ผู้เป็นใหญ่ใน3โลก(ภพ3 พรหมโลก)

ผู้เป็นใหญ่ในภพ3 รุ้ กำหนดรู้ หยั่งรู้ สืบต่อ ให้ช่วยเหลือ/อวตาร โกรธ เบียดเบียนทำร้ายทำลาย
ผู้เป็นใหญ่ในภพ3 ย่อมมีสภาวะในจิต(+เจตสิกปรุงแต่ง นึกคิด ในจิต+ใจ พูดทำ)
จิต สภาวะรู้ + ความรู้สึก3 อารมณ์3 ความเชื่อความเห็น4 นิสัย สันดาน สัญชาตญาณ +ใจ พูดทำ

จิต+เจตสิก มโนกรรม3 วิบาก3 +ใจ กายกรรม3 วิบาก3 กฎไตรลักษณ์ ชรา-มรณะ เกิดพร้อมสืบต่อ สังสารวัฏ
เกิดเจริญ/ถูกทำให้เสื่อมดับ/เพื่อเกิดใหม่ สลับ วนกลับไม่จบสิ้น ในภพ3 ในรูปกายต่างๆ หรือไม่มีรูป(อรูป) สืบไป
1.จิต+เจตสิก อนุโมทนา(ยินดี(ปิติบุญ) ตามสัญชาตญาณตน คนอื่น)+ใจ พูดทำ ตามสัญชาตญาณที่ดี
กฎไตรลักษณ์ ชรา-มรณะ เกิดพร้อมสืบต่อ สังสารวัฏ (อวตารมาในรูปโกรธ เพราะไม่ตั้งจิตในอุเบกขาญาณบารมี)
2.จิต+เจตสิก ไม่อนุโมทนา(ไม่ยินดี(ไม่ปิติไม่เป็นไร)
แต่ไปโกรธบาป หลงลังเล ทุกข์ ตามสัญชาตญาณตน คนอื่น)+ใจ พูดทำ ตามสัญชาตญาณ ที่ไม่ดี บาป ทุกข์ เฉยๆ

ผู้เป็นใหญ่ในโลก3(ภพ3 พรหมโลก) รุ้ กำหนดรู้ หยั่งรู้ สืบต่อ สงยดับจิต-ใจ ไม่อวตาร โกรธ เบียดเบียนทำร้ายทำลาย

ปลงใจปักใจทำใจลงในกฎไตรลักษณ์ ชรา-มรณะ เกิดพร้อมสืบต่อ ละสังสารวัฏ คือ
เห็นคิดเพียรสติชอบ ทาน ให้อภัยทาน อโหสิกรรม ด้วยความยินดี(ปิติบุญ) สืบต่อ
ละวางเฉยในสภาวะในจิต ที่ดี/ไม่ดี +ใจ ร่างกายวัตถุกาม ที่ดี/ไม่ดี(แม้มีอยู่/ไม่มีอยู่)
สติสมาธิชอบ-พูดทำชอบ ศีล รักษาสภาวะในจิต+ใจ ให้สงบ
ตั้งจิตในอุเบกขาญาณ+ให้ง่ายเร็วนานสืบไป (บารมี ละ วางเฉย สงบดับสังสารวัฏ)

0.จิต+ทาน ละ วางเฉย อุเบกขาญาณ ศีล สงบ ดับ ตั้งจิตในอุเบกขาญาณให้ง่ายเร็วนานสืบไป
จะ อนุโมทนา(ยินดี(ปิติบุญ) ด้วยก็ได้ แต่ต้องรีบกลับมาตั้งจิตให้สงบสืบไป
ตามดวงตา ปัญญา+ญาณ อุเบกขาญาณของตน) +ใจ พูดทำชอบ ตามดวงตา วิชชา ญาณ ปัญญาญาณของพระพุทธเจ้า
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่