หัวข้อที่ต้องระลึกหลังจากตรวจพบเชื้อ HIV จากประสบการณ์การดำรงชีพของตัวเอง 5555

1. ปรึกษาคุณหมออย่างใกล้ชิด

-ข้อนี้ทุกคนน่าจะเป็นเหมือนกัน เพื่อดูระยะของอาการและบรรเทาความเครียดของตัวเอง พอได้รับยาต้านก็สบายแว้ววว

2. อย่ากลัวตาย

-ข้อนี้ถือว่าสำคัญที่สุด หลังจากได้ยินข่าวดี๊ดีเราก็จะช็อกร่างกายเบาหวิวเหมือนลอยในอากาศ สักพักก็ความรู้สึกก็จะเหมือนตกลงมาจากยอดเขาหิมาลัย เหมือนคลื่นสึนามิซัดขึ้นฝั่ง เหมือนระเบิดปรมาณูถล่มใส่ แล้วเราจะจัดการมันยังไงดีเน้ออออออ เศร้าแพร็บบบ T  T จากประสบการณ์ความรู้สึกทั้งหมดนี้มาจากคำว่า "กลัวตาย" "ไม่อยากตาย" เอาจริงๆ คนบนโลกนี้เกิดมาก็ต้องตายป่ะจะซีเรียสทำม่ายยยยยย ผมติดเชื้อมา 7-8 ปีแหละ ไปงานศพคนสุขภาพดีที่ไม่ติดเชื้อ ก็ร่วมๆ 20 กว่า ศพแหละ ดังนั้นการติดเชื้อไม่ได้หมายความเราจะตาย แต่แค่เรามีแนวโน้มและโอกาสเสี่ยงมากกว่าคนปกติ (*หมายเหตุ ให้กลับไปอ่านข้อ 1) เราควรคิดข้ามช็อตได้แล้วเน้อ

3. ควรปรึกษาคนในครอบครัว

-กำลังใจและความเข้าใจจะเป็นรากฐานให้เราสามารถดำรงชีวิตอย่างมีความสุขได้ พลังจากคนในครอบครัว พ่อแม่ พี่น้อง ถือเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆๆ ควรแจ้งเรื่องนี้ให้พวกเขาทราบ อย่าเก็บมาคิดและแก้ไขคนเดียวเพราะมันไม่มีทางแก้ให้หายจากการติดเชื้อได้อยู่แล้ว แต่ความเข้าใจจากคนกลุ่มนี้คือ กลุ่มคนที่รักและห่วงใยเราโดยปราศจากเงื่อนไขสำคัญที่สุด สำหรับเราเองแม่เป็นกำลังใจเราเสมอเราก็เพิ่งเข้าใจว่าทำไมถึงให้เรามาเกิดเป็นลูกของแม่ ไม่ร้องเนอะ โอ๋ๆๆๆๆๆคนดี เมื่อเราคุยกันปรึกษากันพูดคุยขั้นตอนวิธีการรักษาจากข้อที่ 1 และก็เริ่มข้อต่อไป

4. ควรเป็นผู้ให้ (ฮัลโหล...ไม่ได้หมายว่าแพร่เชื้อให้คนอื่นต่อเน้อ)

-หลายคนที่รู้ว่าติดเชื้อกลายเป็นผู้รับในภาวะจำยอม รับความสงสารจากคนอื่น ความสงสารจากสังคม แต่เราจริงๆเราก็ไม่ได้น่าสงสารขนาดนั้นป่าวว่ะ ก็ติดเชื้อมาแล้วหนิจะทำไงได้ การรับความสงสารมามากๆๆ เราถือว่าเป็นผลเสียอย่างมากในการมีชีวิตต่อไปนะ การถ่ายเทความรู้สึกเหมือนที่ฝรั่งบอกว่า Give & Take เป็นที่สำคัญมาก เราควรเริ่มเป็น ผู้ให้ต่อตัวเอง-ดูแลตัวเองมากขึ้น ออกกำลังกาย ทานยาให้ตรง / ผู้ให้ต่อครอบครัว-พูดคุยกับคนในครอบครัวมากขึ้นหากิจกรรมทำร่วมกัน ไปเที่ยวด้วยกัน รักครอบครัวให้มากขึ้น / ผู้ให้ต่อสังคม-ลองไปเป็นอาสาสมัครดูแลผู้พิการ เพราะเราเป็นแค่ขั้นกว่ายังไม่เป็นขั้นสุดเหมือนคนกลุ่มในแง่ของความอดทน คุณเคยนั่งมองผู้พิการทางการได้ยินมั้ยโลกที่เงียบมากปราศจากการได้ยิน เข้าใจจากภาษามือและริมฝึปาก และผู้พิการทางการมองเห็นเวลาอยากเห็นอะไรก็ต้องจินตภาพในหัว อ่านจากตัวหนังสือที่นูนๆขึ้นมา เวลาจะเป็นคอมหรือพิมพ์ไลน์คุยกัน ก็ต้องตั้งใจฟังเสียงจากโปรแกรม แมร่งออกเสียงโคตรไวเลย เรายังฟังไม่ทันเลย เราลองไปเรียนรู้ความเข้มแข็งจากพี่ๆกลุ่มนี้ก่อนมั้ยย ให้กำลังจากคนกลุ่มนี้พร้อมรับกำลังใจไปพร้อมกัน

5. ค้นหาเป้าหมายในการดำรงชีวิต

-สำหรับเราถือว่าโชคดีนะที่ได้รับเชื้อ เพราะถ้าไม่ได้รับเชื้อเราก็คงคิดไม่ได้ คงจะสนุกเหมือนคนอื่นๆในสังคมต่อไปอีก การที่เราติดเชื้อคือการ scope กรอบเวลาในการดำรงชีวิตบนโลกใบนี้ให้กระชับขึ้นเหมือนเอาเนื้อเน้นๆ น้ำไม่ต้องเนอะ กำหนดและลิสต์หัวข้อของตัวเองว่า ภายใน 3 ปีถ้าเราตายเราอยากทำอะไร / ภายใน 1 ปีถ้าเราตายเราอยากทำอะไร / ภายใน 6 เดือนถ้าเราตายเราอยากทำอะไร / ภายใน 1 เดือนถ้าเราตายเราอยากทำอะไร / ภายใน 10 วันถ้าเราตายเราอยากทำอะไร / ภายใน 7 วันถ้าเราตายเราอยากทำอะไร / ภายใน 3 วันถ้าเราตายเราอยากทำอะไร / ภายใน 1 วันถ้าเราตายเราอยากทำอะไร โห้แมร่งโคตรเยอะสิ่งที่เราอยากทำ พอมานั่งไล่ดูลิสต์ถ้าไม่ติดเชื้อเราจะมานั่งคิดเรื่องพวกนี้มั้ยเนี่ยโคตรน่าเสียดาย มันเลยเป็นความโชคดีอย่างมากบนความโชคร้ายแค่นิดเดียว

สุดท้าย คำคมจาก กรงกรรม

ซึ่งมันคือความจริงเสมอตลอดที่เรามีชีวิตบนโลกนี้

ชีวิตคนเรามี 3 วัน 
"เมื่อวาน" เราใช้ไปแล้วเอามาใช้ไม่ได้
"วันนี้" เรากำลังใช้อยู่และใช้ได้แค่ครั้งเดียว
"พรุ่งนี้" ยังมาไม่ถึงและไม่รู้ว่าจะได้ใช้มั้ย

และจะคิดมากเพื่อ???? ทำวินาทีให้เต็มที่ก่อนมั้ย

ปล.
-ขอบคุณที่อ่านบทความนี้นะครับ ถ้าอยากจะสนับสนุนก็รบกวนช่วยกันแชร์ให้เพื่อนๆที่ได้รับเชื้อได้อ่านกัน หรือมีอะไรติดชมก็ comment กันได้นะครับ
-จากประสบการณ์ตรงของเรากว่าจะเข้าใจชีวิตก็เกือบจะเหลวแหลกไปแล้ว 
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่