รอด หรือ ไม่รอดครับ

กระทู้คำถาม
ฐานโซไซตี : 3 คดีอาญา- 2 คดีเลือกตั้ง “ธนาธร” ลุ้นคุกสูงสุด 34 ปี


กลายเป็น “สายล่อฟ้า” ที่สปอตไลต์ฉายเข้าหาตัวยามนี้ สำหรับ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เพราะด้วยอุดมการณ์ ทัศนคติ และนโยบายพรรค ดันไปกระแทกเข้ากับทหารและกองทัพอย่างแรง ก็ยังไม่รู้ว่าจะเอาตัวรอดไปได้หรือเปล่า จากคดีความต่างๆ ที่เกิดขึ้นอยู่ในเวลานี้ เพราะเท่าที่ไล่เลียงดูมีทั้งที่เป็นคดี “อาญา” มีโทษติดคุก และคดีเกี่ยวกับการเลือกตั้งที่มีโทษเพิกถอนสิทธิทางการเมือง 

ไล่เลียงไปตั้งแต่

1.คดีเป็นภัยต่อความมั่นคง ร่วมกันทำให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักรหรือเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.116 มีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี จากกรณีช่วยเหลือ นายรังสิมันต์ โรม กับพวกรวม 7 คน ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลทหารกรุงเทพ หลบหนีคดีศาลทหาร      

2.คดีช่วยเหลือผู้อื่นซึ่งต้องหาว่ากระทำ ความผิด เพื่อไม่ให้ถูกจับกุม ตามประมวลกฎหมาย ม.189 มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

3. กรณีเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2561 ธนาธร กับพวก ร่วมกันจัดรายการ “คืนวันศุกร์ให้ประชาชน” ผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ ในเพจอนาคตใหม่-The Future We Want และเพจ Thanathorn Juangroongruangkit วิจารณ์กระแสข่าวกรณีพลังดูดของ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ทำให้ คสช.ต้องส่งคนแจ้งความดำเนินคดีตามความผิดพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี              

ไปดูกันต่ออีก 2 คดี ซึ่งเป็นความผิดเกี่ยวกับ “การเลือกตั้ง”

คดีแรกเป็นกรณี ศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญ ได้ยื่นคำร้องต่อ กกต. เมื่อวันที่ 25 มีนาคม ให้ตรวจสอบ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ขาดคุณสมบัติในการลงสมัครส.ส.หรือไม่ จากการครอบครองหุ้นธุรกิจสื่อใน บริษัทวี-ลัค มีเดีย จำกัด ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบของ กกต. คดีนี้เป็นความผิดตาม ม.98(3) ของรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยข้อห้ามการถือครองหุ้นในกิจการสื่อ และเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.เลือกตั้ง ส.ส. ต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่ 1-10 ปี ปรับ 20,000-200,000 บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเป็นเวลา 20 ปี

ขณะเดียวกัน กกต.ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่ ศรีสุวรรณ เจ้าเก่า ร้องให้ตรวจสอบ ฐานกระทำการเข้าข่ายเป็นการหลอกลวงให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยม จากกรณีอ้างว่าเป็นนักการเมืองคนแรกที่ใช้แนวทาง Blind trust คือโอนทรัพย์สินมูลค่า 5,000 ล้านบาท ไปให้ trust หรือ กองทุน เป็นผู้ดูแล กรณีนี้เป็นความผิด ตาม ม. 73 (5) ของ พ.ร.บ.เลือกตั้งส.ส. 2561 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000-200,000 หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง เป็นเวลา 20 ปี ...เจอเข้าไป “3 คดีอาญา-2 คดีเลือกตั้ง” มีโทษทั้งจำคุก ปรับ เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง หาก “รอด” ไปได้ทุกคดี ก็ถือว่า “เก่ง” มาก ว่าแต่ว่าจะ “รอด” ทั้งหมดหรือเปล่าแหละ


CR.http://www.thansettakij.com/content/398933
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 8
ผมว่าเจ้าตัวเอง ก็รู้ว่าคงจะมีคดีเป็นหางว่าวตามมา
เเต่ถ้ายื้อไปให้ถึงตอนเปิดสภา ก็ได้เอกสิทธิ์คุ้มครองเเล้ว

เดาว่าจุดประสงค์จริงๆ
ที่ยอมออกมาเป็นสายล่อฟ้าในช่วงนี้ คือต้องการจุดกระเเสใหม่ครับ

เพราะการหว่านเมล็ดพันธุ์ ความเกลียดชัง
การเเบ่งข้าง ผดก ปชต สำเร็จเเล้วในคนรุ่นใหม่
ที่เหลือ คือจุดกระเเสใหม่ครับ
เพื่อให้คนรุ่นใหม่ เห็นว่า อำนาจรัฐกำลังกลายเป็น อำนาจมืด อย่างที่เขาเรียกจริงๆ

เเละติ่งส้มหวานเองก็มักไม่ค่อยใคร่ครวญพิจารณา ให้ถี่ถ้วน
ว่าคดีนั้นผิดจริงหรือไม่ มีมูล มีสาเหตมาก่อนหรือเปล่า

เเต่พร้อมจะเชื่อทันที  ว่าอำนาจรัฐ คืออำนาจมืด
ตามไกด์ไลน์ความคิด ที่ถูกสร้างไว้ก่อนเเล้ว  

เเละหากหน่วยงานรัฐไม่ดำเนินการ ทั้งๆที่มีคนยื่นร้องเรียน
หน่วยงานรัฐก็จะเข้าข่าย ละเว้นการปฎิบัติหน้าที่

เเต่พอดำเนินเรื่องตามที่มีผู้ร้อง ก็จะเข้าทางเขา ว่าเห็นมั้ยหละ
รัฐกำลังใช้อำนาจมืดเล่นงาน พ่อน้องส้ม อย่างที่บอกไว้จริงๆ
จบข่าว


อมยิ้ม04
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่