ตลาดทุนทิ้งมาเลย์ ริงกิตสิ้นความน่าเชื่อถือ
เงินริงกิตเป็นสกุลเงินที่มีความเคลื่อนไหวย่ำแย่ที่สุดของเอเชีย ตรงกันข้ามกับเงินบาทของประเทศไทยที่มีแนวโน้มดีที่สุดในเอเชีย
ล่าสุดสถานการณ์ของริงกิตและความเชื่อถือของนักลงทุนต่อเศรษฐกิจของมาเลเซียยิ่งเลวร้ายลง เมื่อ FTSE Russell ของตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน (LSE) เผยว่า จะถอนพันธบัตรมาเลเซียออกจากดัชนีพันธบัตรรัฐบาล (FTSE World Government Bond Index) เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับสภาพคล่องในตลาด ทำให้สกุลเงินและพันธบัตรมาเลเซียไร้เสถียรภาพ
วินสัน พูน หัวหน้าฝ่ายวิจัยตราสารหนี้ของ Maybank Kim Eng Securities Ltd กล่าวกับสำนักข่าวบลูมเบิร์กว่า“ ความเสี่ยงในการตัดพันธบัตรมาเลเซียออกจากดัชนีหลัก ดูเหมือนว่าจะมีความเป็นไปได้มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ เว้นแต่ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงขั้นพื้นฐาน เพื่อปรับปรุงระดับการเข้าถึงตลาดของมาเลเซีย"
Morgan Stanley ชี้ว่า ท่าทีดังกล่าวของตลาดทุนชั้นนำของโลก ยิ่งทำให้เกิดแรงกดดันต่อตลาดหุ้นของมาเลเซีย เพราะขณะนี้ดัชนีหุ้นมาเลเซียมีผลงานต่ำกว่ามาตรฐานตลาดหุ้นทั่วโลกในปีนี้ หากมาเลเซียหลุดจากดัชนี FTSE มูลค่าการถอนตัวจากพันธบัตรอาจสูง 8,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
กระแสความคาดหวังในแง่บวกเกี่ยวกับหุ้นของมาเลเซียได้จางหายไป หลังจากผ่านไปเกือบหนึ่งปีนับตั้งแต่นายกรัฐมนตรีมหาเธร์ โมฮัมหมัดชนะการเลือกตั้งในเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว สาเหตุที่กระแสบวกหายกลายเป็นกระแสลบ ก็เพราะรัฐบาลชุดใหม่ยังไม่สามารถจัดกับกับปัญหาหนี้สินที่รัฐบาลก่อนได้ก่อขึ้น
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ของ Morgan Stanley เผยว่า นักลงทุนต่างชาติลดการถือพันธบัตรรัฐบาลมาเลเซียลงตั้งแต่ปลายปี 2559 และเมื่อเดือนมีนาคม มูลค่าการลงทุนในพันธบัตรมาเลเซียอยู่ที่ประมาณ 37,000 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ
ขณะที่เงินบาท เป็นสกุลเงินที่มีความเคลื่อนไหวดีที่สุดในเอเชียเมื่อที่แล้ว บลูมเบิร์กยังคาดการณ์ว่าเงินบาท จะยังคงเป็นสกุลที่แข็งค่าที่สุดและมีอนาคตสดใสที่สุดในปีนี้อีกด้วย อันเป็นผลมาจากพื้นฐานเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง
https://www.posttoday.com/world/586632
มาเลเซียแย่แล้ว ตลาดทุนทิ้งมาเลย์ ริงกิตสิ้นความน่าเชื่อถือ
เงินริงกิตเป็นสกุลเงินที่มีความเคลื่อนไหวย่ำแย่ที่สุดของเอเชีย ตรงกันข้ามกับเงินบาทของประเทศไทยที่มีแนวโน้มดีที่สุดในเอเชีย
ล่าสุดสถานการณ์ของริงกิตและความเชื่อถือของนักลงทุนต่อเศรษฐกิจของมาเลเซียยิ่งเลวร้ายลง เมื่อ FTSE Russell ของตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน (LSE) เผยว่า จะถอนพันธบัตรมาเลเซียออกจากดัชนีพันธบัตรรัฐบาล (FTSE World Government Bond Index) เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับสภาพคล่องในตลาด ทำให้สกุลเงินและพันธบัตรมาเลเซียไร้เสถียรภาพ
วินสัน พูน หัวหน้าฝ่ายวิจัยตราสารหนี้ของ Maybank Kim Eng Securities Ltd กล่าวกับสำนักข่าวบลูมเบิร์กว่า“ ความเสี่ยงในการตัดพันธบัตรมาเลเซียออกจากดัชนีหลัก ดูเหมือนว่าจะมีความเป็นไปได้มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ เว้นแต่ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงขั้นพื้นฐาน เพื่อปรับปรุงระดับการเข้าถึงตลาดของมาเลเซีย"
Morgan Stanley ชี้ว่า ท่าทีดังกล่าวของตลาดทุนชั้นนำของโลก ยิ่งทำให้เกิดแรงกดดันต่อตลาดหุ้นของมาเลเซีย เพราะขณะนี้ดัชนีหุ้นมาเลเซียมีผลงานต่ำกว่ามาตรฐานตลาดหุ้นทั่วโลกในปีนี้ หากมาเลเซียหลุดจากดัชนี FTSE มูลค่าการถอนตัวจากพันธบัตรอาจสูง 8,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
กระแสความคาดหวังในแง่บวกเกี่ยวกับหุ้นของมาเลเซียได้จางหายไป หลังจากผ่านไปเกือบหนึ่งปีนับตั้งแต่นายกรัฐมนตรีมหาเธร์ โมฮัมหมัดชนะการเลือกตั้งในเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว สาเหตุที่กระแสบวกหายกลายเป็นกระแสลบ ก็เพราะรัฐบาลชุดใหม่ยังไม่สามารถจัดกับกับปัญหาหนี้สินที่รัฐบาลก่อนได้ก่อขึ้น
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ของ Morgan Stanley เผยว่า นักลงทุนต่างชาติลดการถือพันธบัตรรัฐบาลมาเลเซียลงตั้งแต่ปลายปี 2559 และเมื่อเดือนมีนาคม มูลค่าการลงทุนในพันธบัตรมาเลเซียอยู่ที่ประมาณ 37,000 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ
ขณะที่เงินบาท เป็นสกุลเงินที่มีความเคลื่อนไหวดีที่สุดในเอเชียเมื่อที่แล้ว บลูมเบิร์กยังคาดการณ์ว่าเงินบาท จะยังคงเป็นสกุลที่แข็งค่าที่สุดและมีอนาคตสดใสที่สุดในปีนี้อีกด้วย อันเป็นผลมาจากพื้นฐานเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง
https://www.posttoday.com/world/586632