(สามารถอ่านวีรกรรมของผมตอนไปปี 2017 ได้ที่นี่ฮะ -
https://ppantip.com/topic/38496564)
ตอนแรก -
https://ppantip.com/topic/38757510
อย่างที่ผมเกริ่นไปตอนแรกว่า ทริปนี้จากเดิมที่ควรจะเป็นทริปประหยัด ไปแบบถูกๆ แต่ไปๆ มาๆ ดันกลายเป็นทริปที่จะเอาให้คุ้มไปซะงั้น
ซึ่งมันจะเริ่มต้นจากไอ้วันแรกเนี่ยแหละครับ
โดยปกติแล้วสำหรับคนที่ไปเที่ยวนั้น มักจะเอาของไปเก็บโรงแรมกันวันแรก และก็อาจจะมีเที่ยวชิลๆ กันแถวๆ ที่พักถูกไหมครับ? แต่ของผมเปล่า เพราะลงจากเครื่องบิน พวกผมก็จะหาเรื่องไปเที่ยวกันแล้ว อารมณ์เหมือนพวกผมมาด้วยรถทัวร์อย่างไรอย่างนั้นเลย
ที่แรกที่จะไปนั่นก็คือ โตเกียวดิสนีย์ซีครับ
ผมไปโตเกียว 3 ครั้ง แต่ไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่ได้ไปสวนสนุกดิสนีย์แลนด์ ด้วยเหตุผลว่าผมไม่ได้ไปเที่ยวสวนสนุกมานานมาก (เกือบ 20 ปีได้) ก็นึกภาพไม่ออกว่าตัวเองที่อายุก็เริ่มเยอะแล้วจะไปสนุกได้ยังไง แต่ถามว่าเป็นแฟนดิสนีย์ไหม? ใช่ครับ ก็เป็นแฟนดิสนีย์ด้วย และอีกเรื่องที่ยังไม่กล้าไปนั่นก็คือ กลัวไปเองไม่ได้ เพราะตอนที่ผมไปครั้งแรก และไปงาน Tokyo Game Show (สถานที่จัดงานจะไปทางเดียวกันกับดิสนียแลนด์) ซึ่งปรากฎว่าเส้นทางที่ไปนั้นดูงง ผมเลยกลัวที่จะไปคนเดียว
(เหตุผลก็เพราะว่า ตอนนั้นพักกันในเส้น JR สีเขียว ไม่ได้อยู่ในเส้นหลัก)
แต่ด้วยการที่พวกผมอยู่กันที่สนามบิน มันจะมีรถบัสที่จะไปสวนสนุกดิสนีย์แลนด์ได้เลย แต่ปัญหาก็คือ เที่ยวรถบัสที่จะไปยังดิสนีย์แลนด์เที่ยวแรกสุดนั้นก็คือ 8.05 น. แต่เที่ยวบินของผมนั้นลงตอน 7.15 น. เรียกได้ว่าโคตรแข่งกับเวลา
ซึ่งสุดท้ายก็คือ... ไม่ทันครับ 5555
นั่นเพราะว่ากว่าจะออกจาก ตม. ก็เกือบ 8 โมงแล้ว และพวกผมต้องรีบทำเวลาลงไปซื้อ Tokyo Wide Pass หรือบัตรเบ่งกันก่อน ซึ่งโดยปกตินั้นผมจะไปซื้อตรง JR EAST TRAVEL SERVICE CENTER หรือตรงร้านสีแดง แต่ปรากฎว่าเขายังไม่เปิด ทีนี้ล่ะก็งงละว่า ตกลงจะซื้อได้ไม่ได้กันแน่ เลยเดินไปถามตรงเค้าเตอร์ประชาสัมพันธ์ เขาก็ชี้มาทางที่เค้าเตอร์สีฟ้า
เค้าเตอร์สีฟ้าก็ชี้ไปอีกฝั่ง ซึ่งก็คือ Ticket Office สามารถซื้อได้ที่นี่เลย ตอนนั้นผมได้ถามคุณลุงที่เป็นเจ้าหน้าที่ (ภาษาอังกฤษ) ว่า จะจองรถ Super View ของเมือง คาวาสุ ได้เลยไหม (เพราะเป็นแผนที่จะไปวันพรุ่งนี้) คุณลุงบอกว่า ต้องจองแบบวันต่อวัน
.... จริงดิ??
แต่ถ้าคุณลุงบอกมาแบบนี้ก็ช่วยไม่ได้ ก็เลยไม่ได้เอะใจอะไร ก็เลยรีบรับพาสแล้วเดินออกมา (เพราะคนต่อแถวเยอะ) แล้วก็เดินขึ้นไปซื้อตั๋วรถบัสไปดิสนีย์แลนด์ก่อน
สำหรับตั๋วรถบัสนั้น สามารถซื่อได้ตรง Airport Limousine ซึ่งตำแหน่งจะอยู่ด้านหน้าของที่ออกมจากศุลกากรเลยครับ (คือเดินออกมาจะเจอเลย) ตั๋วจะอยู่ที่ราคา 1,800 เยน (550 บาท) ราคาจะพอๆ กับนั่งรถ สกายไรเนอร์ เข้าไปยังเมืองโตเกียว แต่เนื่องจากผมเสียเวลาซื้อพาส และกว่าจะออกจาก ตม มาได้ ทำให้ไม่ทันรอบ 8.05 น. และจำเป็นต้องรอรอบเวลา 8.45 น. ไปครับ
เหตุผลว่าทำไมผมถึงไม่ไปซื้อพาสในอีกวัน นั่นเพราะว่ากลัวว่าจะไม่ทันเวลา และผมก็ไม่รู้ว่าจะใช้เวลาออกมาจากดิสนีย์แลนด์ตอนกี่โมง ก็เลยซื้อไว้ก่อนเพื่อเอาชัวร์ แต่สำหรับคนไหนที่มีแผนจะไปดิสนีย์แลนด์จากสนามบินเลย ถ้าออกมาจากศุลกากรได้ก่อน 8 โมง ให้รีบไปซื้อแล้วพุ่งออกไปได้เลยครับ
และนี่คือเหตุผลที่ผมช้า (และลืมกระเป๋าเป้ที่มาเลเซียตอนเปลี่ยนเครื่อง) คือกระเป๋ามันเยอะมากนั่นเอง lol
สำหรับการไปขึ้นรถบัสไปดิสนีย์แลนด์นั้น จะต้องไปรอรอบัสที่ 12 ครับ
อุณหภูมิตอนที่ผมไปถึงนั้นจะอยู่ที่ 9 องศา ซึ่งถ้าเป็นคนอื่นก็จะบอกว่าหนาวมาก เพื่อนผมยังทนไม่ไหว ถึงกับเปลี่ยนเสื้อกันหนาว เอาตัวที่หนากว่าเอามาใส่เลยทีเดียว แต่สิ่งที่ผมทำก็คือ... ถอดเสื้อกันหนาวครับ
ไม่ได้อวดดีอะไรนะครับ เพียงแต่ว่า มันร้อนมากกกกก ร้อนจนแบบว่าเหงื่อชุ่มเสื้อกันหนาวจนเปียกหมดเลย เหตุผลเพราะตรงด่าน ตม. นั้น คนเยอะมาก แล้วตรงนั้นมันร้อนมากนั้นเอง
อย่างที่บอกก็คือ ผมเป็นคนไม่ถูกกับอากาศร้อนเนี่ยแหละ เหงื่อผมเลยออกง่ายมาก
สำหรับรถที่จะไปยังดิสนีย์แลนด์นั้นก็จะเป็นรถบัส มีที่เก็บกระเป๋าให้ ดังนั้นคนที่ลากกระเป๋า (หรือมาแบบโอเว่อร์โอวังแบบผม) ก็สบายใจได้ เพราะคนขับรถจะช่วยเอากระเป๋าเก็บให้ในท้องรถด้วย (แหงล่ะ จ่ายไปตั้ง 550 บาท) ส่วนตัวเราก็เดินชิลๆ ขึ้นไปบนรถได้เลยครับ
ประสบการณ์การนั่งรถบัสครั้งแรกในญี่ปุ่น (ครั้งแรกจริงๆ นะ) ก็เป็นอะไรที่แปลกใหม่สำหรับผมเหมือนกัน เพราะเหมือนได้นั่งดูการจราจรและการขับรถของคนประเทศเกาะด้วย สิ่งที่ผมเห็นก็คือ คนขับรถใช้ความเร็วเฉลี่ยอยู่ที่ 100 ตลอดไม่เคยมีเกินไปถึง 110 เลย (มีเร่งความเร็วก็คือตอนแซงรถ) ผมก็สังเกตรถที่เขาขับกันบนถนนปกติที่อารมณ์ดูแล้วคล้ายๆ มอเตอร์เวย์บ้านเรา
ไม่มีพวกขับแช่ขวา ไม่มีพวกขับปาดไปปาดมา ตรงจุดก่อสร้างก็มีป้ายบอกให้ระวังอย่างชัดเจนและบอกในระยะทางแบบว่าบอกเนิ่นไกลเอามากๆ สำคัญคือ ไม่เจอคนขับรถบนไหล่ทางเลยแม้แต่คันเดียว แม้ว่าจะเจอรถติดเยอะก็ตาม
หลังจากนั่งรถมาชั่วโมงนึง รถก็มาจอดตรงหน้าสถานีรถไฟ ซึ่งสิ่งที่พวกผมต้องทำนั่นก็คือ หาตู้ล็อคเกอร์เก็บของซะ ซึ่งตอนนี้ผมไม่ยอมเสียเวลาไปอธิบายกับทีมงานญี่ปุ่นแบบภาษามือ เพราะผมใช้ Google แปลภาษาแล้วเอาให้เขาอ่านเลย แต่ทว่า หลังจากที่รู้ตำแหน่งของตู้ล็อคเกอร์แล้ว ผมเจอปัญหาอยู่สองอย่าง
อย่างแรกเลยคือ ตู้ล็อคเกอร์นั้น อยู่ชั้นล่างจากทางออกสถานีรถไฟ และไม่มีลิฟต์หรือบันไดเลื่อน (อันนี้ถือว่าแจ้งให้ทราบนะครับว่า ท่านจะต้องยกกระเป๋าขึ้น - ลงแน่นอน)
และอย่างที่สองก็คือ เนื่องจากพวกผมซื้อตั๋วรถบัสออกมาจากสนามบินแล้วมาเลย เลยไมได้เอาเงินซื้อของอะไรที่มีเงินทอนออกมาเป็นเหรียญเลย
พวกผมไม่มีเงินหยอดสำหรับตู้ล็อคเกอร์!! ตู้แลกเหรียญก็ไม่มี!!
ผมเลยฝากกระเป๋าไว้กับเพื่อน แล้วก็รีบขึ้นไปขอแลกเหรียญกับเจ้าหน้าที่สถานีรถไฟ ซึ่งไม่มีใครยอมให้แลกเหรียญ ในเมื่อสถานีรถไฟไม่ให้ความร่วมมือ ผมก็ต้องวิ่งไปหาร้านค้าต่างๆ เพื่อขอแลกเหรียญ
แต่ไม่มีร้านค้าไหนเลย ยอมให้ผมแลกเหรียญได้!!
ถามว่าอร่อยไหม.... อร่อยเพราะมันแพงครับ!! น้อยใจมากนะเนี่ย เงินทอนเขาก็มีเ ทำไมไม่ยอมแลกเหรียญให้เราเลย!!
แต่ปรากฎว่า เหรียญที่ได้มานั้นไม่เพียงพอในการฝากกระเป๋า ตอนนั้นเองเจอคุณลุงที่เป็นเจ้าหน้าที่มาเก็บเหรียญตรงตู้ล็อคเกอร์พอดี ก็เลยไปขอแลกกับเขา เขาก็ให้แลกได้อย่างง่ายดาย!!
คุณลุง!! ทำไมไม่มาเร็วกว่าเน๊!!!!!
เอาจริงๆ แล้วผมจะลากกระเป๋าไปตรงหน้าทางเข้าดิสนีย์ซี แล้วฝากก็ได้ แต่เนื่องจากผมไม่เคยมา ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร เจออันไหนที่สามารถฝากได้เลยก็ต้องเก็บตรงนั้นแหละครับ แต่สำหรับคนไหนที่จะลากกระเป๋าใหญ่มาด้วย ข้างล่างมีให้เก็บนะครับ แต่ตู้เก็บกระเป๋าใหญ่มีน้อย ก็ต้องมาเช้าๆ กันหน่อย (แต่ผมมาสายเอาตอน 10 โมงจะครึ่ง ก็ยังหาที่เก็บได้น่ะนะ)
สำหรับการไปยังดิสนีย์ซีนั้น จะต้องขึ้นรถรางที่ขึ้นไปแล้วจะมีหน้าตาคล้ายกับ BTS บ้านเรา นั่นเพราะว่าสวนสนุกนั้นใหญ่มากนั่นเอง โดยจะมีทั้งหมด 4 สถานี ผมคำนวณแล้ว ไป - กลับจากดิสนีย์ซีและกลับมายังสถานีรถไฟ ซื้อแบบ 1 Day Pass จะคุ้มกว่า (ถูกกว่านิดนึง) ก็เลยซื้อแบบ Pass ไปครับ
และก็มาถึงที่สวนสนุกแล้ว (รวมแล้วกว่าจะได้เข้าจริงๆ ก็คือ 10.45 น.) ซึ่งพอผมเล่าเรื่องให้เพื่อนผมที่เคยมาที่นี่ เขาก็บ่นใส่ผมใหญ่เลยว่า "ใครเขาให้มาดิสนีย์แลนด์กันตอนนี้! เขาให้มากันตอนเช้าๆ นู่นนนน!!"
ก็นะ เลยบอกไงครับว่า ทริปนี้มันบ้า!
สำหรับตั๋วดิสนีย์แลนด์นั้น ปกติจะขายราคา 7,400 เยน หรือประมาณ 2,200 บาท แต่พวกผมนั้นซื้อเอาจากโปรของ KLOOK ซึ่งจะต้องไปรับบัตรเอาตรงสถานีรถไฟ ตรงทางออกฝั่งเหนือ (เลยเป็นเหตุผลว่าทำไมผมถึงต้องลงจากรถบัสตรงหน้าสถานีรถไฟ) โดยผมได้ในราคา 1,951 บาท ถูกกว่าปกติ 250 บาทก็เอา!
ดิสนีย์ซีนั้นถือได้ว่าเป็นสวนสนุกของดิสนีย์เพียงแห่งเดียวในโลก ที่เป็นธีมแนว SEA หรือการทำให้เป็นบรรยากาศแบบ ทะเลเมอร์ติเตอเรเนียน โดยตรงที่เป็นทะเลอะไรนั้น ไม่ได้ใช้ทะเลจริงๆ หรอกครับ แต่คือเขาสร้างกำแพงขนาดใหญ่ล้อมรอบเอาไว้ แล้วใส่นํ้าเข้าไป ทำให้เหมือนเป็นสระนํ้าขนาดใหญ่เลย (คือลงทุนมาก เอาจริงๆ) และสวนสนุกฝั่งซีนั้นจะมีเครื่องเล่นที่เอาใจคู่รัก วัยรุ่น มากกว่าฝั่งโตเกียวดิสนีย์แลนด์ที่จะเน้นไปทางฝั่งเด็กๆ เจ้าหญิง มากกว่า ซึ่งเชื่อได้ว่า จากบรรทัดนี้ก็น่าจะเป็นคำตอบแล้วนะครับว่า สำหรับคนไหนที่จะไปเที่ยว ระหว่างโตเกียวดิสนีย์แลนด์ กับ โตเกียวดิสนีย์ซี ควรจะไปที่ไหนดี
สำหรับการเที่ยวดิสนีย์ซีของพวกผมนั้น บอกได้เลยว่าเป็นอะไรที่ "โคตรมั่ว" มาก เพราะเล่นไม่เปิดแผนที่กางเลย (คือไม่ได้ขอแผนที่อะไรมา) ผมก็ได้แต่เปิดดูแผนที่จากในมือถือ ซึ้งไฟล์แผนที่นั้นมีขนาดใหญ่มาก (เอาจริงๆ คือมีปรี้นใส่ A4 มานะครับ แต่ว่าอยู่ในกระเป๋าเป้ที่ผมเก็บไว้ในล็อคเกอร์แล้ว) อารมณ์เลยเหมือนเดิมสุ่มเอามั่วๆ ไปเลยว่า เจออันไหนก็ดูเอาซะงั้น -0-
แต่แน่นอนว่าผมศึกษามาแล้ว สิ่งที่ผมทำก็คือ พุ่งเป้าไปยังเครื่องเล่นที่ผมอยากเล่นก่อน (เพื่อนผมคนนี้ตามใจผมทุกอย่าง ผมเดินไปไหน เขาก็เดินตามไป โดยที่ไม่มีแบบ ขอไปเล่นอันไหนๆ เลย) โดยจะไปตรง FAST PASS หรือ การไปจองคิวล่วงหน้านั่นเอง โดยการเอาตั๋วเข้าสวนสนุกของเราเนี่ยแหละไปเสียบเพื่อขอจองคิวตามเวลาที่เขากำหนดไว้ หลังจากใช้ไปแล้ว ก็ต้องรอ 1 - 2 ชั่วโมง (แล้วแต่ว่าเครื่องเล่นที่เราไปจองคิวนั้นมีคนเล่นเยอะแค่ไหน) ถึงจะสามารถไปจองคิวกับเครื่องเล่นต่อไปได้
เที่ยวญี่ปุ่นฉบับไม่มีล่าม ทริป 5 วันเอาคุ้ม ตอนสอง - โตเกียวดิสนีย์ซี
(สามารถอ่านวีรกรรมของผมตอนไปปี 2017 ได้ที่นี่ฮะ - https://ppantip.com/topic/38496564)
ตอนแรก - https://ppantip.com/topic/38757510
อย่างที่ผมเกริ่นไปตอนแรกว่า ทริปนี้จากเดิมที่ควรจะเป็นทริปประหยัด ไปแบบถูกๆ แต่ไปๆ มาๆ ดันกลายเป็นทริปที่จะเอาให้คุ้มไปซะงั้น
ซึ่งมันจะเริ่มต้นจากไอ้วันแรกเนี่ยแหละครับ
โดยปกติแล้วสำหรับคนที่ไปเที่ยวนั้น มักจะเอาของไปเก็บโรงแรมกันวันแรก และก็อาจจะมีเที่ยวชิลๆ กันแถวๆ ที่พักถูกไหมครับ? แต่ของผมเปล่า เพราะลงจากเครื่องบิน พวกผมก็จะหาเรื่องไปเที่ยวกันแล้ว อารมณ์เหมือนพวกผมมาด้วยรถทัวร์อย่างไรอย่างนั้นเลย
ที่แรกที่จะไปนั่นก็คือ โตเกียวดิสนีย์ซีครับ
ผมไปโตเกียว 3 ครั้ง แต่ไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่ได้ไปสวนสนุกดิสนีย์แลนด์ ด้วยเหตุผลว่าผมไม่ได้ไปเที่ยวสวนสนุกมานานมาก (เกือบ 20 ปีได้) ก็นึกภาพไม่ออกว่าตัวเองที่อายุก็เริ่มเยอะแล้วจะไปสนุกได้ยังไง แต่ถามว่าเป็นแฟนดิสนีย์ไหม? ใช่ครับ ก็เป็นแฟนดิสนีย์ด้วย และอีกเรื่องที่ยังไม่กล้าไปนั่นก็คือ กลัวไปเองไม่ได้ เพราะตอนที่ผมไปครั้งแรก และไปงาน Tokyo Game Show (สถานที่จัดงานจะไปทางเดียวกันกับดิสนียแลนด์) ซึ่งปรากฎว่าเส้นทางที่ไปนั้นดูงง ผมเลยกลัวที่จะไปคนเดียว
(เหตุผลก็เพราะว่า ตอนนั้นพักกันในเส้น JR สีเขียว ไม่ได้อยู่ในเส้นหลัก)
แต่ด้วยการที่พวกผมอยู่กันที่สนามบิน มันจะมีรถบัสที่จะไปสวนสนุกดิสนีย์แลนด์ได้เลย แต่ปัญหาก็คือ เที่ยวรถบัสที่จะไปยังดิสนีย์แลนด์เที่ยวแรกสุดนั้นก็คือ 8.05 น. แต่เที่ยวบินของผมนั้นลงตอน 7.15 น. เรียกได้ว่าโคตรแข่งกับเวลา
ซึ่งสุดท้ายก็คือ... ไม่ทันครับ 5555
นั่นเพราะว่ากว่าจะออกจาก ตม. ก็เกือบ 8 โมงแล้ว และพวกผมต้องรีบทำเวลาลงไปซื้อ Tokyo Wide Pass หรือบัตรเบ่งกันก่อน ซึ่งโดยปกตินั้นผมจะไปซื้อตรง JR EAST TRAVEL SERVICE CENTER หรือตรงร้านสีแดง แต่ปรากฎว่าเขายังไม่เปิด ทีนี้ล่ะก็งงละว่า ตกลงจะซื้อได้ไม่ได้กันแน่ เลยเดินไปถามตรงเค้าเตอร์ประชาสัมพันธ์ เขาก็ชี้มาทางที่เค้าเตอร์สีฟ้า
เค้าเตอร์สีฟ้าก็ชี้ไปอีกฝั่ง ซึ่งก็คือ Ticket Office สามารถซื้อได้ที่นี่เลย ตอนนั้นผมได้ถามคุณลุงที่เป็นเจ้าหน้าที่ (ภาษาอังกฤษ) ว่า จะจองรถ Super View ของเมือง คาวาสุ ได้เลยไหม (เพราะเป็นแผนที่จะไปวันพรุ่งนี้) คุณลุงบอกว่า ต้องจองแบบวันต่อวัน
.... จริงดิ??
แต่ถ้าคุณลุงบอกมาแบบนี้ก็ช่วยไม่ได้ ก็เลยไม่ได้เอะใจอะไร ก็เลยรีบรับพาสแล้วเดินออกมา (เพราะคนต่อแถวเยอะ) แล้วก็เดินขึ้นไปซื้อตั๋วรถบัสไปดิสนีย์แลนด์ก่อน
สำหรับตั๋วรถบัสนั้น สามารถซื่อได้ตรง Airport Limousine ซึ่งตำแหน่งจะอยู่ด้านหน้าของที่ออกมจากศุลกากรเลยครับ (คือเดินออกมาจะเจอเลย) ตั๋วจะอยู่ที่ราคา 1,800 เยน (550 บาท) ราคาจะพอๆ กับนั่งรถ สกายไรเนอร์ เข้าไปยังเมืองโตเกียว แต่เนื่องจากผมเสียเวลาซื้อพาส และกว่าจะออกจาก ตม มาได้ ทำให้ไม่ทันรอบ 8.05 น. และจำเป็นต้องรอรอบเวลา 8.45 น. ไปครับ
เหตุผลว่าทำไมผมถึงไม่ไปซื้อพาสในอีกวัน นั่นเพราะว่ากลัวว่าจะไม่ทันเวลา และผมก็ไม่รู้ว่าจะใช้เวลาออกมาจากดิสนีย์แลนด์ตอนกี่โมง ก็เลยซื้อไว้ก่อนเพื่อเอาชัวร์ แต่สำหรับคนไหนที่มีแผนจะไปดิสนีย์แลนด์จากสนามบินเลย ถ้าออกมาจากศุลกากรได้ก่อน 8 โมง ให้รีบไปซื้อแล้วพุ่งออกไปได้เลยครับ
และนี่คือเหตุผลที่ผมช้า (และลืมกระเป๋าเป้ที่มาเลเซียตอนเปลี่ยนเครื่อง) คือกระเป๋ามันเยอะมากนั่นเอง lol
สำหรับการไปขึ้นรถบัสไปดิสนีย์แลนด์นั้น จะต้องไปรอรอบัสที่ 12 ครับ
อุณหภูมิตอนที่ผมไปถึงนั้นจะอยู่ที่ 9 องศา ซึ่งถ้าเป็นคนอื่นก็จะบอกว่าหนาวมาก เพื่อนผมยังทนไม่ไหว ถึงกับเปลี่ยนเสื้อกันหนาว เอาตัวที่หนากว่าเอามาใส่เลยทีเดียว แต่สิ่งที่ผมทำก็คือ... ถอดเสื้อกันหนาวครับ
ไม่ได้อวดดีอะไรนะครับ เพียงแต่ว่า มันร้อนมากกกกก ร้อนจนแบบว่าเหงื่อชุ่มเสื้อกันหนาวจนเปียกหมดเลย เหตุผลเพราะตรงด่าน ตม. นั้น คนเยอะมาก แล้วตรงนั้นมันร้อนมากนั้นเอง
อย่างที่บอกก็คือ ผมเป็นคนไม่ถูกกับอากาศร้อนเนี่ยแหละ เหงื่อผมเลยออกง่ายมาก
สำหรับรถที่จะไปยังดิสนีย์แลนด์นั้นก็จะเป็นรถบัส มีที่เก็บกระเป๋าให้ ดังนั้นคนที่ลากกระเป๋า (หรือมาแบบโอเว่อร์โอวังแบบผม) ก็สบายใจได้ เพราะคนขับรถจะช่วยเอากระเป๋าเก็บให้ในท้องรถด้วย (แหงล่ะ จ่ายไปตั้ง 550 บาท) ส่วนตัวเราก็เดินชิลๆ ขึ้นไปบนรถได้เลยครับ
ประสบการณ์การนั่งรถบัสครั้งแรกในญี่ปุ่น (ครั้งแรกจริงๆ นะ) ก็เป็นอะไรที่แปลกใหม่สำหรับผมเหมือนกัน เพราะเหมือนได้นั่งดูการจราจรและการขับรถของคนประเทศเกาะด้วย สิ่งที่ผมเห็นก็คือ คนขับรถใช้ความเร็วเฉลี่ยอยู่ที่ 100 ตลอดไม่เคยมีเกินไปถึง 110 เลย (มีเร่งความเร็วก็คือตอนแซงรถ) ผมก็สังเกตรถที่เขาขับกันบนถนนปกติที่อารมณ์ดูแล้วคล้ายๆ มอเตอร์เวย์บ้านเรา
ไม่มีพวกขับแช่ขวา ไม่มีพวกขับปาดไปปาดมา ตรงจุดก่อสร้างก็มีป้ายบอกให้ระวังอย่างชัดเจนและบอกในระยะทางแบบว่าบอกเนิ่นไกลเอามากๆ สำคัญคือ ไม่เจอคนขับรถบนไหล่ทางเลยแม้แต่คันเดียว แม้ว่าจะเจอรถติดเยอะก็ตาม
หลังจากนั่งรถมาชั่วโมงนึง รถก็มาจอดตรงหน้าสถานีรถไฟ ซึ่งสิ่งที่พวกผมต้องทำนั่นก็คือ หาตู้ล็อคเกอร์เก็บของซะ ซึ่งตอนนี้ผมไม่ยอมเสียเวลาไปอธิบายกับทีมงานญี่ปุ่นแบบภาษามือ เพราะผมใช้ Google แปลภาษาแล้วเอาให้เขาอ่านเลย แต่ทว่า หลังจากที่รู้ตำแหน่งของตู้ล็อคเกอร์แล้ว ผมเจอปัญหาอยู่สองอย่าง
อย่างแรกเลยคือ ตู้ล็อคเกอร์นั้น อยู่ชั้นล่างจากทางออกสถานีรถไฟ และไม่มีลิฟต์หรือบันไดเลื่อน (อันนี้ถือว่าแจ้งให้ทราบนะครับว่า ท่านจะต้องยกกระเป๋าขึ้น - ลงแน่นอน)
และอย่างที่สองก็คือ เนื่องจากพวกผมซื้อตั๋วรถบัสออกมาจากสนามบินแล้วมาเลย เลยไมได้เอาเงินซื้อของอะไรที่มีเงินทอนออกมาเป็นเหรียญเลย
พวกผมไม่มีเงินหยอดสำหรับตู้ล็อคเกอร์!! ตู้แลกเหรียญก็ไม่มี!!
ผมเลยฝากกระเป๋าไว้กับเพื่อน แล้วก็รีบขึ้นไปขอแลกเหรียญกับเจ้าหน้าที่สถานีรถไฟ ซึ่งไม่มีใครยอมให้แลกเหรียญ ในเมื่อสถานีรถไฟไม่ให้ความร่วมมือ ผมก็ต้องวิ่งไปหาร้านค้าต่างๆ เพื่อขอแลกเหรียญ
แต่ไม่มีร้านค้าไหนเลย ยอมให้ผมแลกเหรียญได้!!
ถามว่าอร่อยไหม.... อร่อยเพราะมันแพงครับ!! น้อยใจมากนะเนี่ย เงินทอนเขาก็มีเ ทำไมไม่ยอมแลกเหรียญให้เราเลย!!
แต่ปรากฎว่า เหรียญที่ได้มานั้นไม่เพียงพอในการฝากกระเป๋า ตอนนั้นเองเจอคุณลุงที่เป็นเจ้าหน้าที่มาเก็บเหรียญตรงตู้ล็อคเกอร์พอดี ก็เลยไปขอแลกกับเขา เขาก็ให้แลกได้อย่างง่ายดาย!!
คุณลุง!! ทำไมไม่มาเร็วกว่าเน๊!!!!!
เอาจริงๆ แล้วผมจะลากกระเป๋าไปตรงหน้าทางเข้าดิสนีย์ซี แล้วฝากก็ได้ แต่เนื่องจากผมไม่เคยมา ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร เจออันไหนที่สามารถฝากได้เลยก็ต้องเก็บตรงนั้นแหละครับ แต่สำหรับคนไหนที่จะลากกระเป๋าใหญ่มาด้วย ข้างล่างมีให้เก็บนะครับ แต่ตู้เก็บกระเป๋าใหญ่มีน้อย ก็ต้องมาเช้าๆ กันหน่อย (แต่ผมมาสายเอาตอน 10 โมงจะครึ่ง ก็ยังหาที่เก็บได้น่ะนะ)
สำหรับการไปยังดิสนีย์ซีนั้น จะต้องขึ้นรถรางที่ขึ้นไปแล้วจะมีหน้าตาคล้ายกับ BTS บ้านเรา นั่นเพราะว่าสวนสนุกนั้นใหญ่มากนั่นเอง โดยจะมีทั้งหมด 4 สถานี ผมคำนวณแล้ว ไป - กลับจากดิสนีย์ซีและกลับมายังสถานีรถไฟ ซื้อแบบ 1 Day Pass จะคุ้มกว่า (ถูกกว่านิดนึง) ก็เลยซื้อแบบ Pass ไปครับ
และก็มาถึงที่สวนสนุกแล้ว (รวมแล้วกว่าจะได้เข้าจริงๆ ก็คือ 10.45 น.) ซึ่งพอผมเล่าเรื่องให้เพื่อนผมที่เคยมาที่นี่ เขาก็บ่นใส่ผมใหญ่เลยว่า "ใครเขาให้มาดิสนีย์แลนด์กันตอนนี้! เขาให้มากันตอนเช้าๆ นู่นนนน!!"
ก็นะ เลยบอกไงครับว่า ทริปนี้มันบ้า!
สำหรับตั๋วดิสนีย์แลนด์นั้น ปกติจะขายราคา 7,400 เยน หรือประมาณ 2,200 บาท แต่พวกผมนั้นซื้อเอาจากโปรของ KLOOK ซึ่งจะต้องไปรับบัตรเอาตรงสถานีรถไฟ ตรงทางออกฝั่งเหนือ (เลยเป็นเหตุผลว่าทำไมผมถึงต้องลงจากรถบัสตรงหน้าสถานีรถไฟ) โดยผมได้ในราคา 1,951 บาท ถูกกว่าปกติ 250 บาทก็เอา!
ดิสนีย์ซีนั้นถือได้ว่าเป็นสวนสนุกของดิสนีย์เพียงแห่งเดียวในโลก ที่เป็นธีมแนว SEA หรือการทำให้เป็นบรรยากาศแบบ ทะเลเมอร์ติเตอเรเนียน โดยตรงที่เป็นทะเลอะไรนั้น ไม่ได้ใช้ทะเลจริงๆ หรอกครับ แต่คือเขาสร้างกำแพงขนาดใหญ่ล้อมรอบเอาไว้ แล้วใส่นํ้าเข้าไป ทำให้เหมือนเป็นสระนํ้าขนาดใหญ่เลย (คือลงทุนมาก เอาจริงๆ) และสวนสนุกฝั่งซีนั้นจะมีเครื่องเล่นที่เอาใจคู่รัก วัยรุ่น มากกว่าฝั่งโตเกียวดิสนีย์แลนด์ที่จะเน้นไปทางฝั่งเด็กๆ เจ้าหญิง มากกว่า ซึ่งเชื่อได้ว่า จากบรรทัดนี้ก็น่าจะเป็นคำตอบแล้วนะครับว่า สำหรับคนไหนที่จะไปเที่ยว ระหว่างโตเกียวดิสนีย์แลนด์ กับ โตเกียวดิสนีย์ซี ควรจะไปที่ไหนดี
สำหรับการเที่ยวดิสนีย์ซีของพวกผมนั้น บอกได้เลยว่าเป็นอะไรที่ "โคตรมั่ว" มาก เพราะเล่นไม่เปิดแผนที่กางเลย (คือไม่ได้ขอแผนที่อะไรมา) ผมก็ได้แต่เปิดดูแผนที่จากในมือถือ ซึ้งไฟล์แผนที่นั้นมีขนาดใหญ่มาก (เอาจริงๆ คือมีปรี้นใส่ A4 มานะครับ แต่ว่าอยู่ในกระเป๋าเป้ที่ผมเก็บไว้ในล็อคเกอร์แล้ว) อารมณ์เลยเหมือนเดิมสุ่มเอามั่วๆ ไปเลยว่า เจออันไหนก็ดูเอาซะงั้น -0-
แต่แน่นอนว่าผมศึกษามาแล้ว สิ่งที่ผมทำก็คือ พุ่งเป้าไปยังเครื่องเล่นที่ผมอยากเล่นก่อน (เพื่อนผมคนนี้ตามใจผมทุกอย่าง ผมเดินไปไหน เขาก็เดินตามไป โดยที่ไม่มีแบบ ขอไปเล่นอันไหนๆ เลย) โดยจะไปตรง FAST PASS หรือ การไปจองคิวล่วงหน้านั่นเอง โดยการเอาตั๋วเข้าสวนสนุกของเราเนี่ยแหละไปเสียบเพื่อขอจองคิวตามเวลาที่เขากำหนดไว้ หลังจากใช้ไปแล้ว ก็ต้องรอ 1 - 2 ชั่วโมง (แล้วแต่ว่าเครื่องเล่นที่เราไปจองคิวนั้นมีคนเล่นเยอะแค่ไหน) ถึงจะสามารถไปจองคิวกับเครื่องเล่นต่อไปได้