สวัสดีค่ะ
นี่เป็นการตั้งกระทู้รีวิวครั้งแรกในพันทิปนะคะ อาจจะเรียบเรียงไม่ดีมาก ผิดถูกอย่างไรขออภัยไว้ล่วงหน้านะคะ
ความตั้งใจคืออยากให้ข้อมูลสำหรับผู้ใช้วีลแชร์ที่ต้องการไปเที่ยวญี่ปุ่นค่ะ
ตอนที่เตรียมตัวไปเที่ยวเราก็หาข้อมูลเยอะมากทั้งจากในพันทิปเองและเวบของญี่ปุ่นเพราะเป็นการไปญี่ปุ่นกับผู้ใช้วีลแชร์ครั้งแรก
ตัวเราเคยไปเที่ยวญี่ปุ่นเองหลายครั้งแล้ว แต่ทริปนี้ไปกับครอบครัวของเพื่อนที่มีคุณแม่เป็นผู้สูงอายุนั่งวีลแชร์ รวมสมาชิกทั้งหมด 10 คนค่ะ
ทริปนี้เราไป Kawaguchiko กับโตเกียว กะจะไปช่วงที่ซากุระบานค่ะ (30 มี.ค. - 3 เม.ย. 62) ก็ได้เจอซากุระบ้างไม่เจอบ้างค่ะ 555
อาจจะไม่มีรูปมากนะคะ เราถ่ายรูปน้อยมาก+ไม่ค่อยมีเวลาเขียนกระทู้ แต่อยากให้ข้อมูลสำหรับคนที่ใช้วีลแชร์จริงๆ ค่ะ จะพยายามเขียนอธิบายให้มากที่สุดค่ะ
1. การเช่ารถ
พวกเราตัดสินใจเช่ารถทั้งหมด 3 วันแรก เฉพาะช่วงที่อยู่ Kawaguchiko ค่ะ เพราะน่าจะสะดวกสำหรับ 10 คนมากกว่า และถูกกว่าการจ้าง Private Tour
เช่าจาก Toyota Rentacar นะคะ สามารถเช่ารถล่วงหน้าทางเวบไซต์ของเค้าได้เลย สะดวกมากค่ะ
รถที่เช่าเป็น Toyota Voxy ที่มี Lifted Seat สำหรับผู้ใช้วีลแชร์ตามรูปค่ะ คือเพื่อนได้หาข้อมูลมาล่วงหน้าแล้วว่ามันมีรถแบบนี้
เราก็เลยโทรไปถาม Toyota ว่าต้องเป็นรุ่นไหน ก็คือเป็นรุ่น Voxy ค่ะ รถที่ได้มาใหม่มาก ไมล์แค่ 4,000 กว่าเองค่ะ
ยืมรูปจาก google นะคะ
การใช้งานสะดวกมาก มีรีโมทปรับเลื่อนเบาะขึ้นลง เพื่อย้ายคุณแม่ของเพื่อนขึ้นลงวีลแชร์ค่ะ
รถแบบนี้สามารถเลือกได้ว่าจะให้ Lifted Seat อยู่ข้างคนขับ หรืออยู่แถวที่ 2 ค่ะ
ถ้า Lifted Seat อยู่ข้างคนขับ รถจะเป็นแบบ 8 ที่นั่ง (2-3-3)
ถ้า Lifted Seat อยู่แถวที่ 2 รถจะเป็นแบบ 7 ที่นั่ง (2-2-3)
พวกเราเลือกแบบ Lifted Seat อยู่ข้างคนขับ เช่า 2 คัน จะได้นั่งคันละ 5 คนค่ะ แถวสุดท้ายเอาไว้ใส่กระเป๋า ใส่ได้เยอะมากค่ะ
ใบใหญ่+กลางคันละ 7 ใบได้ ยังไม่รวมพวกใบเล็กๆ นะคะ ใส่ได้หมดค่ะ
วิธีการจองรถ
เข้าไปในเวบจัดการจองรถตามปกติแล้วเลือกรถประเภท W2 จากนั้นโทรเข้า Call Center เพื่อ request ขอรถแบบที่มี Lifted Seat ค่ะ ที่จริงแล้วรถของ Toyota สำหรับผู้ใช้วีลแชร์มีหลายแบบนะคะ มีทั้งแบบมีทางลาดให้เข็นรถวีลแชร์ขึ้นไปทั้งคันทางด้านหลัง หรือแบบที่มีตัวยกวีลแชร์ขึ้นทางด้านข้าง สามารถเลือกได้ตามความสะดวกค่ะ
ค่าใช้จ่าย
ค่าเช่ารถ 3 วัน 113,008 เยน + ค่าน้ำมัน 13,847 เยน + ค่าทางด่วน 22,000 เยน (ราคารวม 2 คันแล้วนะคะ)
2. เครื่องบิน
พวกเราเลือกเดินทางด้วย ANA สำหรับผู้ใช้วีลแชร์ ตอนจองให้เลือกตัวเลือกที่ระบุว่าต้องการความช่วยเหลือพิเศษค่ะ
ขาไป สุวรรณภูมิ-นาริตะ
ตอนเช็คอินที่สุวรรณภูมิ เจ้าหน้าที่ถามว่าจะโหลดวีลแชร์ตอนที่เช็คอินเลย แล้วเปลี่ยนมานั่งวีลแชร์ของสนามบิน (หรือของสายการบินเองไม่แน่ใจค่ะ)
หรือจะใช้วีลแชร์ของตัวเอง แล้วค่อยไปเปลี่ยนหน้าเกท พวกเราเลือกใช้วีลแชร์ของตัวเองแล้วก็นัดกับเจ้าหน้าที่ว่าจะเอาวีลแชร์มาเปลี่ยนให้กี่โมงที่หน้าเกทค่ะ วีลแชร์ของเค้าจะเป็นแบบถอดล้อได้และคันเล็กกว่า พอจะเข้าไปในตัวเครื่องเค้าจะถอดล้อใหญ่ออกเหลือล้อเล็กเพื่อให้เข็นไปตามทางได้ค่ะ เค้าจะนัดให้เราไปที่เกทล่วงหน้าประมาณ 15 นาทีก่อนบอร์ดดิ้ง เพราะวีลแชร์จะได้ขึ้นเครื่องก่อน พอเปลี่ยนมานั่งวีลแชร์ของสนามบินแล้วเค้าก็จะเอาวีลแชร์ของเราไปโหลดให้โดยไม่นับรวมน้ำหนักในสัมภาระที่เราโหลดไปค่ะ เท่ากับว่าวีลแชร์โหลดฟรี เจ้าหน้าที่ตอนเช็คอินถามว่าวีลแชร์ที่โหลดไม่มีแบตเตอรี่ใช่มั้ย ของคุณแม่เพื่อนเราเป็นแบบพับได้ไม่มีแบตเตอรี่ค่ะ เราเลยไม่ได้ถามต่อว่าถ้ามีแบตเตอรี่โหลดได้มั้ย
ทีนี้เจ้าหน้าที่ที่สุวรรณภูมิจะให้เลือกด้วยว่าพอถึงนาริตะแล้วจะรับวีลแชร์หน้าเกทหรือรับที่สายพานรับกระเป๋า ซึ่งตรงนี้เจ้าหน้าที่แนะนำว่าให้ไปรับที่สายพานเพราะถ้ารับหน้าเกทต้องรอนานกว่ารถเข็นจะมา ยังไงเราก็ต้องไปเสียเวลาที่ ตม. อยู่แล้ว พวกเราเลยเลือกรับที่สายพานพร้อมกระเป๋าค่ะ
พอเรียกขึ้นเครื่องทางเราจะต้องมีญาติไปช่วยย้ายคุณแม่เพื่อนจากวีลแชร์ไปเก้าอี้ผู้โดยสารนะคะ คงเป็นความสบายใจของทั้งสองฝ่ายเพราะทางเราก็รู้มุมว่าจะยกท่าไหน เจ้าหน้าที่ก็ไม่อยากเกิดปัญหาถ้ายกผิดท่าแล้วเกิดบาดเจ็บ
พอตอนถึงนาริตะจะกลับกันคือ วีลแชร์ต้องรอออกหลังจากผู้โดยสารท่านอื่น โดยเจ้าหน้าที่ที่นาริตะดีมากเป็นคุณป้าผู้หญิง เค้ามารอที่หน้าเกทและจะช่วยเข็นคุณแม่เพื่อนไปจากหน้าเกทจนถึงสายพานที่รับกระเป๋าเลยค่ะ พวกเราจะเข็นเองเค้าก็ไม่ยอมนะคะ ระหว่างทางพวกเรามีแวะห้องน้ำซึ่งก็ใช้เวลาพอสมควร จนพวกเราไปถึง ตม. ไม่เหลือคิวแล้วเพราะทุกคนออกไปหมดแล้วค่ะ 555 ก็ประทับใจกับบริการของคุณป้ามากๆ พอไปถึงสายพานรับกระเป๋าก็ย้ายมาให้วีลแชร์ของตัวเองแล้วโค้งคำนับขอบคุณคุณป้าอย่างเต็มที่ค่ะ
ขากลับฮาเนดะ-สุวรรณภูมิ
ก็ขั้นตอนคล้ายเดิม แต่พลาดนิดหน่อยตรงที่ว่าเราอยู่เช็คอินกับญาติเพื่อนจำนวนหนึ่งแล้วให้คุณแม่เพื่อนเข้าไปทานอาหารได้เลยเพราะดึกแล้วกลัวท่านจะหิว โดยลืมว่าเค้าต้องติดแทกที่วีลแชร์ก่อน ก็เดือดร้อนญาติเพื่อนต้องไปเอาวีลแชร์ลงมาให้เค้าติดแทก เพราะเค้าไม่ยอมให้เราเอาแทกไปติดเองค่ะ
มีคำศัพท์มาแชร์นิดนึงค่ะ รับวีลแชร์ที่สายพานคือ Belt รับที่หน้าเกทคือ Zip... อะไรสักอย่าง จำไม่ได้ค่ะ ใครทราบมาช่วยตอบได้นะคะ
ซึ่งจริงๆ เราแจ้งเจ้าหน้าที่ที่ฮาเนดะว่ารับที่สายพานเหมือนขามา แต่พอถึงสุวรรณภูมิวีลแชร์ของคุณแม่เพื่อนก็มารอหน้าเกทแล้วด้วยความรวดเร็ว
น่าจะเป็นระบบการทำงานที่คุ้นเคยของคนไทยว่า ให้เอาวีลแชร์ขึ้นมาก่อนเลย ทางเราก็เลยใช้วีลแชร์ของตัวเองแล้วเข็นคุณแม่ของเพื่อนไปเองก็สะดวกดีอีกแบบค่ะ เพราะตอนอยู่นาริตะจริงๆ ก็แอบเกรงใจคุณป้าที่ต้องมารอนานๆ ถ้าวีลแชร์มาเร็วแบบนี้ก็เลือกรับหน้าเกทดีกว่าสบายใจทั้งสองฝ่าย
เราไม่แน่ใจว่าสายการบินอื่นทำแบบไหนสำหรับผู้โดยสารวีลแชร์นะคะ แต่ก็แนะนำให้ใช้สายการบินที่เป็น Full Service น่าจะสะดวกกว่าค่ะ
3. ประกันการเดินทาง
พวกเราเลือกใช้ของ Sompo ค่ะ เพราะเห็นว่าไม่ต้องสำรองจ่าย แต่เค้าไม่รับทำให้ผู้ใช้วีลแชร์ คือตอนซื้อออนไลน์มันจะให้ติ๊กว่าเราสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ ไม่เป็นผู้ทุพพลภาพ เราก็เลยโทรถามว่ากรณีคุณแม่เพื่อนเราทำได้มั้ย เค้าก็แจ้งว่าไม่ได้ สอบถามไปอีกหลายที่ เช่น AXA Cigna MSIG ก็ไม่รับทำเช่นกันโดยมี 2 เหตุผลคือ อายุเกิน 75 ปี + ใช้วีลแชร์ สรุปไปได้ที่ Allianz นะคะ ก็ซื้อแยกเฉพาะของคุณแม่เพื่อนค่ะ อันนี้ไม่มีรีวิวการเคลมนะคะ แต่แนะนำให้ทำไปนะคะ Sompo ประมาณ 600 กว่าบาท Allianz ของคุณแม่เพื่อนประมาณพันนิดๆ ค่ะ
4. โรงแรม
โรงแรมในญี่ปุ่นบางที่จะมีห้องพักสำหรับผู้ใช้วีลแชร์โดยเฉพาะ ความต่างหลักๆ คือ ห้องสำหรับผู้ใช้วีลแชร์จะใหญ่กว่า ห้องน้ำไม่มีการแยกส่วน ไม่ต่างระดับ ประตูห้องน้ำและประตูห้องใหญ่กว่า เพื่อให้สะดวกกับผู้ใช้วีลแชร์ค่ะ ซึ่งจะมีแค่ 1-2 ห้องเท่านั้น ดังนั้นถ้าจะไปควรจองล่วงหน้านานๆๆๆๆๆ ของเราจองช่วงเดือน ม.ค. 62 ยังหาห้องสำหรับวีลแชร์เกือบไม่ได้ค่ะ ครั้งนี้พัก 2 ที่นะคะ
Hotel Mystays Fuji Resort
พักที่นี่ทั้งหมด 2 คืน ที่นี่มีห้อง Accessible Room สำหรับวีลแชร์โดยเพาะ แต่มีแค่ 1 ห้องเท่านั้นค่ะ ตอนที่จองคืนแรกห้องคุณแม่เพื่อนไม่ได้แบบ Accessible Room เพราะเต็มค่ะได้เฉพาะคืนที่สอง เราเลยแชทไปคุยกับโรงแรมว่าห้องธรรมดาเป็นยังไงวีลแชร์เข้าได้มั้ยซึ่งคนตอบน่าจะอยู่สำนักงานใหญ่ เค้าก็ช่วยเหลือดีมากประสานไปที่ฟูจิว่าห้องเป็นยังไง ก็ได้คำตอบมาว่าอาจจะไม่เหมาะเพราะทางเข้าแคบและประตูห้องน้ำต่างระดับแล้วเค้าก็ส่งรูปให้มาทางอีเมล แต่ด้วยความที่โรงแรมอื่นก็เต็มเพื่อนก็เลยตัดสินใจว่าไม่เป็นไรคืนแรกช่วยกันยกคุณแม่เข้าห้องน้ำเอาแล้วคืนที่สองค่อยย้ายไปห้องที่สะดวกกับวีลแชร์ ส่วนเราก็เข้าไปดูในเวบแทบจะทุกวันว่าห้อง Accessible Room มีคนยกเลิกมั้ย ซึ่งก็ไม่มีใครยกเลิกเลยค่ะจนวันสุดท้าย 555
แต่ว่าพอไปถึงจริงๆ ห้อง Comfort ห้องน้ำไม่ต่างระดับนะคะ วีลแชร์ก็สามารถเข้าได้ แต่อาจจะแคบไปหน่อย สุดท้ายคืนที่สองคุณแม่เพื่อนก็ไม่ได้ย้ายไปพักห้อง Accessible นะคะ เพราะขี้เกียจเก็บของใหม่ เลยไม่มีรีวิวห้อง Accessible ค่ะ แต่คาดว่าน่าจะสะดวกกว่าแน่นอน
อาหารเช้าที่โรงแรมนี้โอเคเลยค่ะ แต่บุฟเฟต์อาหารเย็นไม่แนะนำเลยนะคะ แพงมาก 3,500 เยน/คน พวกเราเลือกทานเฉพาะคืนแรกเพราะมาถึงค่ำแล้ว
ส่วนคืนที่สองหาทานเอง ร้านอาหารแถวโรงแรมมีเยอะค่ะ
Facility ด้านอื่นก็ดีค่ะ มีที่จอดรถฟรี ออนเซ็น Wifi มีชุดนอนให้ น้ำดื่ม 2 ขวด ประมาณนี้ค่ะ การเดินทางสะดวกสำหรับคนเช่ารถนะคะ อ้อ ไม่มีเบลบอยนะคะ ขนกระเป๋าเองค่ะ
ค่าใช้จ่าย
ช่วงที่เราไปเป็นเสาร์อาทิตย์พอดี ประกอบกับเป็นช่วงชมซากุระค่าที่พักเลยแพงมากค่ะ
5 ห้อง 2 คืน รวมอาหารเช้า 2 วัน อาหารเย็น 1 วัน รวม 323,560 เยนค่ะ
เราจองตรงผ่านเวบของโรงแรมนะคะ มีห้องให้เลือกมากกว่า Booking.com และได้ลด 5% ใส่ Code 5off ค่ะ
Solaria Nishitetsu Hotel Ginza
2 คืนสุดท้ายพักที่โตเกียวค่ะ เลือกโรงแรมที่ใกล้แหล่งชอปปิ้งและสถานีรถไฟใต้ดินที่มีทางออกแบบมีลิฟต์ที่ใกล้ที่สุดค่ะ
ในโตเกียวเราจะไม่เช่ารถแล้ว ใช้การเดินทางโดยรถไฟใต้ดินและเดินค่ะ โรงแรมนี้จองตรงในเวบเช่นกันเพราะถูกกว่า Booking.com แต่โรงแรมน่าจะใช้ระบบของ Booking.com ค่ะเพราะ Booking ที่ได้มามันเป็นของ Booking.com เลย โรงแรมนี้เราเคยพักแล้วจำได้ว่าห้องไม่แคบมากและห้องน้ำไม่ต่างระดับวีลแชร์น่าจะเข้าได้ พอเราระบุใน Special Request ว่ามีแขกวีลแชร์ ทางโรงแรมน่ารักมากแชทมาแจ้งว่าจะจองห้อง Universal ที่กว้างกว่าให้นะในราคาเดิม พอได้ห้องจริงก็กว้างกว่าห้องธรรมดามากๆ เลยค่ะ สะดวกกับวีลแชร์มาก เพราะปกติโรงแรมในโตเกียวจะเล็กอยู่แล้ว
โรงแรมนี้มีที่จอดรถ คิดคืนละ 2,000 เยน แต่ๆๆๆๆๆๆๆ รถสูงเกิน 1.55 เมตร จอดไม่ได้ คือจอดได้เฉพาะรถเก๋ง รถแบบที่เราเช่าจอดไม่ได้เพราะสูง 1.85 เมตร ซึ่งในเวบไม่ได้บอกรายละเอียดตรงนี้ ทีนี้พอขับรถไปถึงโรงแรมจะโหลดกระเป๋าลงเลยต้องจอดริมถนน ค่อนข้างทุลักทุเลค่ะ แต่ไม่ได้เป็นถนนใหญ่เลยพอไหว ที่นี่ก็เช่นกันไม่มีเบลบอยค่ะ
ค่าใช้จ่าย
5 ห้อง 2 คืน 360,000 เยน ค่ะ ไม่ได้ทานอาหารเช้า/เย็นค่ะ
ขอต่อเรื่องสถานที่ท่องเที่ยวและการใช้รถไฟใต้ดินในคอมเมนต์ถัดไปค่า ตัวอักษรเกินจะแล้ว
[CR] รีวิวทริปญี่ปุ่นสำหรับผู้ใช้วีลแชร์
นี่เป็นการตั้งกระทู้รีวิวครั้งแรกในพันทิปนะคะ อาจจะเรียบเรียงไม่ดีมาก ผิดถูกอย่างไรขออภัยไว้ล่วงหน้านะคะ
ความตั้งใจคืออยากให้ข้อมูลสำหรับผู้ใช้วีลแชร์ที่ต้องการไปเที่ยวญี่ปุ่นค่ะ
ตอนที่เตรียมตัวไปเที่ยวเราก็หาข้อมูลเยอะมากทั้งจากในพันทิปเองและเวบของญี่ปุ่นเพราะเป็นการไปญี่ปุ่นกับผู้ใช้วีลแชร์ครั้งแรก
ตัวเราเคยไปเที่ยวญี่ปุ่นเองหลายครั้งแล้ว แต่ทริปนี้ไปกับครอบครัวของเพื่อนที่มีคุณแม่เป็นผู้สูงอายุนั่งวีลแชร์ รวมสมาชิกทั้งหมด 10 คนค่ะ
ทริปนี้เราไป Kawaguchiko กับโตเกียว กะจะไปช่วงที่ซากุระบานค่ะ (30 มี.ค. - 3 เม.ย. 62) ก็ได้เจอซากุระบ้างไม่เจอบ้างค่ะ 555
อาจจะไม่มีรูปมากนะคะ เราถ่ายรูปน้อยมาก+ไม่ค่อยมีเวลาเขียนกระทู้ แต่อยากให้ข้อมูลสำหรับคนที่ใช้วีลแชร์จริงๆ ค่ะ จะพยายามเขียนอธิบายให้มากที่สุดค่ะ
1. การเช่ารถ
พวกเราตัดสินใจเช่ารถทั้งหมด 3 วันแรก เฉพาะช่วงที่อยู่ Kawaguchiko ค่ะ เพราะน่าจะสะดวกสำหรับ 10 คนมากกว่า และถูกกว่าการจ้าง Private Tour
เช่าจาก Toyota Rentacar นะคะ สามารถเช่ารถล่วงหน้าทางเวบไซต์ของเค้าได้เลย สะดวกมากค่ะ
รถที่เช่าเป็น Toyota Voxy ที่มี Lifted Seat สำหรับผู้ใช้วีลแชร์ตามรูปค่ะ คือเพื่อนได้หาข้อมูลมาล่วงหน้าแล้วว่ามันมีรถแบบนี้
เราก็เลยโทรไปถาม Toyota ว่าต้องเป็นรุ่นไหน ก็คือเป็นรุ่น Voxy ค่ะ รถที่ได้มาใหม่มาก ไมล์แค่ 4,000 กว่าเองค่ะ
ยืมรูปจาก google นะคะ
การใช้งานสะดวกมาก มีรีโมทปรับเลื่อนเบาะขึ้นลง เพื่อย้ายคุณแม่ของเพื่อนขึ้นลงวีลแชร์ค่ะ
รถแบบนี้สามารถเลือกได้ว่าจะให้ Lifted Seat อยู่ข้างคนขับ หรืออยู่แถวที่ 2 ค่ะ
ถ้า Lifted Seat อยู่ข้างคนขับ รถจะเป็นแบบ 8 ที่นั่ง (2-3-3)
ถ้า Lifted Seat อยู่แถวที่ 2 รถจะเป็นแบบ 7 ที่นั่ง (2-2-3)
พวกเราเลือกแบบ Lifted Seat อยู่ข้างคนขับ เช่า 2 คัน จะได้นั่งคันละ 5 คนค่ะ แถวสุดท้ายเอาไว้ใส่กระเป๋า ใส่ได้เยอะมากค่ะ
ใบใหญ่+กลางคันละ 7 ใบได้ ยังไม่รวมพวกใบเล็กๆ นะคะ ใส่ได้หมดค่ะ
วิธีการจองรถ
เข้าไปในเวบจัดการจองรถตามปกติแล้วเลือกรถประเภท W2 จากนั้นโทรเข้า Call Center เพื่อ request ขอรถแบบที่มี Lifted Seat ค่ะ ที่จริงแล้วรถของ Toyota สำหรับผู้ใช้วีลแชร์มีหลายแบบนะคะ มีทั้งแบบมีทางลาดให้เข็นรถวีลแชร์ขึ้นไปทั้งคันทางด้านหลัง หรือแบบที่มีตัวยกวีลแชร์ขึ้นทางด้านข้าง สามารถเลือกได้ตามความสะดวกค่ะ
ค่าใช้จ่าย
ค่าเช่ารถ 3 วัน 113,008 เยน + ค่าน้ำมัน 13,847 เยน + ค่าทางด่วน 22,000 เยน (ราคารวม 2 คันแล้วนะคะ)
2. เครื่องบิน
พวกเราเลือกเดินทางด้วย ANA สำหรับผู้ใช้วีลแชร์ ตอนจองให้เลือกตัวเลือกที่ระบุว่าต้องการความช่วยเหลือพิเศษค่ะ
ขาไป สุวรรณภูมิ-นาริตะ
ตอนเช็คอินที่สุวรรณภูมิ เจ้าหน้าที่ถามว่าจะโหลดวีลแชร์ตอนที่เช็คอินเลย แล้วเปลี่ยนมานั่งวีลแชร์ของสนามบิน (หรือของสายการบินเองไม่แน่ใจค่ะ)
หรือจะใช้วีลแชร์ของตัวเอง แล้วค่อยไปเปลี่ยนหน้าเกท พวกเราเลือกใช้วีลแชร์ของตัวเองแล้วก็นัดกับเจ้าหน้าที่ว่าจะเอาวีลแชร์มาเปลี่ยนให้กี่โมงที่หน้าเกทค่ะ วีลแชร์ของเค้าจะเป็นแบบถอดล้อได้และคันเล็กกว่า พอจะเข้าไปในตัวเครื่องเค้าจะถอดล้อใหญ่ออกเหลือล้อเล็กเพื่อให้เข็นไปตามทางได้ค่ะ เค้าจะนัดให้เราไปที่เกทล่วงหน้าประมาณ 15 นาทีก่อนบอร์ดดิ้ง เพราะวีลแชร์จะได้ขึ้นเครื่องก่อน พอเปลี่ยนมานั่งวีลแชร์ของสนามบินแล้วเค้าก็จะเอาวีลแชร์ของเราไปโหลดให้โดยไม่นับรวมน้ำหนักในสัมภาระที่เราโหลดไปค่ะ เท่ากับว่าวีลแชร์โหลดฟรี เจ้าหน้าที่ตอนเช็คอินถามว่าวีลแชร์ที่โหลดไม่มีแบตเตอรี่ใช่มั้ย ของคุณแม่เพื่อนเราเป็นแบบพับได้ไม่มีแบตเตอรี่ค่ะ เราเลยไม่ได้ถามต่อว่าถ้ามีแบตเตอรี่โหลดได้มั้ย
ทีนี้เจ้าหน้าที่ที่สุวรรณภูมิจะให้เลือกด้วยว่าพอถึงนาริตะแล้วจะรับวีลแชร์หน้าเกทหรือรับที่สายพานรับกระเป๋า ซึ่งตรงนี้เจ้าหน้าที่แนะนำว่าให้ไปรับที่สายพานเพราะถ้ารับหน้าเกทต้องรอนานกว่ารถเข็นจะมา ยังไงเราก็ต้องไปเสียเวลาที่ ตม. อยู่แล้ว พวกเราเลยเลือกรับที่สายพานพร้อมกระเป๋าค่ะ
พอเรียกขึ้นเครื่องทางเราจะต้องมีญาติไปช่วยย้ายคุณแม่เพื่อนจากวีลแชร์ไปเก้าอี้ผู้โดยสารนะคะ คงเป็นความสบายใจของทั้งสองฝ่ายเพราะทางเราก็รู้มุมว่าจะยกท่าไหน เจ้าหน้าที่ก็ไม่อยากเกิดปัญหาถ้ายกผิดท่าแล้วเกิดบาดเจ็บ
พอตอนถึงนาริตะจะกลับกันคือ วีลแชร์ต้องรอออกหลังจากผู้โดยสารท่านอื่น โดยเจ้าหน้าที่ที่นาริตะดีมากเป็นคุณป้าผู้หญิง เค้ามารอที่หน้าเกทและจะช่วยเข็นคุณแม่เพื่อนไปจากหน้าเกทจนถึงสายพานที่รับกระเป๋าเลยค่ะ พวกเราจะเข็นเองเค้าก็ไม่ยอมนะคะ ระหว่างทางพวกเรามีแวะห้องน้ำซึ่งก็ใช้เวลาพอสมควร จนพวกเราไปถึง ตม. ไม่เหลือคิวแล้วเพราะทุกคนออกไปหมดแล้วค่ะ 555 ก็ประทับใจกับบริการของคุณป้ามากๆ พอไปถึงสายพานรับกระเป๋าก็ย้ายมาให้วีลแชร์ของตัวเองแล้วโค้งคำนับขอบคุณคุณป้าอย่างเต็มที่ค่ะ
ขากลับฮาเนดะ-สุวรรณภูมิ
ก็ขั้นตอนคล้ายเดิม แต่พลาดนิดหน่อยตรงที่ว่าเราอยู่เช็คอินกับญาติเพื่อนจำนวนหนึ่งแล้วให้คุณแม่เพื่อนเข้าไปทานอาหารได้เลยเพราะดึกแล้วกลัวท่านจะหิว โดยลืมว่าเค้าต้องติดแทกที่วีลแชร์ก่อน ก็เดือดร้อนญาติเพื่อนต้องไปเอาวีลแชร์ลงมาให้เค้าติดแทก เพราะเค้าไม่ยอมให้เราเอาแทกไปติดเองค่ะ
มีคำศัพท์มาแชร์นิดนึงค่ะ รับวีลแชร์ที่สายพานคือ Belt รับที่หน้าเกทคือ Zip... อะไรสักอย่าง จำไม่ได้ค่ะ ใครทราบมาช่วยตอบได้นะคะ
ซึ่งจริงๆ เราแจ้งเจ้าหน้าที่ที่ฮาเนดะว่ารับที่สายพานเหมือนขามา แต่พอถึงสุวรรณภูมิวีลแชร์ของคุณแม่เพื่อนก็มารอหน้าเกทแล้วด้วยความรวดเร็ว
น่าจะเป็นระบบการทำงานที่คุ้นเคยของคนไทยว่า ให้เอาวีลแชร์ขึ้นมาก่อนเลย ทางเราก็เลยใช้วีลแชร์ของตัวเองแล้วเข็นคุณแม่ของเพื่อนไปเองก็สะดวกดีอีกแบบค่ะ เพราะตอนอยู่นาริตะจริงๆ ก็แอบเกรงใจคุณป้าที่ต้องมารอนานๆ ถ้าวีลแชร์มาเร็วแบบนี้ก็เลือกรับหน้าเกทดีกว่าสบายใจทั้งสองฝ่าย
เราไม่แน่ใจว่าสายการบินอื่นทำแบบไหนสำหรับผู้โดยสารวีลแชร์นะคะ แต่ก็แนะนำให้ใช้สายการบินที่เป็น Full Service น่าจะสะดวกกว่าค่ะ
3. ประกันการเดินทาง
พวกเราเลือกใช้ของ Sompo ค่ะ เพราะเห็นว่าไม่ต้องสำรองจ่าย แต่เค้าไม่รับทำให้ผู้ใช้วีลแชร์ คือตอนซื้อออนไลน์มันจะให้ติ๊กว่าเราสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ ไม่เป็นผู้ทุพพลภาพ เราก็เลยโทรถามว่ากรณีคุณแม่เพื่อนเราทำได้มั้ย เค้าก็แจ้งว่าไม่ได้ สอบถามไปอีกหลายที่ เช่น AXA Cigna MSIG ก็ไม่รับทำเช่นกันโดยมี 2 เหตุผลคือ อายุเกิน 75 ปี + ใช้วีลแชร์ สรุปไปได้ที่ Allianz นะคะ ก็ซื้อแยกเฉพาะของคุณแม่เพื่อนค่ะ อันนี้ไม่มีรีวิวการเคลมนะคะ แต่แนะนำให้ทำไปนะคะ Sompo ประมาณ 600 กว่าบาท Allianz ของคุณแม่เพื่อนประมาณพันนิดๆ ค่ะ
4. โรงแรม
โรงแรมในญี่ปุ่นบางที่จะมีห้องพักสำหรับผู้ใช้วีลแชร์โดยเฉพาะ ความต่างหลักๆ คือ ห้องสำหรับผู้ใช้วีลแชร์จะใหญ่กว่า ห้องน้ำไม่มีการแยกส่วน ไม่ต่างระดับ ประตูห้องน้ำและประตูห้องใหญ่กว่า เพื่อให้สะดวกกับผู้ใช้วีลแชร์ค่ะ ซึ่งจะมีแค่ 1-2 ห้องเท่านั้น ดังนั้นถ้าจะไปควรจองล่วงหน้านานๆๆๆๆๆ ของเราจองช่วงเดือน ม.ค. 62 ยังหาห้องสำหรับวีลแชร์เกือบไม่ได้ค่ะ ครั้งนี้พัก 2 ที่นะคะ
Hotel Mystays Fuji Resort
พักที่นี่ทั้งหมด 2 คืน ที่นี่มีห้อง Accessible Room สำหรับวีลแชร์โดยเพาะ แต่มีแค่ 1 ห้องเท่านั้นค่ะ ตอนที่จองคืนแรกห้องคุณแม่เพื่อนไม่ได้แบบ Accessible Room เพราะเต็มค่ะได้เฉพาะคืนที่สอง เราเลยแชทไปคุยกับโรงแรมว่าห้องธรรมดาเป็นยังไงวีลแชร์เข้าได้มั้ยซึ่งคนตอบน่าจะอยู่สำนักงานใหญ่ เค้าก็ช่วยเหลือดีมากประสานไปที่ฟูจิว่าห้องเป็นยังไง ก็ได้คำตอบมาว่าอาจจะไม่เหมาะเพราะทางเข้าแคบและประตูห้องน้ำต่างระดับแล้วเค้าก็ส่งรูปให้มาทางอีเมล แต่ด้วยความที่โรงแรมอื่นก็เต็มเพื่อนก็เลยตัดสินใจว่าไม่เป็นไรคืนแรกช่วยกันยกคุณแม่เข้าห้องน้ำเอาแล้วคืนที่สองค่อยย้ายไปห้องที่สะดวกกับวีลแชร์ ส่วนเราก็เข้าไปดูในเวบแทบจะทุกวันว่าห้อง Accessible Room มีคนยกเลิกมั้ย ซึ่งก็ไม่มีใครยกเลิกเลยค่ะจนวันสุดท้าย 555
แต่ว่าพอไปถึงจริงๆ ห้อง Comfort ห้องน้ำไม่ต่างระดับนะคะ วีลแชร์ก็สามารถเข้าได้ แต่อาจจะแคบไปหน่อย สุดท้ายคืนที่สองคุณแม่เพื่อนก็ไม่ได้ย้ายไปพักห้อง Accessible นะคะ เพราะขี้เกียจเก็บของใหม่ เลยไม่มีรีวิวห้อง Accessible ค่ะ แต่คาดว่าน่าจะสะดวกกว่าแน่นอน
อาหารเช้าที่โรงแรมนี้โอเคเลยค่ะ แต่บุฟเฟต์อาหารเย็นไม่แนะนำเลยนะคะ แพงมาก 3,500 เยน/คน พวกเราเลือกทานเฉพาะคืนแรกเพราะมาถึงค่ำแล้ว
ส่วนคืนที่สองหาทานเอง ร้านอาหารแถวโรงแรมมีเยอะค่ะ
Facility ด้านอื่นก็ดีค่ะ มีที่จอดรถฟรี ออนเซ็น Wifi มีชุดนอนให้ น้ำดื่ม 2 ขวด ประมาณนี้ค่ะ การเดินทางสะดวกสำหรับคนเช่ารถนะคะ อ้อ ไม่มีเบลบอยนะคะ ขนกระเป๋าเองค่ะ
ค่าใช้จ่าย
ช่วงที่เราไปเป็นเสาร์อาทิตย์พอดี ประกอบกับเป็นช่วงชมซากุระค่าที่พักเลยแพงมากค่ะ
5 ห้อง 2 คืน รวมอาหารเช้า 2 วัน อาหารเย็น 1 วัน รวม 323,560 เยนค่ะ
เราจองตรงผ่านเวบของโรงแรมนะคะ มีห้องให้เลือกมากกว่า Booking.com และได้ลด 5% ใส่ Code 5off ค่ะ
Solaria Nishitetsu Hotel Ginza
2 คืนสุดท้ายพักที่โตเกียวค่ะ เลือกโรงแรมที่ใกล้แหล่งชอปปิ้งและสถานีรถไฟใต้ดินที่มีทางออกแบบมีลิฟต์ที่ใกล้ที่สุดค่ะ
ในโตเกียวเราจะไม่เช่ารถแล้ว ใช้การเดินทางโดยรถไฟใต้ดินและเดินค่ะ โรงแรมนี้จองตรงในเวบเช่นกันเพราะถูกกว่า Booking.com แต่โรงแรมน่าจะใช้ระบบของ Booking.com ค่ะเพราะ Booking ที่ได้มามันเป็นของ Booking.com เลย โรงแรมนี้เราเคยพักแล้วจำได้ว่าห้องไม่แคบมากและห้องน้ำไม่ต่างระดับวีลแชร์น่าจะเข้าได้ พอเราระบุใน Special Request ว่ามีแขกวีลแชร์ ทางโรงแรมน่ารักมากแชทมาแจ้งว่าจะจองห้อง Universal ที่กว้างกว่าให้นะในราคาเดิม พอได้ห้องจริงก็กว้างกว่าห้องธรรมดามากๆ เลยค่ะ สะดวกกับวีลแชร์มาก เพราะปกติโรงแรมในโตเกียวจะเล็กอยู่แล้ว
โรงแรมนี้มีที่จอดรถ คิดคืนละ 2,000 เยน แต่ๆๆๆๆๆๆๆ รถสูงเกิน 1.55 เมตร จอดไม่ได้ คือจอดได้เฉพาะรถเก๋ง รถแบบที่เราเช่าจอดไม่ได้เพราะสูง 1.85 เมตร ซึ่งในเวบไม่ได้บอกรายละเอียดตรงนี้ ทีนี้พอขับรถไปถึงโรงแรมจะโหลดกระเป๋าลงเลยต้องจอดริมถนน ค่อนข้างทุลักทุเลค่ะ แต่ไม่ได้เป็นถนนใหญ่เลยพอไหว ที่นี่ก็เช่นกันไม่มีเบลบอยค่ะ
ค่าใช้จ่าย
5 ห้อง 2 คืน 360,000 เยน ค่ะ ไม่ได้ทานอาหารเช้า/เย็นค่ะ
ขอต่อเรื่องสถานที่ท่องเที่ยวและการใช้รถไฟใต้ดินในคอมเมนต์ถัดไปค่า ตัวอักษรเกินจะแล้ว
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้