สวัสดีเพื่อนๆ ทุกคนค่ะ พอดีเขียนประวัติฯ สเปนโพสต์เฟซฯ ก็เลยนำมาลงพันทิปด้วย
ประวัติศาสตร์สเปนย้อนไปได้ถึง 800,000 ปีก่อนคริสต์ศักราช แต่โพสต์นี้ขอกล่าวย้อนไปเพียง 200 – 300 ปีก่อนคริสต์ศักราช หรือ ประมาณ 2,200 -2,300 ปีก่อนเท่านั้น รายละเอียดค่อนข้างเยอะ แต่ก็จะกล่าวอย่างย่อๆ
ในครั้งนั้น ดินแดนที่เป็นประเทศสเปนในปัจจุบันเป็นถิ่นอาศัยของชาวอีเบโร (los íberos) และชาวเซลตา (los celtas) ซึ่งแบ่งเป็นเผ่าย่อยๆ และอาศัยกระจัดกระจายไปทั่วประเทศสเปน นอกจากนี้ ก็มีการผสมกลมกลืนกันระหว่างสองชนชาติ ทำให้เกิดเป็นชนชาติเซลตีเบโร (los celtíberos)
ในปีที่ 264 – 241 ก่อนคริสต์ศักราช ชาวคาร์เธจทำสงครามกับชาวโรมันที่เกาะซิซิลี ซึ่งเรียกว่าสงครามปูนิกครั้งที่ 1 ชาวคาร์เธจแพ้และบุกเข้ามาคาบสมุทรไอบีเรียเพื่อหาดินแดนมาชดเชยการพ่ายแพ้ (Iberia เป็นชื่อเรียกคาบสมุทรอันเป็นที่ตั้งประเทศสเปน ชาวกรีกเป็นผู้ริเริ่มการเรียกชื่อนี้) ในปีที่ 229 ก่อนคริสต์ศักราช ชาวคาร์เธจก่อตั้งเมืองการ์ตอาดัชต์ (Qart Hadasht หรือ Cartagena ในปัจจุบัน) ให้เป็นเมืองหลวงของอีสปันยา (Ispanya ชื่อที่ชาวคาร์เธจเรียกสเปน) ในปีที่ 219 ก่อนคริสต์ศักราช ชาวคาร์เธจก็โจมตีเมืองซากุนตุม (Saguntum) ซึ่งเป็นพันธมิตรกับชาวโรมัน ทำให้ชาวโรมันยกทัพมาดินแดนอิสปาเนีย (Hispania ชื่อที่ชาวโรมันเรียกประเทศสเปน) การรบครั้งนี้เรียกว่าสงครามปูนิกครั้งที่ 2 (ปีที่ 218 – 202 ก่อนคริสต์ศักราช) ชาวโรมันยึดเมืองการ์ตอาดัชต์ได้ในปีที่ 209 ก่อนคริสต์ศักราช และสามารถชนะเรื่อยมาจนจบสงคราม ประวัติศาสตร์สเปนกล่าวว่าทีแรกชาวโรมันเพียงต้องการจะรบกับชาวคาร์เธจ แต่ต่อมาก็ยกทัพเข้ามาสู้รบกับชาวพื้นเมืองเพื่อครอบครองอิสปาเนีย ซึ่งต้องใช้เวลาถึง 200 ปีจึงสามารถครอบครองได้ทั้งหมด
ในปีค.ศ. 409 อนารยชนเผ่าอลัน เผ่าซูเอวี และเผ่าแวนดัล มารุกรานดินแดนอิสปาเนีย ทำให้ชาวโรมันเริ่มสูญเสียดินแดน ต่อมา ชาววิซิกอธก็อพยพจากคาบสมุทรสแกนดิเนเวีย ผ่านเมืองต่างๆ ก็เข้าปล้น รวมถึงกรุงโรม เมืองหลวงของจักรวรรดิโรมัน ความจริงแล้ว อลารีโกที่ 1 (Alarico 1) ซึ่งเป็นกษัตริย์ของชาววิซิกอธ ต้องการนำพาชาววิซิกอธไปสร้างบ้านเมืองใหม่ในทวีปแอฟริกา แต่เสียชีวิตที่แม่น้ำบูเซนโต (Busento) ประเทศอิตาลีในปัจจุบัน อตาอุลโฟ (Ataúlfo) กษัตริย์องค์ต่อมานำพาชาววิซิกอธย้อนขึ้นไปทางเหนือ มีการต่อรองกับจักรพรรดิโฮโนเรียสเรื่องตัวประกันที่เป็นน้องสาวของจักรพรรดิ แต่ในปีค.ศ. 415 อตาอุลโฟหนีการไล่ล่าและนำพาชาววิซิกอธข้ามเทือกเขาพีเรนีสมาที่บาร์ซีโน (Barcino หรือ Barcelona ในปัจจุบัน)
จุดหักเหก็คือจักรพรรดิโฮโนเรียสต้องการให้ชาววิซิกอธกำจัดอนารยชนที่รุกรานอิสปาเนียตั้งแต่ปีค.ศ. 409 เพื่อแลกกับเสบียงในการข้ามน้ำไปแอฟริกา แต่เมื่อชาววิซิกอธกำจัดอนารยชนได้บางเผ่า จักรพรรดิโฮโนเรียสกลับให้ดินแดนแก่ชาววิซิกอธ ซึ่งก็คือทางใต้ของแคว้นโกล (ฝรั่งเศส) โดยในปีค.ศ. 418 มีการกระทำสนธิสัญญากับกษัตริย์บาเลีย (Walia กษัตริย์องค์ที่ 4) ในฐานะสหพันธรัฐกับโรม และเมืองหลวงของชาววิซิกอธก็คือตูลูส (ฝรั่งเศส) ต่อมา เมื่อจักรพรรดิโรมิวลุส ออกุสตุสแห่งจักรวรรดิโรมัน ถูกอนารยชนล้มล้างในปีค.ศ. 476 กษัตริย์เอวรีโกที่ 2 (Eurico II) องค์ที่ 8 ก็ประกาศอิสรภาพ ช่วงแรกๆ ชาววิซิกอธเข้ามาในอิสปาเนียเพื่อรบกับอนารยชนในนามของจักรวรรดิโรมันเท่านั้น ต่อมา ช่วงปีค.ศ. 560 กษัตริย์อตานาฆิลโด (Atanagildo) ย้ายเมืองหลวงมาที่โตเลโด (Toledo) ทางตอนกลางของสเปน
ในปีค.ศ. 711 กษัตริย์โรดรีโก (Rodrigo องค์ที่ 34) เผชิญกับกองทัพมุสลิม ซึ่งข้ามช่องแคบยิบรอลตาร์และนำโดยแม่ทัพตาริก (Tarik) ชาวมุสลิมชนะและสามารถครอบครองคาบสมุทรไอบีเรียได้ในเวลาไม่กี่ปี โดยมีเมืองหลวงอยู่ที่กอร์โดบา (Córdoba) ในปีค.ศ. 722 เปลาโย (Pelayo) ซึ่งเป็นชาววิซิกอธที่อัสตูเรียสท้าทายอำนาจของชาวมุสลิม ทำให้เกิดการปะทะกันระหว่างชาววิซิกอธและชาวอัสตูร์ฝ่ายหนึ่งกับชาวมุสลิมอีกฝ่ายหนึ่งที่เขาโกบาดองกา (monte Covadonga) แล้วเปลาโยก็เป็นฝ่ายชนะและก่อตั้งอาณาจักรอัสตูเรียส (reino de Asturias) ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนเหนือของคาบสมุทรไอบีเรีย ประวัติศาสตร์สเปนถือว่าเป็นการเริ่มต้นการพิชิตดินแดนคืน (La Reconquista) และเรียกกลุ่มชนที่ก่อตั้งอาณาจักรบนคาบสมุทรไอบีเรียว่าชาวคริสต์ (los cristianos) อาณาจักรของชาวคริสต์ที่เกิดขึ้นในเวลาต่อๆ มาคือ กัสตียา (Castilla) เลออน (León) นาบารา (Navarra) อรากอน (Aragón) และโปรตุเกส (Portugal) อาณาจักรคริสต์เหล่านี้ทำสงครามพิชิตดินแดนคืน และได้ดินแดนคืนเรื่อยๆ เช่น ปีค.ศ. 1085 ได้เมืองโตเลโดคืน ปีค.ศ. 1118 ได้เมืองซาราโกซา (Zaragoza) ปีค.ศ. 1236 ได้เมืองกอร์โดบาคืน ปีค.ศ. 1238 ได้เมืองบาเลนเซีย (Valencia) ปีค.ศ. 1248 ได้เมืองเซบียา (Sevilla) ปีค. ศ. 1485 ได้เมืองรอนดา (Ronda) ปีค.ศ. 1487 ได้เมืองมาลากา (Málaga) ปีค.ศ. 1492 ได้เมืองสุดท้ายคืน ซึ่งก็คือกรานาดา (Granada)
ตลอดระยะเวลาที่พิชิตดินแดนคืน มีเหตุการณ์ที่ทำให้อาณาจักรคริสต์รวมกันเป็นประเทศสเปน คือ ในปีค.ศ. 1230 อาณาจักรเลออนรวมตัวกับอาณาจักรกัสตียา (ทั้งสองอาณาจักรสืบทอดมาจากอาณาจักรอัสตูเรียส) ในปีค.ศ. 1469 ราชินีอีซาเบล (Isabel) แห่งกัสตียาสมรสกับกษัตริย์เฟร์นันโด (Fernando) แห่งอรากอน กษัตริย์ทั้งสององค์นี้เป็นที่รู้จักในนามกษัตริย์คาทอลิก (los Reyes Católicos) และเป็นผู้ที่พิชิตอาณาจักรกรานาดาจากชาวมุสลิม แล้วยังส่งเสริมการเดินเรือของโคลัมบัส แล้วในวันที่ 12 ตุลาคม ค.ศ. 1492 ก็ค้นพบดินแดนโลกใหม่ ซึ่งต่อมาก็ได้ชื่อว่าทวีปอเมริกา ต่อมา ในปีค.ศ. 1512 กษัตริย์เฟร์นันโดก็สามารถยึดอาณาจักรนาบารา แต่ก่อนหน้านั้น มีเหตุการณ์บางอย่างที่ทำให้โปรตุเกสได้แยกตัวออกไปเป็นอีกประเทศหนึ่ง ชื่อประเทศสเปนในภาษาสเปนคือ España (เอ็สป๊านหญะ) ซึ่งเป็นเสียงที่แผลงมาจากคำว่า Hispania ที่ชาวโรมันเรียก ความจริงแล้ว ประวัติศาสตร์สเปนยังไม่มีข้อตกลงว่าสมควรเรียกชื่อ España ตั้งแต่ช่วงไหน
จักรพรรดิการ์โลสที่ 1 แห่งสเปน หรือชาร์ลส์ที่ 5 แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ (ราชวงศ์ฮับส์เบิร์ก) ซึ่งเป็นหลานของกษัตริย์คาทอลิก เสด็จจากฟลานเดอร์ ประเทศเบลเยี่ยมมาที่โตเลโดในปีค.ศ. 1516 เพื่อครอบครองดินแดน ทำให้เมืองโตเลโดเป็นเมืองหลวงของสเปน แต่ในปีค.ศ. 1561 กษัตริย์เฟลีเปที่ 2 (Felipe) ก็ย้ายเมืองหลวงจากโตเลโดมามาดริด (Madrid) ต่อมา ในปีค.ศ. 1700 กษัตริย์การ์โลสที่ 2 (Carlos II) เสด็จสวรรคตโดยไม่มีรัชทายาท ทำให้เกิดสงครามสืบราชบัลลังก์ที่ยืดเยื้อจนถึงปีค.ศ. 1713 โดยที่เจ้าชายเฟลีเปแห่งอังฌู (Felipe de Anjou) จากฝรั่งเศส (ราชวงศ์บูร์บง) ได้ครอบครองบัลลังก์สเปนเป็นกษัตริย์เฟลีเปที่ 5 ทำให้ราชวงศ์บูร์บงได้ครองบัลลังก์สเปนสืบต่อมา เพียงแต่ในช่วงที่สเปนถูกปกครองโดยนายพลฟรังโก (Franco) ระบอบกษัตริย์ได้ถูกระงับ แล้วได้รับการฟื้นฟูในปีค.ศ. 1975 โดยที่กษัตริย์ฆวน การ์โลสที่ 1 (Juan Carlos I) ได้เป็นกษัตริย์ ต่อมา ในปีค.ศ. 1978 สเปนก็เขียนรัฐธรรมนูญที่ใช้ปกครองประเทศจนถึงปัจจุบัน ในปีค.ศ. 2014 กษัตริย์ฆวน การ์โลสสละราชบัลลังก์ให้พระโอรส ทำให้เจ้าชายเฟลีเปได้เป็นกษัตริย์เฟลีเปที่ 6 (Felipe VI)
ทางด้านดินแดนโลกใหม่ก็คือสเปนได้ครอบครองเป็นอาณานิคมระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 16 – 19 แต่เมื่อสถานการณ์สุกงอม ดินแดนอาณานิคมต่างๆ ก็ทยอยประกาศอิสรภาพ และในที่สุด ในปีค.ศ. 1898 สเปนก็แพ้สงครามกับสหรัฐอเมริกา ทำให้สูญเสียคิวบา เปอร์โตริโก และฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นอาณานิคม 3 แห่งสุดท้าย
ประวัติศาสตร์สเปน
ประวัติศาสตร์สเปนย้อนไปได้ถึง 800,000 ปีก่อนคริสต์ศักราช แต่โพสต์นี้ขอกล่าวย้อนไปเพียง 200 – 300 ปีก่อนคริสต์ศักราช หรือ ประมาณ 2,200 -2,300 ปีก่อนเท่านั้น รายละเอียดค่อนข้างเยอะ แต่ก็จะกล่าวอย่างย่อๆ
ในครั้งนั้น ดินแดนที่เป็นประเทศสเปนในปัจจุบันเป็นถิ่นอาศัยของชาวอีเบโร (los íberos) และชาวเซลตา (los celtas) ซึ่งแบ่งเป็นเผ่าย่อยๆ และอาศัยกระจัดกระจายไปทั่วประเทศสเปน นอกจากนี้ ก็มีการผสมกลมกลืนกันระหว่างสองชนชาติ ทำให้เกิดเป็นชนชาติเซลตีเบโร (los celtíberos)
ในปีที่ 264 – 241 ก่อนคริสต์ศักราช ชาวคาร์เธจทำสงครามกับชาวโรมันที่เกาะซิซิลี ซึ่งเรียกว่าสงครามปูนิกครั้งที่ 1 ชาวคาร์เธจแพ้และบุกเข้ามาคาบสมุทรไอบีเรียเพื่อหาดินแดนมาชดเชยการพ่ายแพ้ (Iberia เป็นชื่อเรียกคาบสมุทรอันเป็นที่ตั้งประเทศสเปน ชาวกรีกเป็นผู้ริเริ่มการเรียกชื่อนี้) ในปีที่ 229 ก่อนคริสต์ศักราช ชาวคาร์เธจก่อตั้งเมืองการ์ตอาดัชต์ (Qart Hadasht หรือ Cartagena ในปัจจุบัน) ให้เป็นเมืองหลวงของอีสปันยา (Ispanya ชื่อที่ชาวคาร์เธจเรียกสเปน) ในปีที่ 219 ก่อนคริสต์ศักราช ชาวคาร์เธจก็โจมตีเมืองซากุนตุม (Saguntum) ซึ่งเป็นพันธมิตรกับชาวโรมัน ทำให้ชาวโรมันยกทัพมาดินแดนอิสปาเนีย (Hispania ชื่อที่ชาวโรมันเรียกประเทศสเปน) การรบครั้งนี้เรียกว่าสงครามปูนิกครั้งที่ 2 (ปีที่ 218 – 202 ก่อนคริสต์ศักราช) ชาวโรมันยึดเมืองการ์ตอาดัชต์ได้ในปีที่ 209 ก่อนคริสต์ศักราช และสามารถชนะเรื่อยมาจนจบสงคราม ประวัติศาสตร์สเปนกล่าวว่าทีแรกชาวโรมันเพียงต้องการจะรบกับชาวคาร์เธจ แต่ต่อมาก็ยกทัพเข้ามาสู้รบกับชาวพื้นเมืองเพื่อครอบครองอิสปาเนีย ซึ่งต้องใช้เวลาถึง 200 ปีจึงสามารถครอบครองได้ทั้งหมด
ในปีค.ศ. 409 อนารยชนเผ่าอลัน เผ่าซูเอวี และเผ่าแวนดัล มารุกรานดินแดนอิสปาเนีย ทำให้ชาวโรมันเริ่มสูญเสียดินแดน ต่อมา ชาววิซิกอธก็อพยพจากคาบสมุทรสแกนดิเนเวีย ผ่านเมืองต่างๆ ก็เข้าปล้น รวมถึงกรุงโรม เมืองหลวงของจักรวรรดิโรมัน ความจริงแล้ว อลารีโกที่ 1 (Alarico 1) ซึ่งเป็นกษัตริย์ของชาววิซิกอธ ต้องการนำพาชาววิซิกอธไปสร้างบ้านเมืองใหม่ในทวีปแอฟริกา แต่เสียชีวิตที่แม่น้ำบูเซนโต (Busento) ประเทศอิตาลีในปัจจุบัน อตาอุลโฟ (Ataúlfo) กษัตริย์องค์ต่อมานำพาชาววิซิกอธย้อนขึ้นไปทางเหนือ มีการต่อรองกับจักรพรรดิโฮโนเรียสเรื่องตัวประกันที่เป็นน้องสาวของจักรพรรดิ แต่ในปีค.ศ. 415 อตาอุลโฟหนีการไล่ล่าและนำพาชาววิซิกอธข้ามเทือกเขาพีเรนีสมาที่บาร์ซีโน (Barcino หรือ Barcelona ในปัจจุบัน)
จุดหักเหก็คือจักรพรรดิโฮโนเรียสต้องการให้ชาววิซิกอธกำจัดอนารยชนที่รุกรานอิสปาเนียตั้งแต่ปีค.ศ. 409 เพื่อแลกกับเสบียงในการข้ามน้ำไปแอฟริกา แต่เมื่อชาววิซิกอธกำจัดอนารยชนได้บางเผ่า จักรพรรดิโฮโนเรียสกลับให้ดินแดนแก่ชาววิซิกอธ ซึ่งก็คือทางใต้ของแคว้นโกล (ฝรั่งเศส) โดยในปีค.ศ. 418 มีการกระทำสนธิสัญญากับกษัตริย์บาเลีย (Walia กษัตริย์องค์ที่ 4) ในฐานะสหพันธรัฐกับโรม และเมืองหลวงของชาววิซิกอธก็คือตูลูส (ฝรั่งเศส) ต่อมา เมื่อจักรพรรดิโรมิวลุส ออกุสตุสแห่งจักรวรรดิโรมัน ถูกอนารยชนล้มล้างในปีค.ศ. 476 กษัตริย์เอวรีโกที่ 2 (Eurico II) องค์ที่ 8 ก็ประกาศอิสรภาพ ช่วงแรกๆ ชาววิซิกอธเข้ามาในอิสปาเนียเพื่อรบกับอนารยชนในนามของจักรวรรดิโรมันเท่านั้น ต่อมา ช่วงปีค.ศ. 560 กษัตริย์อตานาฆิลโด (Atanagildo) ย้ายเมืองหลวงมาที่โตเลโด (Toledo) ทางตอนกลางของสเปน
ในปีค.ศ. 711 กษัตริย์โรดรีโก (Rodrigo องค์ที่ 34) เผชิญกับกองทัพมุสลิม ซึ่งข้ามช่องแคบยิบรอลตาร์และนำโดยแม่ทัพตาริก (Tarik) ชาวมุสลิมชนะและสามารถครอบครองคาบสมุทรไอบีเรียได้ในเวลาไม่กี่ปี โดยมีเมืองหลวงอยู่ที่กอร์โดบา (Córdoba) ในปีค.ศ. 722 เปลาโย (Pelayo) ซึ่งเป็นชาววิซิกอธที่อัสตูเรียสท้าทายอำนาจของชาวมุสลิม ทำให้เกิดการปะทะกันระหว่างชาววิซิกอธและชาวอัสตูร์ฝ่ายหนึ่งกับชาวมุสลิมอีกฝ่ายหนึ่งที่เขาโกบาดองกา (monte Covadonga) แล้วเปลาโยก็เป็นฝ่ายชนะและก่อตั้งอาณาจักรอัสตูเรียส (reino de Asturias) ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนเหนือของคาบสมุทรไอบีเรีย ประวัติศาสตร์สเปนถือว่าเป็นการเริ่มต้นการพิชิตดินแดนคืน (La Reconquista) และเรียกกลุ่มชนที่ก่อตั้งอาณาจักรบนคาบสมุทรไอบีเรียว่าชาวคริสต์ (los cristianos) อาณาจักรของชาวคริสต์ที่เกิดขึ้นในเวลาต่อๆ มาคือ กัสตียา (Castilla) เลออน (León) นาบารา (Navarra) อรากอน (Aragón) และโปรตุเกส (Portugal) อาณาจักรคริสต์เหล่านี้ทำสงครามพิชิตดินแดนคืน และได้ดินแดนคืนเรื่อยๆ เช่น ปีค.ศ. 1085 ได้เมืองโตเลโดคืน ปีค.ศ. 1118 ได้เมืองซาราโกซา (Zaragoza) ปีค.ศ. 1236 ได้เมืองกอร์โดบาคืน ปีค.ศ. 1238 ได้เมืองบาเลนเซีย (Valencia) ปีค.ศ. 1248 ได้เมืองเซบียา (Sevilla) ปีค. ศ. 1485 ได้เมืองรอนดา (Ronda) ปีค.ศ. 1487 ได้เมืองมาลากา (Málaga) ปีค.ศ. 1492 ได้เมืองสุดท้ายคืน ซึ่งก็คือกรานาดา (Granada)
ตลอดระยะเวลาที่พิชิตดินแดนคืน มีเหตุการณ์ที่ทำให้อาณาจักรคริสต์รวมกันเป็นประเทศสเปน คือ ในปีค.ศ. 1230 อาณาจักรเลออนรวมตัวกับอาณาจักรกัสตียา (ทั้งสองอาณาจักรสืบทอดมาจากอาณาจักรอัสตูเรียส) ในปีค.ศ. 1469 ราชินีอีซาเบล (Isabel) แห่งกัสตียาสมรสกับกษัตริย์เฟร์นันโด (Fernando) แห่งอรากอน กษัตริย์ทั้งสององค์นี้เป็นที่รู้จักในนามกษัตริย์คาทอลิก (los Reyes Católicos) และเป็นผู้ที่พิชิตอาณาจักรกรานาดาจากชาวมุสลิม แล้วยังส่งเสริมการเดินเรือของโคลัมบัส แล้วในวันที่ 12 ตุลาคม ค.ศ. 1492 ก็ค้นพบดินแดนโลกใหม่ ซึ่งต่อมาก็ได้ชื่อว่าทวีปอเมริกา ต่อมา ในปีค.ศ. 1512 กษัตริย์เฟร์นันโดก็สามารถยึดอาณาจักรนาบารา แต่ก่อนหน้านั้น มีเหตุการณ์บางอย่างที่ทำให้โปรตุเกสได้แยกตัวออกไปเป็นอีกประเทศหนึ่ง ชื่อประเทศสเปนในภาษาสเปนคือ España (เอ็สป๊านหญะ) ซึ่งเป็นเสียงที่แผลงมาจากคำว่า Hispania ที่ชาวโรมันเรียก ความจริงแล้ว ประวัติศาสตร์สเปนยังไม่มีข้อตกลงว่าสมควรเรียกชื่อ España ตั้งแต่ช่วงไหน
จักรพรรดิการ์โลสที่ 1 แห่งสเปน หรือชาร์ลส์ที่ 5 แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ (ราชวงศ์ฮับส์เบิร์ก) ซึ่งเป็นหลานของกษัตริย์คาทอลิก เสด็จจากฟลานเดอร์ ประเทศเบลเยี่ยมมาที่โตเลโดในปีค.ศ. 1516 เพื่อครอบครองดินแดน ทำให้เมืองโตเลโดเป็นเมืองหลวงของสเปน แต่ในปีค.ศ. 1561 กษัตริย์เฟลีเปที่ 2 (Felipe) ก็ย้ายเมืองหลวงจากโตเลโดมามาดริด (Madrid) ต่อมา ในปีค.ศ. 1700 กษัตริย์การ์โลสที่ 2 (Carlos II) เสด็จสวรรคตโดยไม่มีรัชทายาท ทำให้เกิดสงครามสืบราชบัลลังก์ที่ยืดเยื้อจนถึงปีค.ศ. 1713 โดยที่เจ้าชายเฟลีเปแห่งอังฌู (Felipe de Anjou) จากฝรั่งเศส (ราชวงศ์บูร์บง) ได้ครอบครองบัลลังก์สเปนเป็นกษัตริย์เฟลีเปที่ 5 ทำให้ราชวงศ์บูร์บงได้ครองบัลลังก์สเปนสืบต่อมา เพียงแต่ในช่วงที่สเปนถูกปกครองโดยนายพลฟรังโก (Franco) ระบอบกษัตริย์ได้ถูกระงับ แล้วได้รับการฟื้นฟูในปีค.ศ. 1975 โดยที่กษัตริย์ฆวน การ์โลสที่ 1 (Juan Carlos I) ได้เป็นกษัตริย์ ต่อมา ในปีค.ศ. 1978 สเปนก็เขียนรัฐธรรมนูญที่ใช้ปกครองประเทศจนถึงปัจจุบัน ในปีค.ศ. 2014 กษัตริย์ฆวน การ์โลสสละราชบัลลังก์ให้พระโอรส ทำให้เจ้าชายเฟลีเปได้เป็นกษัตริย์เฟลีเปที่ 6 (Felipe VI)
ทางด้านดินแดนโลกใหม่ก็คือสเปนได้ครอบครองเป็นอาณานิคมระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 16 – 19 แต่เมื่อสถานการณ์สุกงอม ดินแดนอาณานิคมต่างๆ ก็ทยอยประกาศอิสรภาพ และในที่สุด ในปีค.ศ. 1898 สเปนก็แพ้สงครามกับสหรัฐอเมริกา ทำให้สูญเสียคิวบา เปอร์โตริโก และฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นอาณานิคม 3 แห่งสุดท้าย