[อุทาหรณ์สอนใจ] มหากาพย์ : ยกสตอว์เบอร์รี่มาทั้งสวนคงไม่พอ !

สวัสดีค่ะ ขออนุญาตแทนตัวเองว่าเรา และแทนคู่กรณีว่าคุณ A นะคะ
เรากับคุณ A รู้จักกันได้เพราะว่าลูกสาวเราคบกับลูกชายของเค้าค่ะ
เราจะขอเล่าเรื่องมหากาพย์แบบม้วนเดียวจบเลยนะคะ
เพื่อให้ทุกท่านที่เข้ามาอ่านเข้าใจง่ายขึ้น เราจะเรียงลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่เริ่มจนถึงปัจจุบันค่ะ

เริ่มเลยนะคะ

มีนาคม 2561
     ช่วงนั้นเป็นช่วงปิดเทอมใหญ่ของลูกสาวเราค่ะ คุณ A ได้ชวนลูกสาวเราไปอยู่บ้านเค้า (ปกติลูกสาวเราอยู่หอใกล้มหาลัย) เพื่อไม่ให้มนุษย์แม่อย่างเราเป็นห่วง ลูกสาวจึงแจ้งเราไว้ และด้วยเหตุนั้น เราจึงขอนัดทานข้าวกับคุณ A เพื่อทำความรู้จักกันค่ะ
     ประมาณเกือบๆ กลางเดือน ลูกเราได้ไปเที่ยวเชียงใหม่กับครอบครัวคุณ A ค่ะ โดยมีผู้ชายของคุณ A เป็นคนขับรถให้ แต่ปัญหาก็เกิดขึ้น เมื่อคุณ A ทะเลาะกับคนขับรถ ผู้ชายคนนั้นได้ทิ้งรถ + คุณ A และลูกๆ ไว้ที่โรงแรมค่ะ ลูกเราโทรมาเล่าให้เราฟัง ด้วยความเป็นห่วงลูก เราจึงทำการจองตั๋วเครื่องบินไปเชียงใหม่ เพื่อขับรถพาครอบครัวคุณ A และลูกเรากลับกรุงเทพค่ะ
     ในขณะที่กำลังกลับกรุงเทพ คุณ A มีอาการตกเลือดรุนแรง (เลือดไหลไม่หยุดตลอดทาง ต้องแวะเปลี่ยนผ้าอนามัยแทบทุกปั๊ม ตอนแรกเข้าใจว่าประจำเดือนมา) พอถึงกรุงเทพ คุณ A ได้ให้เราไปช่วยพยุงออกจากห้องน้ำ พอเราเห็นเลือด เราเลยมั่นใจว่าไม่ใช่ประจำเดือนแบบปกติ แต่เป็นการตกเลือด เพราะเพื่อนเราเคยเป็นแบบนี้มาก่อน เราขับรถพาคุณ A ไปโรงพยาบาลทันที โดยคุณ A ได้นอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล 3 คืน และค่าใช้ในการรักษาครั้งนั้น เราออกให้ก่อนค่ะ เพราะคุณ A บอกว่า เดี๋ยวพี่ชายจะโอนเงินมาให้
     หลังจากออกจากโรงพยาบาล คุณ A โดนผู้ชายที่ขับรถพาไปเชียงใหม่ตามรังควานค่ะ คุณ A จึงตัดสินใจขายรถคันนั้นเพื่อตัดปัญหา และนำเงินมาคืนเรา พร้อมทั้งให้ค่าเสียเวลามาค่ะ

ทุกท่านคงสงสัยว่า ทั้งๆ ที่เพิ่งรู้จักกัน แต่ทำไมเราใจดี จ่ายค่ารักษาให้ก่อน ?
     โดยปกติแล้ว เราไม่ใช่คนที่ชอบช่วยเหลือเรื่องเงินกับคนอื่นค่ะ เรารู้สึกว่ามันยุ่งยากวุ่นวาย แต่ที่เราตัดสินใจช่วยคุณ A เป็นเพราะวันที่เรานัดทานข้าว คุณ A ได้เล่าเรื่องต่างๆ มากมายเลยค่ะ ด้วยความที่เราสงสาร และเห็นว่าชีวิตมีแต่คนเอาเปรียบ เราจึงยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือเค้าค่ะ (ภายหลังทราบว่า ทุกเรื่องที่คุณ A เล่ามา เป็นเรื่องโกหกแทบทั้งหมดค่ะ)

เมษายน 2561
     ทุกอย่างเป็นไปตามปกติค่ะ เราไปหาลูกทุกอาทิตย์ และก็ถือว่าเป็นการไปเยี่ยมคุณ A ด้วย มีการหลอกเอาเงินเกิดขึ้น โดยคุณ A อ้างว่าจะนำไปจ่ายค่าภาษีค่ะ แต่เราก็ยังไม่ได้เอะใจอะไร เพราะทุกครั้งจะมีรูปภาพส่งมารายงานทางไลน์เสมอ

พฤษภาคม 2561
     คุณ A ได้คืนเงินจากที่หลอกไปตอนเดือนเมษายน แม้จะผิดนัดจากวันที่บอกว่าจะคืน แต่เค้าก็คืน ซึ่งเราก็ไม่ได้ติดใจอะไรค่ะ

มิถุนายน 2561
     มีการหลอกอีกครั้ง โดยคุณ A อ้างว่าจะนำไปเคลียร์ปัญหาเรื่องเงินที่ไม่สามารถเอาออกจากธนาคารสีเขียวได้ค่ะ (ที่เราให้ เพราะเราไม่ได้คิดอะไร คิดแค่ว่า เค้าคงจะมีคืนเหมือนครั้งก่อนๆ เลยตัดสินใจให้อีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้ เป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดที่สุด .. โดนหลอกโดยสมบูรณ์)

กรกฎาคม - พฤศจิกายน 2561
     มีการหลอกเอาเงินเรื่อยๆ โดยคุณ A อ้างว่าแค่อาทิตย์เดียวบ้างล่ะ / ธนาคารบอกถอนเงินได้วันนี้บ้างล่ะ ซึ่งเราก็เชื่อ และอยากให้ปัญหาของคุณ A จบ เราจึงช่วยเรื่อยๆ จนพี่ชายคุณ A ให้ทนายมาดำเนินเรื่องเอกสาร เพราะคิดว่าเรื่องจะคืบหน้าได้เร็วกว่า โดยให้คุณ A มอบฉันทะให้ทนาย (แต่ ! ที่จริงแล้ว ไม่มีทนายที่ไหนทั้งนั้นค่ะ ... เราโดนหลอก)
   เรื่องเหมือนจะไปได้สวยนะ จนกระทั่งเดือนพฤศจิกายน ... เมื่ออดีตสามีคุณ A (ตัวปลอม) (ซึ่งเรามาทราบภายหลังว่าคุณ A ปลอมเฟซบุ๊กเป็นอดีตสามีตัวเองค่ะ) แจ้งยอดเงินมาทางข้อความในเฟซบุ๊กคุณ A ว่า คุณต้องจ่ายภาษีอีก x,xxx,xxx บาทนะ ถึงจะนำเงินออกไปได้ (ต้องยอมรับค่ะว่า เราไม่มีความรู้เรื่องการโยกเงินจากต่างประเทศมาที่ธนาคารประเทศไทย ไม่รู้เรื่องภาษีการนำเงินเข้ามา เราเลยเชื่อข้อความที่อดีตสามีคุณ A (ตัวปลอม) แจ้งมาค่ะ) และทำการช่วยคุณ A หาเงินค่าภาษี (ซึ่งความจริงแล้ว ไม่ใช่ค่าภาษีอะไรทั้งสิ้นค่ะ จนตอนนี้ เราก็ไม่รู้ว่าเงินเราหายไปกับค่าอะไรกันแน่)

ทุกท่านที่อ่านมาถึงตรงนี้ คงมีคำถามอีกว่า แล้วทำไมถึงกล้าให้ ?
     เราไปอยู่บ้านคุณ A ตั้งแต่ช่วงเดือนกันยายนค่ะ เพราะตอนนั้นเงินที่คุณ A หลอกไป ค่อนข้างเยอะแล้ว และเราได้หาข้อมูลว่าคุณ A สามารถหาเงินมาคืนเราได้นะ (ซึ่งข้อมูลที่เราได้มาเป็นข้อมูลเท็จค่ะ !  โดยคุณ A บอกว่าคุณ A มีบ้านอยู่ที่ต่างประเทศ เป็นเจ้าของบ้านเลยด้วย หากขายได้จะรีบนำเงินมาคืนเราทันที ซึ่งความจริงแล้ว คุณ A เป็นแค่ผู้อาศัยเท่านั้นค่ะ)

ทำไมถึงเชื่อว่าคุณ A มีเงิน แต่ไม่สามารถนำเงินออกมาได้ ?
     ทุกท่านรู้จักแอพธนาคารปลอมกันมั้ยคะ ? นั่นแหละค่ะ คุณ A นำยอดเงินจากแอพธนาคารปลอมให้เราดู และเล่าให้ฟังว่า ที่เค้ามีเงินเยอะขนาดนี้ (หลักร้อยล้านค่ะ) เพราะเค้าชนะคดีฟ้องหย่าจากต่างประเทศ (ภายหลัง เราได้คุยกับอดีตสามี (ตัวจริง) ของคุณ A เลยทราบความจริงหลายเรื่องเลยค่ะ โดยเราจะขอชี้แจงไว้ตรงช่วงไทม์ไลน์ที่เรารู้ความจริงนะคะ)

ธันวาคม 2561
     คุณ A มีกำหนดการที่จะต้องบินไปประเทศนั้นตอนสิ้นเดือนค่ะ โดยเพื่อนที่ประเทศนั้นซื้อตั๋วเครื่องบินให้ แต่จนแล้วจนเล่า คุณ A ก็ไม่ไปค่ะ (ติดผู้ชายคนใหม่) และส่งรูปตัดต่อตั๋วเครื่องบินมาให้เราดูค่ะ ซึ่งดูแว้ปเดียวก็รู้แล้วว่าเป็นรู้ตัดต่อ และคุณ A ยังได้โกหกเจ้าหนี้คนอื่นอีกว่า ที่เค้าออกนอกประเทศไม่ได้ เพราะเราขโมย Passport เค้าค่ะ)

มกราคม - กุมภาพันธ์ 2562
     ต้นเดือนมกราคม คุณ A ทำการปลอมเฟซบุ๊กอดีตสามี (จริงๆ ก็ปลอมตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2561 นั่นแหละค่ะ) และทักมาหาเรา (ตอนนั้นเราเชื่อแบบสนิทใจเลย และแชทคุยกันตลอด โดยคุณตัวปลอมก็พิมพ์เข้าข้างคุณ A สุด ว่าคุณ A มีเงินจริงๆ นะ คุณ A ไม่ได้หลอกเรา และพอเราไม่เชื่อ คุณตัวปลอมก็ด่าเราค่ะ 555+) คุณ A เหมือนจะยอมบินไปประเทศนั้นซักที (แต่ไปจริงหรือเปล่า ก็ไม่ทราบนะคะ เพราะคุณ A ชอบไปสนามบินเพื่อไปถ่ายรูป / Live สดเพื่อตบตาคนอื่น ... แล้วก็กลับบ้าน) แต่ก็ยังไม่คืบหน้าเรื่องเงิน ยังผลัดวันไปเรื่อยๆ เหมือนเดิม โดยบอกว่าตกเลือดอีกแล้ว กำลังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล EFG (นามสมมุติ) และได้ส่งรูปเก่ามาให้ดูค่ะ (ที่รู้ว่าเป็นรูปเก่า เพราะปัจจุบันคุณ A ทำตา แต่ในรูปยังไม่ได้ทำค่ะ)

มีนาคม - เมษายน 2562
     คุณ A ได้ส่งข้อความมาบอกว่าให้ทนาย (ทนายอีกแล้ว) ทำเรื่องส่งเงินคืนให้แล้วนะ โดยมีการส่งรูปมาให้ดูว่าเค้าก็โอนเงินแบบเวสเทิร์นให้ลูกเค้าที่อยู่ที่ไทยใช้เหมือนกัน (รอบแรกวันที่ 25/03 และรอบที่ 2 คือ 02/04 ที่ผ่านมา ... ซึ่งเป็นรูปตัดต่อทั้งคู่ค่ะ) และยังส่งข้อความไปหาลูกสาวเรา ให้ลูกสาวเราช่วยมาคุยกับเราเรื่องให้ยกเลิกการฟ้องศาล เพราะเค้าสามารถหาเงินมาคืนได้แน่นอน เพียงแต่ขอให้รอ (รอมาจะเป็นปีแล้วจ้า)
     เพื่อนของคุณ A ได้ทำการไปเยี่ยมคุณ A ที่โรงพยาบาล EFG ตามที่คุณ A เคยแจ้งไว้ แต่เมื่อไปถึง ทั้งคุณหมอ และคุณพยาบาลกลับไม่มีใครรู้เรื่องซักคนเลยค่ะ (คุณ A บอกว่ารักษาตัวอยู่ในห้องปลอดเชื้อ เข้าเยี่ยมไม่ได้ คุณหมอไม่ให้นำโทรศัพท์เข้าไป แต่ที่คุณ A ตอบแชทได้ เพราะคุณ A แอบนำเข้าไปด้วย ... คุณหมอต้องโง่มากแน่ๆ เลยค่ะ ^^)
   จากข้อมูลที่ได้คุยกับอดีตสามี (ตัวจริง) ของคุณ A นะคะ 1.VISA ของคุณ A หมดไปตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2561 และไม่น่าจะมีคนการันตีให้กลับไปค่ะ 2.คุณ A ได้ทำการหลอกเอาเงินอดีตสามีมาเป็นจำนวนมาก และยังไม่ได้คืน โดยอดีตสามีคุณ A ได้รูปใบการโอนเงินให้ดูเยอะมากๆ 3.มีการใช้แอพธนาคารปลอม,เอกสารปลอม,เฟซบุ๊กปลอม,ข้อความ Sms ปลอม โดยที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ เราได้ทำการตรวจเช็คเรียบร้อยแล้ว และมีพยานหลักฐานทั้งหมดค่ะ
     เราได้ส่งรูปภาพข้อความการสนทนากับอดีตสามีตัวจริงให้คุณ A ดู เพื่อให้เค้ารู้ตัวว่าเรารู้ความจริงทั้งหมดแล้ว โดยคุณ A ตอบกลับมาแค่ว่า เรื่องอื่นไม่คุย ไม่ต้องส่งมาให้ดู คุยแค่เรื่องเงินพอ #แบบนี้ก็ได้เนอะคนเรา ^^
     คุณ A ได้ขอให้เรารอจนถึงเมื่อวานค่ะ แต่พอถึงเมื่อวานก็บอกว่าอาทิตย์หน้า ซึ่งเราคิดว่าก็คงวนลูปเดิมๆ อีก เราจึงตัดสินใจนำเรื่องราวมาแชร์ลงบนพันทิปค่ะ

     จริงๆ แล้วยังมีดีเทลยิบย่อยอีกมาก แต่ส่วนใหญ่ก็ล้วนเป็นคำโกหกของคุณ A ค่ะ มีการเอาเราไปพูดใส่ร้ายว่าที่เราคบเค้า เพราะหวังประโยชน์ ทั้งๆ ที่ตลอดเวลาที่เรารู้จักกัน เราไม่เห็นจะได้ประโยชน์อะไรจากเค้าซักอย่าง มีแต่ช่วยเหลือทุกครั้งที่เค้าเดือดร้อน / เอาลูกสาวเราไปพูดในทางที่เสียๆ หายๆ ว่าไปทำลูกเค้าหมดอนาคต เพราะลูกเค้าไม่บินกลับไปเรียนต่อ ซึ่งเหตุผลที่ลูกเค้าไม่บินกลับไปเรียนต่อ เพราะเค้าหาเรื่องทะเลาะกับอดีตสามี ซึ่งในตอนนั้นตัวคุณ A มีผู้ชายคนใหม่ และไม่ให้ลูกเค้ากลับไปเองค่ะ ลูกเราคบกับลูกเค้าตั้งแต่ก่อนที่ลูกเค้าจะบินกลับมาไทย มันไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่ลูกเราต้องไปรั้งลูกเค้าไว้หรือห้ามไม่ให้เค้ากลับไปค่ะ

     สุดท้าย อยากฝากให้ทุกท่านที่เข้ามาอ่าน ช่วยกันแชร์เพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้กับหลายๆ คนค่ะว่า กับคนบางคน แม้เราจะจริงใจกับเค้าแค่ไหน คนเหล่านั้นก็ไม่เห็นค่า แถมยังใช้ความจริงใจของเรามาหลอกเราเพื่อหาผลประโยชน์อีก ... สำหรับเราแล้ว บทเรียนครั้งนี้ เป็นบทเรียนราคาแพงมาก แพงที่สุดในชีวิตที่เราต้องจำไปจนวันตายเลยค่ะ (กล้าพูดเลยว่า อยู่มา 51 ปี ไม่เคยเจอคนประเภทนี้เลยจริงๆ)

ขอบคุณที่อ่านจนจบนะคะ
ขอบคุณทุกกำลังใจ ทุกคำแนะนำ และเรายินดีที่จะรับคำติชม ณ ที่นี้ค่ะ

เนื่องจากมีหลายความเห็นที่เป็นห่วงเรื่องลูกสาวเรา
เราขอชี้แจงดังนี้ค่ะ .. ลูกสาวเรากลับหอตั้งแต่พฤษภาคม 2561 ซึ่งตอนนั้นเรื่องยังไม่บานปลายขนาดนี้ค่ะ
และลูกเรารับรู้เรื่องราวทั้งหมดตอนกันยายน 2561

ลูกชายคุณ A มีความเป็นสุภาพบุรุษค่ะ ซึ่งเราได้เห็นอะไรหลายๆ อย่างจากตัวเค้า เราเลยไม่กีดกันเค้า 2 คนค่ะ 
แม่ไม่ดี ไม่ได้แปลว่าลูกจะไม่ดีตามค่ะ ถ้าจะมีเรื่องต้องเลิกกัน เราก็ไม่อยากให้เค้าเลิกกันเพราะปัญหาของผู้ใหญ่ค่ะ

ขอบคุณอีกครั้งค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่