เที่ยวญี่ปุ่นฉบับไม่มีล่าม ทริป 5 วันเอาคุ้ม ตอน 4 - โรงแรมสกี Sunbird และสกีครั้งแรกในชีวิต!


(สามารถอ่านวีรกรรมของผมตอนไปปี 2017 ได้ที่นี่ฮะ - https://ppantip.com/topic/38496564)

ตอนแรก - https://ppantip.com/topic/38757510

ตอนสอง - https://ppantip.com/topic/38757554

ตอนสาม - https://ppantip.com/topic/38757595

สำหรับทริปในวันที่ 3 - 4 นี้ ถือได้ว่าเป็นทริปที่ผมชื่นชอบ และมีความสุขมากที่สุดด้วย เพราะว่าจะเป็นการพบกับหิมะครั้งแรกในชีวิต คนอื่นอาจไม่ชอบหนาว แต่ผมชอบหนาว และยิ่งหลงรักมากขึ้นไปอีก

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
ซึ่งอันนี้ผมเข้าใจว่า หลายคนไม่ชอบหนาว ทางบ้านผมก็ได้บอกมาตลอดว่า หิมะมันอันตราย เจอหิมะก็จะหนีกลับเข้าไปแล้ว เห็นในหนังสวยๆ แบบนั้นมีแต่คนเกลียด ฯลฯ

แต่ผมไปเจอจริงๆ แล้วไม่คิดแบบนั้นแฮะ


สำหรับรอบวันนี้จะไม่ได้ตื่นเช้าเท่าเมื่อวาน ตอนลงมาเช็คเอ้าท์ ก็เจอแขกของโรงแรมได้ลงมาทานอาหารกัน แน่นอนว่าฝั่งทางผมก็ได้ขอ Pick up หรือเอาออกไปเหมือนเดิม (จะต้องติดต่อทางเจ้าหน้าที่โรงแรมก่อนทุกครั้งนะครับ) และเนื่องจากพวกผมได้จ่ายเงินไปแล้ว จึงได้เดินตัวปลิวออกไปเลย


หลังจากที่ผมมีประสบการณ์ออกไปนอกเมืองแล้วในรอบปี 2017 หลังจากที่มีเพื่อนอีกคนไปด้วยกัน ผมจึงรู้แล้วว่าจะไปยังไง สำหรับการนั่งซินคันเซนไปนอกเมืองนั้น หลังจากเข้าไปในสถานีอุเอโนะแล้ว ก็แค่เดินชิดขวาไปตรงที่เขียนว่า ซินกันเซน ซึ่งเป็นจุดที่จะไปขึ้นซินกันเซนไปนอกเมืองโดยเฉพาะ ผมใช้ GOGLE MAP ดูเอาว่าเราจะต้องไปขึ้นที่ชานชาลาไหน

ก่อนหน้านี้ผมจะมีปัญหาเรื่องการอ่านชื่อขบวนรถไฟตรงป้ายด้านบนเพราะไม่มีภาษาอังกฤษ แต่หลังจากที่ผมคุ้นชินแล้วก็มองออกได้ว่าจะต้องมองชื่อขบวนรถไฟตรงไหน เพียงแต่ว่าด้านล่างที่จะเป็นชื่อเมืองหรือหมายเหตุนั้นจะยังอ่านไม่ออกอยู่ดี


อาหารเช้าที่พวกผม Pick up มา เบิ้ลอย่างละ 2 เหมือนเดิม


สำหรับการเดินทางวันที่ 3 นี้ จะไปยัง Jomo-Kogen เพื่อไปยังโรงแรมที่อยู่ติดกับลานสกี อยู่ในเมืองมินาคามิ ซึ่งซินกันเซนที่พาไปนั้นเอาจริงๆ แล้วง่ายมากๆ เพราะใช้ขบวนรถไฟเดียวกันกับที่ไปยังอิจิโกะ ยุซาว่า หรือไป GALA YUSAWA นั่นเอง เพียงแต่ว่าพวกผมนั้นจะต้องลงก่อนก็เท่านั้น และเมื่อลงมาแล้ว จะเจอกับตุ๊กตามาสคอสของเมืองกุมมะอย่าง กุมมะซัง ออกมาต้อนรับเราทันที

สถานีนี้เมื่อเทียบกับ อิจิโกะ ยุซาว่าแล้ว จะแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดก็คือ รูปแบบของสถานีจะไม่เหมือนที่อิจิโกะ ยุซาว่า เพราะที่นู่นมีของขายที่ระลึกอย่างมาก มีร้านอาหารเยอะ แถมยังมีป้ายบอกทางภาษาไทยอีกด้วย แต่ที่นี้คือไม่มีเลย (ภาษาอังกฤษบางจุดยังไม่มีเลยจ้า)


ส่วนตัวผมแอบคาดหวังนิดนึงว่ามาแล้วจะต้องเจอหิมะแบบกองเต็มหน้าสถานี เพราะอ่านรีวิวมา มีหลายคนที่มาตอนหน้าหนาว เจอหิมะแบบกองเต็มหน้าสถานี แต่พอไปถึงแล้วกลับไม่เจอเลย เลยคิดในใจห่อเหี่ยวว่า ไหนล่ะ หิมะเค้าอ่ะ!!

โรงแรมที่พวกผมไปพักนั้นจะมีบริการรถบัสมารับและไปส่งให้ ตอนแรกๆ ก็งงๆ ว่าจะต้องไปขึ้นตรงไหนหรือมารึยังเพราะไม่มีใครมายืนถือป้ายบอก แต่พอลองออกไปเดินดู ก็เจอรถบัสจอดอยู่สองคัน พอไปเดินดูใกล้ๆ ก็เจอชื่อโรงแรม Sunbird Hotel แปะอยู่ข้างรถ ซึ่งก็แปลว่า คงใช่แล้วล่ะ คุณลุงเขาพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ แต่เหมือนคุณลุงจะเข้าใจและสื่อสารกับพวกเราได้ดี (รึเปล่าก็ไม่แน่ใจ เพราะผมเข้าใจว่าคุณลุงต้องการให้เราเช็คว่าใช่เรารึเปล่า ชื่อแขกคนอื่นที่จะไปด้วยเป็นคนไทยหรือคนไต้หวัน รวมไปถึงผมเข้าใจว่าจะต้องเอากระเป๋าขึ้นไปวางบนรถด้วยน่ะนะ หรือเพราะว่าผมเริ่มชินกับภาษาญี่ปุ่นทั้งๆ ที่ฟังไม่ออกแล้วก็ไม่รู้)

มีเรื่องชวนหวาดเสียวหลังจากขึ้นรถบัสไปแล้วก็คือ คุณลุงคนขับเหมือนจะเผลอไปเหยียบคันเร่งรถ ทำให้รถพุ่งไปข้างหน้าแล้วผมที่นั่งถือกล้องอยู่ เกือบกระแทกไปโดนที่จับด้านหน้า ตอนนั้นคือแบบ รีบเก็บกล้องทันทีเลยครับ 5555 (เกือบโดนสุดๆ) แต่เข้าใจว่าเป็นอุบัติเหตุ เลยไม่ได้อะไรกันมากครับ


เส้นทางที่รถบัสพาไป เห็นภูเขาไกลๆ มีสีขาวเต็มไปหมด ต้องเป็นหิมะแน่นอน!


ความตื่นเต้นของผมมีมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเริ่มเห็นสีขาวๆ ข้างทาง ใช่แล้ว นั่นคือหิมะแน่นอน!


หิมะในจินตนาการของผมก็คือ หิมะจะต้องดูนุ่มๆ ไม่เหมือนมาซเมลโล่วก็ต้องเหมือนกับพวกแป้ง (?) ซึ่งแน่นอนว่าผมที่ไม่เตยเห็นหิมะมาตลอด 30 ปี ก็นึกไม่ออกว่าหิมะจะหน้าตาเป็นยังไง แม้ว่าจะเคยไปเล่นในเมืองหิมะของดรีมเวิร์ล แต่อันนั้นก็คือนํ้าแข็งแห้ง ผมก็บอกไม่ถูกว่าอันนั้นใช่ของจริงรึเปล่า และพอเห็นในหนังอย่างหนังธีมคริสมาสต์ที่จะมีโปรยปรายลงมาสวยๆ ผมก็คิดว่ามันนุ่ม


และก็มาถึงที่หมายปลายทางแล้ว สิ่งแรกที่ผมเห็นได้ทันทีเมื่อเดินลงมาจากรถบัสตรงที่จอดรถก็คือ.... สีดำ ใช่ครับ พื้นนํ้าแข็ง (หรืออดีตหิมะ) ตรงที่มีรถจอดเยอะๆ เป็นสีดำปี๋ อารมณ์เหมือนกับพวกดินโคลนหลังจากฝนตกมาหนักๆ แน่นอนว่าเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วเพราะหิมะตกลงมาที่ดินก็ต้องสกปรก แต่ก็ทำให้ผมนึกถึงข่าวที่มีคนไทยเอานํ้าแดงไปราดใส่หิมะแล้วเอามาถ่ายโชว์กัน ผมก็แจ่มแจ้งได้ในทันทีเลยว่า หิมะของจริง โคตรสกปรกที่แท้ทรู


เอามือถือออกมาเช็คอุณหภูมิ ปรากฎว่า 5 องศา ความหนาวในระดับที่ว่า..... โคตรชอบ แน่นอนว่าผมก็ไมได้ชอบระดับจะออกไปถอดเสื้อหรือตากลมข้างนอกนานๆ แน่ แต่ผมไม่ได้รู้สึกหนาวอะไรขนาดนั้น (จะเห็นได้ว่าผมยังไม่สวมถุงมือเลย) นี่อาจเป็นความหนาวที่สุดที่ผมเคยเจอมาละในชีวิต แต่ก็แอบสงสัยเหมือนกันว่า 5 องศา แต่หิมะก็ยังอยู่ได้น่ะนะ


สำหรับโรงแรมที่พวกผมมาพักนั้นคือ Hotel Sunbird ซึ่งเป็นโรงแรมที่ได้เลือกมาเนื่องจากก่อนเดินทาง ทราบข่าวว่าจะมีโปรโมชั่นเด็ดสำหรับคนไทย เดิมทีนั้นผมจะไปยังคุซัตซึออนเซ็นเพราะอยากไปแช่ออนเซ็น แต่เห็นว่าระยะทางเดินทางไกลมากและจะไม่คุ้มเวลาเหนื่อย เลยเปลี่ยนแผนไป Taragawa ที่เด่นเรื่องออนเซ็นกลางแจ้ง (ด้วยราคาที่เจอก็คือ 5 พันกว่าบาท) แต่พอมีโปรโมชั่นนี้มาปุ๊บ ได้ยกเลิกทันทีเลยครับ ถามว่าทำไมเอาที่นี่ ด้วยเหตุผลต่างๆ ดังนี้


- สถานที่นั้นไม่ได้ห่างจาก TARAGAWA ONSEN เท่าไหร่ (เอาจริงคือใช้เวลาขับรถก็ 5 นาที)

- มีออนเซ็นกึ่งกลางแจ้ง แต่เป็นแบบส่วนตัว ที่มี 11 ห้องให้เลือก แปลว่าเข้าไปแช่ได้คนเดียวก็ได้ ถ่ายรูปก็ได้เต็มที่

- มีสกีพร้อมอุปกรณ์ให้ครบ

- ทั้งหมดนี้ ราคาถูกกว่า TARAGAWA

ทั้งหมดนี้ได้ในราคา 16,000 เยน / คน หรืออยู่ที่เงินไทยประมาณ 4,600 บาท

ดังนั้นตามแผนของผมก็คือ จะไปฝึกเล่นสกีที่นี่ก่อนที่จะไปยัง GALA วันรุ่งขึ้น แต่นั่นแหละที่ทำให้ผิดแผน เนื่องจากผมไม่เคยเล่นสกีมาก่อน ประกอบกับ 2 วันแรกของการเดินทางมันเหนื่อยมาก เลยทำให้ผิดแผนไปจากเดิม

แต่ถึงจะผิดแผน แต่ก็ได้เล่นอย่างคุ้มค่าแหละนะ


หลังจากเช็คอินและเอาของไปฝากกันแล้ว พวกผมจึงได้ไปเอาอุปกรณ์เล่นสกี (ได้มาครบเลย ทั้งอุปกรณ์เล่นและเสื้อ) แต่ด้วยจากกว่าจะเจรจากับพนักงานโรงแรมเสร็จ (เพราะตามแผนเดิมคือ พวกผมจะขอออกจากโรงแรมก่อนเวลารถบัส เพื่อไปขึ้นรถบัสสาธารณะ แต่พนักงานคุยอังกฤษไม่ได้ ต่างฝ่ายต่างใช้ Google ในการช่วยกันแปล แต่สุดท้ายก็คือล้มเลิกแผนนั้นน่ะนะ) พวกผมจึงได้เดินทางไปกินอาหารเที่ยวกันก่อน โดยมีร้านอาหารที่มีทั้งข้าวและราเม็งอยู่ (ตอนแรกๆ ผมเข้าใจว่าเป็นจุดที่เอาของเล่นสกีน่ะนะ)


ที่นี้เป็นแบบตู้หยอดซื้อเอาคูปองแต่มีภาษาอังกฤษแปะบอกให้ ราคาก็แบบกลางๆ ของมาตราฐานญี่ปุ่น คือไม่แพงไปและไม่ถูกไป


ของผมสั่งมาเป็นโซยุราเม็ง เพราะมาที่นี่ยังไม่ได้กินโซยุเลย และผลก็คือ เค็มโคตรๆ เค็มกว่าที่กินจากเจ้าอื่นอีก (ถึงหมูซาซูจะอร่อยก็เถอะ) แต่เพื่อนสั่งนํ้าซุปกระดูกหมู ก็บอกว่าอร่อย


หลังจากกินเสร็จทีนี้ก็เตรียมตัวเล่นกันล่ะครับ อุปกรณ์ที่เขามีมาให้นั้นจะมีทั้งเสื้อ + กางเกง + หมวกไหมพรม (ตอนแรกๆ ผมจะใส่หมวกที่ผมเอามา แต่คุณลุงตรงที่ให้เช่า เขาให้มาด้วยเลย) และแว่นตากันลม (ซึ่งวันแรกก็ไม่ได้ใช้เล้ย) แน่นอนว่าเอาถุงมือมาให้ด้วย

(และนั้นทำให้ถุงมือที่ผมอุตส่าห์ซื้อจากไทยมา 350 บาท ไม่ได้ใช้งานเลยตลอดทริป -0- )


อันนี้จะเป็นเส้นทางสกีของลานสกีแห่งนี้ คำแนะนำสำหรับมือใหม่นะครับว่า ให้เล่นเฉพาะเส้นสีชมพูทางซ้ายเท่านั้น อย่าไปเล่นที่อื่นนะ ไม่งั้นจะเป็นแบบผม (เกิดอะไรขึ้น รออ่านนะครับ)


การเล่นสกีถามว่าเล่นยากไหม โดยส่วนตัวผมแล้ว ถ้าจะมาเล่นจริง อย่างน้อยควรมีพื้นฐานมาก่อนครับ หลักการบางคนอาจจะคิดว่าคล้ายกับสเก็ตนํ้าแข็ง แต่จริงๆ แล้วไม่เหมือนกัน เพราะสเก็ตนํ้าแข็งจะต้อง "ยก" เท้าขึ้นมา แต่สกีนั้น "จะไม่มีการยก เพราะจะไถลไปเลย" ส่วนเหตุผลที่ผมเล่นสกี ไม่ใช่สโนว์บอร์ด เพราะว่าอย่างน้อย สกีจะมีไม้สต๊อก (มีที่เห็นในรูป) คอยช่วยชีวิตเราได้ แต่ที่แตกต่างจากสโนว์บอร์ดก็คือ หากเราล้ม สโบว์บอร์ดจะล้มง่ายกว่านั่นเอง

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
ถ้าจะให้เอาชัวร์ ผมแนะนำให้ไปฝึกเรียนก่อนครับ สำหรับในไทยจะมีที่ฝึกเรียนสกีอยู่ที่เดียว คือ SKI365 จะอยู่ตรงฟิวเจอร์รังสิต ถ้าไปกันสองคน ฝึก 4 ชั่วโมง จะอยู่ที่ 8,300 บาท (มีครูฝึกช่วย) แน่นอนว่ามัน "แพง" แต่ถ้ามาฝึกเรียนที่นี่ จะฝึกกัน 2 ชั่วโมง และจะแพงกว่า ถ้าจะฝึกเรียนกับหิมะจริง แนะนำให้ไปตรง GALA YUZAWA จะถูกกว่า อย่างไรก็ตาม เวลาเรียนที่ GALA จริงๆ จะได้แค่ชั่วโมงครึ่ง เพราะจะรวมเวลาในการเดินไปจุดเรียนด้วยนั่นแหละครับ พวกผมต้องการแบบเอาให้พร้อมที่สุดก็เลยไปเรียน ซึ่งสกีนั้นผมไม่ได้กะแบบเล่นโหดๆ แบบที่เห็นนักกีฬาจริงๆ เล่น ผมอยากจะเล่นแบบสายชมวิวมากกว่า
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่