เหมือนที่
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร เตือนไว้ กรณี กกต.ชุดปัจจุบันมีมติแจ้งข้อกล่าวหา
นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ปมถือหุ้นสื่อ
ระวังจะเป็น “โดมิโน” ทำให้พรรคอื่นๆ ระเนระนาดไปด้วย
โดยเฉพาะพลังประชารัฐ หรือ พปชร. ที่มี กก.บห.พรรคและว่าที่ ส.ส. 3-4 คนอยู่ในข่าย
หนึ่งในนั้นชี้แจงแกนนำพรรค ยอมรับว่าบริษัททำธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ แต่จดแจ้งวัตถุประสงค์ประกอบ
กิจการในหนังสือบริคณห์สนธิ ข้อหนึ่งว่า
“ประกอบกิจการวิทยุและโทรทัศน์” จริง
ถ้าอย่างนั้นก็น่าจะรอดยาก
เพราะชัดเจนกว่ากรณีนายธนาธร ที่โอนหุ้นไปแล้ว แต่ของ กก.บห.และว่าที่ ส.ส.พปชร.รายนี้ ยังถือหุ้นอยู่ ไม่ได้โอน
ขณะที่อีก 2 คนอ้างว่า บริษัทจดแจ้งวัตถุประสงค์ประกอบธุรกิจสื่อจริง แต่ในทางปฏิบัติไม่ได้ทำธุรกิจสื่อ
เป็นเพียงการจดแจ้งวัตถุประสงค์การทำธุรกิจตามแบบฟอร์มของกรมพัฒนาธุรกิจการค้าเท่านั้น
แต่ก็ไม่น่ารอดเช่นกัน
เนื่องจากศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งเคยมีคำวินิจฉัยเมื่อไม่นานมานี้ กรณีนายภูเบศวร์ เห็นหลอด
จากพรรคอนาคตใหม่ ถูกร้องขาดคุณสมบัติลงสมัครส.ส. เนื่องจากเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการห้างหุ้นส่วนจำกัด
ซึ่งมีวัตถุประสงค์ประกอบ กิจการวิทยุ โทรทัศน์และหนังสือพิมพ์
แม้เจ้าตัวอ้างว่า ห้างหุ้นส่วนจำกัด มีวัตถุประสงค์ดังกล่าว แต่ไม่ได้ประกอบกิจการตามนั้น
แต่ศาลฎีกาฯ วินิจฉัยว่าฟังไม่ขึ้น จึงมีคำสั่งให้ถอนชื่อออกจากการเป็นผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 นครพนม
ส่วนในราย
“มาดามเดียร์”น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี ว่าที่ส.ส.บัญชีรายชื่อ พปชร. พรรคประเมินว่า
ในทางนิตินัยไม่น่าเข้าข่ายขาดคุณสมบัติ
ซึ่งสวนทางกับความเห็นนักกฎหมายคนนอกที่มองว่า
ถ้ามีการยื่นร้องเป็นเรื่องเป็นราว ขึ้นมาจริงๆ
มาดามเดียร์ก็น่าเป็นห่วงมากๆ เหมือนกัน
จับตา‘โดมิโน’ ธนาธร-หุ้นสื่อ? : ทิ้งหมัดเข้ามุม.... โดย.. มันมือเสือ....ข่าวสดออนไลน์ .../sao..เหลือ..noi
นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ปมถือหุ้นสื่อ
ระวังจะเป็น “โดมิโน” ทำให้พรรคอื่นๆ ระเนระนาดไปด้วย
โดยเฉพาะพลังประชารัฐ หรือ พปชร. ที่มี กก.บห.พรรคและว่าที่ ส.ส. 3-4 คนอยู่ในข่าย
หนึ่งในนั้นชี้แจงแกนนำพรรค ยอมรับว่าบริษัททำธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ แต่จดแจ้งวัตถุประสงค์ประกอบ
กิจการในหนังสือบริคณห์สนธิ ข้อหนึ่งว่า “ประกอบกิจการวิทยุและโทรทัศน์” จริง
ถ้าอย่างนั้นก็น่าจะรอดยาก
เพราะชัดเจนกว่ากรณีนายธนาธร ที่โอนหุ้นไปแล้ว แต่ของ กก.บห.และว่าที่ ส.ส.พปชร.รายนี้ ยังถือหุ้นอยู่ ไม่ได้โอน
ขณะที่อีก 2 คนอ้างว่า บริษัทจดแจ้งวัตถุประสงค์ประกอบธุรกิจสื่อจริง แต่ในทางปฏิบัติไม่ได้ทำธุรกิจสื่อ
เป็นเพียงการจดแจ้งวัตถุประสงค์การทำธุรกิจตามแบบฟอร์มของกรมพัฒนาธุรกิจการค้าเท่านั้น
แต่ก็ไม่น่ารอดเช่นกัน
เนื่องจากศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งเคยมีคำวินิจฉัยเมื่อไม่นานมานี้ กรณีนายภูเบศวร์ เห็นหลอด
จากพรรคอนาคตใหม่ ถูกร้องขาดคุณสมบัติลงสมัครส.ส. เนื่องจากเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการห้างหุ้นส่วนจำกัด
ซึ่งมีวัตถุประสงค์ประกอบ กิจการวิทยุ โทรทัศน์และหนังสือพิมพ์
แม้เจ้าตัวอ้างว่า ห้างหุ้นส่วนจำกัด มีวัตถุประสงค์ดังกล่าว แต่ไม่ได้ประกอบกิจการตามนั้น
แต่ศาลฎีกาฯ วินิจฉัยว่าฟังไม่ขึ้น จึงมีคำสั่งให้ถอนชื่อออกจากการเป็นผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 นครพนม
ส่วนในราย “มาดามเดียร์”น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี ว่าที่ส.ส.บัญชีรายชื่อ พปชร. พรรคประเมินว่า
ในทางนิตินัยไม่น่าเข้าข่ายขาดคุณสมบัติ
ซึ่งสวนทางกับความเห็นนักกฎหมายคนนอกที่มองว่า
ถ้ามีการยื่นร้องเป็นเรื่องเป็นราว ขึ้นมาจริงๆ
มาดามเดียร์ก็น่าเป็นห่วงมากๆ เหมือนกัน