาท รวมเป็น 5000 บาท
เดี๋ยวมาต่อตอนต่อไป ช่วงหลังทำ ให้นะครับ